มาลินีรู้สึกกังวลจริงจัง แม้จะอยากให้ลูกสาวได้แต่งงานกับคนรวย แต่ก็ต้องไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงว่าใช้เงินซื้อผู้หญิงแบบนี้...
เมลิสาลูกสาวของเธอ ‘มีค่า’ และมี ‘ราคา’ มากกว่าจะต้องไปเป็นของเล่นของใคร
“ลูกจะไปก็ได้ แต่แน่ใจนะว่าจะไม่ให้แม่ไปด้วย หรือให้ดาด้าไปด้วยก็ได้”
“โถ่...แม่คะ ตลกตายเลยถ้าเมไปเดทแต่พาผู้ปกครองไปด้วย”
คนเป็นแม่ถอนหายใจ พยายามหาข้ออ้างอื่นมาหว่านล้อมให้ลูกสาวเปลี่ยนใจ แต่เมลิสาชิงพูดขึ้นมาก่อน
“คุณแม่อย่าห่วงขนาดนั้นเลยค่ะ คุณเลอองเขาก็แค่เชิญเมไปกินข้าว ถ้าเขาชอบเมจริงนี่เขาก็แค่จีบนะคะ เมดูแลตัวเองได้...คุณแม่อย่าห่วงไปเลย”
“เฮ้อ...ก็ได้จ้ะ”
มาลินีรับคำสั้น ๆ แต่สีหน้าไม่ได้กังวลน้อยลง เธอรู้ว่าลูกสาวไปดินเนอร์กับนักธุรกิจระดับพันล้าน ไม่ได้ปล่อยไปกับกุ๊ยที่ไหน หากแต่ก็กลัวว่าลูกสาวผู้อ่อนวัยของเธอจะติดบ่วงเสน่หาของผู้ชายที่น่าจะมีชั้นเชิงแพรวพราวไม่น้อย
เมลิสาทำแต่งาน จะรู้เท่าทันเหลี่ยมกลของผู้ชายได้อย่างไร ผู้เป็นแม่ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม
* * * * *
อัลฟ่าโรมิโอสีดำด้านรุ่นที่ผลิตเพียง 200 คันทั่วโลก แล่นมารับเมลิสาที่บ้านในเวลาทุ่มตรงตามนัดหมาย...มาลินีที่แอบมองมาจากในบ้านแม้ไม่รู้จักเรื่องเครื่องยนต์กลไกอะไรมากแต่มองปราดเดียวก็รู้ว่ารถแบบนี้ต้องไม่ใช่แค่เศรษฐีธรรมดา
"มิสเตอร์คนนี้คงตั้งใจจีบลูกมากเลยนะ ดูส่งรถมารับสิ หรูเชียว"
คนเป็นแม่เอ่ย น้ำเสียงติดจะหมั่นไส้ ไม่ปลาบปลื้มเลยสักนิด ใครคิดจะเข้าหาลูกสาวของเธอ ไม่ว่าด้วยวิธีไหนหรือโปรไฟล์อย่างไร คนเป็นแม่ก็ต้องหวงและห่วงใยเป็นธรรมดา
แต่เมลิสาหัวเราะเบา ๆ
"คุณแม่ขึ้นไปพักผ่อนเถอะค่ะ เมกลับไม่ดึกหรอก แต่ก็ไม่ต้องรอหรอกนะคะ"
"นี่ถ้าหนูไม่ห้าม แม่จะให้ยัยลิลตามไปด้วย"
"แม่คะ...ไปพักผ่อนได้แล้วค่ะ ราตรีสวัสดิ์นะคะ"
นางแบบสาวตัดบท ก่อนจะเดินออกจากตัวบ้าน ตรงไปที่รถที่มีคนขับรอเปิดประตูให้อยู่
เธอคิดว่ามิสเตอร์เดอ วีแลล ส่งคนมารับ และคงจะรอเธออยู่ที่โรงแรม ดังนั้นเมื่อก้าวขึ้นรถแล้วพบว่าใครที่นั่งรออยู่แล้วที่เบาะหลัง เธอก็ตกตะลึงจนเกือบลืมหายใจ
“สวัสดีครับคุณเมลิสา ยินดีมากที่คุณตอบรับคำเชิญของผมค่ำนี้...”
เลอองเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง เมลิสารู้สึกเหมือนถูกสายตาสีฟ้าสดใสคู่นั้นสะกดไว้ทันที และอาจจะรวมถึงคิ้ว จมูก ริมฝีปาก สูทสีเงิน ท่วงท่าสบายแต่สง่างามและทรงอำนาจ...อาจจะคือทุกอย่างที่รวมกันเป็นผู้ชายคนนี้ คนที่กำลังอยู่ตรงหน้าเธอ ที่ทำให้เธอคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
“เอ่อ ดิฉัน...ไม่คิดว่ามิสเตอร์วีแลล จะกรุณามาด้วยตัวเอง”
เมลิสาเอ่ยเมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวออกไปช้า ๆ รู้สึกโกรธตัวเองขึ้นมาที่เกิดอาการตกประหม่าจนพูดจาตะกุกตะกักอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน
“ผมเชิญ ผมก็ควรมารับด้วยตัวเอง”
“คุณให้เกียรติเมมาก”
“ผู้หญิงอย่างคุณเมลิสาก็สมควรจะได้รับเกียรตินั้น”
แววตาของเลอองที่มองตรงมาทำให้เมลิสาสะเทิ้นอายโดยไม่ต้องเสแสร้ง
“ผู้หญิงอย่างเม...เป็นอย่างไรหรือคะ”
เมลิสาถามเบา ๆ ไม่กล้าสบสายตาเขา ท่าทีเอียงอายของเมลิสาทำให้เลอองอยากดึงเธอมาใกล้เสียเหลือเกินแต่ก็ยังอดใจไว้...
“ผู้หญิงอย่างคุณเม...ก็สวย น่ารัก มีเสน่ห์ และที่สำคัญ...คุณทำให้ผมอยากรู้จักกับคุณให้มากขึ้น”
“เมไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ตรงกันข้ามเลยครับ ในสายตาของผมคุณน่าสนใจมาก”
เมลิสาช้อนตามองเขาอย่างขลาด ๆ อยากรู้ว่าน่าสนใจในความหมายของเขานั้นคืออะไร
แล้วก็ไม่พลาด...เพราะเลอองประกาศชัดผ่านแววตาว่าเขาต้องการอะไรจากเธอ เมลิสาร้อนผ่าวเหมือนเห็นแววตาคู่นั้น...เธอไม่ใช่หญิงสาวไร้เดียงสาแต่ไม่เคยมีใครที่มีสายตาเร่าร้อนทรงพลังและทำให้เธอประหม่าได้แบบนี้มาก่อน...
เขาเป็นเทพบุตรหรือซาตานหรือไรนะ จึงได้มีพลังดึงดูดที่แสนน่ากลัวขนาดนี้
* * * * *
ชั้นดาดฟ้ายามนี้ไม่มีแขกเหรื่อเลยสักโต๊ะ มีเพียงพนักงานของโรงแรมและนักดนตรีที่บรรเลงเพลงเบา ๆ เข้ากับบรรยากาศ แต่ทั้งหมดก็ถูกหลงลืมไปเมื่อมีเพียงเลอองที่นั่งอยู่ต่อหน้าเมลิสา...
“เชฟของที่นี่เป็นเชฟชาวฝรั่งเศสแท้ ๆ เลยนะครับ ชนะการประกวดระดับโลกมาแล้วหลายรายการ นาน ๆ จะยอมบินมาโชว์ฝีมือให้ผมที่นี่สักครั้ง”
เลอองชวนคุยเมื่อพนักงานที่เขาคัดสรรด้วยตัวเองทยอยนำจานอาหารมาเสิร์ฟตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อยไปจนถึงจานหลัก
“คุณเมลิสาชอบรับประทานอาหารฝรั่งเศสหรือเปล่าครับ”
“เม...เอ่อ ดิฉันทานได้ค่ะ”
“เรียกแทนตัวเองว่าเมก็น่ารักดีออกนะครับ ผมชอบ”
เลอองเอ่ยอย่างเป็นกันเองพร้อมส่งยิ้มให้
เมลิสาโอดครวญอยู่ในใจ แค่รอยยิ้มของเขาก็แทบจะทำให้ใจละลาย ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ เขามีเวทย์มนต์ใช่หรือเปล่า...ต้องใช่แน่ ๆ เพราะตั้งแต่ได้พบหน้ากันเขาก็เหมือนจะเสกมนต์ใส่เธอไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มันทำให้เธอทั้งใจเต้น ประหม่า และบางครั้งก็ร้อนวูบทั้งใบหน้าเมื่อสบสายตากับเขา
เมลิสาคิดว่าตัวเองเหมือนจะเป็นไข้...หญิงสาวไม่เคยเสียการควบคุมในตัวเองอย่างนี้มาก่อนเลย
เสร็จจากมื้ออาหารที่นางแบบสาวแทบจะไม่กล้ากลืนอะไรนอกจากน้ำ เขายังทำหน้าที่เจ้าภาพที่ดีด้วยการไปส่งเธอถึงบ้านด้วยตัวของเขาเอง
เมื่อเขาขับรถพาเธอไปส่งถึงหน้าประตูบ้านและเดินลงมาเปิดประตูรถอีกฝั่งให้เธอนั้น มือแสนอบอุ่นที่ยื่นให้หญิงสาวจับพยุงตัวบีบกระชับชั่วขณะและอ้อยอิ่งไม่ยอมปล่อยมือ...เหมือนกระแสไฟไหลเข้าร่างของเมลิสา นาทีนั้นหญิงสาวยอมทลายกำแพงทุกอย่างที่ตั้งไว้และนั่นทำให้เธอยิ่งรู้สึกร้อนหนาววูบวาบเหมือนจะเป็นไข้หนักเข้าไปอีก
“คุณเมสบายดีหรือเปล่า คุณรู้ตัวมั้ยว่าตอนนี้หน้าคุณแดงก่ำหมดแล้ว”
เลอองกระซิบถาม เมลิสาหรุบตาต่ำด้วยความเขินอาย ร่างสูงที่ยืนชิดใกล้เหมือนจะโน้มใกล้ลงมา มือข้างที่กุมไว้ยังไม่ปล่อยและมืออีกข้างก็ยกขึ้นไล้พวงแก้มเนียนสวยอย่างเบามือ
“คุณสวยมาก สวยจนผมคิดว่าต่อให้เป็นเพชรน้ำงามที่สุดในโลกนี้ก็ไม่คู่ควรจะอยู่ใกล้คุณ...”
“คุณเลออง”
เมลิสาเรียกชื่อต้นของเขาออกไปในที่สุด ช้อนตาฉ่ำเยิ้มขึ้นมองเขาอย่างเย้ายวน เลอองสูดหายใจลึก ยังก่อน...ยังไม่ใช่ตอนนี้ เขาตัดสินใจแล้วว่าต้องการเธอมาเป็นนางแบบให้แกรนด์ไดมอนด์ ส่วนความปรารถนาต้องการส่วนตัวนั้นเขาจำเป็นต้องเก็บมันเอาไว้ก่อน
“ผมจะรอจนกว่าคุณเมกลับเข้าไปในบ้านอย่างเรียบร้อยนะครับ”
ชายหนุ่มกระซิบ แววตาเมลิสาผิดหวังอย่างปิดไม่อยู่เพราะมันคือคำบอกลาอย่างสุภาพ
แต่เทพบุตรอย่างเลอองก็ไม่ทำให้นางฟ้าเมลิสาผิดหวังนาน เมื่อเขาก้มลงกระซิบประโยคต่อไปชนิดใกล้ใบหูเพียงหายใจรดกัน
“วันนี้ผมมีความสุขมาก เมลิสา...หวังว่าเราจะได้พบกันอีก...เร็ว ๆ นี้”
“ช่วงนี้พี่อั๋นก็งานยุ่งมากเลยสินะคะ”“ก็ประมาณนั้นแหละ แล้วลิลล่ะ เป็นยังไงบ้าง”“ลิลก็เรื่อย ๆ ค่ะ แต่ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะลองหาอะไรใหม่ ๆ ทำดู”“ฮ้า...จริงหรือเปล่า หมายถึงงานใหม่หรือ” “ยังไม่แน่ใจค่ะ พี่อั๋นอย่าเพิ่งบอกใครนะคะ ห้ามเด็ดขาดเลย”“ได้สิ เรื่องของลิล พี่ไม่บอกใครหรอก”แววตาคมจ้องมองมาตรง ๆ และค้างนิ่งอยู่อย่างนั้น ตอนแรกหญิงสาวก็ยิ้มขอบคุณแต่วินาทีต่อมาเริ่มสัมผัสได้ว่าอรรณพมองเธอด้วยสายตาวาววามแปลก ๆ“ลิล สุดสัปดาห์นี้พอจะว่างบ้างมั้ย พวกพี่กับเพื่อนจะไปปาร์ตี้วันเกิดกันที่หัวหิน แต่พี่ไม่อยากไปคนเดียว กำลังหาเพื่อนไปด้วย”ลลิลอึกอัก ไม่รู้จะตอบเขาไปอย่างไร“อย่าคิดมากนะ พี่แค่หาคนไปด้วยจะได้ไม่เหงา พวกเพื่อน ๆ มันก็ควงแฟนกันไปหมด พี่ยังไม่มีใคร ไปคนเดียวก็ตะหงิด ๆ เราจะอยู่ในงานกันสักพักก็ได้ แล้วถ้าลิลอยากไปเที่ยวหรือไปกินอะไรเป็นพิเศษ พี่ค่อยพาไป...”อรรณพมองลลิลอย่างคาดหวัง จะว่าไปเขาก็เลียบเคียงหญิงสาวมานานแล้วแต่เธอไม่เคยรู้ตัว เห็นทีหนนี้ต้องแสดงออกไปให้ชัด ๆ จะได้รู้ว่าเขาสนใจเธอ“คือว่าลิล...”“อ้าว! คุณ...มาอยู่นี่นี่เอง คุณดาด้าเขาตามหาคุณอยู่น่ะ”เสียงดังทร
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น”“ไม่คิด แต่ก็ทำอยู่”“แต่ผู้หญิงทุกคนรวมถึงคุณเมลิสา ต่างก็คบกับผมโดยที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่มีใครเอาเปรียบใคร มันเป็นข้อตกลงของเราสองคน”“คุณพูดเหมือนไม่เคยรักใคร เพราะถ้าคุณรักใครคุณก็คงจะเข้าใจว่าทำไมฉันบอกว่าคุณใจร้าย”เลอองหัวเราะอีก“ความรักน่ะหรือ...ไร้สาระน่า คุณนี่ไร้เดียงสากว่าที่ผมคิดอีกนะ”“ความรักเป็นเรื่องไร้สาระงั้นหรือคะ”“ก็ไม่เชิง...แค่ผมไม่สนใจ”ลลิลแสร้งถอนหายใจอย่างหนักหน่วง มองเขาเหมือนเห็นใจอย่างสุดซึ้ง“ฉันสงสารผู้หญิงของคุณจังเลย ที่ต้องคบหากับผู้ชายที่ไม่รู้จักความรัก เพราะผู้หญิงพวกนั้นก็คงจะไม่มีวันได้รับความรักจากคนอย่างคุณ”เลอองยังยิ้ม แต่แววตากระด้างขึ้น เขาชะโงกหน้ามากระซิบ“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงที่คบหากับผมเขาต้องการความรัก...สิ่งที่ผมให้กับพวกเธอเหล่านั้นมันสำคัญแล้วก็...เร้าใจ...ยิ่งกว่าความรักเสียอีก ถ้าพูดขนาดนี้แล้วคุณยังไม่เข้าใจ ไว้สักวันผมจะสาธิตให้ดูเอาไหมล่ะว่าอะไรที่มันน่าสนใจกว่าความรักเพ้อ ๆ ที่คุณว่ามานั่น”ลลิลอึ้ง เขาจงใจกวาดสายตามองเธอเหมือนจะให้ทะลุเข้าไปในเนื้อผ้า“ทุเรศ น่ารังเกียจ!”“ไม่เคยมีใครบอกว่
ลลิลเกริ่นเรื่องหางานใหม่กับมาลินี...และดูว่าแม่ของเมลิสาจะยินดีกับข่าวนี้เป็นอันมากเพราะคิดแล้วว่าผู้ช่วยคนใหม่ อย่างไรก็สามารถจ่ายค่าจ้างได้ถูกกว่าที่จ่ายให้ลลิลแน่ ๆ“ไว้แกรอให้ฉันหาคนใหม่มาให้ลูกเมได้ก่อนก็แล้วกันนะ แล้วค่อยลาออกไป...”“ได้ค่ะคุณมาลินี”“ว่าแต่แกจะไปทำมาหากินอะไร มีงานใหม่ที่ไหนแล้วหรือ”“ยังหรอกค่ะ...ไว้คุณมากับคุณเมหาคนใหม่ได้แล้ว ลิลค่อยมองหางานใหม่ก็แล้วกันค่ะ”“ก็ดี...”มาลินีตอบสั้น ๆ ระยะเวลายาวนานที่หญิงสาวคนนี่้รับใช้ครอบครัวของเธอมาไม่ได้ทำให้เกิดความอาลัยอาวรณ์เลยสักนิด ลลิลนึกน้อยใจอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ยิ่งทำให้มั่นใจว่าดีแค่ไหนแล้วที่คิดจะออกจากบ้านหลังนี้ เพราะคงไม่มีใครนึกเห็นคุณค่าในตัวเธอขึ้นมาได้แม้จะอยู่ไปจนตายก็ตามแม้แต่เมลิสาเมื่อได้ทราบว่าลลิลอาจจะลาออกในไม่ช้า ก็ยังไม่แม้แต่พูดจารั้งไว้ เพราะเธอกำลังคลั่งไคล้ใหลหลงอยู่กับเลอองจนไม่สนใจเรื่องอื่น...ชีวิตของผู้หญิงอย่างลลิลนี่มันช่างต่ำต้อยจนหาคนมาใยดีไม่ได้เลยจริง ๆ...* * * * *นิตยสารรับสมัครงานเล่มโตถูกกางเต็มโต๊ะเล็ก ๆ ในร้านกาแฟหอมกรุ่นแห่งนั้น ลลิลกำลังนั่งเปิดพลิกทีละหน้าอย่างพินิจพิ
“ดูคุณยังเป็นกังวลนะ เลออง”โรเบิร์ตเอ่ยเสียงเรียบหลังจากสังเกตเห็นว่าตั้งแต่กลับเข้าห้องพักมาในเวลาเกือบสองทุ่ม ชายหนุ่มก็เอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด สลับถอนหายใจหนัก ๆ เป็นอย่างนี้มาเกือบชั่วโมงแล้ว“ถ้าเป็นเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว เพราะว่า...”“ขอบคุณมากครับลุง เรื่องนั้นผมวางใจลุงเสมอ”เลอองชิงบอกก่อน“ถ้าอย่างนั้น ผมควรจะทราบหรือไม่ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้คุณกลุ้มอกกลุ้มใจมากขนาดนี้”“มัน...ชัดเจนมากเลยหรือครับ”“พอสมควร”เลขาฯ วัยหกสิบเลื่อนสมุดปกหนังไปอีกทาง และประสานมือใต้คาง เป็นกริยาที่เขามักทำเวลาจะตั้งใจรับฟังเรื่องที่สำคัญของเลอองท่าทางแบบนี้ทำให้เลอองไว้ใจโรเบิร์ตมาเสมอ แต่แปลก...ครั้งนี้เขากลับลังเลที่เอ่ย“คือ...ผมรู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ”เลอองเกริ่น ก่อนจะเล่าเรื่องที่ลลิลฉีกเช็คที่เขามอบให้เธอให้โรเบิร์ตฟังคนเป็นเลขาฯ ปล่อยให้เจ้านายเล่าจนจบ นึกแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นเลอองเก็บเรื่องเล็กน้อยแบบนี้มาเป็นกังวลแต่ก็ไม่เอ่ยถึงข้อสังเกตนี้ออกไปได้แต่ออกความเห็นอย่างเป็นกลาง“คุณผู้ช่วยคนนั้น เธออาจนึกไม่ถึงว่าจะได้รับคำขอบคุณด้วยวิธีนั้น"“ผมไม่ได้คิดจะดูถูกเธอแม้
วินาทีถัดมานาตาเลียก็ถูกรวบตัวโดยบอดี้การ์ดร่างใหญ่อีกสองคนที่สมทบมาติด ๆ ขวดแก้วในมือเธอร่วงหล่นแตกกระจาย แต่ของเหลวข้างในนั้นถูกสาดออกไปหมดแล้ว“คุณผู้หญิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”บอดี้การ์ดคนหนึ่งรีบถามลลิลที่ยังยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น...ลลิลไม่ทันตอบได้แต่ก้มดูแขนของตัวเองที่เริ่มแสบเป็นรอยแดง...ครึ่งชั่วโมงต่อมา หญิงสาวก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน* * * * *นาตาเลียเอาแต่นั่งร้องไห้เมื่อถึงมือตำรวจ นางแบบสาวสารภาพว่าติดยากล่อมประสาทจนพักหลังทำงานไม่ค่อยได้ทำให้ไม่ค่อยมีงานเข้ามาเหมือนแต่เคย รวมกับอีกหลาย ๆ เรื่องก็ทำให้เธอเครียดจนไม่รู้ว่าทำมันไปได้อย่างไร เธอสารภาพว่าตั้งใจจะเอาน้ำกรดไปสาดใส่ผู้หญิงคนใหม่ของเลออง ก็คือเมลิสาไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย ที่คนที่รับเคราะห์นั้นไปแทนคือผู้ช่วยของเมลิสา...ก็คือลลิล แต่อาจเป็นโชคดีของนาตาเลียก็ได้ เพราะถ้าเมลิสาบาดเจ็บแม้เพียงปลายเส้นผม รับรองว่าเธอคงจะโดนฟ้องชนิดไม่ให้ได้ผุดได้เกิดเลอองพาเมลิสาไปนั่งสงบสติอารมณ์ และคุยกับเธออยู่นาน กว่าจะออกมาบอกว่าเมลิสาและเขาจะไม่แจ้งความ และฝากให้มือขวาอย่างโรเบิร์ตจัดการเรื่องให้จบโดยเงียบ
“นาตาเลีย... ผมไม่คิดว่าจะได้พบคุณอีกที่นี่”คิ้วเข้มของเลออง เดอ วีแลล ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยตอนที่โรเบิร์ตบอกว่านางแบบสาวชาวรัสเซีย อดีตคู่นอนคนล่าสุดของชายหนุ่มมาขอพบเป็นการส่วนตัวเลอองแปลกใจเพราะคิดว่าหญิงสาวกลับบ้านที่รัสเซียหรือไม่ก็กลับไปทำงานที่ฝรั่งเศสต่อเพราะโมเดลลิ่งต้นสังกัดของหญิงสาวอยู่ที่ปารีส แต่ไม่คิดว่าเธอจะกลับมาเมืองไทยเพื่อตั้งใจมาหาเขาแบบนี้นาตาเลียยิ้มหวาน แว่นตากันแดดอำพรางอยู่เกือบครึ่งใบหน้า เธอหวังว่าเขาจะชวนเธอขึ้นไปพบบนห้องพักชั้นพิเศษ...ห้องที่เธอกับเขาเคยมีกิจกรรมที่เร่าร้อนต่อกัน... แต่โรเบิร์ตกลับบอกว่าเลอองสั่งให้เธอมารอที่ห้องอาหารของโรงแรมแล้วเขาจะลงมาหาเอง แม้จะเป็นห้องรับรองแขกระดับวีไอพี...แต่สำหรับคนที่เคยนอนบนเตียงเดียวกับเลออง เดอ วีแลล มาแล้วด้วยซ้ำ การกระทำเช่นนี้ก็บอกได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของเขาและเธอเหลือเพียงอะไร“ช่วงนี้ฉันพอจะมีเวลาว่างค่ะ ก็เลยกลับมาพักร้อนที่เมืองไทย ทราบว่าช่วงนี้คุณก็ยังทำงานอยู่ที่นี่ ยังไม่ได้ไปที่อื่น ก็เลย...เอ่อ...อยากแวะมาหา...ฉันคิดถึงคุณค่ะ”&ldquo
ทีมงานแทบทุกคนในเช้าวันนั้นต้องอ้าปากค้างกันถ้วนหน้าเมื่อเห็นแลมโบกินีสีขาวแล่นทะยานมาจอดริมหาดส่วนตัวที่กำลังถูกเซ็ตเป็นสถานที่ถ่ายแฟชั่นของวันนี้ไม่ใช่เพราะรถหรูที่ทำให้ตกตะลึง แต่เป็นเพราะคนที่ก้าวลงจากรถคือชายหนุ่มรูปงามปานเทพบุตรผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วไปในวงสังคมและอีกนางหนึ่งก็คือนางแบบคนดังเจ้าของเซ็ตแฟชั่นของวันนี้“เสร็จงานแล้วโทรหาผมนะ ผมจะมารับ”“ขอบคุณค่ะ”เมลิสาส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มกลับไปให้“หนูเม๊...”ศักดารัณส่งเสียงแหลมปรี๊ดปรี่เข้ามาหาทันทีที่แลมโบกินีสีขาวคันนั้นแล่นจากไป เมลิสาหยิบแว่นตาดำอันใหญ่ขึ้นสวมและวางสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คนใกล้ชิดอย่างผู้จัดการส่วนตัวย่อมดูออก นางแบบสาวดูอิ่มอกอิ่มใจและมีความสุขยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด“ต๊าย...ขอพักร้อนแค่ไม่กี่วัน ก้าวหน้ากว่าที่คิดนะคะเนี่ย”“ไม่มีอะไรสักหน่อยค่ะพี่ดาด้า ก็แค่...คุยกัน”“คุยเรื่องอะไรแล้วคุยกันท่าไหนหรือคะ ถึงกับต้องมาส่งกันแต่เช้าตรู่แบบไม่ยอมให้ตัวอยู่ห่า
วันสุดท้ายของแฟชั่นวีคที่จัดขึ้นในประเทศไทย นางแบบชั้นนำหลายสิบชีวิตมารวมกันอยู่ที่เวทีนี้เช่นเดียวกับดีไซน์เนอร์นับสิบคนที่ต่างก็มีชื่อเสียงและมีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล...เมื่อต้องเริ่มนาทีทำงาน เมลิสาก็จะวางทุกเรื่องราวเอาไว้ได้ก่อนเสมอ... ครั้งนี้ก็เช่นกัน เสร็จจากงานเดินแบบสามวันนี้เธอตั้งใจจะหลบไปพักผ่อนต่างประเทศสักสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับว่าผู้จัดการส่วนตัวของเธอจะจัดการคิวงานให้ลงตัวได้หรือยัง...ผู้ช่วยผู้กำกับเวทีร้องเรียกนางแบบคิวต่อไป เมลิสาเดินออกไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเฉิดฉายสมกับที่เป็นนางแบบค่าตัวราคาแพง แน่นอนว่าชุดฟินาเล่ของวันนี้ก็เป็นเธอที่เป็นคนสวมใส่... เมลิสาเปลี่ยนชุดและออกไปเดินโชว์เสื้อผ้าอยู่อีกหลายชุดจนกระทั่งถึงชุดสุดท้าย เสียงปรบมือกึกก้องให้กับดีไซน์เนอร์คนเก่งโดยมีเมลิสาที่สวมใส่ชุดของเขายืนโพสท่าอยู่ชิดใกล้...แสงไฟแฟลชวูบวาบไปหมด...เมลิสามองไปรอบๆ ด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วก็ประสานสายตาเข้ากับเขา...เลออง...!เขานั่งอยู่แถวหน้าของวีไอพี พยักหน้าทักทายเธอเล็กน้อย เมลิสาสูดลมหายใจลึก...พยายามตั้
ข่าวการเซ็นสัญญาของเมลิสากับแกรนด์ไดมอนด์เป็นข่าวใหญ่ทั้งหนังสือพิมพ์บันเทิงและธุรกิจ โดยเฉพาะเมื่อมีชื่อของนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่างมิสเตอร์วีแลลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คนที่ดีใจที่สุดนอกจากเมลิสาเองก็ไม่พ้นมาลินีและศักดารัณผู้จัดการส่วนตัวที่จะได้ส่วนแบ่งมหาศาลจากการรับงานครั้งนี้แต่เมลิสาไม่ได้ใส่ใจตัวเลขเลย ใครจะรู้ว่าเธออาจจะยอมรับทำงานนี้แบบไม่คิดค่าตัวด้วยซ้ำ ขอเพียงแต่...ใบหน้าหล่อเหลาของเลอองผุดวาบขึ้นมา เมลิสาไม่กล้าจินตนาการต่อ แต่พยายามมุ่งมั่นรวบรวมสมาธิต่อไประหว่างถ่ายแบบ“คุณแม่คิดเหมือนพี่คุณดาหรือเปล่าคะ ว่าหมู่นี้ราศีคุณน้องเมนี่เจิดจรัสมาก และดูเปล่งประกายระยิบระยับอย่างไรชอบกล”“ก็แน่สิจ๊ะดาด้า ถ้าไม่เด่นไม่เริ่ด แล้วน้องเมของเราจะได้งานนี้หรือ”มาลินีเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ หล่อนมัวแต่ดีใจกับตัวเลขและเงื่อนไขในสัญญาจนลืมที่จะสังเกตว่าลูกสาวเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ศักดารัณเท่านั้นที่ตาไวดูออกว่ามีอะไรแปลก ๆ แต่เขาก็บอกไม่ถูกว่าเธอเปลี่ยนไปอย่างไร“เยี่ยม สวยมากครับ สวยมาก”ช่างภาพอันดับหนึ่งของเมืองไทยกล่าวชมไม่ขาดปากเมื่อยามที่เมลิสาโพสต์ท่าหน้ากล้อง เขาเคยถ่ายภาพให้เมลิสามา