ค่ำนั้น เลอองเปิดบาร์ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมเพื่อจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ เป็นกันเองโดยมีนางแบบสาวทั้งห้าเและบรรดาผู้จัดการส่วนตัวของพวกเธอเป็นแขกรับเชิญ บาร์แห่งนี้เพิ่งได้รับการยอมรับให้เป็นบาร์เปิดโล่งที่สูงที่สุดในประเทศไทย จากชั้นนี้มองลงไปจะเห็นแสงไฟเบื้องล่างพัวพันเป็นเส้นสายเหมือนสายสร้อยอัญมณีที่ส่องประกายได้ในตัวเอง
นางแบบสาวทุกคนมาในเครื่องแต่งกายที่สะท้อนสไตล์ของตัวเอง ดูสวยและโดดเด่นกันไปคนละแบบ แต่ละคนก็เหมาะสมกับที่ได้รับคัดเลือกมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแกรนด์ไดมอนด์ แต่คนที่เลอองเผลอมองบ่อยที่สุดคงไม่พ้นเมลิสา...
เขามีความกระหายใคร่รู้เหลือเกินว่าตัวตนที่แท้จริงของหญิงสาวคนนั้นจะเป็นเหมือนอย่างที่เห็นภายนอกหรือว่าจะแตกต่างโดยสิ้นเชิง...
ค่ำคืนนี้เมลิสาอยู่ในชุดเดรสสั้นสีแดงเลือดนกเปิดไหล่ข้างเดียว สีแดงของชุดตัดกับผิวขาวราวน้ำนม คอระหงเปลือยเปล่า หากกำไลประดับพลอยที่ข้อมือดูเก๋ไก๋และพอเหมาะพอดีที่สุดสำหรับชุดนี้ ไม่มาก ไม่น้อย หญิงสาวแต่งตัวดีมีสไตล์จนเลอองนึกชื่นชมในใจ
ชายหนุ่มมีกฎที่จะไม่ยุ่งกับนางแบบที่มาทำงานให้บริษัทของตัวเอง แต่ดูเหมือนครั้งนี้เขาจะต้องต่อสู้กับจิตใจตัวเองไม่น้อย...
“เม...พี่เห็นคุณเลอองมองหล่อนอีกแล้วล่ะ”
ศักดารัณลอบกระซิบ เมลิสาเลิกคิ้ว สีหน้ากึ่งจะเรียบเฉย
“แล้วแปลกตรงไหนล่ะคะ ก็เขากำลังจะเลือกนางแบบ ไม่ให้มองเมแล้วจะมองพี่ด้าหรือไง”
“แหม พี่บอกว่าแปลกเพราะเขาไม่ได้มองธรรมดา แต่มองอย่างมีเลศนัยอย่างไรพิกล...”
“คิดไปเองน่าพี่ด้า”
เมลิสาติง หล่อนไม่คิดว่าผู้ชายที่อยู่ในสถานะอย่างเลอองจะทำกรุ้มกริ่มกับสาวคนไหนให้ใครต่อใครจับได้...แม้ก่อนหน้าที่จะได้เจอหน้าเขาเธอจะปรามาสเขาไว้เรื่องข่าวลือที่เขาต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อผู้หญิง แต่เมื่อได้พบตัวจริงของเขา ความคิดนั้นก็หายวับไปทันที เพราะตัวจริงของเขาห่างไกลจากที่เธอจินตนาการไว้ราวฟ้ากับเหว...
เพียงได้พบกันครั้งแรก เมลิสาก็สัมผัสได้ทันทีว่าผู้ชายคนนั้นมีพลังและเสน่ห์อันรุนแรงฉายชัดออกมาจากเนื้อตัวมากมายแค่ไหน ไม่แปลกหากใครจะหลอมละลายเพียงถูกผู้ชายคนนี้จ้องมอง แต่เมลิสาผู้เย่อหยิ่งไม่อยากตกเป็นฝ่ายถูกหลอมเสียเอง หล่อนจึงไม่อยากจะปรายตาไปทางชายหนุ่มให้นานกว่าการสบตายามสนทนากับ “ว่าที่นายจ้าง” เป็นครั้งคราว
อีกทั้งนางแบบสาวยังคิดว่า ความสวยของเธอคงไม่ได้เป็นที่ตื่นตาตื่นใจของเขาเท่าใด แม้จะมั่นใจว่าตัวเองไม่น้อยหน้าไปกว่าใครในเรื่องรูปร่างหน้าตา หากก็ฉลาดพอจะรู้ว่าผู้ชายระดับเลอองคงพบเจอผู้หญิงสวยมาสารพัดรูปแบบ คร้านจะเบื่อ
แต่เมื่อศักดารัณมากระซิบกระซาบย้ำเช่นนั้น ส่วนลึกของเมลิสาก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้ว่า...จริงหรือเปล่าที่เขาจะมองเธอด้วยสายตาพิเศษ เมลิสาจึงเผลอมองไปทางเลอองบ่อยขึ้น เขาช่างยิ้มแย้มเป็นกันเองกับทุกคนเท่าเทียมกัน แวบหนึ่งที่เลอองเหมือนรู้ตัว เลื่อนสายตามาประสานกับเธอชั่วขณะที่เขายังยืนคุยกับแขกอีกคนหนึ่ง
เป็นนางแบบสาวเองที่หลบสายตาวูบ...
เธออยากจะแน่ใจ... สายตาของนักธุรกิจหนุ่มมีบางอย่างที่มากไปกว่าแค่การที่นายจ้างจะประเมินลูกจ้าง
เลอองจงใจยิ้มให้เมลิสา ผู้หญิงที่เขาตัดสินจากภาพถ่ายว่า เธอมีเสน่ห์ของเพศหญิงได้อย่างเป็นธรรมชาติ หากเมื่อพบตัวจริง เขาพบว่าภาพถ่ายแทบจะถ่ายทอดความเย้ายวนของตัวจริงออกมาไม่ได้แม้สักเสี้ยว
วูบนั้นที่ได้สบสายตากับเมลิสา เลอองนึกอยากยอมแพ้ให้กฎเหล็กของตัวเอง...
เขาอยากได้ตัวหญิงสาวคนนี้มาเชยชม !
**
“อยากกินข้าวกับเมเป็นการส่วนตัว! พี่ด้าพูดจริงหรือคะ!”
เมลิสาที่กำลังจ๊อกกิ้งบนเครื่องวิ่งสายพานจนเหงื่อผุดพราวตามใบหน้าและไรผม ถึงกับชะลอฝีเท้าทันทีที่ได้ยินศักดารัณนำข่าวนี้มาบอก
“ใช่แล้วค่ะ เจาะจงมาเลยว่าอยากดินเนอร์แบบไพรเวต ส่วนตั๊วส่วนตัวกับคุณน้องเมลิสาคนงามของพี่คนนี้คนเดียวเท่านั้น”
ผู้จัดการหนุ่มใหญ่ยืนถือขวดน้ำและผ้าขนหนูให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ กล่าวยืนยันด้วยสีหน้าตื่นเต้นราวกับได้รับเชิญเสียเอง เมลิสาเม้มปาก พยายามเก็บงำความรู้สึกไว้ ยังไม่ตอบอะไรแต่กลั้นใจขึ้นวิ่งต่อจนครบกำหนดเวลาจึงค่อยก้าวลง รับผ้ามาซับเหงื่อและรับน้ำแร่มาจิบ
“น้องเมจะว่ายังไงคะ อยากไปพบเขาหรือเปล่า”
“แล้วเมควรจะไปหรือเปล่าล่ะคะ” เมลิสาย้อนถาม “บอกตามตรงว่าเมกลัวจะมีข่าวเสียหาย”
“คุณเลอองเขาทราบความลำบากใจของน้องเมดี เขารับปากว่าจะไม่มีข่าวเล็ดลอดออกไปได้อย่างแน่นอนเพราะที่นั่นคือโรงแรมของเขาเอง รับรองว่าทุกอย่างจะเป็นส่วนตัวและเป็นยิ่งกว่าความลับ...”
นางแบบสาวยังดูลังเล ศักดารัณจึงคะยั้นคะยอเพิ่มไปอีก...
“น้องเมอาจจะลืมไปแล้วว่า คุณเลอองคนนี้ไม่ได้มีแค่กิจการเครื่องประดับ แต่ธุรกิจหลัก ๆ ของเขาคือโรงแรม อสังหาริมทรัพย์และมีชื่อเสียงโด่งดังในอีกหลายวงการ ถ้าระดับเขายังเลือกน้องเม พี่ว่านิตยสารที่ฝรั่งเศสก็คงต้องจับตาดูน้องเมของพี่เหมือนกัน”
“แต่เขาไม่ได้เลือกเมไปเป็นนางแบบนี่คะ แค่ชวนเมไปดินเนอร์”
“โถ่...ซื่อจริง ๆ น้องเมขา ก็ถ้าเขาชวนไปกินข้าวกันตามลำพังแบบนั้นแล้ว นับประสาอะไรกับจะให้เป็นนางแบบล่ะคะ...ถึงเวลานั้นพี่เชื่อว่าน้องเมก็น่าจะสามารถทำให้เขาประทับใจจนยอมเลือกเราเป็นแบบให้...ไม่ใช่หรือคะ”
“งั้นก็...ตกลงค่ะ”
เมลิสารับคำเบา ๆ ศักดารัณอยากจะกรี๊ดออกมาแต่อดใจไว้ ดีอกดีใจยิ่งกว่าคนที่ได้รับเชิญไปเองเสียอีก
แต่คนที่ไม่ค่อยสบายใจเลยกับเรื่องนี้กลับเป็นมาลินี...
“แน่ใจหรือลูกเมว่าหนูจะไปจริง ๆ”
คนเป็นแม่ถามเสียงเครียด มองดูลูกสาวแต่งตัวโดยมีลลิลช่วยอยู่เงียบ ๆ ตามเดิม
“ก็ไหนดาด้าเขาเคยบอกว่า มิสเตอร์คนนี้เป็นเสือผู้หญิง แล้วนี่จู่ ๆ นึกยังไงถึงเปลี่ยนใจให้ลูกแม่ยอมรับนัด...”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณแม่ รับนัดตามมารยาทก็เท่านั้น”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แม่เป็นห่วง ไม่ชอบให้ใครมาทำเหมือนลูกสาวของแม่เป็นของเล่น”
เมลิสาหัวเราะทั้งที่มารดาดูกลัดกลุ้ม มือก็หยิบต่างหูขึ้นมาเทียบดูในกระจก
“แม่คิดว่าอย่างเขาจะทำอะไรรุ่มร่ามตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันเลยหรือคะ อย่างเขาน่ะไม่ทำหรอกค่ะ”
“ไม่รุ่มร่ามอะไรกัน ถ้าไม่รุ่มร่ามจะกล้าโทรมาชวนไปดินเนอร์เป็นการส่วนตัวอย่างนี้ได้ยังไง”
“ช่วงนี้พี่อั๋นก็งานยุ่งมากเลยสินะคะ”“ก็ประมาณนั้นแหละ แล้วลิลล่ะ เป็นยังไงบ้าง”“ลิลก็เรื่อย ๆ ค่ะ แต่ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะลองหาอะไรใหม่ ๆ ทำดู”“ฮ้า...จริงหรือเปล่า หมายถึงงานใหม่หรือ” “ยังไม่แน่ใจค่ะ พี่อั๋นอย่าเพิ่งบอกใครนะคะ ห้ามเด็ดขาดเลย”“ได้สิ เรื่องของลิล พี่ไม่บอกใครหรอก”แววตาคมจ้องมองมาตรง ๆ และค้างนิ่งอยู่อย่างนั้น ตอนแรกหญิงสาวก็ยิ้มขอบคุณแต่วินาทีต่อมาเริ่มสัมผัสได้ว่าอรรณพมองเธอด้วยสายตาวาววามแปลก ๆ“ลิล สุดสัปดาห์นี้พอจะว่างบ้างมั้ย พวกพี่กับเพื่อนจะไปปาร์ตี้วันเกิดกันที่หัวหิน แต่พี่ไม่อยากไปคนเดียว กำลังหาเพื่อนไปด้วย”ลลิลอึกอัก ไม่รู้จะตอบเขาไปอย่างไร“อย่าคิดมากนะ พี่แค่หาคนไปด้วยจะได้ไม่เหงา พวกเพื่อน ๆ มันก็ควงแฟนกันไปหมด พี่ยังไม่มีใคร ไปคนเดียวก็ตะหงิด ๆ เราจะอยู่ในงานกันสักพักก็ได้ แล้วถ้าลิลอยากไปเที่ยวหรือไปกินอะไรเป็นพิเศษ พี่ค่อยพาไป...”อรรณพมองลลิลอย่างคาดหวัง จะว่าไปเขาก็เลียบเคียงหญิงสาวมานานแล้วแต่เธอไม่เคยรู้ตัว เห็นทีหนนี้ต้องแสดงออกไปให้ชัด ๆ จะได้รู้ว่าเขาสนใจเธอ“คือว่าลิล...”“อ้าว! คุณ...มาอยู่นี่นี่เอง คุณดาด้าเขาตามหาคุณอยู่น่ะ”เสียงดังทร
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น”“ไม่คิด แต่ก็ทำอยู่”“แต่ผู้หญิงทุกคนรวมถึงคุณเมลิสา ต่างก็คบกับผมโดยที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่มีใครเอาเปรียบใคร มันเป็นข้อตกลงของเราสองคน”“คุณพูดเหมือนไม่เคยรักใคร เพราะถ้าคุณรักใครคุณก็คงจะเข้าใจว่าทำไมฉันบอกว่าคุณใจร้าย”เลอองหัวเราะอีก“ความรักน่ะหรือ...ไร้สาระน่า คุณนี่ไร้เดียงสากว่าที่ผมคิดอีกนะ”“ความรักเป็นเรื่องไร้สาระงั้นหรือคะ”“ก็ไม่เชิง...แค่ผมไม่สนใจ”ลลิลแสร้งถอนหายใจอย่างหนักหน่วง มองเขาเหมือนเห็นใจอย่างสุดซึ้ง“ฉันสงสารผู้หญิงของคุณจังเลย ที่ต้องคบหากับผู้ชายที่ไม่รู้จักความรัก เพราะผู้หญิงพวกนั้นก็คงจะไม่มีวันได้รับความรักจากคนอย่างคุณ”เลอองยังยิ้ม แต่แววตากระด้างขึ้น เขาชะโงกหน้ามากระซิบ“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงที่คบหากับผมเขาต้องการความรัก...สิ่งที่ผมให้กับพวกเธอเหล่านั้นมันสำคัญแล้วก็...เร้าใจ...ยิ่งกว่าความรักเสียอีก ถ้าพูดขนาดนี้แล้วคุณยังไม่เข้าใจ ไว้สักวันผมจะสาธิตให้ดูเอาไหมล่ะว่าอะไรที่มันน่าสนใจกว่าความรักเพ้อ ๆ ที่คุณว่ามานั่น”ลลิลอึ้ง เขาจงใจกวาดสายตามองเธอเหมือนจะให้ทะลุเข้าไปในเนื้อผ้า“ทุเรศ น่ารังเกียจ!”“ไม่เคยมีใครบอกว่
ลลิลเกริ่นเรื่องหางานใหม่กับมาลินี...และดูว่าแม่ของเมลิสาจะยินดีกับข่าวนี้เป็นอันมากเพราะคิดแล้วว่าผู้ช่วยคนใหม่ อย่างไรก็สามารถจ่ายค่าจ้างได้ถูกกว่าที่จ่ายให้ลลิลแน่ ๆ“ไว้แกรอให้ฉันหาคนใหม่มาให้ลูกเมได้ก่อนก็แล้วกันนะ แล้วค่อยลาออกไป...”“ได้ค่ะคุณมาลินี”“ว่าแต่แกจะไปทำมาหากินอะไร มีงานใหม่ที่ไหนแล้วหรือ”“ยังหรอกค่ะ...ไว้คุณมากับคุณเมหาคนใหม่ได้แล้ว ลิลค่อยมองหางานใหม่ก็แล้วกันค่ะ”“ก็ดี...”มาลินีตอบสั้น ๆ ระยะเวลายาวนานที่หญิงสาวคนนี่้รับใช้ครอบครัวของเธอมาไม่ได้ทำให้เกิดความอาลัยอาวรณ์เลยสักนิด ลลิลนึกน้อยใจอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ยิ่งทำให้มั่นใจว่าดีแค่ไหนแล้วที่คิดจะออกจากบ้านหลังนี้ เพราะคงไม่มีใครนึกเห็นคุณค่าในตัวเธอขึ้นมาได้แม้จะอยู่ไปจนตายก็ตามแม้แต่เมลิสาเมื่อได้ทราบว่าลลิลอาจจะลาออกในไม่ช้า ก็ยังไม่แม้แต่พูดจารั้งไว้ เพราะเธอกำลังคลั่งไคล้ใหลหลงอยู่กับเลอองจนไม่สนใจเรื่องอื่น...ชีวิตของผู้หญิงอย่างลลิลนี่มันช่างต่ำต้อยจนหาคนมาใยดีไม่ได้เลยจริง ๆ...* * * * *นิตยสารรับสมัครงานเล่มโตถูกกางเต็มโต๊ะเล็ก ๆ ในร้านกาแฟหอมกรุ่นแห่งนั้น ลลิลกำลังนั่งเปิดพลิกทีละหน้าอย่างพินิจพิ
“ดูคุณยังเป็นกังวลนะ เลออง”โรเบิร์ตเอ่ยเสียงเรียบหลังจากสังเกตเห็นว่าตั้งแต่กลับเข้าห้องพักมาในเวลาเกือบสองทุ่ม ชายหนุ่มก็เอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด สลับถอนหายใจหนัก ๆ เป็นอย่างนี้มาเกือบชั่วโมงแล้ว“ถ้าเป็นเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว เพราะว่า...”“ขอบคุณมากครับลุง เรื่องนั้นผมวางใจลุงเสมอ”เลอองชิงบอกก่อน“ถ้าอย่างนั้น ผมควรจะทราบหรือไม่ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้คุณกลุ้มอกกลุ้มใจมากขนาดนี้”“มัน...ชัดเจนมากเลยหรือครับ”“พอสมควร”เลขาฯ วัยหกสิบเลื่อนสมุดปกหนังไปอีกทาง และประสานมือใต้คาง เป็นกริยาที่เขามักทำเวลาจะตั้งใจรับฟังเรื่องที่สำคัญของเลอองท่าทางแบบนี้ทำให้เลอองไว้ใจโรเบิร์ตมาเสมอ แต่แปลก...ครั้งนี้เขากลับลังเลที่เอ่ย“คือ...ผมรู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ”เลอองเกริ่น ก่อนจะเล่าเรื่องที่ลลิลฉีกเช็คที่เขามอบให้เธอให้โรเบิร์ตฟังคนเป็นเลขาฯ ปล่อยให้เจ้านายเล่าจนจบ นึกแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นเลอองเก็บเรื่องเล็กน้อยแบบนี้มาเป็นกังวลแต่ก็ไม่เอ่ยถึงข้อสังเกตนี้ออกไปได้แต่ออกความเห็นอย่างเป็นกลาง“คุณผู้ช่วยคนนั้น เธออาจนึกไม่ถึงว่าจะได้รับคำขอบคุณด้วยวิธีนั้น"“ผมไม่ได้คิดจะดูถูกเธอแม้
วินาทีถัดมานาตาเลียก็ถูกรวบตัวโดยบอดี้การ์ดร่างใหญ่อีกสองคนที่สมทบมาติด ๆ ขวดแก้วในมือเธอร่วงหล่นแตกกระจาย แต่ของเหลวข้างในนั้นถูกสาดออกไปหมดแล้ว“คุณผู้หญิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”บอดี้การ์ดคนหนึ่งรีบถามลลิลที่ยังยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น...ลลิลไม่ทันตอบได้แต่ก้มดูแขนของตัวเองที่เริ่มแสบเป็นรอยแดง...ครึ่งชั่วโมงต่อมา หญิงสาวก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน* * * * *นาตาเลียเอาแต่นั่งร้องไห้เมื่อถึงมือตำรวจ นางแบบสาวสารภาพว่าติดยากล่อมประสาทจนพักหลังทำงานไม่ค่อยได้ทำให้ไม่ค่อยมีงานเข้ามาเหมือนแต่เคย รวมกับอีกหลาย ๆ เรื่องก็ทำให้เธอเครียดจนไม่รู้ว่าทำมันไปได้อย่างไร เธอสารภาพว่าตั้งใจจะเอาน้ำกรดไปสาดใส่ผู้หญิงคนใหม่ของเลออง ก็คือเมลิสาไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย ที่คนที่รับเคราะห์นั้นไปแทนคือผู้ช่วยของเมลิสา...ก็คือลลิล แต่อาจเป็นโชคดีของนาตาเลียก็ได้ เพราะถ้าเมลิสาบาดเจ็บแม้เพียงปลายเส้นผม รับรองว่าเธอคงจะโดนฟ้องชนิดไม่ให้ได้ผุดได้เกิดเลอองพาเมลิสาไปนั่งสงบสติอารมณ์ และคุยกับเธออยู่นาน กว่าจะออกมาบอกว่าเมลิสาและเขาจะไม่แจ้งความ และฝากให้มือขวาอย่างโรเบิร์ตจัดการเรื่องให้จบโดยเงียบ
“นาตาเลีย... ผมไม่คิดว่าจะได้พบคุณอีกที่นี่”คิ้วเข้มของเลออง เดอ วีแลล ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยตอนที่โรเบิร์ตบอกว่านางแบบสาวชาวรัสเซีย อดีตคู่นอนคนล่าสุดของชายหนุ่มมาขอพบเป็นการส่วนตัวเลอองแปลกใจเพราะคิดว่าหญิงสาวกลับบ้านที่รัสเซียหรือไม่ก็กลับไปทำงานที่ฝรั่งเศสต่อเพราะโมเดลลิ่งต้นสังกัดของหญิงสาวอยู่ที่ปารีส แต่ไม่คิดว่าเธอจะกลับมาเมืองไทยเพื่อตั้งใจมาหาเขาแบบนี้นาตาเลียยิ้มหวาน แว่นตากันแดดอำพรางอยู่เกือบครึ่งใบหน้า เธอหวังว่าเขาจะชวนเธอขึ้นไปพบบนห้องพักชั้นพิเศษ...ห้องที่เธอกับเขาเคยมีกิจกรรมที่เร่าร้อนต่อกัน... แต่โรเบิร์ตกลับบอกว่าเลอองสั่งให้เธอมารอที่ห้องอาหารของโรงแรมแล้วเขาจะลงมาหาเอง แม้จะเป็นห้องรับรองแขกระดับวีไอพี...แต่สำหรับคนที่เคยนอนบนเตียงเดียวกับเลออง เดอ วีแลล มาแล้วด้วยซ้ำ การกระทำเช่นนี้ก็บอกได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของเขาและเธอเหลือเพียงอะไร“ช่วงนี้ฉันพอจะมีเวลาว่างค่ะ ก็เลยกลับมาพักร้อนที่เมืองไทย ทราบว่าช่วงนี้คุณก็ยังทำงานอยู่ที่นี่ ยังไม่ได้ไปที่อื่น ก็เลย...เอ่อ...อยากแวะมาหา...ฉันคิดถึงคุณค่ะ”&ldquo
ทีมงานแทบทุกคนในเช้าวันนั้นต้องอ้าปากค้างกันถ้วนหน้าเมื่อเห็นแลมโบกินีสีขาวแล่นทะยานมาจอดริมหาดส่วนตัวที่กำลังถูกเซ็ตเป็นสถานที่ถ่ายแฟชั่นของวันนี้ไม่ใช่เพราะรถหรูที่ทำให้ตกตะลึง แต่เป็นเพราะคนที่ก้าวลงจากรถคือชายหนุ่มรูปงามปานเทพบุตรผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วไปในวงสังคมและอีกนางหนึ่งก็คือนางแบบคนดังเจ้าของเซ็ตแฟชั่นของวันนี้“เสร็จงานแล้วโทรหาผมนะ ผมจะมารับ”“ขอบคุณค่ะ”เมลิสาส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มกลับไปให้“หนูเม๊...”ศักดารัณส่งเสียงแหลมปรี๊ดปรี่เข้ามาหาทันทีที่แลมโบกินีสีขาวคันนั้นแล่นจากไป เมลิสาหยิบแว่นตาดำอันใหญ่ขึ้นสวมและวางสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คนใกล้ชิดอย่างผู้จัดการส่วนตัวย่อมดูออก นางแบบสาวดูอิ่มอกอิ่มใจและมีความสุขยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด“ต๊าย...ขอพักร้อนแค่ไม่กี่วัน ก้าวหน้ากว่าที่คิดนะคะเนี่ย”“ไม่มีอะไรสักหน่อยค่ะพี่ดาด้า ก็แค่...คุยกัน”“คุยเรื่องอะไรแล้วคุยกันท่าไหนหรือคะ ถึงกับต้องมาส่งกันแต่เช้าตรู่แบบไม่ยอมให้ตัวอยู่ห่า
วันสุดท้ายของแฟชั่นวีคที่จัดขึ้นในประเทศไทย นางแบบชั้นนำหลายสิบชีวิตมารวมกันอยู่ที่เวทีนี้เช่นเดียวกับดีไซน์เนอร์นับสิบคนที่ต่างก็มีชื่อเสียงและมีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล...เมื่อต้องเริ่มนาทีทำงาน เมลิสาก็จะวางทุกเรื่องราวเอาไว้ได้ก่อนเสมอ... ครั้งนี้ก็เช่นกัน เสร็จจากงานเดินแบบสามวันนี้เธอตั้งใจจะหลบไปพักผ่อนต่างประเทศสักสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับว่าผู้จัดการส่วนตัวของเธอจะจัดการคิวงานให้ลงตัวได้หรือยัง...ผู้ช่วยผู้กำกับเวทีร้องเรียกนางแบบคิวต่อไป เมลิสาเดินออกไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเฉิดฉายสมกับที่เป็นนางแบบค่าตัวราคาแพง แน่นอนว่าชุดฟินาเล่ของวันนี้ก็เป็นเธอที่เป็นคนสวมใส่... เมลิสาเปลี่ยนชุดและออกไปเดินโชว์เสื้อผ้าอยู่อีกหลายชุดจนกระทั่งถึงชุดสุดท้าย เสียงปรบมือกึกก้องให้กับดีไซน์เนอร์คนเก่งโดยมีเมลิสาที่สวมใส่ชุดของเขายืนโพสท่าอยู่ชิดใกล้...แสงไฟแฟลชวูบวาบไปหมด...เมลิสามองไปรอบๆ ด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วก็ประสานสายตาเข้ากับเขา...เลออง...!เขานั่งอยู่แถวหน้าของวีไอพี พยักหน้าทักทายเธอเล็กน้อย เมลิสาสูดลมหายใจลึก...พยายามตั้
ข่าวการเซ็นสัญญาของเมลิสากับแกรนด์ไดมอนด์เป็นข่าวใหญ่ทั้งหนังสือพิมพ์บันเทิงและธุรกิจ โดยเฉพาะเมื่อมีชื่อของนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่างมิสเตอร์วีแลลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คนที่ดีใจที่สุดนอกจากเมลิสาเองก็ไม่พ้นมาลินีและศักดารัณผู้จัดการส่วนตัวที่จะได้ส่วนแบ่งมหาศาลจากการรับงานครั้งนี้แต่เมลิสาไม่ได้ใส่ใจตัวเลขเลย ใครจะรู้ว่าเธออาจจะยอมรับทำงานนี้แบบไม่คิดค่าตัวด้วยซ้ำ ขอเพียงแต่...ใบหน้าหล่อเหลาของเลอองผุดวาบขึ้นมา เมลิสาไม่กล้าจินตนาการต่อ แต่พยายามมุ่งมั่นรวบรวมสมาธิต่อไประหว่างถ่ายแบบ“คุณแม่คิดเหมือนพี่คุณดาหรือเปล่าคะ ว่าหมู่นี้ราศีคุณน้องเมนี่เจิดจรัสมาก และดูเปล่งประกายระยิบระยับอย่างไรชอบกล”“ก็แน่สิจ๊ะดาด้า ถ้าไม่เด่นไม่เริ่ด แล้วน้องเมของเราจะได้งานนี้หรือ”มาลินีเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ หล่อนมัวแต่ดีใจกับตัวเลขและเงื่อนไขในสัญญาจนลืมที่จะสังเกตว่าลูกสาวเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ศักดารัณเท่านั้นที่ตาไวดูออกว่ามีอะไรแปลก ๆ แต่เขาก็บอกไม่ถูกว่าเธอเปลี่ยนไปอย่างไร“เยี่ยม สวยมากครับ สวยมาก”ช่างภาพอันดับหนึ่งของเมืองไทยกล่าวชมไม่ขาดปากเมื่อยามที่เมลิสาโพสต์ท่าหน้ากล้อง เขาเคยถ่ายภาพให้เมลิสามา