หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นปลากริมผู้ไม่เคยว่างเว้น ก็ต้องเข้า ๆ ออก ๆ โรงแรมเมธาวินแกรนด์อยู่หลายวันเพื่อช่วยควบคุมดูแลครัวที่ตอนนี้ไร้ซึ่งหัวหน้าเชฟ
ถึงแม้ทุกอย่างจะดำเนินไปได้ด้วยดีแต่เธอก็รู้ว่านี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาในระยะยาว อีกทั้งนับตั้งแต่ที่เชฟใหญ่ลาออกเธอก็ต้องรับบทหนักในการช่วยวางแผนเมนูและแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งทุกคนคงจะหลงลืมกันไปแล้ว....ว่าเธอเพิ่งจะอายุเจ็ดขวบและยังเป็นเพียงเด็กน้อยฟันน้ำนม
ดังนั้นเด็กหญิงปลากริมจึงตัดสินใจเข้าพบท่านเจ้าสัวทิวาเพื่อช่วยหาเชฟหลักคนใหม่ "คุณลุงเจ้าสัวคะ" เธอกล่าวเปิดประเด็นในห้องทำงานที่หรูหราของท่านเจ้าสัว
"ถึงแม้ว่าครัวจะยังทำงานต่อไปได้ แต่การที่ไม่มีหัวหน้าพ่อครัวคอยดูแลในระยะยาวนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อโรงแรมแน่ ๆ ค่ะเราจำเป็นต้องมีเชฟหลักคนใหม่โดยเร็วที่สุด"
 
และหลังจากที่นีรนาถได้เปิดใจกับปลากริมแล้ว เธอก็ยังคงทำตัวตามปกติ...คือในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์หญิงสาวก็ยังคงมาที่บ้านสิงหราชอย่างเช่นเคย...ทว่าเธอก็ไม่ได้มาเพราะมะตูมเพียงอย่างเดียว...แต่เธอมาเพื่อจะเรียนรู้ให้มากขึ้นเพื่อพัฒนาฝีมือของตัวเองด้วย และในบ่ายวันหนึ่ง หลังจากที่หญิงสาวทั้งสองได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องเทคนิคการทำขนมอบกันแล้ว ปลากริมก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม "คุณนีรนาถคะ...ฉันว่าวันนี้เราลองเปลี่ยนบรรยากาศกันดีไหม" "เปลี่ยนบรรยากาศเหรอจ๊ะ" "ใช่ค่ะ...เราทำขนมหวานกันมาหลายครั้งแล้ว...วันนี้เราลองทำของคาวแบบฉบับบ้านสิงหราชดูบ้าง...ไม่ทราบว่าคุณสนใจไหมคะ" ข้อเสนอนั้นทำให้นีรนาถปร
หลังจากวันแข่งขันรอบแรกผ่านไป นีรนาถก็ยังคงมาที่บ้านสิงหราชเพื่อเรียนรู้การทำขนมเหมือนเดิม...ในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในฐานะเพื่อนและคู่แข่งที่นับถือในฝีมือของกันและกัน และในบ่ายวันเสาร์วันหนึ่ง...วันนี้ปลากริมเลือกที่จะสอนผู้มาเยือนเจ้าประจำทุกวันหยุดทำขนมชั้น...ซึ่งเป็นขนมที่ต้องอาศัยทั้งความใจเย็นและความแม่นยำในการเทแป้งแต่ละชั้นให้มีความหนาเท่ากันและนึ่งในเวลาที่พอเหมาะ "หัวใจของขนมชั้นคือการนึ่งทีละชั้นค่ะคุณนี" ปลากริมอธิบาย "เราต้องรอให้ชั้นแรกสุกพอดีก่อน ถึงจะเทชั้นต่อไปได้...ถ้าใจร้อนเกินไป ชั้นขนมจะผสมกันไม่สวยงาม" นีรนาถตั้งใจฟังและทำตามทุกขั้นตอนอย่างอดทน บรรยากาศระหว่างพวกเธอตอนนี้ไม่มีความรู้สึกเป็นศัตรูหลงเหลืออยู่อีกแล้ว...มีเพียงความรู้สึกของเพื่อนที่กำลังแลกเปลี่ยนความรู้กันเพียงเท่านั้น
คำขอของเธอทำให้ทั้งห้องประชุมที่เคยเงียบกริบ พลันเกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที! นี่คือการแข่งขัน! การช่วยเหลือคู่แข่งถือเป็นเรื่องที่ผิดกติกาอย่างร้ายแรง! พิธีกรบนเวทีถึงกับทำหน้าไม่ถูก ในขณะที่กรรมการท่านอื่นต่างมองหน้ากันด้วยความลำบากใจ "ตามกฎแล้ว...ผู้เข้าแข่งขันห้ามช่วยเหลือกันนะจ๊ะ" คุณนายพริ้งเอ่ยขึ้นเสียงเบา แต่แล้ว...เสียงที่ทรงอำนาจมากที่สุดก็ดังขึ้น..."การแข่งขัน...ไม่ได้วัดกันที่ฝีมือเพียงอย่างเดียว...แต่ยังวัดกันที่น้ำใจนักกีฬาด้วย" หม่อมเจ้าหญิงอรุณศรีตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่ก้องกังวานไปทั่วทั้งโถง ท่านมองปลากริมด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา "ข้าอนุญาต...แต่ให้เวลาเจ้าเพียงหนึ่งนาทีเท่านั้น"&nbs
หลังจากที่นีรนาถได้มาฝึกทำขนมที่บ้านสิงหราชได้ไม่นาน วันเปิดตัวการแข่งขันชิงทุนไปปารีสเป็นระยะเวลา 1 ปีก็ได้มาถึงอย่างเป็นทางการ ในเช้าวันนั้นหอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัยล้วนคราคร่ำไปด้วยผู้คน ทั้งนักศึกษาจากหลากหลายคณะ อาจารย์ประจำภาควิชา ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญ พวกเขาต่างก็เดินทางมาร่วมงานกันอย่างพร้อมเพรียง บ้างมาด้วยความสนใจจริงจัง บ้างก็มาเพื่อให้กำลังใจเพื่อนที่เข้าร่วมแข่งขัน จึงทำให้บรรยากาศภายในหอประชุมเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และกลิ่นอายของความตื่นเต้นที่แผ่กระจายไปทั่ว เวทีขนาดใหญ่ด้านหน้าห้องประชุมถูกตกแต่งด้วยผ้าตาดทองและพุ่มดอกไม้สดอย่างวิจิตรบรรจง โต๊ะกรรมการที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นพื้นที่การสาธิตได้ชัดเจนถูกปูผ้าขาวสะอาดตา
นับตั้งแต่วันที่นีรนาถกับปลากริมปรับความเข้าใจกันได้เรียบร้อย...บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยของคนทั้งคู่ก็ดีขึ้นตามลำดับ... ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความแปลกใจให้แก่กลุ่มของเธอไม่น้อยรวมถึงผู้ที่พบเห็นที่รู้ความบาดหมางของคนทั้งสองด้วย "คุณนีคะ...นี่คุณนีไปสนิทสนมกับยัยธารามลนั่นจริง ๆ เหรอคะ" ลินดาเพื่อนในกลุ่มที่เคยเป็นลูกคู่ของนีรนาถเอ่ยขึ้นในวันที่เธอเห็นนีรนาถเดินแยกมาจากปลากริม "เมื่อวานลิน...ยังเห็นมันแอบคุยกับอาจารย์หลังเลิกเรียนอยู่เลยนะคะ ไม่รู้ว่าแอบไปใช้มารยาอะไรให้ท่านอาจารย์ลำเอียงเข้าข้างรึเปล่า" แต่นีรนาถในวันนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว..."ลินดา...พอได้แล้ว" เธอกล่าวปรามเพื่อนด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เรื่องของฉันกับธารามล...เธอไม่ต้องเข้ามายุ่ง และท
ตกเย็นวันเดียวกันนั้น... เมื่อนีรนาถกลับถึงคฤหาสน์ สภาพของเธอที่ดูอิดโรย พร้อมผ้าพันแผลบนข้อมือก็สร้างความตกใจให้แก่ผู้ที่รออยู่ก่อนแล้ว ทั้งคุณหญิงอำไพ ท่านเจ้าคุณอัครเดช และหม่อมหลวงชัชวาลพี่ชายของเธอ "ตายจริง! ลูกนี หนูไปโดนอะไรมา…ทำไมถึงมีแผลแบบนี้" คุณหญิงอำไพรีบปรี่เข้ามาหาบุตรสาวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจากความเป็นห่วง "มีใครทำร้ายน้องหรือเปล่า?" หม่อมหลวงชัชวาลถามขึ้นอย่างเคร่งเครียด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวลไม่แพ้ผู้เป็นมารดา ส่วนท่านเจ้าคุณอัครเดชก็จ้องลูกสาวคนเล็กด้วยแววตาสุขุมแฝงความห่วงใย "ค่อย ๆ เล่าให้พ่อฟังว่าเกิดอะไรขึ้น" นีรนาถจึงถอนหายออกมาเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเล่