ที่อาคารสำนักงานของบริษัทเทพสถิต บริษัทจัดหาวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ซึ่งเป็นอาคารสูงสิบชั้น มีพนักงานกว่าสามร้อยคน แต่ส่วนมากกลับทำงานด้วยสีหน้าเรียบเฉย แววตาแทบจะหาความสุขไม่ได้ แม้บริษัทนี้จะดูก้าวหน้ายิ่งกว่ารุ่นพ่อของเจ้าของบริษัท รวมถึงสวัสดิการและเงินเดือนที่สูงกว่าที่ทำงานอื่นก็ตาม
“นี่เธอ คุณจินดาราอยากกินเค้กมะพร้าวของร้านมิวกี้ เธอไปซื้อมาหน่อย” ชยากร ผู้ช่วยฝ่ายจัดซื้อของบริษัทเดินมาเคาะนิ้วที่โต๊ะประชาสัมพันธ์และสั่งพนักงานประชาสัมพันธ์ที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าบริษัทเสียงแข็ง
“แม่บ้านก็มี ไปให้พวกเธอซื้อสิคะ” ชไมพร หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“พวกแม่บ้านทั้งเล็บทั้งมือดำปี๋ จะให้ไปหยิบของกินของคุณจินได้ยังไง พวกเธอนั่นแหละออกไป ร้านอยู่เลยจากนี่แค่สองป้ายรถเมล์เอง ไม่ทันเหนื่อยหรอก”
“มันไม่ใช่หน้าที่ของพวกเรานะคะ เรายังมีงานที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จก่อนเลิกงาน” ชไมพรยังคงเสียงแข็ง
ชยากรหรี่ตามองเธอ “เธอก็รู้ใช่ไหมว่าคุณจินดาราเป็นใคร แล้วคุณพีรายุรักเธอมากแค่ไหน พวกเธออยากถูกไล่ออกจากงานก่อนสี่โมงเย็นวันนี้หรือไง”
ชไมพรและพนักงานในแผนกต่างเหลียวมองกันอย่างอึดอัดใจ
ชยากรใช้นิ้วชี้พนักงานประชาสัมพันธ์เป็นรายคน “รีบไปซื้อเดี๋ยวนี้ แล้วกลับมาภายในครึ่งชั่วโมง ถ้าคุณจินไม่ได้กินก่อนเที่ยง พวกเธอ เธอ เธอ และเธอเตรียมเฉดหัวออกจากบริษัทนี้ได้เลย” พูดจบก็เดินจากไปอย่างลำพองใจ
“บ้าเอ๊ย” ชไมพรที่พูดเพราะอยู่เป็นนิจถึงกับสบถออกมา
“น่าเบื่อมากนะพี่” นิศากรบ่น “สมัยพ่อคุณพีรายุไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน แต่ตอนนี้มันเป็นยังไงถึงปล่อยให้เมียมาจุ้นจ้าน คอยดูเถอะ บริษัทนี้ต้องล่มจมเพราะผู้หญิงคนนี้สักวัน”
“เบา ๆ” ชไมพรหันมาปราม “ถ้ายังหางานอื่นไม่ได้ก็ทน ๆ ไปก่อน ตกงานไปครอบครัวพวกเธอจะลำบาก ทุกคนทำงานต่อไปเถอะ ฉันจะไปซื้อเอง” ชไมพรแสดงสปิริตรับหน้าออกไปซื้อแทนบรรดาลูกน้องในปกครอง
ช่วงสองปีที่ผ่านมา แม้บริษัทจะดูหอมหวานแค่ไหนในสายตาคนภายนอก แต่สำหรับคนภายในไม่ใช่แบบนั้น สาเหตุก็เพราะจินดารา ภรรยาของพีรายุ
จินดาราชอบเข้ามายุ่มย่ามในบริษัทจนระบบงานไร้ระเบียบ เรียกได้ว่าเข้าไปสร้างความวุ่นวายในทุกแผนก ทั้งดันคนของตัวเองเป็นใหญ่ ทั้งใช้งานพนักงานให้ไปทำเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่ และส่วนมากจะเป็นเรื่องส่วนตัวของจินดาราเอง ทั้งให้ไปซื้อของ ไปทำธุระที่ธนาคาร หรือแม้แต่ใช้ให้ขับรถไปส่งตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งตัวพีรายุเองก็ไม่มีทีท่าห้าม มิหนำซ้ำยังสนับสนุนให้ทำเสียด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีพนักงานลาออกจากบริษัทอยู่ทุกเดือน ส่วนมากจะเป็นคนเก่าคนแก่ที่เคยอยู่มาตั้งแต่สมัยพ่อของพีรายุ ที่เหลือในบริษัทตอนนี้นอกจากพรรคพวกที่จินดาราดึงมาแล้ว ก็จะเป็นกลุ่มที่ติดสัญญาใจอยู่กับพ่อของพีรายุ รวมถึงกลุ่มที่ยังไม่มีที่ไปอื่น
ขณะที่พนักงานข้างนอกมีแต่ความหงิดหงิดงุ่นง่าน แต่บรรยากาศภายในห้องประธานบริษัทกลับแตกต่างออกไป
จินดารากำลังนั่งอยู่บนตักของพีรายุตรงเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ของประธานบริษัท ทั้งคู่เอาแต่หัวร่อต่อกระซิกกันอย่างมีความสุข มือไม้ของพีรายุเคล้นคลึงไปทั่วร่างงามของเธอราวกับหนวดปลาหมึกก็ไม่ปาน
“อย่าสิคะพี เหลือเอกสารให้เซ็นอีกตั้งหลายฉบับนะ รีบทำเข้าเถอะ” จินดาราที่ซบตรงอกกว้างของเขาได้เอ่ยปากห้ามอย่างไม่จริงจังนัก
ริมฝีปากร้อนของเขาจุมพิตไปตรงหลังคอของเธออย่างหลงใหล “ผมรักคุณจะคลั่งอยู่แล้วรู้ไหมจิน คุณเป็นเมียที่น่ารักของผมเหลือเกิน” เขาเอ่ยเสียงกระเส่า
จินดาราเงยหน้ามองแล้วแย้มปากให้อย่างยั่วเย้า “คุณก็เป็นสามีที่น่ารักของเมียเหมือนกันนะคะ” แล้วแนบเรียวปากทรงเสน่ห์ไปบนริมฝีปากร้อนของเขาเบา ๆ หนึ่งที พีรายุสุดจะห้ามใจ เขากดริมฝีปากหนัก ๆ ตามมาเคล้าคลึงแนบชิดจนครางกระเส่าดังทั่วห้อง
“พอแล้วนะคะ นี่ที่ทำงานนะ” เธอแทรกมือเพื่อหยุดริมปากเขาที่กำลังรุกรานเข้าหาอย่างหนักหน่วง
“เป็นไรไป นี่บริษัทของเรา” เขาจ้องหน้าเธออย่างหลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น “คุณสวยเหลือเกิน ถ้ามีลูกสาว ลูกของเราต้องสวยน่ารักเหมือนคุณแน่”
รอยยิ้มของจินดาราเจื่อนลง นี่เป็นเรื่องที่ขัดใจเธออย่างที่สุด นี่ก็หลายปีแล้วที่เธอถีบวรรณารีกระเด็นออกไปและผลักดันตัวเองขึ้นมานั่งเป็นภรรยาของเขาอย่างสมบูรณ์ แต่น่าเสียดายที่ไม่สมบูรณ์จริง ไม่ว่าจะพยายามกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ลูกของเธอและเขาก็ไม่ยอมมาเกิด
“นั่นสิคะ จินก็เสียดายเหมือนกัน” เธอเอ่ยตอบเขาเสียงหวาน
คราวนี้นัยน์ตาของพีรายุกร้าวขึ้นมา “ต้องเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น วรรณารีเอาเครื่องเพชรประจำตระกูลของเราไป บรรพบุรุษเลยโกรธไม่ยอมให้เรามีลูก น่าเจ็บใจที่ผมชิงไล่ออกจากบ้านไปก่อน เลยไม่รู้ว่าเครื่องเพชรพวกนั้นอยู่ที่ไหน คงต้องตามหาวรรณารีให้เจอ”
จินดาราหุบยิ้ม เธอมองพีรายุอย่างไม่ไว้ใจ “คุณจะตามหาทำไม หรือว่ายังรักแม่นั่นอยู่” เธอผลักอกเขาอย่างแรงเพื่อให้ตัวเองหลุดจากพันธนาการ สีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
พีรายุรีบผวากอดรัดเธอเอาไว้แน่น “ไม่ใช่นะ ผมรักคุณคนเดียว ผมแค่อยากตามหาเพื่อเอาเครื่องเพชรคืน ทำให้บรรพบุรุษหายโกรธ พวกเราจะได้มีลูก อีกอย่าง ผมกับวรรณารียังมีทะเบียนสมรสคาไว้อยู่ ตามหล่อนให้มาจัดการหย่าให้เรียบร้อย ผมกับคุณจะได้เป็นครอบครัวกันอย่างสมบูรณ์ไงจ๊ะ”
จินดารายังไม่พอใจในคำตอบเพราะเธอรู้ว่าเครื่องเพชรชุดนั้นอยู่ที่ไหน มันนอนนิ่งอยู่ลึกสุดในตู้เซฟส่วนตัวของเธอที่บ้าน ถ้าวิญญาณบรรพบุรุษมีจริง แสดงว่าพวกเขาโกรธที่เธอขโมยเครื่องเพชรมาเพื่อใส่ร้ายวรรณารีจนไม่สามารถมีลูกได้ใช่หรือไม่ ส่วนเรื่องทะเบียนสมรสอะไรนั่น เธอไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะไม่ว่าอย่างไร ทรัพย์สินทั้งหมดของพีรายุก็จะต้องตกเป็นของเธอคนเดียวในท้ายที่สุด
“จินไม่สนใจเรื่องทะเบียนสมรสอะไรนั่นหรอกค่ะ เพราะจินรู้ว่าพีรักจินมากที่สุด เท่านี้ก็พอแล้ว อีกอย่าง จินยังไม่อยากมีลูกในตอนนี้ จินไม่อยากให้ลูกมาแย่งเวลาที่จินจะมีให้พีไป จินรักพีมากที่สุดจนไม่อยากแบ่งความรักไปให้ใครอีก” เธอเอ่ยโน้มน้าวเขาเสียงอ่อนหวาน
พีรายุมองเธอตาเชื่อม เขาโอบกระชับตัวเธอแน่นขึ้นอีกอย่างแสนรัก “ขอบคุณคุณมากนะครับที่รักผมขนาดนี้ งั้นเราอยู่กันสองคนแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ดีกว่า จะได้รักกันมาก ๆ ทุกวัน”
จินดาราเผยยิ้มพอใจให้เห็น เธอหอมแก้มชายหนุ่มหนัก ๆ หลายรอบ “ตกลงค่ะ เรามีกันแค่สองคนก็พอ”
“เออ...พีคะ” จินดาราคิดเบี่ยงประเด็น “เมื่อกี้ชยากรบอกว่ามีประกาศขายที่ดินสามสิบไร่ที่จังหวัดนนฯ จินอยากได้มาสร้างคอนโด คุณออกไปดูกับจินนะคะ”
“แถวไหนของนนฯ จ๊ะ”
“แถบไทรน้อยค่ะ ติดฝั่งนครปฐม”
พีรายุนิ่วหน้า “แถบนั้นเจริญยากนะจ๊ะ สร้างคอนโดคงยาก ไม่ลองหาที่อื่นล่ะ”
“แต่จินอยากได้นี่คะ คุณสัญญาแล้วไม่ใช่หรือว่าจะซื้อที่ดินให้เป็นชื่อจิน จินรอมาหลายปีแล้วนะ” หญิงสาวกระเง้ากระงอด
“ตกลงจ้ะ ไปก็ไป ถ้าคุณถูกใจ ผมจะซื้อแล้วใส่ชื่อคุณทันที”
“ขอบคุณนะคะ คุณใจดีที่สุด” จินดาราหอมแก้มขอบคุณอยู่หลายฟอดและพากันควงแขนเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี
เมื่อไปถึงที่ดินดังกล่าวก็เป็นอย่างที่พีรายุคาดไว้ พื้นที่แถบนี้เป็นบริเวณที่พัฒนาต่อได้ยากเพราะเป็นแถบสวนและไร่ของชาวบ้าน รวมถึงเป็นเขตที่นิยมค้าขายของเก่ากันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน มีร้านค้าของเก่าอยู่ถึงสิบกว่าร้านบริเวณนี้ คงจะหานักธุรกิจเข้ามาพัฒนาที่ดินแถบนี้ให้เจริญได้ยากแต่ถึงกระนั้น พีรายุก็ตกลงที่จะซื้อไว้เพราะจินดาราอยากได้นักหนา โดยจะนัดโอนกันในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า“จิ๊ดริดของเก่า” พีรายุพึมพำออกมาอย่างต้องมนต์สะกด“ชื่อแปลกจัง ดูตล๊กตลก ว่าไหมคะพี” จินดาราเบะปากให้กับร้านรับซื้อของเก่าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างทางระหว่างนั่งรถกลับจากดูที่ดินพีรายุยังคงนิ่งเงียบ เขามองดูป้ายร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเหม่อลอย“วรรณ” ชายหนุ่มพึมพำออกมาเสียงเบา“คุณว่าอะไรนะคะ” จินดาราเอียงหน้ามาถาม“วรรณ!” พีรายุตะโกนเสียงดังลั่นรถก่อนหักพวงมาลัยรถเข้าข้างทางอย่างกะทันหัน และพยายามเปิดประตูรถเพื่อจะเดินข้ามไปอีกฝั่งให้ได้“คุณจะทำอะไรคะ!” จินดาราพยายามยื้อแขนชายหนุ่มเอาไว้ไม่ให้เขาเปิดประตูออกไปได้ ขณะที่สีหน้าของเธอเผยถ
ที่อาคารสำนักงานของบริษัทเทพสถิต บริษัทจัดหาวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ซึ่งเป็นอาคารสูงสิบชั้น มีพนักงานกว่าสามร้อยคน แต่ส่วนมากกลับทำงานด้วยสีหน้าเรียบเฉย แววตาแทบจะหาความสุขไม่ได้ แม้บริษัทนี้จะดูก้าวหน้ายิ่งกว่ารุ่นพ่อของเจ้าของบริษัท รวมถึงสวัสดิการและเงินเดือนที่สูงกว่าที่ทำงานอื่นก็ตาม“นี่เธอ คุณจินดาราอยากกินเค้กมะพร้าวของร้านมิวกี้ เธอไปซื้อมาหน่อย” ชยากร ผู้ช่วยฝ่ายจัดซื้อของบริษัทเดินมาเคาะนิ้วที่โต๊ะประชาสัมพันธ์และสั่งพนักงานประชาสัมพันธ์ที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าบริษัทเสียงแข็ง“แม่บ้านก็มี ไปให้พวกเธอซื้อสิคะ” ชไมพร หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“พวกแม่บ้านทั้งเล็บทั้งมือดำปี๋ จะให้ไปหยิบของกินของคุณจินได้ยังไง พวกเธอนั่นแหละออกไป ร้านอยู่เลยจากนี่แค่สองป้ายรถเมล์เอง ไม่ทันเหนื่อยหรอก”“มันไม่ใช่หน้าที่ของพวกเรานะคะ เรายังมีงานที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จก่อนเลิกงาน” ชไมพรยังคงเสียงแข็งชยากรหรี่ตามองเธอ “เธอก็รู้ใช่ไหมว่าคุณจินดาราเป็นใคร แล้วคุณพีรายุรักเธอมากแค่ไหน พวกเธออยากถูกไล่ออกจากงานก่อนสี่โมงเย็น
หลังจากที่กล่อมที่รักให้นอนหลับไปแล้ว ทั้งคู่ได้พากันไปนั่งหารือเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เพิ่งได้มาใหม่“ป้าคะ มันไม่เป็นไรจริง ๆ หรือที่จะไม่ติดต่อบอกเจ้าของที่ดินคนเดิมว่าเราเจอของมีค่าแบบนี้”สายส่ายหน้าพร้อมค้อนขวับให้หนึ่งที “เธอนี่กังวลอะไรไม่เข้าท่า”“ป้าเชื่อว่าเจ้าของเดิมคงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน หรือแม้แต่พ่อของเขาซึ่งเป็นเจ้าของคนก่อนก็ไม่น่าจะรู้ ถ้ารู้คงบอกลูกเขาไปนานแล้วว่ามีสมบัติซ่อนอยู่ข้างใน ป้าซื้อที่ดินนี้มายี่สิบปีก็ไม่เห็นมีใครมาตามหาตู้นี้สักคน ป้าถือว่านี่เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมที่เราควรจะได้”เมื่อเห็นท่าทีที่ยังสับสนของวรรณารี สายก็ยิ้ม ๆ และพูดต่อ “ป้าจะบอกอะไรให้นะวรรณ วิธีที่เราจะอยู่ในสังคมนี้อย่างมีความสุข นอกจากไม่ไปรังแกใครแล้ว ต้องไม่เป็นคนดีจนเกินงามด้วย อะไรที่เป็นสิทธิ์และโอกาสของเรา เราก็ควรฉกฉวยเอาไว้ ไม่อย่างนั้นอาจต้องมานั่งเสียดายเหมือนชีวิตของป้า” สายนิ่งไปสักระยะแล้วจึงพูดต่อ “แต่อะไรที่ไม่ใช่ของเราก็ควรปล่อยมือไป อย่าพยายามยื้อให้เหนื่อย”“อีกอย่าง โชคครั้งนี้ถ้าจิ๊ดริดไม่เป็นคนบอก เราทั้งคู่ก็ไม
หลังจากวรรณารีง้างฝากล่องลึกลับนี้ขึ้นมา หญิงสาวก็เบิกตากว้างกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า หัวใจเต้นแรงราวกับจะกระโดดออกมานอกร่าง มือและเท้าเย็นเฉียบเหมือนกับไปแช่น้ำแข็งมานานนับชั่วโมงตอนนี้แสงประกายสีทองจากสิ่งของภายในกล่องได้ทำให้ดวงตาเธอพร่ามัวจนต้องกะพริบถี่ ๆ เพื่อหวังจะเห็นภาพตรงหน้าให้ชัดขึ้นทองแท่งจำนวนมากวางเรียงกันในกล่องแบบเต็มพื้นที่!หญิงสาวใช้มืออันสั่นระริกลากผ่านทองแท่งเหล่านั้นอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่านี่จะเป็นเพียงความฝัน หากเธอสัมผัสแรงไปกลัวว่าจะต้องตื่นจากความฝันอันแสนดีนี้เสียก่อนวรรณารีเหลียวมองไปรอบตัวอย่างระแวดระวังก่อนจะรีบปิดฝากล่องลงตามเดิมและกดปุ่มกลม ๆ เล็ก ๆ นี้อีกครั้ง ฝากล่องได้เลื่อนเข้าหากันจนปิดสนิทกลายสภาพเป็นชั้นหนังสือธรรมดาทั่วไปอีกครั้งเมื่อเห็นว่ากล่องปิดสนิทดีแล้วเธอก็รีบเข้าไปในตัวบ้านและวิ่งตรงไปยังห้องนอนของสายทันทีหลังจากนั้นไม่นาน วรรณารีก็เดินนำออกมาหน้าตาตื่น ตามด้วยสายที่มีสีหน้าแบบเดียวกัน และปิดท้ายด้วยเด็กน้อยร่างอ้วนที่วิ่งตามมาห่าง ๆ ด้วยขาอันสั้นของเธอ
วรรณารีและสายรอจนกระแต พี่เลี้ยงของที่รักกลับไปพักผ่อนยังบ้านพักคนงานที่สร้างไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสามคนจึงพากันมายืนเมียง ๆ มอง ๆ รอบตู้ไม้อย่างสนอกสนใจแต่ไม่ว่าจะมองมุมไหนตู้ไม้ก็คือตู้ไม้ ไม่เห็นมีอะไรพิเศษตรงจุดไหน เป็นเพียงตู้ไม้ที่มีชั้นสำหรับวางหนังสือทั้งสามชั้นหนากว่าตู้ปกติทั่วไปเท่านั้น คาดว่าที่ทำให้หนาก็เพื่อรองรับหนังสือซึ่งมีน้ำหนักมากนั่นเอง“ตู้ใบนี้ดีจริงหรือลูก” วรรณารีอดถามออกมาไม่ได้ที่รักพยักหน้าแรง ๆ ติดกันหลายทีจนไขมันตรงแก้มกลม ๆ สั่นกระเพื่อมไปมา มือวรรณารีคันยุบยิบอยากจะบีบแก้มนุ่ม ๆ นั้นใจแทบขาดแต่ก็ต้องยั้งใจเอาไว้วรรณารีและสายพากันเดินวนดูอีกสองรอบก็เหมือนจะไร้ผล“ป้าว่าเรื่องดีที่จิ๊ดริดบอกอาจจะไม่เกิดขึ้นทันทีก็ได้ กลับเข้าบ้านกันดีกว่ายุงเริ่มชุมแล้ว”วรรณารีพยักหน้าเห็นด้วย เธอให้สายพาที่รักเข้าไปก่อน ส่วนตัวเองจะขอทำความสะอาดคราบฝุ่นให้หมดเพราะรู้สึกไม่สบายใจกลัวจะมีแมลงมีพิษหลงเหลืออยู่จนทำอันตรายต่อคนในบ้านได้ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็เช็ดทำความสะอาดภายนอกจนเอี่ยมอ่อง แล้วความสวยง
สำหรับที่ดินที่ได้มาใหม่สด ๆ ร้อน ๆ วรรณารีตั้งใจจะทำเช่นเดิมคือนำที่ดินไปจำนองกับทางธนาคารเพื่อเอาเงินก้อนมาลงทุน แต่ไม่ทันได้ไปติดต่อธนาคารก็มีเรื่องมหัศจรรย์พันลึกเกิดขึ้นในชีวิตวรรณารีเสียก่อน“ป้าโทรหาบริษัทปรับปรุงสวนทำไมคะ” เมื่อได้ยินสายโทรคุยกับบริษัทปรับปรุงสวน วรรณารีจึงถามด้วยความแปลกใจเพราะตามปกติสายเป็นคนเก็บตัวไม่ชอบติดต่อหรือพบใครง่าย ๆ“ฉันก็อยากปรับปรุงที่ดินอีกสี่ไร่ของฉันบ้างสิ ฉันจะปรับปรุงให้เป็นที่วิ่งเล่นของจิ๊ดริด”“ป้าคะ อย่าเปลืองเงินเลยค่ะ” วรรณารีบอกด้วยสีหน้าเป็นทุกข์“ก็นี่มันเงินฉัน ที่ดินฉัน เธอจะมาห้ามอะไร” สายมองตาขวาง“แต่วรรณเกรงใจ”“แล้วมาขัดขวางความสุขของฉันแบบนี้ไม่คิดจะเกรงใจบ้างหรือไง?”“ป้าคะ...” วรรณารีเอ่ยเสียงอ่อยสายถอนหายใจยาว “คิดเสียว่าเห็นแก่ความสุขของคนที่เพิ่งเคยมีครอบครัวและเคยมีหลานแบบฉันเถอะนะแม่วรรณ อย่าห้ามอะไรฉันเลย เงินทองฉันมันท่วมบัญชีไปหมดแล้ว สวรรค์เลยเมตตาให้ฉันได้ใช้ก่อนตาย”“ป้ายังไม่แก่เลยนะคะ”“แต่กำลังจะแก่มากขึ้นถ้าเจอคนขัดคอบ่