เลโอมองหน้าของเบลล่านิ่งๆ เขายกมือขึ้นจับเส้นผมที่นุ่มสลวยของเธอเบาๆ
“ผิดแล้ว ข้ามิใช่คนที่อ่อนโยนด้วยนิสัยของข้าแล้ว ความอ่อนโยนนั้นเป็นเพียงสิ่งที่ฉาบเอาไว้ที่เปลือกนอกเท่านั้น..” เบลล่ายกยิ้ม เธอยกมือขึ้นมาโอบกอดเขา “ท่านจะบอกว่าความอ่อนโยนของท่าน เอาไว้ใช้ล่อลวงข้างั้นหรือคะ?” เขาก้มหน้าลงจูบที่เส้นผมของเธอ “แล้วหากว่าเป็นเช่นนั้น เจ้าจะรับได้รึเปล่า? หากว่าในครั้งต่อไปข้าไม่คิดจะอ่อนโยนอีกแล้ว?” ใบหน้าที่งดงามของเบลล่านั้นขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ เพราะเธอรู้ว่าสิ่งที่เลโอกำลังพูดถึงนั้น มันหมายถึงอะไร “มันอาจจะแย่สักหน่อยที่ท่านไม่คิดจะอ่อนโยน แต่หากว่านั้นคือความต้องการของท่าน และมันจะทำให้ข้าได้รู้จักอีกด้านที่ท่านซ่อนเอาไว้ข้าก็…ไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องทนรับมัน” “เบล ข้ามิใช่คนใจกว้าง เจ้ารู้นิสัยของข้าดีกว่าใคร ที่ข้ายอมทำเป็นมองไม่เห็นเรื่องเคาน์ทั้งสองคนเพราะข้าเชื่อมั่นในตัวของเจ้า ข้าหวังอย่างยิ่งว่าจะไม่มีใครมายุ่มย่ามกับเจ้าอีกแล้ว” น้ำเสียงที่เจือปนไปด้วยความโกรธของเขา มันทำให้เบลล่ารู้สึกสุขใจ เช่นนั้นในครั้งนี้ เธอควรจะตอบแทนความใจกว้างของเขาสักหน่อย เบลล่ายกมือขึ้นมาโอบคอของเลโอเอาไว้ ก่อนที่เธอจะเริ่มจุมพิตเขาก่อน เลโอมองเธอด้วยสายตาที่ตื่นเต้นและนึกสนุก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาถูกใจการเริ่มก่อนของเธอแค่ไหน “เบล นี่บนโซฟา เราควรจะไปที่เตียง…” เบลล่าถอดกางเกงของเขาออก เธอเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองใบหน้าของเลโออย่างเย้ายวน “วันนี้ข้าคิดว่าเตียงมันกว้างเกินไป ข้าอยากสัมผัสท่านตรงนี้…” เลโอแสยะยิ้มขึ้นมา อ่า..นี่คือเบลล่าในมุมที่เขาไม่รู้จักสินะ เขาทำความเข้าใจได้ไม่ยาก ว่าเธอจะแสดงด้านที่เขาไม่รู้จักออกมาในตอนที่เขานั้นเชื่อฟังและยอมเธอ… เช่นนั้นเขาควรจะเชื่อฟังเธอไปตลอดเลยใช่ไหม? …….. อาเชอร์กระชับเสื้อคลุมนักบวชของเขาแน่น เพราะเขากำลังจะเดินเข้าไปในพระราชวังเพื่อทำพิธีประสาทพรให้กับองค์หญิงที่เกิดจากพระสนมเนเดียร์ และวันนี้เขาก็เห็นในภาพนิมิต ว่าเขาจะได้พบเจอกับโจลี่ สตรีผู้นั้นมีใบหน้าที่งดงามและอ่อนหวาน แต่ในความคิดของอาเชอร์ เขาชอบสตรีที่งดงามและดูฉลาดแถมยังแกมโกงหน่อยๆ อย่างเบลล่ามากกว่า แต่สตรีผู้นั้นมีคนรักที่ดูจะน่ากลัว อาเชอร์คิดว่าเขาสู้บรรดาสามีทั้งหลายของเบลล่าไม่ได้แน่ เขาจึงไม่คิดเอาชีวิตไปเสี่ยงกับความรักที่ดูท่าทางว่าจะมีจุดจบคือความตายแน่นอน !! เพราะฉะนั้นในตอนนี้ก็ควรจะทำตามพรหมลิขิตในชีวิตเขาเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว “โอเว่นมิใช่ตระกูลที่จะทำตามราชโองการโดยง่าย…” “มีผู้ใดที่กล้าขัดคำสั่งของพระองค์ด้วยหรือเพคะ?” เสียงหัวเราะขององค์จักรพรรดิดังขึ้น “คนอื่นข้าไม่รู้ แต่หากว่าเป็นเจ้าตัวแสบเลโอแล้วละก็ เขารู้ว่าข้าจะไม่ทำอะไรเขายังไงล่ะ!!” ใบหน้าที่งดงามของโจลี่นั้นฉายแววไม่พอใจ “บุรุษในราชอาณาจักรมากมาย เหตุใดถึงไปรักคนบ้าเช่นเลโอ” โจลี่คือเด็กหญิงที่เมเบโล่รับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม แกรนด์ดัชเชสเมเบโล่นั้นสนิทกับองค์จักรพรรดิมาก ถือเป็นพระสหายกันเลยก็ว่าได้ ทุกครั้งที่แกรนด์ดัชเชสมาที่พระราชวังก็จะพาโจลี่มาด้วย ทำให้องค์จักรพรรดิเอ็นดูและสนิทสนมกับดรุณีน้อยผู้นี้ “ก็ท่านดยุคเท่มากนี่คะ !!” องค์จักรพรรดิยกยิ้ม “ความรักของเด็กสาวนี่ดูจะมีพลังล้นเหลือเลยนะ ฮะ ฮ่า!!” อาเชอร์ยกมือขึ้นมาประสาทพรให้องค์หญิงน้อยโดยที่เขาได้ยินเสียงขององค์จักรพรรดิพูดคุยกับโจลี่อย่างชัดเจน อาเชอร์เงยหน้าขึ้นมาก็สบสายตากับโจลี่โดยบังเอิญ เขาส่งยิ้มที่ดูมีมารยาทให้กับสตรีที่งดงามผู้นั้น โจลี่มองเขาอยู่ เธอยังคงจับจ้องที่ใบหน้าของเขาด้วยความสงสัย นี่มันจังหวะตกหลุมรักชัดๆ สตรีผู้นั้นกำลังตกหลุมรักเขาอยู่!! อาเชอร์ยกยิ้ม พร้อมทั้งส่งสายตาไปให้โจลี่อีกครั้ง โจลี่ขมวดคิ้ว ก่อนที่เธอจะหันไปคุยกับองค์จักรพรรดิต่อ “ถึงยังไงพระองค์ก็ต้องทำให้ท่านดยุคแต่งงานกับหลานให้ได้นะเพคะ…” “โจลี่ ชายหนุ่มที่หล่อเหลาและดีพร้อมรอบๆ ตัวของเจ้ายังมีอีกมาก ลองมองหาคนอื่นดูก่อนเถิด การแต่งงานถ้าหากว่าต้องเริ่มจากการบังคับ เจ้าก็จะต้องบังคับเขาไปตลอด มันไม่มีทางที่จะเป็นความรักขึ้นมาได้หรอกนะ…” โจลี่ถอนหายใจ ก็เธอรักท่านดยุคไปหมดหัวใจแล้ว จะไปรักใครได้อีก! เธอละสายตาจากใบหน้าขององค์จักรพรรดิไปมองทางอื่น ทว่าสิ่งที่ดึงดูดสายตาของเธอก็คงจะเป็นนักบุญผู้หนึ่งที่กำลังขยิบตาให้เธอ… หน้าตาของเขาก็จัดว่าอยู่ในขั้นที่หล่อเหลา แต่เขาทำตัวแปลกไปสักหน่อย! หลังเสร็จสิ้นพิธีเธอก็ลุกขึ้นเพื่อจะกลับไปยังคฤหาสน์เมเบโล่ ทว่านักบุญผู้นั้นก็เดินเข้ามาหาเธอ “ข้ารู้ว่าเจ้าตกหลุมรักข้า แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้!!” อาเชอร์กล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองอย่างเขินอาย “ใครจะไปตกหลุมรักท่านกัน ประสาท!!” “ไม่เป็นไรหรอกเลดี้ ข้าเข้าใจถึงการเป็นเลดี้ชนชั้นสูง จังหวะที่เราสบตากันมันเป็นจังหวะตกหลุมรักชัดๆ” โจลี่ขมวดคิ้วก่อนที่เธอจะรีบเดินให้ไวขึ้นเพราะเธอไม่อยากจะคุยกับนักบุญที่ดูแปลกประหลาดผู้นี้ “ข้าไม่ได้ตกหลุมรักท่าน ที่ข้ามองท่านตอนที่อยู่ในพิธี ก็เพราะข้าเห็นตาขยิบตารัวๆ มันดูน่าตลกท่านเข้าใจไหม? ข้ามองเพราะมันทุเรศดี ไม่ได้มองเพราะตกหลุมรักท่าน!!” นี่เธอกล้าบอกว่า ท่าขยิบตาพิชิตใจหญิงของเขาทุเรศงั้นเรอะ!! อาเชอร์ไม่ทันได้กล่าวคำใด โจลี่ก็ขึ้นรถม้าไปเสียแล้ว “ข้าจะแนะนำอะไรให้นะ หากว่าท่านนักบุญชอบสตรีสักคนท่านแค่ทำหน้าตาเฉยๆ อยู่นิ่งๆ ก็พอ ไม่ต้องทำท่าขยิบตาและจะให้ดีไม่ต้องพูดคำใดออกมาเลยจะดีมาก!!” อาเชอร์ถึงกับอ้าปากค้าง เขามองรถม้าที่เคลื่อนตัวไปด้วยความเดือดดาลในใจ!! ….. สิ่งที่ทำให้เบลล่าอารมณ์ดีมากที่สุดในตอนนี้ก็คือเหมืองเพชรของเธอ!! เธอกำลังเปิดดูรายละเอียดเกี่ยวกับผลประกอบการที่พ่อบ้านเซนเดอร์ จัดการเขียนรายงานมาให้ เลโอยกมือขึ้นมาเท้าคางมองรอยยิ้มที่แสนสุขของเบลล่า “ข้าคิดว่าเจ้าควรจะซื้อคฤหาสน์ใหม่สักหลัง” เลโอกล่าวพร้อมกับมองไปที่เบลล่า “ข้าก็..คิดอยู่เหมือนกันค่ะ คงจะต้องซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่ๆ สักหลังเพราะต้องประกาศศักดาของเมบิลบ้าง!” เขาก้มหน้าลงไปจูบที่หน้าผากของเบลล่าเบาๆ เลโอชอบที่เรานอนอ่านเอกสาร งานต่างๆ บนเตียง ร่างกายของเรายังคงแนบชิดอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ท่ามกลางอากาศที่เหน็บหนาว เขายังคงเป็นไออุ่นให้เธอได้เป็นอย่างดี “เจ้าไม่คิดจะไปเอาเมเบโล่คืนมางั้นหรือ?” “….ไม่เลยค่ะ หากเกี่ยวกับเมเบโล่ในตอนนี้ข้าคิดเพียงแต่ว่าอยากจะทำลายที่นั่นให้ล่มสลายลงไป” “เบล เมเบโล่นั้นคือตระกูลที่เก่าแก่และมีอำนาจมาอย่างยาวนาน ข้าพูดได้เลยว่าการจะทำให้เมเบโล่ล่มสลายนั้นดูจะเป็นไปได้ยาก…” “ข้าไม่ชอบที่แกรนด์ดัชเชสมาดูถูกท่านแม่ของข้า….” “หากสตรีผู้นั้นดูถูก เจ้าก็แค่พาแม่เจ้าขึ้นไปให้สูงเทียบเคียงหรือว่าสูงกว่าเมเบโล่ซะก็สิ้นเรื่อง” เธอวางกระดาษเหล่านั้นลงบนเตียงแล้วโอบกอดเลโอเอาไว้ เบลล่าหลับตาลงช้าๆ ราวกับว่าเธอกำลังต้องการคำปลอบโยนของเขา “การแต่งงานเป็นดัชเชสของโอเว่นก็ถือเป็นการป้องกันไม่ให้เมเบโล่มาดูถูกได้..ข้าก็แค่อยากจะฝากไว้ให้คิด” เบลล่าหัวเราะร่า “….อ่า ข้าควรจะเก็บข้อเสนอที่น่าสนใจนี่ไปคิดให้ดีเสียแล้ว” เลโอยกยิ้มเขาโอบกอดเบลล่าเอาไว้แน่น ก่อนจะหลับตาลงเพื่อเข้าสู่ห้วงนิทรา ……. “ราชโองการงั้นรึ เจ้าฟังมาผิดรึเปล่า!!” ซี่โน่วางแก้วเหล้าลง เขากล่าวถามลูกน้องของเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าสตรีที่เขารัก สตรีที่งดงามและดีพร้อม จะต้องไปอยู่กับไอ้คนสารเลวอย่างดยุคโอเว่น ไม่ได้ ไม่ได้! ไม่ได้!! เขาไม่อาจปล่อยโจลี่ไปได้จริงๆ เขาหลงรักเธอไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าจะหายใจต่อไปได้ยังไงหากว่าไม่มีเธอ หากว่าเธอไปแต่งงานกับคนอื่น เธอเอง…ก็รักเขาเช่นกันไม่ใช่รึไง!! เราต่างก็รักกัน…เช่นนั้นเขาควรจะพาเธอหนีสิ เราจะหนีไปสร้างครอบครัว และอยู่ด้วยกัน… “เจ้าคือซี่โน่ แลนเดอร์ใช่รึเปล่า?” ซี่โน่เงยหน้าขึ้นมองข้างบนก็เห็นใบหน้าของสตรีที่แลดูงดงามและสูงส่ง เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เธอสวมใส่บ่งบอกได้ดีว่าเธอนั้นคือชนชั้นสูงที่แสนจะร่ำรวย “ข้าเคาน์เตสริชแมน ยินดีที่ได้พบ เจ้าสนใจจะทำงานให้ข้ารึเปล่า?”เบลล่าตื่นขึ้นมากลางดึก ไบรอันยังคงโอบกอดเธอเอาไว้ ส่วนเลโอนอนอีกฝั่งนึกตอนที่ทั้งสองคนมาเจอกันไม่ออกเลย แต่รอยช้ำที่แก้มของไบรอันก็บอกเธอได้ดี ว่ากว่าเลโอจะยอมคงจะตกลงกันนานพอสมควรเธอลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างก่อนจะมองไปด้านล่าง เบลล่ามองฝนที่ยังคงตกลงมาต่อเนื่องอย่างไม่มีทีท่าว่าจะแล้งเธอไม่ชอบเวลาฝนตกเลย มันเหมือนกับว่าบรรยากาศรอบข้างมันเศร้ายังไงไม่รู้เลโอลุกขึ้นจากเตียง เขาเดินมาโอบกอดเธอจากด้านหลัง“นอนไม่หลับอีกแล้วงั้นหรือ ไปเจออะไรที่วิหารมา”เธอถอนหายใจ“ข้าไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ข้าเห็นมันจะเป็นจริงรึเปล่า แต่ในอนาคตที่ไม่รู้ว่าระยะเวลามันจะอีกแค่ไหน ข้าจะตาย…”เบลล่าสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดที่แน่นขึ้นของเลโอ เขาพรมจูบที่ต้นคอของเธอไล่ลงไปจนถึงไหล่“นั่น!..อาจจะมีอะไรผิดพลาด ข้าจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่!”เธอยกมือขึ้นมากุมหน้าเขาเอาไว้“ข้ารู้เลโอ ว่าท่านจะต้องปกป้องข้า ข้าก็ไม่คิดจะยอมรับโชคชะตาเช่นนั้นเหมือนกัน การที่อาเชอร์บอกเรื่องนี้กับข้าแสดงว่าเขาอยากให้ข้าเป็นคนแก้ปัญหา…”“ข้าจะช่วยแก้ปัญหาด้วย!”ไบรอันลุกขึ้น เขาเดินมาหาเบลล่าพร้อมทั้งเอาคางเกยไว้ที่ไหล่ของเธอ“ตอนที่เจ้า
ไบรอันมองเบลล่าอย่างเป็นห่วง เขายกมือขึ้นมาแตะที่หน้าผากของเธอเพราะตอนนี้ใบหน้าของเธอมันกำลังแดง จริงๆ ไม่ใช่แดงแค่หน้าแต่แขนและคอของเธอมันแดงไปหมด“เบล ข้าควรไปตามนักบุญด้านนอกมารักษาเจ้า”“โพชั่นที่อาเชอร์ทำ ไม่มีเวทมนตร์ใดที่สามารถรักษาได้ มีแต่ต้องรอให้มันหายไปเองเท่านั้น!”อาการของเธอดูน่าเป็นห่วงจนไบรอันรู้สึกไม่ดีเลย ใบหน้าที่งดงามของเธอมันบิดเบี้ยวเพราะเธอกำลังเจ็บปวด“ล็อกห้องนี้แล้วพาข้ากลับเมบิล…”ไบรอันอุ้มเธอขึ้นมาเขาพาเธอเดินออกไปพร้อมกับปิดห้องให้เรียบร้อย แล้วรีบอุ้มเบลล่าไปที่รถม้า“อื้อ!!”เขาวางเธอลงบนรถม้า ตอนนี้ใบหน้าของเธอมันชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ“ข้าควรจะตามหมอมารักษาเจ้า”เบลล่าส่ายหน้า“ไม่ต้อง!! ไปตามเลโอมาก็พอ อึก!!”ความปรารถนากำลังโจมตีเธออยากหนักจนขาทั้งสองข้างมันกำลังสั่นเทา เบลล่าสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่จุดกึ่งกลางจนเธอจนต้องหนีบขาเข้าด้วยกัน คอของเธอมันแห้งผาดราวกับว่าเธอกำลังกระหายน้ำ“แกรนด์ดยุคเขาจะรักษาเจ้าได้ยังไง เขาไม่ใช่หมอสักหน่อย”เธอกำลังหงุดหงิด เขาจะถามอะไรมากมายนัก แค่ไปทำตามที่เธอสั่งมันยากนักรึไง!!ไบรอันเห็นตัวของเบลล่ากำลังสั่นเทา
เลโอดึงเบลล่าไปกอด เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความกังวลมากมายจากสายตาของเธอ“เบล ไม่ว่าข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่ ข้าจะเป็นคนปกป้องเจ้าเอง อย่าได้กังวลไปเลย”เธอกำกุญแจในมือเอาไว้แน่น แล้วโอบกอดเลโอ“เลโอ ท่านทำให้ข้ามีแรงสู้ขึ้นมา หากว่าไม่มีท่านข้าอาจจะซื้อเรือสำเภาสักลำแล้วหอบเงินขึ้นเรือหนีไป…”เลโอพรมจูบที่ซอกคอของเธอเบาๆ“เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ตัวเองคิดมากนะเบล ไม่อย่างนั้นตอนที่พบกันครั้งแรกเจ้าไม่กล้ารับงานที่ข้าสั่งไปทำหรอก”ใบหน้าที่งดงามของเบลล่ายกยิ้มขึ้นมา เกือบลืมไปแล้วว่าในตอนแรกเธอและเลโอคือเจ้านายและลูกจ้าง“ยังเจ็บตรงไหนอยู่รึเปล่า?”มือของเขานั้นเริ่มซุกซนจนเธอต้องยกมือขึ้นมาห้ามเอาไว้“ไม่เจ็บแล้วค่ะ แต่ข้ายังเหนื่อยอยู่มาก…”“เช่นนั้นก็นอนกันเถิด”เขากลืนความอยากลงคอไปแล้วโอบกอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน เสียงฝนที่ตกอย่างหนักราวกับเสียงเพลงที่ขับกล่อมให้เขาและเธอเข้าสู้ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วยามเช้าที่ไร้แสงตะวัน เธอลืมตาขึ้นมาโดยปราศจากเงาของเลโอ เบลล่าลุกขึ้นมาแล้วเดินไปที่หน้าต่าง เช้านี้ฝนตกปรอยๆ พอเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเกือบเที่ยงวันน่าแปลกที่วันนี้เธอไม่รู้สึกง่วงแล้ว เบ
เลโอยกมือขึ้นมากุมมือของเบลล่าเอาไว้ เขามองเธอด้วยสายตาแห่งความเจ็บปวด ถึงอาเชอร์จะช่วยรักษาเธอแล้วแต่อวัยวะภายในได้รับความเสียหายอย่างมาก จะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูตัวเองที่ห้องข้างๆ ก็ตึงเครียดไม่แพ้กัน ถึงจักรพรรดินีจะได้รับยาพิษไปในปริมาณเล็กน้อย แต่นั่นก็เพียงพอที่ทำให้เธอสูญเสียลูกคนแรกไป ถึงแม้จะพ้นขีดอันตรายแล้วแต่สภาพจิตใจของคิร่าแย่มากทีเดียวงานเลี้ยงด้านล่างยังคงดำเนินต่อไปไม่มีการยกเลิก…“พระองค์ควรจะลงไปข้างล่าง…ซ่อนความเจ็บปวดและอ่อนแอในใจเอาไว้ให้มิดชิด อย่าให้คนที่กระทำรับรู้ว่าเรากำลังเจ็บปวด”เอซยกมือขึ้นมาตบไหล่ของวัลโด้เบาๆ วัลโด้มองมาที่เลโอที่พยักหน้าให้เขาเขาสูญเสียลูกคนแรกไป ในตอนนี้ขาทั้งสองข้าจะยืนไม่อยู่แล้วด้วยซ้ำ แต่หากว่าเขาอ่อนแอ คนด้านหลังจะอยู่ได้อย่างไร ตอนนี้เขาถือเป็นผู้นำของทุกคนวัลโด้ถอนหายใจเขายกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดคราบเหงื่อและน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะเดินลงไปด้านล่างพร้อมราชเลขา“สภาพเราทุกคน มันดู…แย่ไปหมด คนพวกนั้นฉลาดมาก พวกมันไม่ได้โจมตีแค่ร่างกายแต่โจมตีที่จิตใจของเรา…”โคลด์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ทำไมมันถึงเกิดเรื่องกับเบลล่าและคิร่าซ้ำแล้วซ้ำ
สตรีใบหน้างดงามที่เข้ามา..นั่นคือภรรยาของเขาไม่ใช่รึไง!!ชายที่เธอควงแขนอยู่นั่นก็ไม่ใช่โคลด์ แล้วไอ้เวรนั่นเป็นใครกันวะ!!!วัลโด้สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก ในห้องพอเขามองตามสายตาของเลโอไปก็พบกับผู้ที่เดินเข้ามาในงาน..นั่นมันองค์รัชทายาทมาเดลีนไม่ใช่รึไง ข้างกายของเขาคือสตรีใบหน้างดงามที่คุ้นตา เบลล่า!?“อย่าบอกว่านั่นคือองค์รัชทายาท?”เลโอกล่าวถามพร้อมทั้งชี้ลงไปด้านล่าง วัลโด้พยักหน้า เขาส่งยิ้มจางๆ ให้เลโอ“นี่มันเป็นไปตามแผนของเราเลยไม่ใช่รึไง เป็นเบลล่าก็ถือว่า…”“อย่าได้พูดอะไรเช่นนี้ออกมาอีก และอย่ามาคิดใช้ภรรยาของข้าเป็นหมากในกระดานนี้”เลโอกล่าวจบก็รีบเดินไปหาเบลล่าด้านล่าง วัลโด้ยักไหล่พร้อมกับหัวเราะเบาๆ“เอซ ไม่ลงไปรึไง?”เอซยกยิ้ม“กับเบลข้าไม่ห่วงนางแล้วล่ะ เมื่อคืนได้พูดคุยอะไรกับนางหลายๆ อย่าง ก็พอเข้าใจได้ ตอนนี้พระองค์ต่างหากที่ควรลงไปห้ามแกรนด์ดยุค ไม่ให้เขาทำร้ายองค์รัชทายาทมาเดลีน”วัลโด้ชะงักพร้อมกับมองไปที่บันได เลโอกำลังเดินอย่างรวดเร็วไปหาเบลล่าอ่า..ให้ตายเถอะ!!เขามองไปที่ราชเลขาเพื่อสั่งให้วงดนตรีบรรเลงเพลง แล้วรีบเดินลงไปด้านล่างตามเลโอไปติดๆ“นี่คงจะเป็
องค์จักรพรรดิวัลโด้ถอนหายใจเมื่อเขาเห็นจดหมายในมือ เขารู้สึกรำคาญเมเบโล่ยิ่งนัก แกรนด์ดัชเชสผู้นั้นยื่นเรื่องให้เขารับหลานสาวของนางขึ้นมาเป็นสนมเอกปัญหาก็คือแกรนด์ดัชเชสเมเบโล่สนิทกับท่านพ่อนี่แหละ!! เขาไม่อยากผิดใจกับคิร่าเลยจริงๆ นางกำลังตั้งครรภ์ด้วยเขาไม่อยากทำให้นางคิดมากเลย“หากไม่อยากรับสตรีผู้นั้นมาพระองค์ก็แค่หาทางสร้างพรหมลิขิตให้นางกับชนชั้นสูงสักคน…”เลโอกล่าวพร้อมกับวางกระดาษรายงานเรื่องงบประมาณลงบนโต๊ะ“อันที่จริงข้าส่งนางไปเป็นภรรยาน้อยของแกรนด์ดยุคโอเว่นก็ได้นี่นา”“หากไม่กลัวว่าพระองค์จะสูญเสียกำลังทางทหารไปก็ลองดู”“อ่า ล้อเล่นหน่อยก็ไม่ได้งั้นหรือ?”“ข้าแนะนำทางแก้ไปแล้ว สุดแต่พระองค์จะตัดสินใจเถิด…”เลโอและวัลโด้ถูกเลี้ยงมาด้วยกัน ทำให้เลโอไม่นึกกลัวองค์จักรพรรดิ และวัลโด้ก็ไม่ได้นึกโกรธคำกล่าวของเลโอเลยเพราะเขามองเลโอเป็นพี่ชายมาโดยตลอดเอซยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“เมื่อเช้ากิลข้อมูลส่งข่าวมาว่าอาร์ชดยุคกูเรี่ยนเคลื่อนไหวแปลกๆ เมื่อคืนหลังจากที่เบลล่ากลับมา โดโนแวนตามดูต่อ ปรากฏว่าแกรนด์ดัชเชสเมเบโล่เข้าไปพบกับอาร์ชดยุคที่โรงแรม…”เลโอแย่งแก้วเหล้าในมือของเอซมาดื่มจ
อาร์ชดยุคกูเรี่ยนพาสตรีใบหน้างดงามทั้งสองขึ้นโรงแรมไป ดูไปแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าผิดสังเกต เบลล่าเรียกให้โดโนแวนมาเฝ้าอาร์ชดยุคต่อ ส่วนเธอจะกลับไปพักที่คฤหาสน์ พอมาถึงเมบิลก็มีบัตรเชิญจากพระราชวังส่งมา เปิดอ่านก็พบว่าคิร่าเชิญเธอไปที่งานเลี้ยงต้อนรับองค์รัชทายาทมาเดลีน เธอโยนบัตรเชิญนั้นไว้บนโต๊ะก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟา ไม่อยากไปเลยแฮะ…เดิมทีเธอก็ไม่ใช่คนที่จะชอบเข้าสังคมของชนชั้นสูงอยู่แล้ว เบลล่าพยายามหลีกเลี่ยงงานเข้าสังคมมาตลอด เพราะเธอคิดว่ามันไร้สาระ “ท่านหญิงคะ ดยุคเอเซล่ามาขอเข้าพบค่ะ” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเบลล่าเธอไม่ทันจะลุกขึ้นเอซก็เดินเข้ามาใจห้องแล้ว เบลล่าอ้าแขนออกเพื่อโอบกอดเขา “คิดถึงจะบ้าอยู่แล้ว!!” เอซกล่าวพร้อมทั้งจูบลงบนผมของเบลล่าอย่างแรง “เหตุใดถึงมายามนี้ ท่านก็รู้ว่าการเดินทางยามค่ำคืนมันอันตราย บ้านเรือนของเรามิได้อยู่ในช่วงที่สงบ…” “ตั้งแต่ข้าย้ายเข้าไปที่เดเลี่ยน ในใจมันก็ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ อีกแล้ว ที่นั่นอยู่ติดกับชายแดน ข้าศึกพร้อมจะบุกเข้ามาทุกเมื่อ ที่หายไปก็เพราะข้าต้องเฝ้าดูการก่อสร้างกำแพงเมือง โชคดีที่ท่านแกรนด์ดยุคโอเว่นส่งทหารไปช่วยเป
ด้านนอกหน้าต่างฝนกำลังตกอย่างหนัก ค่ำคืนที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ มีเพียงเสียงของเม็ดฝนที่ตกลงมาแรง พร้อมกับเสียงครางแว่วหวานในห้องผ้าปูที่นอนที่ยับเยินและเปียกชุ่มบ่งบอกได้ดีว่าสตรีและบุรุษบนเตียงนั้นร่วมรักกันอย่างรุนแรงแค่ไหน“อื้อ!! ไม่ไหวแล้ว!!”“หึ ใครจะยอมให้เจ้าเสร็จสมกันที่รัก…”เขาดึงแก่นกายออกมาจากทางรักที่เปียกชุ่มของเธอ ผิวกายที่ขาวราวกับหิมะนั้นขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ ใบหน้าที่งดงามของเธอมีสีหน้าเจ็บปวดและโมโหในเวลาเดียวกัน ดวงตากลมโตของเธอมองมาที่เขาอย่างหงุดหงิด แพรขนตายาวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา…ความเจ็บปวดที่ส่งผ่านใบหน้าของเธอมันช่าง สาแก่ใจเขายิ่งนัก!!ไม่บ่อยที่เขาจะรู้สึกสนุกกับการร่วมรักเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาต้องการและเฝ้ามองเธอมาอย่างยาวนานเขายกมือขึ้นมาชักรูดตัวตนของเขา พร้อมทั้งส่งสายตายั่วยวนไปให้เธอ…จนกว่าฝนในค่ำคืนนี้จะหยุดตก เขาจะไม่ยอมหยุดทรมานเธอแน่!!!……..“ให้ตายเถอะ ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะตั้งครรภ์ได้ไวขนาดนั้น มีเจ้าเด็กตัวอ้วนอยู่ในนี้ใช่ไหม?”คิร่าหัวเราะให้กับท่าทางที่ประหลาดใจของเบลล่า เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว“ไม่ท้องสิ
อาเชอร์ก้มมองดอกกุหลาบสีขาวในมือ ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้วท้องฟ้าเริ่มจะเปลี่ยนสีเป็นสีดำเขาออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเที่ยง…หลังจากเข้าไปด้านในเธอก็คงจะด่าเขาเช่นเดิมไม่สิ อาจจะหนักกว่าทุกวันทว่าทันทีที่อาเชอร์เข้ามาภายในบ้านก็มืดสนิท เขายกมือขึ้นมาร่ายเวทย์เพื่อจุดตะเกียงที่ต่างๆ ในบ้านอาเชอร์วางดอกไม้เอาไว้บนโต๊ะ เขาเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อไปหาโจลี่“เจ้า..กินข้าวรึยัง?”เขากลืนน้ำลายลงคออย่างคนที่รู้สึกผิด…อาเชอร์นั่งลงบนเตียงข้างๆ โจลี่“วันนี้ลูกดิ้นรึเปล่า ยังแพ้ท้องอยู่ไหม….”เขาชะงักเมื่อเห็นดวงตาของเธอบวมช้ำราวกับว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก“โจลี่…ข้าขอโทษ ข้าไปทำงานมา…”“ทำงาน!! ท่านก็อ้างแต่ว่าทำงานตลอด อาเชอร์ท่านหายไปหนึ่งวันโดยที่ไม่บอกกล่าวข้าเลย!!”เธอลุกขึ้นมา แล้วยกมือทุบเขาอย่างแรง อาเชอร์ไม่ได้ตอบโต้เขาทำเพียงนั่งนิ่งๆ เพื่อให้เธอได้ระบายอารมณ์จนกว่าเธอจะพอใจ“เหตุใดถึงไม่หลบการโจมตีของข้า…”“ก็ข้าผิดจริงๆ นี่นา เจ้าทุบตีข้าได้เลย ทุบตีได้จนกว่าเจ้าจะหายโกรธ”เธอเม้มปากแน่น อาเชอร์ยกมือขึ้นมา บรรจงเช็ดน้ำตาให้เ