LOGIN“ดูเหมือนจิ๊ดริดอยากจะไปที่แผงลอตเตอรี่แผงนั้นนะ” สายสะกิดวรรณารีเมื่อเห็นท่าทางแปลก ๆ ของที่รัก
วรรณารีจากที่กำลังให้ความสนใจกับของสดในตลาดได้ก้มลงมองลูกสาว วันนี้เป็นวันจ่ายตลาดประจำสัปดาห์ ซึ่งเธอออกมาจับจ่ายอาหารสดและแห้งที่ตลาดสดใกล้บ้านในทุกวันอาทิตย์ โดยปกติหญิงสาวมักจะออกมาเพียงลำพัง แต่วันนี้ที่รักกลับงอแงเหมือนจะอยากออกมาด้วย เมื่อเห็นแบบนี้ สายจึงถือโอกาสตามมาเปิดหูเปิดตาด้วยอีกคน
“ตรงโน้นไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลยลูก เรารีบเดินไปซื้อของที่ตลาดแล้วรีบกลับกันดีกว่า ใกล้เวลากินนมของหนูแล้ว”
“อ๊ะ...” ที่รักไม่สนใจ นิ้วป้อม ๆ ของเธอยังคงชี้ไปที่แผงขายสลากกินแบ่งรัฐบาลแผงนั้นอย่างไม่ยอมแพ้
“หรือจะมีอะไร ลองไปดูไหม” สายที่ตอนนี้เริ่มใจอ่อนในทุกสิ่ง ตราบใดที่เป็นความต้องการของเด็กหญิงตัวอ้วนตาเม็ดก๋วยจี๊คนนี้ คนที่สถาปนาตัวเองเป็นยายแบบเธอก็ไม่เคยคิดจะขัดใจ
วรรณารีก้มหน้ามองลูกแล้วก็ทำแววตาแปลก ๆ เพราะท่าทางของเด็กน้อยในวันนี้คล้ายกับเมื่อวานที่ได้ของฟรีไม่มีผิด เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอจึงเดินอุ้มลูกสาวไปยังแผงขายสลากแผงเป้าหมายอย่างไม่รอช้า
“หยิบให้แม่สักใบสิลูก” แม้จะไม่เคยเสี่ยงโชคด้านนี้ แต่เพราะอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง เธอจึงหันไปบอกลูกอย่างไม่ลังเล
ที่รักก็ตอบสนองอย่างทันใจ เธอโน้มตัวออกจากอ้อมแขนของแม่และก้มลงไปยังแผงสลากที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า เอื้อมมืออ้วน ๆ ไปหยิบสลากที่อยู่ใกล้มืออย่างไม่ลังเล แต่เป้าหมายของเธอไม่ใช่ใบเดี่ยวอย่างที่แม่ร้องขอ เธอคว้าเลขชุดสิบใบแล้วรีบดึงออกจากแผงแบบไม่ปล่อยโอกาสให้ใครได้เอ่ยท้วง ไม่เท่านั้นยังเอาน้ำลายเยิ้ม ๆ หยดลงบนสลากจนเปียกไปครึ่งแผ่นคล้ายไม่ต้องการให้แม่ปฏิเสธ
การกระทำของเธอในครั้งนี้สร้างความตกอกตกใจให้กับวรรณารีและแม่ค้าเจ้าของแผง มีเพียงสายเท่านั้นที่ส่งเสียงหัวเราะชอบใจออกมา
เพราะความที่สลากเปียกน้ำลายจนเยิ้ม วรรณารีจึงจำใจจ่ายเงินหนึ่งพันห้าร้อยบาทให้แม่ค้าอย่างรู้สึกปวดใจเป็นที่สุด
“อ้าว ผลสลากออกวันนี้พอดีนี่” สายที่เหลือบไปเห็นวันที่หน้าสลากได้เอ่ยออกมา
“ใช่ค่ะ ออกวันนี้สี่โมงเย็น โชคดีได้รางวัลใหญ่นะคะ” แม่ค้าแจ้งรายละเอียดพร้อมอวยพรกลับ
“ตั้งสิบใบ ช่วยให้แม่ถูกรางวัลหน่อยนะลูก สองตัวท้ายก็ยังดี” วรรณารีบ่นงึมงำอย่างรู้สึกเสียดายเงินไม่หาย
ที่รักยิ้มกว้างให้แม่
ดูเหมือนว่าคำขอของวรรณารีจะดูน้อยไปนิด
ช่วงสี่โมงเย็นของวันเดียวกัน วรรณารีนั่งนิ่งขึงเหมือนรูปปั้น แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่ามือข้างซ้ายที่ถือสลากซึ่งซื้อมาเมื่อตอนสายและมือข้างขวาที่จับโทรศัพท์อยู่นั้นสั่นพั่บเหมือนเจ้าเข้า
สายเป็นคนสังเกตเห็นความผิดปกตินี้
“เป็นอะไรไปวรรณ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
วรรณารีที่กำลังนั่งตาค้าง เหลียวมองสายด้วยแววตาที่คล้ายไม่เชื่อตัวเองสักนิด
“ลอตเตอรี่ที่จิ๊ดริดจับถูกรางวัลที่ห้าค่ะป้า”
“ที่จับเมื่อเช้าน่ะนะ ถูกรางวัลจริง ๆ หรือ?” สายถามย้ำ
“จริงค่ะป้า วรรณดูหลายรอบแล้ว ถูกจริง ๆ”
“กี่ใบนะ เงินรางวัลกี่บาท” สายถามอย่างตื่นเต้น
“สิบใบค่ะ รางวัลละสองหมื่นบาท ทั้งหมดก็สองแสนบาท” วรรณารีรู้สึกเหนียวคอไปหมดเมื่อพูดถึงยอดเงินที่ได้
เมื่อเห็นท่าทางดีใจจนตัวลอยของหญิงสาว สายก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “ดีใจเหมือนได้เป็นสิบล้าน”
“สำหรับวรรณ นี่มีค่ายิ่งกว่าสิบล้านอีกค่ะ เป็นครั้งแรกเลยที่ได้จับเงินก้อนใหญ่แบบนี้” วรรณารียิ้มกว้างจนหุบไม่ลง
“หนูน้อยนี่นำโชคให้แม่จริง ๆ ดีแล้วที่ได้โชคก้อนใหญ่เข้ามา จะได้มีทุนรอนไปทำเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น”
วรรณารียิ้มรับแล้วก็นึกอะไรขึ้นได้ เธอรีบเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานจนได้เงินฟรี ๆ ไปหลายหมื่นบาทให้สายฟัง เมื่อฟังจบ สายได้เหลียวมองไปยังที่รักด้วยแววตาฉงน
“ป้าว่ายายหนูของเราเป็นนางฟ้านำโชคเหมือนที่พระท่านว่าไหมคะ” วรรณารีเอ่ยถามประโยคที่เคยถามเมื่อหลายเดือนที่แล้วอีกครั้ง
สายนั่งเงียบอยู่นานก่อนเอ่ยปากด้วยสีหน้าจริงจัง “เธอห้ามเล่าเรื่องนี้ให้ใครรู้เป็นอันขาด ฉันจะไปกำชับยี่สุ่นด้วย” สายชักไม่สบายใจตงิด ๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว
วรรณารีรีบพยักหน้ารับ เธอไม่มีวันหลุดปากเรื่องนี้ไปแน่เพราะอาจเกิดเรื่องไม่ดีกับลูกเธอได้หากมีใครอื่นมารับรู้เรื่องนี้ ถึงที่รักจะเป็นนางฟ้าหรือเทวดานำโชคมาเกิดอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ในความเป็นจริงอย่างที่สุดก็คือที่รักเป็นลูกสาวที่วรรณารีรักมากที่สุดในชีวิต รักมากกว่าชีวิตของตัวเองเสียอีก
“เอกสารที่ผมรวบรวมไว้ช่วงที่ท่านไม่อยู่ครับ” ไวพจน์มาหาพีรายุที่โรงพยาบาลในเช้าวันต่อมาได้หอบเอกสารเป็นตั้งมาด้วย “ในนี้เป็นสำเนาระบุสเปกวัสดุก่อสร้างที่มีลายเซ็นของจินดารากับเสี่ยทรงยศ แล้วยังมีรูปถ่ายที่ทั้งสองไปเจอกันตามที่ต่าง ๆ ด้วย ที่เหลือคือชื่อของพนักงานในบริษัททั้งหมดที่เป็นคนของจินดาราครับ”พีรายุไล่เปิดเอกสารดูหน้าเครียด “แล้วตอนนี้เริ่มทำคำสั่งซื้อพวกนี้หรือยัง”“เริ่มสั่งไปบ้างแล้วครับ รายละเอียดอยู่ด้านล่างสุด เสี่ยทรงยศจะเริ่มลงไซต์งานอาทิตย์หน้าแล้ว ผมว่าคำสั่งซื้อทั้งหมดน่าจะเรียบร้อยภายในอาทิตย์นี้”“ขอบคุณคุณไวพจน์มากนะครับที่เหนื่อยมาหลายอาทิตย์ เอกสารพวกนี้ทิ้งไว้ที่ผม ผมจะจัดการที่เหลือต่อเอง คุณไม่ต้องทำอะไรแล้ว”“ให้ผมช่วยเถอะครับ ท่านออกโรงคนเดียวจะเป็นอันตรายได้”“เรื่องนี้ผมต้องทำคนเดียว ถ้าประธานบริษัทเป็นคนถือเอกสารไปหาผู้ใหญ่ของกระทรวงนั้นเองจะดูน่าเชื่อถือกว่า”“ไม่อันตรายแน่นะครับ”“ไม่เป็นไร ผมจะระวังตัว”ไวพจน์กลับไปแล้วแต่พีรายุยังคงนั่งอ่านเอกสารเหล่านั้นอย่างไม่ละสายตาจนไม่
สายเดินเข้ามาใกล้สองพ่อลูกแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกับหลาน “ตอนนี้เราปล่อยให้พ่อกับแม่พักก่อนดีกว่านะ แล้วพรุ่งนี้ยายจะพามาหาแต่เช้า”แม้ไม่เต็มใจแต่พีรายุก็ยอมคลายอ้อมกอดจากลูกแต่โดยดี เช่นเดียวกับที่รัก เธอมองมายังพีรายุอย่างเสียดาย เด็กหญิงเอียงหน้าไปหอมแก้มพีรายุฟอดใหญ่ก่อนยิ้มให้ “พรุ่งนี้จิ๊ดริดจะมาหาพ่อตั้งแต่เช้า พ่อกับแม่นอนดี ๆ อย่าทะเลาะกันนะ”วรรณารีนั่งหน้าแดงมองตามสองยายหลานจนแผ่นหลังของทั้งคู่ลับสายตาไปเธอจึงได้ถอนสายตากลับเพื่อมาเจอกับแววตาลุ่มลึกของอีกคนที่ยังอยู่ในห้อง“ผมขอบคุณคุณมากนะครับที่ยอมเปิดโอกาสให้ผมอีกครั้ง”“ฉันแค่อนุญาตให้ลูกเรียกพ่อ ตอนนี้ฉันยอมรับคุณแค่เป็นพ่อของลูกเท่านั้น”รอยยิ้มของพีรายุลดลง เขามองเธออย่างไม่เข้าใจ “แล้วเรื่องของเราล่ะครับ”วรรณารีจ้องเขาด้วยใจที่แปลบปร่า “ฉันไม่สามารถทำใจรับคุณมาเป็นคู่ชีวิตได้อีก”“วรรณครับ เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตคุณก็รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ในใจผมไม่ว่าเมื่อไหร่ก็มีแค่คุณเท่านั้น ยอมให้โอกาสเราทั้งคู่มาเป็นครอบครัวกันอีกครั้งเถอะนะครับ”วรร
“แม่วรรณ เธอมันบ้าบิ่นเกินไปนะ ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง ถ้าเกิด...ถ้าเกิด...” สายเอ่ยตำหนิวรรณารีทันทีหลังจากที่หมอและพยาบาลออกจากห้องไปแล้ววรรณารีที่นั่งอยู่บนเตียงคนไข้ได้หลุบตานิ่งอย่างสำนึกผิด ใบหน้าและลำตัวเธอมีแต่รอยฟกช้ำโดยเฉพาะตรงลำคอที่แดงช้ำอย่างน่ากลัว “วรรณใจร้อนเกินไปจริง ๆ ค่ะ วรรณขอโทษ”“คนที่เธอควรจะขอโทษก็คือจิ๊ดริดกับคุณพีต่างหาก” สายชี้ไปยังที่รักซึ่งยืนสำนึกผิดอยู่ข้างเตียงและพีรายุซึ่งนั่งอยู่บนเตียงคนไข้ที่อยู่ติดกัน“ผมไม่เป็นอะไรครับ แค่แผลถาก ๆ” พีรายุรีบพูดช่วย“แม่จ๋า จิ๊ดริดไม่ดี จิ๊ดริดช่วยแม่ไม่ได้” ที่รักน้ำตาเตรียมจะหยดแหมะออกมาเต็มที่วรรณารีรีบกอดปลอบลูก “ไม่ใช่ความผิดจิ๊ดริด แม่หาเรื่องเอง ถ้าแม่ไม่เข้าไปในนั้นแม่ก็จะไม่โดนทำร้าย”“แต่จิ๊ดริดเตือนแม่ไม่ได้ จิ๊ดริดไม่เห็นอะไรเลย”“ก็เพราะหนูไม่สบายอยู่ อย่าโทษตัวเองสิลูก แล้วแม่ก็ไม่ได้บาดเจ็บเยอะแยะ อีกสองวันก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว จิ๊ดริดเสียอีกที่ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ ไข้จะได้ไม่กลับมา”“จิ๊ดริดหายแล้ว ไม่มีไข้แล้ว”“หายก็ก
“เอ็งแน่ใจนะว่าไม่มีใครอยู่ที่ร้านแน่”บานชื่นถามสามีอย่างกระวนกระวายใจ ส่วนมือนั้นยังคงสาละวนดึงทองแดงจากกองใหญ่มาใส่ในรถเข็นของตัวเอง“แน่สิวะ ข้ามาแอบดูหลายคืนแล้ว ในร้านไม่มีคนเฝ้าเลยสักคน พวกคนงานไปอยู่ที่บ้านพักฝั่งตรงข้ามหมด ถ้าจะมีก็มีแต่ผีเท่านั้นแหละ”“เอ็งอย่าพูดสิ ยิ่งมืด ๆ อยู่”“กลัวอะไรกับผี อย่ามัวแต่พูด รีบขนขึ้นรถเร็วเข้า เอาไปให้ได้มากที่สุด พรุ่งนี้จะได้เอาไปขายที่ร้านเฮียอุย คุณภาพดีแบบนี้ได้หลายหมื่นแน่มึง” โชติยิ้มย่องเมื่อเห็นทองแดงเกรดดีที่กองเป็นภูเขาอยู่ตรงหน้าเพราะเอาเงินไปลงทุนกับเหล็กจนหมด แต่เหล็กกลับขายไม่ออกช่วงนี้ ทำให้เขาและภรรยาอดอยากปากแห้งมาหลายสัปดาห์ กระทั่งมาได้ยินคนงานในร้านของวรรณารีคุยกันเรื่องทองแดงกองพะเนินในร้านที่มีลูกค้าติดต่อขอซื้อเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสร้างรายได้ให้วรรณารีเป็นล้านบาทโชติและบานชื่นแค้นใจจนแทบกระอักเลือด ขณะที่พวกเขาตกต่ำจนแทบไม่มีหนทางให้เดิน แต่ศัตรูอย่างวรรณารีกลับเจริญไม่หยุด แบบนี้ยอมไม่ได้เด็ดขาด พวกเขาต้องดึงผลประโยชน์ที่วรรณารีได้มาเป็นของตัวเองส่วนหนึ่ง
“แม่จ๋า อุ้ม” เมื่อเห็นวรรณารีเดินเข้าบ้าน ที่รักจึงอ้าแขนตัวเองออกเพื่ออ้อนให้คนเป็นแม่อุ้มวรรณารีเดินยิ้มตรงมาหาเธอและสวมกอดลูกเอาไว้อย่างอ่อนโยน “เพราะไม่สบายแน่เลยใช่ไหมถึงอ้อนให้แม่อุ้มแบบนี้” ว่าพลางยกร่างที่ไม่เบาของลูกขึ้นมาจากที่นอนและอุ้มเอาไว้อย่างง่ายดาย “ลูกสาวแม่หนักขึ้นอีกแล้ว อีกหน่อยแม่คงอุ้มไม่ไหวแล้วมั้ง ตัวยังรุมอยู่เลยนะ ปวดหัวไหมลูก”“นิดนึง” ที่รักตอบพลางเงยหน้ามองแม่ “แม่จ๋า จิ๊ดริดเหมือนปวดจิ๊ด ๆ ตรงนี้” เด็กหญิงชี้ไปที่อกซ้ายของตัวเองวรรณารีมีสีหน้ากังวลขึ้นมา “ปวดตรงไหน ปวดมากไหม หายใจสะดวกไหมลูก หรือจะไปหาหมอดี”ที่รักส่ายหน้า “จิ๊ดริดไม่ได้ปวดแบบนั้น จิ๊ดริดบอกไม่ได้ว่าทำไม แต่จิ๊ดริดรู้สึกไม่ค่อยดี เหมือนกำลังจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่ดี แต่จิ๊ดริดไม่รู้ว่าเป็นอะไร มันเลยปวดจิ๊ด ๆ ตรงหน้าอก”สายที่เดินเข้ามากับพีรายุถึงกับขมวดคิ้ว เธอวางแก้วนมลงที่โต๊ะก่อนหันมาถาม “จิ๊ดริดรู้สึกว่าจะมีอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นใช่ไหมลูก”พีรายุสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่เคร่งเครียดขึ้นทันตาของสายก็ขมวดคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ
ที่รักลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ “หนูเป็นอะไร”“จิ๊ดริดเป็นไข้ กินยาเดี๋ยวก็หายนะลูก” แม้ปากจะปลอบแต่วรรณารียังคงกังวลอยู่ไม่คลายเพราะตั้งแต่เล็กจนโตลูกสาวของเธอไม่เคยเป็นไข้เลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกและดูหนักหนาเอาการเลยทีเดียว“ทำไมหนูเป็นไข้”“ตอนวันเกิดเมื่อวานหนูคงวิ่งกลางแดดร้อน ๆ มากเกินไป แล้วยังกินน้ำหวานใส่น้ำแข็งมากเกินไปด้วย ต่อไปไม่ทำแบบนี้แล้วนะลูก เป็นไข้แล้วไม่สบายตัวเลยใช่ไหม”“อื้อ หนูไม่ทำแล้ว หนูไม่อยากเป็นไข้” ที่รักสะลึมสะลือตอบก่อนจะค่อย ๆ หลับไปเพราะสบายตัวมากขึ้นหลังจากที่แม่เช็ดตัวให้คืนนี้ วรรณารีไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะที่รักไข้สูงเป็นระยะต้องคอยเช็ดตัวให้ตลอดเวลาจนอาการค่อยทุเลาในช่วงเช้ามืดของอีกวัน“ทำไมหน้าซีดแบบนี้ ไม่สบายหรือเปล่า” สายถามขึ้นตอนเห็นวรรณารีเดินออกจากห้องในตอนเช้า“จิ๊ดริดเป็นไข้สูงค่ะ เลยไม่ได้นอนทั้งคืน”“อะไรนะ ลูกเป็นไข้ตั้งแต่เมื่อไหร่” พีรายุที่เพิ่งเดินเข้าบ้านมาเอ่ยถามเสียงตื่นใจอยากจะมองเมิน แต่เมื่อเห็นสีหน้าทุกข์ร้อนของเขา วรรณารีจึงตอบออกไปเสียงห