เมื่อไปถึงที่ดินดังกล่าวก็เป็นอย่างที่พีรายุคาดไว้ พื้นที่แถบนี้เป็นบริเวณที่พัฒนาต่อได้ยากเพราะเป็นแถบสวนและไร่ของชาวบ้าน รวมถึงเป็นเขตที่นิยมค้าขายของเก่ากันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน มีร้านค้าของเก่าอยู่ถึงสิบกว่าร้านบริเวณนี้ คงจะหานักธุรกิจเข้ามาพัฒนาที่ดินแถบนี้ให้เจริญได้ยาก
แต่ถึงกระนั้น พีรายุก็ตกลงที่จะซื้อไว้เพราะจินดาราอยากได้นักหนา โดยจะนัดโอนกันในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
“จิ๊ดริดของเก่า” พีรายุพึมพำออกมาอย่างต้องมนต์สะกด
“ชื่อแปลกจัง ดูตล๊กตลก ว่าไหมคะพี” จินดาราเบะปากให้กับร้านรับซื้อของเก่าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างทางระหว่างนั่งรถกลับจากดูที่ดิน
พีรายุยังคงนิ่งเงียบ เขามองดูป้ายร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเหม่อลอย
“วรรณ” ชายหนุ่มพึมพำออกมาเสียงเบา
“คุณว่าอะไรนะคะ” จินดาราเอียงหน้ามาถาม
“วรรณ!” พีรายุตะโกนเสียงดังลั่นรถก่อนหักพวงมาลัยรถเข้าข้างทางอย่างกะทันหัน และพยายามเปิดประตูรถเพื่อจะเดินข้ามไปอีกฝั่งให้ได้
“คุณจะทำอะไรคะ!” จินดาราพยายามยื้อแขนชายหนุ่มเอาไว้ไม่ให้เขาเปิดประตูออกไปได้ ขณะที่สีหน้าของเธอเผยถึงความตระหนกสุดขีด
“ปล่อย! เธอขึ้นมานั่งรถฉันได้ยังไง ปล่อยเดี๋ยวนี้” พีรายุสะบัดแขนอย่างแรงจนหลุดจากการเกาะกุม
จินดาราหันรีหันขวาง จนมาเจอท่อนไม้ยาวขนาดศอกที่พกติดรถไว้เสมอ เธอรีบหยิบมันขึ้นมาและฟาดไปตรงท้ายทอยของพีรายุอย่างแรงตามที่อิทธิไกรเคยสอนไว้
พีรายุหมดสติในทันที
จินดารารีบเปิดประตูลงจากรถเนื้อตัวสั่น หญิงสาวก้มลงมองพีรายุที่หมดสติตรงเบาะคนขับอีกครั้งอย่างวิตกก่อนออกแรงลากเขาให้มานั่งที่ฝั่งผู้โดยสารอย่างทุลักทุเล หลังจากนั้นก็เดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับและเปิดประตูขึ้นไปนั่ง
เมื่อขึ้นไปนั่ง เธอรีบหยิบขวดยาขนาดเล็กที่พกติดกระเป๋าออกมาแล้วใช้ไซริงค์ดูดยาขึ้นมาครึ่งหลอดก่อนฉีดเข้าปากพีรายุไปอย่างช้า ๆ เมื่อดูจนแน่ใจแล้วว่ายาลงคอเขาไปเรียบร้อย เธอจึงขับรถออกจากบริเวณนั้นไปอย่างอกสั่นขวัญแขวน
“จิน ผมเป็นอะไรไป ทำไมปวดคอ ปวดตัวไปหมด” พีรายุที่ลืมตาตื่นขึ้นมาในอีกสองชั่วโมงให้หลังได้ถามภรรยาด้วยเสียงอ่อนระโหย
จินดาราถอนหายใจพรูอย่างโล่งใจ “คุณหมดสติในรถค่ะ ตอนจินพาคุณขึ้นบ้านคงเผลอไปกระแทกอะไรเข้า ไปหาหมอดีไหมคะ”
“ไม่เป็นไร แค่ปวดหนึบ ๆ เท่านั้น” เขาคว้ามือของจินดารามากุมไว้ “ลำบากคุณแย่เลย ขอบคุณนะจ๊ะที่ดูแลผมอย่างดี”
“คุณเป็นสามีจินนี่คะ คุณนอนพักสักงีบเถอะ จินจะให้เด็กต้มข้าวต้มเอาไว้ แล้วตอนขากลับจินจะซื้อเป็ดย่างร้านโปรดมาให้ด้วยดีไหม”
เขายื้อมือเธอเอาไว้ “คุณจะไปไหน ไม่เอา อยู่กับผมที่บ้านเถอะ”
“มีงานค้างที่บริษัทต้องจัดการอีกนิดหน่อยค่ะ อย่างอแง นอนดี ๆ จะได้หายไว ๆ อย่าทำให้จินกังวลสิคะ”
“ตกลงจ้ะ รีบไปรีบกลับนะ ผมคิดถึง”
จินดารารับคำและจุมพิตที่ริมฝีปากเขาหนึ่งครั้งก่อนเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าและแววตาเย็นเยียบ
จินดาราเหยียบคันเร่งจนแทบจะมิดไมล์ จุดหมายของเธอก็คือบ้านกลางเก่ากลางใหม่นอกเมืองหลังนั้น
และอิทธิไกรมายืนรอเธออยู่หน้าบ้านเหมือนทุกครั้งเช่นกัน
“ทำไมยาพรางเสน่ห์ถึงหมดฤทธิ์ไวขึ้น ทั้งที่มันควรจะมีฤทธิ์สี่สิบแปดชั่วโมง คุณลดคุณภาพของยาใช่ไหม ทำให้พีพร่ำเพ้อถึงเมียเก่าได้อีก” หญิงสาวโวยวายเสียงดังเมื่อเข้ามาอยู่ในที่รโหฐานกันสองคน
อิทธิไกรนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจ “บางทีเขาอาจรักเมียเก่ามากกว่าที่เราคิด จิตใต้สำนึกถึงต้านฤทธิ์ยาออกมา”
“นี่คุณหมายความว่าพีมีใจให้กับนังวรรณมากกว่าฉันงั้นหรือ”
“คุณก็น่าจะรู้ตัวดีนี่”
จินดาราปัดแจกันดอกไม้บนแท่นไหว้เทวรูปจนตกแตกกระจาย
“จะว่าไปก็เหลือเชื่อนะที่คนหายหน้าไปนานหลายปีแบบผู้หญิงคนนั้นยังเอาชนะผู้หญิงที่นอนแบท่าเสนอตัวบนเตียงอยู่ทุกวันได้” อิทธิไกรว่าประชด
จินดารากำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ คนแบบเธอจะไม่ยอมให้ลูกสาวของฆาตกรแบบวรรณารีเอาชนะได้เป็นอันขาด
“ต้องทำยังไงถึงจะทำให้พีอยู่ใต้อำนาจฉันนานเหมือนเดิม”
“คงต้องใช้ยาเพิ่มเป็นสองเท่า แต่คุณก็รู้ใช่ไหมว่าต้องแลกกับอะไรเพื่อให้ได้ยาเพิ่มจากผม” อิทธิไกรแสยะยิ้มมุมปาก
จินดารากัดริมฝีปากตัวเองจนแน่น เธอเซ็นเช็คให้มือไม้สั่น หลังจากนั้นก็จำใจเดินตามอิทธิไกรเข้าห้องนอนไป และในอีกสองชั่วโมงให้หลัง จินดาราได้ขับรถออกจากบ้านอิทธิไกรด้วยสภาพเสื้อผ้ายับย่นเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา ประกายตาเธอเผยถึงแววเกลียดชังและรังเกียจจนถึงที่สุด
แต่อย่างไรก็ต้องทน เด็กที่กำพร้าพ่อแบบเธอต้องทนให้ได้เพื่อชีวิตที่ดีของตัวเอง
พ่อของจินดาราเป็นคนสนิทของพ่อวรรณารี แต่ต้องมาตายเพราะพ่อของวรรณารีขับรถชนตอนเมา
เพราะอยู่กับพ่อเพียงลำพังมาตั้งแต่เด็ก พ่อของวรรณารีจึงตัดสินใจรับจินดารามาเลี้ยงดูเหมือนลูก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจลบความแค้นในใจจินดาราได้ เธอต้องการแก้แค้นครอบครัวนี้ให้สาสมกับความเจ็บปวดในใจที่เธอได้รับ
น่าเสียดายที่พ่อของวรรณารีชิงหัวใจวายตายไปเสียก่อน วรรณารีจึงเป็นเป้าหมายของเธอแทน แต่ผู้หญิงคนนั้นโชคดีมาตั้งแต่เกิด แม้จะเสียพ่อไปแต่เธอก็มีคู่หมั้นหนุ่มหล่อมาคอยโอบอุ้มต่อ
พีรายุ ผู้ชายที่เธอประทับใจตั้งแต่แรกพบ
เธอมั่นใจว่าสวยกว่าวรรณารี แล้วยังเก่งกว่าทุกด้านทั้งการเรียนรวมถึงความเป็นแม่บ้านแม่เรือน แต่พีรายุก็ไม่เคยเหลียวแลเธอเลยสักครั้ง เขาจะรับรู้ไหมว่าเธอทรมานใจแค่ไหนในวันเข้าหอของทั้งคู่
แล้วโชคก็เข้าข้างจินดารา เธอมีโอกาสได้เจออิทธิไกร เพื่อนเก่าสมัยมัธยมซึ่งผันตัวไปเป็นหมอแก้กรรมชื่อเสียงโด่งดัง รับสะเดาะเคราะห์ให้กับผู้ที่สนใจ
อิทธิไกรเสนอตัวช่วยเหลือโดยจะมอบยาพรางเสน่ห์ให้ แต่ต้องแลกกับสิ่งตอบแทนที่น่ารังเกียจ ซึ่งจินดาราก็ไม่คิดปฏิเสธ เพื่อให้ได้สิ่งที่เธอปรารถนา ไม่ว่าอะไรเธอยอมทั้งนั้น
เมื่อไปถึงที่ดินดังกล่าวก็เป็นอย่างที่พีรายุคาดไว้ พื้นที่แถบนี้เป็นบริเวณที่พัฒนาต่อได้ยากเพราะเป็นแถบสวนและไร่ของชาวบ้าน รวมถึงเป็นเขตที่นิยมค้าขายของเก่ากันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน มีร้านค้าของเก่าอยู่ถึงสิบกว่าร้านบริเวณนี้ คงจะหานักธุรกิจเข้ามาพัฒนาที่ดินแถบนี้ให้เจริญได้ยากแต่ถึงกระนั้น พีรายุก็ตกลงที่จะซื้อไว้เพราะจินดาราอยากได้นักหนา โดยจะนัดโอนกันในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า“จิ๊ดริดของเก่า” พีรายุพึมพำออกมาอย่างต้องมนต์สะกด“ชื่อแปลกจัง ดูตล๊กตลก ว่าไหมคะพี” จินดาราเบะปากให้กับร้านรับซื้อของเก่าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างทางระหว่างนั่งรถกลับจากดูที่ดินพีรายุยังคงนิ่งเงียบ เขามองดูป้ายร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเหม่อลอย“วรรณ” ชายหนุ่มพึมพำออกมาเสียงเบา“คุณว่าอะไรนะคะ” จินดาราเอียงหน้ามาถาม“วรรณ!” พีรายุตะโกนเสียงดังลั่นรถก่อนหักพวงมาลัยรถเข้าข้างทางอย่างกะทันหัน และพยายามเปิดประตูรถเพื่อจะเดินข้ามไปอีกฝั่งให้ได้“คุณจะทำอะไรคะ!” จินดาราพยายามยื้อแขนชายหนุ่มเอาไว้ไม่ให้เขาเปิดประตูออกไปได้ ขณะที่สีหน้าของเธอเผยถ
ที่อาคารสำนักงานของบริษัทเทพสถิต บริษัทจัดหาวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ซึ่งเป็นอาคารสูงสิบชั้น มีพนักงานกว่าสามร้อยคน แต่ส่วนมากกลับทำงานด้วยสีหน้าเรียบเฉย แววตาแทบจะหาความสุขไม่ได้ แม้บริษัทนี้จะดูก้าวหน้ายิ่งกว่ารุ่นพ่อของเจ้าของบริษัท รวมถึงสวัสดิการและเงินเดือนที่สูงกว่าที่ทำงานอื่นก็ตาม“นี่เธอ คุณจินดาราอยากกินเค้กมะพร้าวของร้านมิวกี้ เธอไปซื้อมาหน่อย” ชยากร ผู้ช่วยฝ่ายจัดซื้อของบริษัทเดินมาเคาะนิ้วที่โต๊ะประชาสัมพันธ์และสั่งพนักงานประชาสัมพันธ์ที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าบริษัทเสียงแข็ง“แม่บ้านก็มี ไปให้พวกเธอซื้อสิคะ” ชไมพร หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“พวกแม่บ้านทั้งเล็บทั้งมือดำปี๋ จะให้ไปหยิบของกินของคุณจินได้ยังไง พวกเธอนั่นแหละออกไป ร้านอยู่เลยจากนี่แค่สองป้ายรถเมล์เอง ไม่ทันเหนื่อยหรอก”“มันไม่ใช่หน้าที่ของพวกเรานะคะ เรายังมีงานที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จก่อนเลิกงาน” ชไมพรยังคงเสียงแข็งชยากรหรี่ตามองเธอ “เธอก็รู้ใช่ไหมว่าคุณจินดาราเป็นใคร แล้วคุณพีรายุรักเธอมากแค่ไหน พวกเธออยากถูกไล่ออกจากงานก่อนสี่โมงเย็น
หลังจากที่กล่อมที่รักให้นอนหลับไปแล้ว ทั้งคู่ได้พากันไปนั่งหารือเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เพิ่งได้มาใหม่“ป้าคะ มันไม่เป็นไรจริง ๆ หรือที่จะไม่ติดต่อบอกเจ้าของที่ดินคนเดิมว่าเราเจอของมีค่าแบบนี้”สายส่ายหน้าพร้อมค้อนขวับให้หนึ่งที “เธอนี่กังวลอะไรไม่เข้าท่า”“ป้าเชื่อว่าเจ้าของเดิมคงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน หรือแม้แต่พ่อของเขาซึ่งเป็นเจ้าของคนก่อนก็ไม่น่าจะรู้ ถ้ารู้คงบอกลูกเขาไปนานแล้วว่ามีสมบัติซ่อนอยู่ข้างใน ป้าซื้อที่ดินนี้มายี่สิบปีก็ไม่เห็นมีใครมาตามหาตู้นี้สักคน ป้าถือว่านี่เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมที่เราควรจะได้”เมื่อเห็นท่าทีที่ยังสับสนของวรรณารี สายก็ยิ้ม ๆ และพูดต่อ “ป้าจะบอกอะไรให้นะวรรณ วิธีที่เราจะอยู่ในสังคมนี้อย่างมีความสุข นอกจากไม่ไปรังแกใครแล้ว ต้องไม่เป็นคนดีจนเกินงามด้วย อะไรที่เป็นสิทธิ์และโอกาสของเรา เราก็ควรฉกฉวยเอาไว้ ไม่อย่างนั้นอาจต้องมานั่งเสียดายเหมือนชีวิตของป้า” สายนิ่งไปสักระยะแล้วจึงพูดต่อ “แต่อะไรที่ไม่ใช่ของเราก็ควรปล่อยมือไป อย่าพยายามยื้อให้เหนื่อย”“อีกอย่าง โชคครั้งนี้ถ้าจิ๊ดริดไม่เป็นคนบอก เราทั้งคู่ก็ไม
หลังจากวรรณารีง้างฝากล่องลึกลับนี้ขึ้นมา หญิงสาวก็เบิกตากว้างกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า หัวใจเต้นแรงราวกับจะกระโดดออกมานอกร่าง มือและเท้าเย็นเฉียบเหมือนกับไปแช่น้ำแข็งมานานนับชั่วโมงตอนนี้แสงประกายสีทองจากสิ่งของภายในกล่องได้ทำให้ดวงตาเธอพร่ามัวจนต้องกะพริบถี่ ๆ เพื่อหวังจะเห็นภาพตรงหน้าให้ชัดขึ้นทองแท่งจำนวนมากวางเรียงกันในกล่องแบบเต็มพื้นที่!หญิงสาวใช้มืออันสั่นระริกลากผ่านทองแท่งเหล่านั้นอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่านี่จะเป็นเพียงความฝัน หากเธอสัมผัสแรงไปกลัวว่าจะต้องตื่นจากความฝันอันแสนดีนี้เสียก่อนวรรณารีเหลียวมองไปรอบตัวอย่างระแวดระวังก่อนจะรีบปิดฝากล่องลงตามเดิมและกดปุ่มกลม ๆ เล็ก ๆ นี้อีกครั้ง ฝากล่องได้เลื่อนเข้าหากันจนปิดสนิทกลายสภาพเป็นชั้นหนังสือธรรมดาทั่วไปอีกครั้งเมื่อเห็นว่ากล่องปิดสนิทดีแล้วเธอก็รีบเข้าไปในตัวบ้านและวิ่งตรงไปยังห้องนอนของสายทันทีหลังจากนั้นไม่นาน วรรณารีก็เดินนำออกมาหน้าตาตื่น ตามด้วยสายที่มีสีหน้าแบบเดียวกัน และปิดท้ายด้วยเด็กน้อยร่างอ้วนที่วิ่งตามมาห่าง ๆ ด้วยขาอันสั้นของเธอ
วรรณารีและสายรอจนกระแต พี่เลี้ยงของที่รักกลับไปพักผ่อนยังบ้านพักคนงานที่สร้างไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสามคนจึงพากันมายืนเมียง ๆ มอง ๆ รอบตู้ไม้อย่างสนอกสนใจแต่ไม่ว่าจะมองมุมไหนตู้ไม้ก็คือตู้ไม้ ไม่เห็นมีอะไรพิเศษตรงจุดไหน เป็นเพียงตู้ไม้ที่มีชั้นสำหรับวางหนังสือทั้งสามชั้นหนากว่าตู้ปกติทั่วไปเท่านั้น คาดว่าที่ทำให้หนาก็เพื่อรองรับหนังสือซึ่งมีน้ำหนักมากนั่นเอง“ตู้ใบนี้ดีจริงหรือลูก” วรรณารีอดถามออกมาไม่ได้ที่รักพยักหน้าแรง ๆ ติดกันหลายทีจนไขมันตรงแก้มกลม ๆ สั่นกระเพื่อมไปมา มือวรรณารีคันยุบยิบอยากจะบีบแก้มนุ่ม ๆ นั้นใจแทบขาดแต่ก็ต้องยั้งใจเอาไว้วรรณารีและสายพากันเดินวนดูอีกสองรอบก็เหมือนจะไร้ผล“ป้าว่าเรื่องดีที่จิ๊ดริดบอกอาจจะไม่เกิดขึ้นทันทีก็ได้ กลับเข้าบ้านกันดีกว่ายุงเริ่มชุมแล้ว”วรรณารีพยักหน้าเห็นด้วย เธอให้สายพาที่รักเข้าไปก่อน ส่วนตัวเองจะขอทำความสะอาดคราบฝุ่นให้หมดเพราะรู้สึกไม่สบายใจกลัวจะมีแมลงมีพิษหลงเหลืออยู่จนทำอันตรายต่อคนในบ้านได้ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็เช็ดทำความสะอาดภายนอกจนเอี่ยมอ่อง แล้วความสวยง
สำหรับที่ดินที่ได้มาใหม่สด ๆ ร้อน ๆ วรรณารีตั้งใจจะทำเช่นเดิมคือนำที่ดินไปจำนองกับทางธนาคารเพื่อเอาเงินก้อนมาลงทุน แต่ไม่ทันได้ไปติดต่อธนาคารก็มีเรื่องมหัศจรรย์พันลึกเกิดขึ้นในชีวิตวรรณารีเสียก่อน“ป้าโทรหาบริษัทปรับปรุงสวนทำไมคะ” เมื่อได้ยินสายโทรคุยกับบริษัทปรับปรุงสวน วรรณารีจึงถามด้วยความแปลกใจเพราะตามปกติสายเป็นคนเก็บตัวไม่ชอบติดต่อหรือพบใครง่าย ๆ“ฉันก็อยากปรับปรุงที่ดินอีกสี่ไร่ของฉันบ้างสิ ฉันจะปรับปรุงให้เป็นที่วิ่งเล่นของจิ๊ดริด”“ป้าคะ อย่าเปลืองเงินเลยค่ะ” วรรณารีบอกด้วยสีหน้าเป็นทุกข์“ก็นี่มันเงินฉัน ที่ดินฉัน เธอจะมาห้ามอะไร” สายมองตาขวาง“แต่วรรณเกรงใจ”“แล้วมาขัดขวางความสุขของฉันแบบนี้ไม่คิดจะเกรงใจบ้างหรือไง?”“ป้าคะ...” วรรณารีเอ่ยเสียงอ่อยสายถอนหายใจยาว “คิดเสียว่าเห็นแก่ความสุขของคนที่เพิ่งเคยมีครอบครัวและเคยมีหลานแบบฉันเถอะนะแม่วรรณ อย่าห้ามอะไรฉันเลย เงินทองฉันมันท่วมบัญชีไปหมดแล้ว สวรรค์เลยเมตตาให้ฉันได้ใช้ก่อนตาย”“ป้ายังไม่แก่เลยนะคะ”“แต่กำลังจะแก่มากขึ้นถ้าเจอคนขัดคอบ่