Accueil / รักโบราณ / ชายาอสรพิษ / กลับสู่จุดเริ่มต้น 3

Share

กลับสู่จุดเริ่มต้น 3

last update Dernière mise à jour: 2024-12-25 19:25:07

พลังเช่นนี้...ความรู้สึกกดดันเช่นนี้...ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหลอมรวม ซ้ำยังสูงกว่าเขาอีกหนึ่งขั้น เมื่อครู่ผู้ลอบเล่นงานเขาไม่ใช่สองพี่น้องคู่นั้้น เป็นชายชราผู้นี้แน่นอน เป็นเขาที่กดข่มพลังคนทั้งหมดไว้ เป็นเขาที่บังคับให้ข้าคุกเข่า...

หลี่เชาสูดหายใจลึก รู้สึกได้ถึงความตายที่กำลังมาเยือนถึงหน้าประตู

“ท่าน...ท่านกับข้า...พวกเราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เหตุใดจึงตั้งตนเป็นปรปักษ์ ลอบทำร้ายกันเล่า” ความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณ ไม่มีเสียงตอบรับเล็ดลอดออกมา มีเพียงเสียงดังอั่กทีหนึ่ง เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดเลอะพื้นกระเด็นมาจนถึงจุดที่หลี่หลิงเฟิ่งยืนอยู่

พลั่ก พลั่ก พลั่ก

ท่ามกลางการชะงักค้างของทุกคน พลังสีแดงพุ่งไปรอบด้านไม่ขาดสาย เหล่าผู้คุ้มกันเหมือนเป็นง่อยเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงตอบโต้ ได้แต่นอนโอดโอยบนพื้นโถงรับรองอันเย็นเฉียบ เพลิงพิโรธของหูซานยังคงไม่มอดดับลงง่ายๆ หันไปเล่นงานหลี่เชาที่นอนพะงาบๆ อยู่บนพื้นไร้เสียงตอบโต้

“ช้าก่อน” หลี่หลิงเฟิ่งรีบร้องปรามเมื่อเห็นท่าไม่ดี

“ท่านจะฆ่าใครข้าไม่สน แต่อย่าให้คนพวกนี้มาตายในบ้านของข้าเป็นอันขาด” หลูหมิ่นซึ่งเวลานี้ปากชาไปหมดเพิ่งได้สติคืนมา มองทั้งสองด้วยสายตาเบิกโพลง เขาพลันรู้สึกดีใจขึ้นมาที่แค่โดนสาวใช้ของสตรีอำมหิตผู้นี้ตบหน้า หาไม่แล้ว เขาคงตายไปไม่รู้กี่ร้อยรอบ

หูซานยังคงทำหูทวนลม ไม่ได้ยินวาจาของหลี่หลิงเฟิ่ง ปล่อยพลังหลายสายออกมาอย่างต่อเนื่อง ผู้คุ้มกันสองสามคนที่ทนแรงปะทะไม่ไหว นอกจากไม่อาจส่งเสียงขอความเมตตาใดๆ ได้แล้ว ตาสองข้างยังไม่สามารถลืมขึ้นมาได้อีก เสียงดังอั่กเบาๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนจะคอพับไร้ลมหายใจ

ช่วงสายวันที่แดดจ้า ท้องฟ้าเปิด บ่งบอกถึงวันที่สดใสวันหนึ่ง ในเรือนซอมซ่อแห่งนี้กลับเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดขัดกับบรรยากาศภายนอกโดยสิ้นเชิง

คนที่เหลือมองหูซานอย่างหวาดผวา ราวกับภูตผีปีศาจเยื้องย่างขึ้นมาบนโลกหมายเอาชีวิตของพวกเขา หลี่เชาตาเหลือกด้วยความหวาดกลัวสุดขีด หลงระเริงคิดไปว่าไม่มีใครกล้าทำร้ายเขา ด้วยอิทธิพลของตระกูลต่อให้ใช้อำนาจบาตรใหญ่แค่ไหน คนทั้งหลายในเมืองนี้ต้องกริ่งเกรงอำนาจของเขาอย่างแน่นอน

แต่บุรุษผู้นี้เป็นใคร ถึงกับกล้าลงมือทำร้ายนายท่านสามแห่งตระกูลหลี่อย่างโจ่งแจ้ง ไม่รู้ไปกินใจหมีดีเสืออะไรเข้า ถึงกับไม่รักตัวกลัวตายเยี่ยงนี้

“ยอดฝีมือท่านนี้ โปรดละเว้นพวกข้าเถิด ท่านอาจจะไม่รู้ว่าพวกเราเป็นคนของจวนเจ้าเมืองตระกูลหลี่ซึ่งปกครองพื้นที่แถบนี้ทั้งหมด วันนี้พวกข้าเพียงมารับคุณชายใหญ่และคุณหนูห้ากลับจวนเท่านั้น หากท่านหยุดมือลงตอนนี้ พวกข้าจะไม่ถือสาหาความอันใดกับท่าน”

เพียะ!

“ใครอนุญาตให้เจ้าพูด” พลังขุมหนึ่งจากหูซานกระทบเข้าที่หน้าหลูหมิ่นอย่างแรง ไม่อาจประเมินความเจ็บปวดได้เลยว่า ระหว่างแรงตบจากพลังยุทธ์และฝ่ามือธรรมดา อันไหนจะเจ็บปวดกว่ากัน

“ตระกูลหลี่ ฮึ” หูซานแค่นเสียงหัวเราะหยัน “ข้าต้องเกรงกลัวด้วยรึ ต่อให้ฮ่องเต้มาเอง ก็ไม่อาจช่วยพวกเจ้าได้”

เพียะ!

“ข้ารังแกพวกเจ้า แล้วจะทำไม” เสียงตบดังขึ้นอีกฉาด หลูหมิ่นร่ำร้องอยู่ในใจ ชายแก่คนนี้เสียสติไปแล้วเป็นแน่ ถึงขนาดได้ยินชื่อตระกูลหลี่ยังไม่เกรงกลัวสักนิด

“ดี!” หวังซีที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวยืนอยู่ข้างหลี่หลิงเฟิ่งตั้งแต่เมื่อไหร่ โพล่งออกมาอย่างได้ใจ คนของสำนักแพทย์โอสถ ไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้ใคร ไม่เคยหวั่นเกรงอำนาจใด ฆ่าพวกเขาให้ตายเสียยังดีกว่าต้องลดศักดิ์ศรีลงมานอบน้อมต่อผู้อื่น

“ท่านหมอหู ได้โปรดหยุดมือ” หลี่่หลิงเฟิ่งที่ตอนแรกชมเรื่องสนุกอยู่นอกวง ร้อนรนขึ้นมาจริงๆ แล้ว เฒ่าทารกไม่ฟังคำของนางเลย

“ศิษย์พี่” หูซานที่หงุดหงิดเป็นทุนเดิม ไม่เพียงไม่หยุดมือ ซ้ำยังลงมือดุดันมากขึ้นไปอีก เขาโมโหคนพวกนี้ที่กล้าดูถูกหลี่หลิงเฟิ่ง ดูถูกนางก็เหมือนดูถูกสำนักแพทย์โอสถ

แต่ที่ทำให้เขาไม่พอใจยิ่งกว่าคือสตรีดื้อด้านนางนั้นเอาแต่เรียกเขาว่าท่านหมอบ้างล่ะ ผู้อาวุโสบ้างล่ะ หรือแม้กระทั่งชื่อนางก็เรียกมาแล้ว ทว่า ไม่เคยเรียกศิษย์พี่เลยสักครั้ง

“หูซาน ท่านหยุดเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเขาได้ตายจริงๆ แน่” หญิงสาวปวดหัวหนัก ไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลายถึงเพียงนี้ นางเพียงต้องการสั่งสอนคนพวกนั้นนิดหน่อยจึงไม่ห้ามปรามการละเล่นของชายชรา แต่ไม่ได้หมายความว่านางอยากจะให้คนนี้พวกนี้ตายตอนนี้สักหน่อย

สมองของนางยังใช้การได้ดี จะนำเรื่องเดือดร้อนมาสู่ตัวทำไม

“ศิษย์พี่” เสียงไม่สบอารมณ์ดังขึ้นอีกครั้ง

“อันใด?” หลี่หลิงเฟิ่งงุนงงเหมือนว่าพวกนางจะสื่อสารกันคนละเรื่องหรือไม่

“เรียกข้าว่าศิษย์พี่ แล้วข้าจะหยุด”

หลี่หลิงเฟิ่งกลอกตามองฟ้า ตาแก่น่าตายผู้นี้ยังจะมาทำตัวเป็นเด็กๆ ในเวลาเช่นนี้ได้ หญิงสาวไม่รู้จะสรรหาคำใดมาบรรยายได้อีกแล้ว “ศิษย์พี่ หยุดมือเถิด เกิดเขาตายขึ้นมา คนที่เดือดจะเป็นข้านะ ท่านทำใจทำร้ายข้าได้ลงหรือ”

น้ำเสียงออดอ้อนดังขึ้นข้างหูหวังซี ร้อยยิ้มแข็งค้างราวคนพิกลพิการติดบนริมฝีปาก มองหลี่หลิงเฟิ่งเปลี่ยนจากสีหน้าร้อนรนเป็นเอาอกเอาใจภายในพริบตา วันนี้เขาได้เรียนรู้ อาจารย์อานอกจากจะเป็นอัจฉริยะด้านโอสถ ยังเป็นอัจริยะด้านอารมณ์อีกด้วย นางสามารถยืดได้หดได้ดังใจสั่ง นี่แหละหนาความแตกต่างระหว่างชายหญิง

“เฮอะ ถือว่าวันนี้พวกเจ้าโชคดี” หูซานมองดูผลงานตนเองอย่างพึงพอใจรอบหนึ่ง ก่อนหิ้วปีกหลี่เชามาหาหลี่หลิงเฟิ่งด้วยท่าทางระริกระรี้

“เป็นอย่างไร เห็นความเก่งกาจของศิษย์พี่หรือยัง” โยนร่างของหลี่เชาไปไว้ข้างๆ หลูหมิ่นที่ยังคงคุกเข่าอยู่ จากนั้นหัวเราะร่ากล่าวด้วยน้ำเสียงยินดีปรีดา

หวังซีหลับตาลงอย่างอับอาย ทำเพื่อศักดิ์ศรีอันใดกัน อาจารย์ของเขาเพียงแค่ต้องการโชว์ศักยภาพให้คุณหนูห้าได้ชมก็เท่านั้น

เมื่อกี้คุณหนูห้าเรียกชายชราผู้นี้ว่าอะไรนะ ศิษย์พี่? นางถึงกับมีสหายเป็นยอดฝีมือ แถมฐานะของนางในใจท่านผู้นั้นไม่ใช่แค่ผิวเผินอีกด้วย หลูหมิ่นมองร่างไร้สติของหลี่เชาถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่

หลี่หลิงเฟิ่งนิ่งค้างเป็นนาน นี่ใช่อาการเห่อของใหม่หรือไม่

หญิงสาวไม่สนใจเสวนากับหูซาน นั่งลงบนเก้าอี้ดังเดิม พร้อมกันนั้นยังแอบตรวจสอบชีพจรหลี่เชาไปด้วย รอยยิ้มน้อยๆ ที่เพิ่งประดับบนใบหน้างดงามพลันแข็งเกร็ง อดชื่นชมความแข็งแกร่งของชายชราไม่ได้ อย่าเห็นว่าเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหลวมรวมเพียงอย่างเดียว แต่เขามีขุมสมบัติที่ผู้อื่นไม่มี นั่นคือยาลูกกลอนผสานกาย รวมไปถึงยาสมุนไพรและยาลูกกลอนอื่นๆ ที่เพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายไว้ในครอบครอง เพียงเท่านี้ก็ทำให้เขาเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเดียวกันเพียงเล็กน้อยแล้ว

หากกล่าวว่าเพียงเล็กน้อยไม่มีผลอันใดมากนัก คงเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ ห่างชั้นยังไงก็ยังห่างชั้น เพียงเล็กน้อยก็ห่างไปไกลอักโข

เห็นว่าหูซานไม่คิดจะทำร้ายหลี่เชาถึงตายจริงๆ ใจที่ค้างเติ่งบนหอคอยจึงสงบลงได้ มองหลู่หมิ่นด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ฮูหยินใหญ่ให้พวกเจ้ามาพบพวกข้า มีเรื่องอันใดจะแจ้งหรือ”

“คุณหนูห้า เดิมทีพวกเราแค่ต้องการมารับท่านและคุณชายใหญ่กลับจวนก็เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าท่านจะไร้ไมตรี รังแกพวกข้าไม่เท่าไหร่ แต่ท่านยังกล้าทำร้ายนายท่านสาม” พูดมาถึงตรงนี้ก็หุบปากฉับลงทันใด ค่อยๆ เหลือบมองหูซานอย่างระแวดระวัง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจตนจึงหลับตากล่าวต่อไป “รังแกพวกข้านั้นเป็นเรื่องเล็ก แต่เป็นเหตุให้นายท่านสามของตระกูลบาดเจ็บ เกรงว่าต่อให้คุณชายใหญ่ออกหน้าปกป้องคุณหนู ก็ไม่อาจหนีความผิดพ้น”

“โอ๋ว” หลี่หลิงเฟิ่งพิจารณาท่าทีหลูหมิ่น สมแล้วที่อยู่ในจวนตระกูลหลี่มานาน รู้จักเอาตัวรอดในสถานการณ์เป็นตายได้อย่างดี เปลี่ยนข้างโดยที่ไม่ต้องคิดให้เหนื่อย คนแบบนี้ไม่สมควรเก็บไว้ข้างกายก็จริง แต่ยังใช้ทำงานได้

“ต้องโทษที่ท่านอาสามไปยั่วโมโหท่านเทพองค์นี้เข้า ถูกตบหน้าทีสองทีก็นับว่าสมควรแล้ว เจ้าว่าถูกต้องหรือไม่” หลูหมิ่นเหงื่อตก มือสองข้างกำเข้าหากัน “สมควรแล้ว สมควรแล้วขอรับ”

คุณหนูห้าผู้นี้ห่างหายหน้าไปเพียงไม่กี่ปี ทำไมจึงเปลี่ยนเป็นคนละคนเช่นนี้ หรือฟ้ากำลังเปลี่ยนทิศ นัยน์ตาของชายหนุ่มร่างท้วมหนักแน่นจริงจังราวกับติดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต

“หากข้าจำไม่ผิด พิธีปักปิ่นจะจัดขึ้นอีกหนึ่งเดือนไม่ใช่หรือ ต่อให้ข้าเดินทางช้าเพียงไรก็คงไม่เกินสิบวัน ยังต้องลำบากพวกเจ้ามารับด้วยตนเองทำไม” น้ำเสียบกระจ่างใสเนิบนาบเพราะเสนาะหู ทว่า เปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดลงกลางหลังหลูหมิ่นเข้าอย่างจัง

“เรื่องนี้...” เมื่อเผชิญกับสายตาสี่คู่จดจ้อง เนื้อตัวพลันสั่นสะท้าน สีหน้าเผยแววลำบากใจปนซีดขาว

“เจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียว” หลี่หลิงเฟิ่งสามารถยิ้มรับกับทุกสถานาการณ์ได้ แต่ไม่ใช่กับคนที่เปิดเผยตรงไปตรงมาอย่างหูซาน เขาเกลียดที่สุดคือคนที่ชอบเก็บงำความคิด อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ยอมพูดออกมา

แผ่นหลังหลูหมิ่นเหยียดตรงโดยไม่รู้ตัว “ฮูหยินใหญ่ทราบข่าวว่าคุณชายใหญ่บาดเจ็บสาหัสจากการลอบทำร้าย จึงร้อนใจยิ่งนัก นายท่านสามจึงขานตัวอาสามารับพวกท่านทั้งสองกลับจวนด้วยตนเองขอรับ”

มารับหรือมาคุมตัวกันแน่ ดีไม่ดี เกิดนางโชคร้ายหน่อย มีดไร้ตาอาจเชือดคอนางได้ทุกเมื่อ

“ดูท่าข่าวสารของฮูหยินใหญ่จะไม่ธรรมดา” นอกจากพวกนางและคนร้ายที่รู้เรื่องนี้ ก็มีแต่คนอยู่เบื้องหลังเท่านั้น ดวงตาหลี่หลิงเฟิ่งฉายแววอันตราย ยังมีใครอีกหรือไม่ เรื่องนี้นางจะทำอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้เสียแล้ว 

หลี่หลิงเฟิ่งไม่กลัวจับผิดคน แต่นางกลัวจับไม่หมดต่างหาก นางจะทนให้คนที่ทำร้ายพวกนางหนีรอดไปได้อย่างไร

เมื่อขบคิดจนกระจ่าง หลี่หลิงเฟิ่งไม่คิดคาดคั้นหลูหมิ่นอีกต่อไป “เอาล่ะ กลับไปบอกฮูหยินใหญ่ว่าพวกข้ากลับไปทันวันงานแน่นอน อีกอย่างมีคนของพี่ใหญ่และสองคนนี้อยู่ ไม่ต้องห่วงว่าระหว่างทางจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ข้าจะกลับไปครบสามสิบสองแน่นอน ฮูหยินใหญ่โปรดวางใจ”

หลูหมิ่นมองสีหน้าดูถูกดูแคลนพวกเขาก็ได้แต่ก้มหน้างุด นางมียอดฝีมือเก่งกาจคอยคุ้มกัน ยังจะต้องการพวกเขาอีกหรือ พวกเขานับเป็นตัวอะไรได้

“อ้อ ข้าเกือบลืมไป” นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังร่างที่นอนหายใจรวยรินด้านข้างเขา “พึงรู้ไว้ว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด” พูดเพียงเท่านี้หลี่หลิงเฟิ่งก็ชักมือกลับอย่างช้าๆ มองหลูหมิ่นยิ้มๆ

หลูหมิ่นครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนยิ้มตอบ “คุณหนูโปรดวางใจ วันนี้มีโจรปล้นหมู่บ้านแถบนี้ นายท่านสามมีคุณธรรมเห็นดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ จึงทำให้บาดเจ็บสาหัส ต้องรีบนำตัวกลับไปรักษาโดยด่วนขอรับ” นอกจากสามารถประจบเอาใจคุณหนูห้าได้แล้ว ยังรักษาชีวิตน้อยๆ ของเขาให้อยู่รอดปลอดภัยอีกนาน

ได้ยินดังนั้น หลี่หลิงเฟิ่งหัวเราะร่าอย่างอดกลั้นไม่อยู่ หลูหมิ่นผู้นี้สมควรไปเป็นนักแสดงในโรงละคร ขนาดปั้นน้ำเป็นตัวสีหน้ายังไม่เปลี่ยนสักนิด

คนอย่างหลี่เชาน่ะรึ มีคุณธรรม เหยียบย่ำคนอ่อนแอกว่าน่ะสิไม่ว่า

“เจ้ากล้ากลับดำเป็นขาวเช่นนี้ คน...” วี้ดๆ ขณะที่หลี่หลิงเฟิ่งพูดอยู่นั้น บนท้องฟ้ามีเหยี่ยวตัวหนึ่งโฉบลงมาเกาะหน้าประตูรั้ว หลูหมิ่นหันกลับไปมองด้านนอกพบกับเหยี่ยวส่งสารประจำตระกูล ใบหน้าฉายแววฉงน หากแต่ยกมือทั้งสองข้างประกบเข้าหากัน ไม่นานพลันเกิดเสียงดังขึ้นสองครั้ง เหยี่ยวที่เกาะอยู่บนรั้วบินตรงเข้ามาบริเวณหน้าประตูแทน

“คุณหนูขอรับ มันเป็นเหยี่ยวส่งข่าวของตระกูล เกรงว่ามีเรื่องเร่งด่วนต้องรายงานขอรับ” หลี่หลิงเฟิ่งมองเหยี่ยวที่ยังบินวนเวียนอยู่หน้าประตู ขาข้างหนึ่งมีม้วนกระดาษเล็กๆ ติดอยู่จริงๆ นางพยักหน้าให้หลูหมิ่นเป็นเชิงอนุญาต

เมื่อชายร่างท้วมเปิดอ่านข้อความในกระดาษใบหน้าพลันมืดครึ้ม มองหลี่หลิงเฟิ่งเป็นเวลานาน สุดท้ายส่งกระดาษให้หญิงสาวโดยไม่มีท่าทีอิดออด

‘เปลี่ยนแผน คุ้มกันคน เดินทางกลับโดยเร็วที่สุด’

“ใช่ว่ามีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงหรือไม่” หูซานที่ชะโงกอ่านข้อความบนกระดาษในมือหลี่หลิงเฟิ่ง ถามออกมาอย่างเคลือบแคลง หรือจะเป็นแผนคนพวกนั้น

หลี่หลิงเฟิ่งส่ายหน้า มองหลูหมิ่นราวกับต้องการคำตอบ มีเพียงสายตางงงวยส่งกลับมา คิ้วเรียวยาวขมวดมุ่น ดูท่าจะไม่ได้อยู่ในแผนการเดิมของคนพวกนั้น

“นำไปให้พี่ใหญ่” หลังจากยื่นกระดาษในมือส่งให้เสี่ยวเซียงแล้ว หญิงสาวหมุนตัวออกจากเรือนพร้อมทั้งกำชับหลูหมิ่นเป็นครั้งสุดท้าย “เรื่องในวันนี้รวมถึงอาการบาดเจ็บของพี่ใหญ่ ข้าหวังว่าเจ้าจะปิดมันเป็นความลับ หาไม่แล้ว...” มือขวาของนางยกขึ้นปาดคอตนเอง รังสีอำมหิตแผ่ออกไปโดยรอบ

“ไปกันเถอะศิษย์พี่”

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ชายาอสรพิษ   อันตรายมาเยือน

    หุบเขาหยกขาวมิใช่ชื่อที่คนในแผ่นดินไร้ขอบกล่าวถึงด้วยความยินดี ถึงแม้จะมีคำว่า “หยก” และ “ขาว” อันดูสูงส่งบริสุทธิ์อยู่ในชื่อ แต่มันกลับเป็นสถานที่ที่ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นนภายังไม่กล้าย่างเท้าเข้าไปลึกเกินสามลี้ที่แห่งนั้นคือเส้นแบ่งระหว่าง ความรุ่งโรจน์กับความตาย และในยามฤดูหนาวเช่นนี้ หิมะที่ปกคลุมมันก็ไม่ต่างจากผืนผ้าสะอาดที่กลบศพเน่าเปื่อยไว้ใต้รากไม้หลี่หลิงเฟิ่งเคลื่อนกายอย่างเงียบงัน ลมหายใจเป็นไอขาวราวควันจาง กลีบหิมะโปรยปรายแตะใบหน้าของนางแล้วละลายหายอย่างไม่ทันรู้สึกเย็น แต่ความเย็นกลับฝังลึกอยู่ในอกอย่างไม่ทราบสาเหตุไฉนที่นี่จึงมีหิมะตก น่าแปลกหลี่หลิงเฟิ่งเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางแคบ ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างหน้าผาสูงชันและป่ารกเรื้อ นางอยู่คนเดียว ไร้ผู้ติดตาม ไร้เสียงสนทนา มีเพียงเสียงฝีเท้าของตนที่ก้าวลงบนก้อนกรวด กับเสียงใบไม้เสียดสีกันจากกระแสลมที่ไม่หยุดนิ่ง“เงียบเกินไป…” นางพึมพำกับตัวเองนางชะลอฝีเท้า สายตามองไปรอบกาย แผ่กระจิตออกไปสำรวจ ทว่าไม่สิ่งมีชีวิตสักตัวในระแวกนี้เลยบนข้อมือข้างซ้ายของนาง มีกำไลสีแดงเข้มรูปวงแหวนมันวาวประดับอยู่ นุ่มนิ่มสิ่งมีชีวิตรูปร่

  • ชายาอสรพิษ   ภัยเงียบ

    ท้องฟ้าสีดำสนิทปราศจากแสงจันทร์และดวงดารา สายลมหนาวพัดผ่านไปทั่วอาณาเขต เงามืดเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบบนหลังคาโม่จื่อหลิงยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นสูงสุดของหอสิบทิศ ดวงตาคมกริบทอดมองไปยังเมืองที่แผ่กว้างออกไปสุดสายตา ลางสังหรณ์บางอย่างบีบคั้นหัวใจของเขา คล้ายกับว่ามีพายุที่มองไม่เห็นกำลังพัดโหมเข้ามาและแล้ว...ตูม!เสียงระเบิดดังสนั่นทำลายความเงียบงันของค่ำคืน แสงเพลิงสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ เสียงร้องของผู้คนปะปนกับเสียงอาวุธกระทบกันดังไปทั่วบริเวณ"ในที่สุด พวกมันก็มาจนได้ คนที่ควรมาก็มาแล้ว" โม่จื่อหลิงกระซิบกับตัวเอง ดวงตาของเขาเย็นเยียบไร้ซึ่งความหวาดหวั่นชายในชุดดำจำนวนมากพุ่งทะยานเข้ามาภายในหอสิบทิศ ราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราก พวกมันเคลื่อนไหวอย่างเป็นระเบียบ รวดเร็ว และโหดเหี้ยม"นายท่าน! หอสิบทิศถูกจู่โจม!" หนึ่งในลูกน้องของเขารีบวิ่งเข้ามารายงาน "พวกมันมีกำลังพลมหาศาล และมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงอยู่ด้วย!"โม่จื่อหลิงกวาดตามองไปรอบ ๆ แม้จะยังไม่รู้แน่ชัดว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้เป้าหมายของพวกมัน คือ สังหารเขาเสียงกระบี่ปะทะกันดังกึกก้อง ลูกธนูเพลิงถูกยิงเ

  • ชายาอสรพิษ   เบื้องหลังที่ทับซ้อน

    ในโรงน้ำชาที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เสียงผู้คนกระซิบกระซาบมิขาดสาย ข่าวการแตกหักของตระกูลหนานและตระกูลหลินแพร่กระจายราวเพลิงลามป่า“ได้ยินมาว่า เจ้าสาวหายตัวไปหลังจากถูกพวกโจรลักพาตัว แต่จู่ ๆ นางกลับมาเองอย่างไร้รอยแผล”“แล้วนางก็ปฏิเสธการแต่งงานทันที! ข้ารู้สึกเหมือนเรื่องนี้มีอะไรมากกว่านั้น”“หรือว่านางมิได้ถูกลักพาตัว แต่ไปด้วยความยินยอมเอง”เสียงพูดคุยนั้นกระทบถึงหูโม่จื่อหลิง เขานั่งเงียบอยู่มุมหนึ่ง สวมอาภรณ์ธรรมดาไม่สะดุดตา เขามองภาพของเจ้าสาวตระกูลหลินจากที่ไกลๆ เหมือนกับภาพจากมือสอดแนมของหอสิบทิศไม่ผิดเพี้ยนในภาพนั้น หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่ในสวนของตระกูลหลิน ใบหน้าเรียบสงบ ผมที่เคยสลวยถูกรวบไว้ลวก ๆ ราวผู้ที่เพิ่งผ่านบางสิ่งบางอย่างมา อย่างเช่นเหตุการณ์เฉียดตายภายในเรือนรับรองของตระกูลเป่ย หลี่หลิงเฟิ่งเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ไม้แกะสลัก นางจิบชาหอมกรุ่นอย่างใจเย็น ขณะที่สายตาเหลือบไปทางกลุ่มสาวใช้ที่กำลังสนทนากันอย่างออกรส“ข้าล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเรื่องนี้มันเป็นมาอย่างไรกันแน่” สาวใช้คนหนึ่งกล่าวพลางส่ายหน้า “อยู่ดี ๆ เจ้าสาวของตระกูลหลินก็กลับไปโดยไม่กล่าวอะไรเลย เมื่อตระกูลหนาน

  • ชายาอสรพิษ   ผ้าแพร

    สองวันหลังจากโม่จื่อหลิงจากไป แสงอรุณในจวนตระกูลเป่ยคล้ายหม่นลงกว่าทุกวัน ลมเหนือพัดเอื่อยเฉื่อยประหนึ่งพาเอากลิ่นของบางสิ่งจากอดีตย้อนกลับมาและหลี่หลิงเฟิ่งรับรู้มันตั้งแต่ย่างก้าวแรกที่ตื่นขึ้นณ ห้องคุณชายสาม นางยืนนิ่งอยู่ข้างเตียงไม้แกะสลัก มือหนึ่งแตะที่ชีพจรของเป่ยเฉินหลงที่ยังคงหลับใหล ลมหายใจของเขาราบเรียบขึ้นเล็กน้อย แต่กลิ่นพลังปราณยังขุ่นมัวไม่เสื่อมคลายทว่าสิ่งที่ทำให้นางกังวล ไม่ใช่สภาพของเขา แต่เป็นเงาที่ค่อย ๆ เริ่มเผยตัวนางใช้เวลาทุกวินาทีอย่างแยบคาย เฝ้าสังเกตความผิดปกติของคนในจวน เฝ้าฟังเสียงก้าวเท้าที่ไม่ได้ยินจากทหารยาม และเฝ้ารอสิ่งที่แน่ใจว่ายังไม่สิ้นสุด อย่างการลอบสังหาร“ครั้งก่อนเจ้ามาเพื่อวางยา” นางกระซิบ ขณะบดสมุนไพร “ครั้งนี้ เจ้าจะเอาอะไรมาทิ้งร่องรอยอีกล่ะ”ระหว่างที่ปลายนิ้วนางบรรจงหยดยาแยกพิษใส่ถ้วยสมุนไพร กลิ่นหนึ่งก็ลอยเข้าจมูก กลิ่นหอมจาง ๆ ไม่ใช่จากยา ไม่ใช่จากดอกไม้ในสวน ทว่าเป็นกลิ่นที่คุ้นอย่างน่ากลัวจนรู้สึกขนลุกกลิ่นเช่นนี้ นางเคยได้กลิ่นมันในความฝันในชาติก่อนตอนอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ฝันที่ไม่มีใบหน้ามีเพียงเสียงร้องไห้ของเด็กหญิง กลิ่น

  • ชายาอสรพิษ   เงามืด

    *ขอเปลี่ยนจากตำหนักเทพธิดา เป็นตำหนักธิดาสวรรค์*คำพูดของหลี่หลิงเฟิ่งดุจสายฟ้าฟาดลงบนผิวน้ำอันสงบนิ่ง เงาสะท้อนแห่งศรัทธาที่เหล่าผู้อาวุโสเคยยึดมั่นภักดี เริ่มแตกร้าว เทพธิดาแห่งตำหนักธิดาสวรรค์มิได้ตอบกลับทันที นางยืนนิ่งราวรูปสลักกลางห้อง ศูนย์รวมแห่งความเคารพที่เคยเปล่งประกายความสง่างามไร้ราคี บัดนี้กลับถูกความเงียบห่มคลุมราวหมอกหนาอาภรณ์ขาวสะอาดที่เคยดั่งแสงจันทร์เหนือเมฆ บัดนี้ดูซีดหม่นลงในสายตาของหลายคน ม่านผ้าบางเบาที่บดบังใบหน้างดงามพลิ้วไหวไปตามแรงลมเบา ดวงตาเรียวยาวใต้ผืนผ้าทอแสงแข็งกร้าว เงาที่เคยสงบ บัดนี้กลับเจือความตึงเครียดแนบแน่นฝ่ามือเรียวงามของนางละจากจุดชีพจรของเป่ยเฉินหลง ราวกับตัดขาดพันธะบางอย่างที่มองไม่เห็น“หากพวกท่านเห็นว่า ตำหนักธิดาสวรรค์ไม่ควรข้องเกี่ยว ข้าย่อมถอย” เสียงของนางยังคงอ่อนหวานดั่งระฆังเงิน ทว่าในห้วงลึกของถ้อยคำกลับมีความเยียบเย็นที่ทำให้ผู้ฟังขนลุก “ข้ามิเคยยัดเยียดตนเข้าสู่ที่ที่ผู้คนไม่ต้อนรับ ข้าเพียงทำตามวิถีที่ควรจะเป็น หากพวกท่านมิอาจวางใจ ข้าย่อมไม่อยู่ให้เป็นภาระใจผู้ใด” แม้ถ้อยคำจะฟังดูอ่อนโยนสงบเสงี่ยม ทว่าแรงสะท้อนกลับตึงเครียดเ

  • ชายาอสรพิษ   พบศัตรูบนทางแคบ

    ปัง!เสียงเปิดประตูดังขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมกับเสียงฝีเท้าเร่งรีบที่ก้าวเข้ามาในห้อง"เกิดอะไรขึ้น!?" เสียงอันทรงอำนาจของบุรุษวัยกลางคนดังขึ้นหลี่หลิงเฟิ่งเงยหน้าขึ้นก็พบว่าชายวัยกลางคนที่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหรากำลังมองนางด้วยสายตาคมกริบ ด้านหลังของเขามีชายชราผู้อาวุโสหลายคนยืนเรียงราย สีหน้าทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความสงสัยและวิตกกังวล"ท่านพ่อ!" ผู้อาวุโสเป่ยรีบคารวะชายผู้นั้น "นางผู้นี้เป็นหมอที่สามารถตรวจพบพิษของเฉินหลง และตอนนี้กำลังรักษาเขาอยู่ขอรับ""พิษรึ" ประมุขเป่ยขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ "เจ้ากำลังจะบอกว่าเฉินหลงถูกพิษ ไม่ใช่ต้องคำสาปอย่างที่เราคิดมาโดยตลอดรึ"หลี่หลิงเฟิ่งไม่แปลกใจต่อปฏิกิริยานั้น นางจ้องประมุขเป่ยด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง "ถูกต้อง"บรรยากาศในห้องหนักอึ้งขึ้นมาทันที ผู้อาวุโสหลายคนหันมองหน้ากันอย่างลังเล ทว่าเมื่อเห็นโม่จื่อหลิงในห้องก็ไม่กล้าปริปากเสียมารยาทต่อหลี่หลิงเฟิ่ง"หากเป็นเช่นนั้น หมายความว่าที่ผ่านมามีคนจงใจปกปิดเรื่องนี้" ผู้อาวุโสเป่ยคนหนึ่งกล่าวขึ้นหลี่หลิงเฟิ่งตอบ "ข้าไม่อาจกล่าวเช่นนั้นได้ แต่สิ่งที่ข้

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status