“เจ้าก็พูดเสียจนชินหวางอ๋องเป็นตัวร้ายความจริงแล้วชินหวางอ๋องเป็นคนที่จิตใจดีเพียงแค่เป็นข้าที่กดดันมากไปใช่ไหม แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งที่ข้ามอบให้มันดีที่สุด” พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไปกันดีกว่า ปล่อยฝ่าบาทกับท่านอ๋องคุยกันไปเราสองคนไปเลือกหยิบสิ่งของที่เจ้าถูกใจดีไหม ของกำนัลจากต่างแคว้นและของกำนัลจากฝ่าบาทมากมาย ข้ายินดีให้เจ้าเลือกหยิบเอาตามใจ” ดึงมือซีหรูเดินตามเข้าไปในตำหนักชิงหนิงกง
ชินเตอหลางเปลี่ยนท่าทีจากยิ้มแย้มเป็นเคร่งขรึมทันที
“มาถึงเรื่องของเรา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ใต้เท้าหยาง กำลังจะทำเรื่องที่ผิดกับข้า เจ้าจะวางเฉยได้ไหม”
“ฝ่าบาท บุตรีไม่เกี่ยวกับบิดา” ชินหวางอ๋องตัดพ้อ
“บุตรีไม่เกี่ยวกับบิดาได้หรือ ใต้เท้าหยางกล้าให้การช่วยเหลือ เชวียเต๋ออ๋องส่งเสบียงและอาวุธอ้างว่าเพื่อเงิน แต่ที่ข้ารู้หยางซูซินคนนี้ ตั้งใจยกบุตตรีให้กับเชวียอ๋อง”
“เช่นนั้นฝ่าบาทก็ให้ชินหวางอ๋องแต่งกับบุตรีของใต้เท้าหยางเสียจึงจะไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น” ชินเตอหลางฮ่องเต้ถอนหายใจยาว
ค่ำคืนเหน็บหนาวซีหรูนอนขดตัวในผ้าห่มหนา ข่มตาหลับไหลคืนนี้คืนที่สองแล้วเขาก็ยังไม่แวะมา ถอนหายใจโล่งอกเสียมากกว่าชินชากับการนอนลำพังคนเดียวมานานหากมีคนมาร่วมแท่นนอนเกรงว่าจะนอนไม่หลับ หลับไหลไปในไม่ช้าแม้จะแปลกที่แต่กว่าดีกว่าคืนที่แล้วมา
เช้าสดใส เสี่ยวไป๋ถือถาดอาหารเช้ามาวาง ซีหรูยิ้มจ้องมองขนมผักกาดของโปรดกำลังจับตะเกียบแต่มือบางกลับถูกคว้าไว้ ชินหวางอ๋องลากซีหรูไปที่แท่นนอน
“อย่าเพิ่งลุกเสด็จย่ากำลังมา เจ้าแกล้งนอนทำท่าทีอ่อนแรง จนกว่าพวกนางกำนัลอาวุโสพวกนั้นจะตรวจแท่นบรรทมแล้วเสร็จ”น้ำเสียงอ้อนวอน ซีหรูหน้าแดงด้วยความเขินอาย
“ทำไมต้องทำแบบนี้”ชินหวางอ๋องเฉือนมีดสั้นลงบนนิ้วมือของตัวเองหยดโลหิตไปบนผ้าปูที่นอนที่ขาวสะอาด
“ไทเฮาเสด็จจจจจจจ”ขันทีน้อยเสี่ยวอูขานดังๆส่งสัญญาให้ชินหวางอ๋องที่รีบถอดเสื้อคลุมตัวนอกพาดไว้บนราวผ้าเดียวกับของซีหรู นั่งบนแท่นบรรทมทำทีเหมือนเพิ่งตื่น
ไทเฮาที่มาพร้อมกับนางกำนัลอาวุโสสามคนเช่นเดิม
เดินเข้าไปในห้องที่เรียกว่าห้องหอ
“ชินหวางอ๋องถวายพระพรไทเฮาทรงพระเจริญพันปี”
“เสิ่นซีหรูถวายพระพรไทเอาทรงพระเจร้ญพันปี”ทำท่าจะลุกแต่ชินหวางอ๋องยกมือห้ามไว้
“อืมมมวันนี้ยังอยู่ที่นี่ด้วยกันได้”พยักหน้าให้กับนางกำนัลที่เดินไปที่แท่นบรรทมซีหรูที่ถูกบังคับให้นอนห่มผ้าอยู่บนนั้น
ไทเฮายิ้ม เมื่อเห็นซีหรูบนแท่นบรรทม เสี่ยวไป๋รีบพยุงซีหรูให้ลุกขึ้น
นางกำนัลอาวุโสรีบไปรื้อดูที่แท่นบรรทม
ดึงผ้าปูเปื้อนเลือดส่งให้กับไทเฮา ที่ยืนยิ้มสมใจ
“เสด็จย่าเห็นแล้วใช่ไหม ต่อไปก็วางใจหลานได้แล้วใช่ไหม”ไทเฮาเตอเหอส่ายหน้าไปมาคว้ามือชินหวางอ๋องขึ้นมา ไล่สายตาไปแต่ละนิ้วแล้วบีบนิ้วกลางของชินหวางอ๋องที่มีรอยมีดสั้นทิ่มแทงจนเลีอดไหลซึมออกมา ใช้ผ้าปูที่นอนซับเลือดไว้
“หลอกลวงเบื้องสูงต้องโดนอะไรดี ข้ายังนึกไม่ออกพวกเจ้านำผ้าปูไปตรวจสอบรอยเลือด”
“เสด็จย่าให้ความเป็นธรรมกับหลานด้วย”
“แน่นอน ยังไม่กล้าปรักปรำอ๋องน้อยชินหวางอ๋องแต่จะนำเอารอยเลือดนี่ไปตรวจสอบ…พวกเจ้ากลับได้แล้วพรุ่งนี้จึงมาใหม่”
ชินหวางอ๋องประสานมือ ซีหรูย่อกายลงช้าๆ
“เสิ่นซีหรูเจ้าอย่าเพิ่งยอมแพ้นะ”ไทเฮาเตอเหอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ไทเฮาไปแล้ว ชินหวางอ๋องถอนหายใจยาวหาใช่โล่งอกแต่ยิ่งหนักใจ
เสี่ยวอูวิ่งเข้ามาข้างในเพื่อมาดูผลงานและแผนการว่าลุล่วงหรือไม่
เสี่ยวไป๋พยุงซีหรูไปยังสำรับอาหาร
“สำเร็จไหมพ่ะย่ะค่ะ”เสี่ยวอูป้องปากถาม
“ไม่สำเร็จ”
“อ้าวทำไมพ่ะย่ะค่ะวางแผนมาเสียดิบดีทำไมแผนล่ม”
“ก็เสด็จย่าดันรู้ว่า นั่นไม่ใช่….เลือดนาง”
“แล้วทำไมไม่เอาเลือดพระชายารองเล่าขอรับ เลือดแค่หยดสองหยดจะเป็นไรไป”ซีหรูก้มหน้า รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างที่สุด
“ข้ากลัวว่านางจะเจ็บ…ไม่สิกลัวว่านางจะไม่ยินยอม”ซีหรูเดินไปทรุดกายลงนั่งที่เก้าอี้
“อย่าเพิ่งกิน มาช่วยกันคิดก่อน”เสียงชินหวางตวาดดังๆ
เสี่ยวไป๋ถอนหายใจยาวตบที่หลังมือของซีหรูเบาๆ
“ท่านกลับมาแล้ว...” ซุนเจ๋อหนี่เอ่ยเบา ๆ เสียงแผ่วราวกลัวว่าหากพูดดังเกินไป เขาจะหายไปเหมือนความฝันเขาก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าว สายตาไม่ละไปจากใบหน้างามแม้แต่น้อย“ข้าไม่ได้มาเพราะหน้าที่... ไม่ใช่เพราะคำสั่งของใคร ข้ากลับมา... เพราะใจของข้าเอง เพราะใจของข้าอยู่ที่นี่”ซุนเจ๋อหนี่เบือนหน้าหลบ แต่เสวี่ยเต๋ออ๋องกลับยื่นมือออกมาสัมผัสไหล่นางเบา ๆ“เจ้ารู้หรือไม่ ตลอดเวลาที่ข้าอยู่ไกลจากเจ้า สิ่งเดียวที่คิดถึงมากที่สุด... คือรอยยิ้มของเจ้า” เขายิ้มบางๆ แต่จริงใจยิ่งแล้ว“แม้ก่อนนั้นเจ้าจะเย่อหยิ่ง และกิริยาไม่ได้งดงามเหมือนหญิงอื่นใด แต่ทุกสิ่งนั้น ข้าชอบมันทั้งหมด และรักหมดทั้งสิ้น”ซุนจ๋อหนี่อมยิ้มก่อนส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ จะเล็ดลอดจากริมฝีปาก “ท่านเรียกว่านั่นคือความรักงั้นหรือ”“อืม..แน่นอนสำหรับองค์หญิงนักรบสิ่งนั้นข้าเรียกว่าความรัก” เขาก้าวเข้ามาใกล้อีกก้าว ดวงตาสบประสาน “และจะไม่ปล่อยให้มันจุกอกข้าคนเดียวแน่”ซุนเจอ๋อหนี่ยังไม่ตอบทันที ดวงตาคู่งามขององค์หญิงมีแววสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะก้มหน้าและพยักหน้าช้าๆ“ข้า... ก็จุกอกเช่นกัน เสวี่ยเต๋ออ๋อง คิดว่าท่าจะไม่มาแล้วคิดแค่เพีย
“ป้ายหยกนี่หมายความว่าอย่างไร”“ท่านจำหยกนี่ได้หรือไม่” ชินหวางอ๋องยิ้มบางๆ ดวงตาเป็นประกาย“คุณหนูผู้นั้นคือเจ้าหรอกหรือ คุณหนูที่ใจดียอมมอบขนมให้ข้าเพื่อไปให้กับหญิงที่หมายปองใช่ไหม” ซีหรูพยักหน้ายิ้มๆ ชินหวางอ๋องรีบเข้าไปประคองร่างอวบมานั่งที่แท่นหินในสวน“แล้วเหตุใดจึงนำหยกนี่มาคืนข้า ตอนนั้นเจ้าเองยื่นมันคืนมาให้กับข้า แต่อีกหลายวันต่อมาข้าก็ฝากหยกนี่ไว้กับพ่อค้าขนมเพราะข้าไปรอเจ้าที่นั่นทุกวันเพื่อมบบมัน แต่เจ้ากลับไม่เคยไปที่ร้านขนมอีกเลย และในที่สุดมันก็อยู่ในมือเจ้าสินะ”“เพราะครั้งหนึ่งชินหวางอ๋องเคยสัญญาว่าหากข้ามีเรื่องใดที่อยากจะให้ช่วย”“แน่นอนข้าฝากคำพูดนี้ไว้กับพ่อค้าร้านขนมและยังจ่ายเงินค่าขนมให้เจ้าทั้งปี” ซีหรูยิ้มบางๆ“ข้าแค่ขอแลกมันกับชีวิตของหยางฟางหรานและบิดา ท่านเนรเทศเขาเสียก็พอไม่ต้องถึงทำร้ายชีวิตเขา” ชินหวางอ๋องถอนหายใจ ยกมือโอบรอบไหล่บาง“เจ้ากล้าขอข้ากล้าให้ แต่บอกไว้ก่อนหากข้าเห็นนางกับบิดาเมื่อไหร่ข้าจะฆ่าพวกเขาทันทีแบบไม่ถามไถ่”“ทำไม”“เพราะข้าปกป้องเจ้าอย่างไรเล่า” ซีหรูยิ้มชินหวางอ๋องกอดรวบร่างอวบไว้ในอ้อมแขนแนบแน่น“เพราะเจ้าและลูกคือดวงใจของข้าข้าจ
“หม่อมฉันคิดว่า... มารดาของหม่อมฉันบนสวรรค์คงอยากให้ข้าซีหรูที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่ใจที่เต็มไปด้วยความแค้น”อี้หรานสะอื้นเงียบ ๆ แล้วค้อมตัวลงต่ำ… คำนับอย่างแท้จริง ไม่ใช่ด้วยฐานันดร ไม่ใช่ด้วยพิธี แต่เป็นการคำนับด้วยหัวใจที่สำนึกผิด“ขอบคุณที่ให้อภัย...”ซีหรูมองภาพนั้นด้วยแววตาสงบ ความเจ็บปวดในอดีต... เริ่มเบาบางลงในเงาของการให้อภัยยามเฉิน (ประมาณ 7 โมงเช้า) เรือนหยกหอมแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าทอลงผ่านผ้าม่านโปร่งลายเมฆบนหน้าต่าง เสียงเคลื่อนไหวในครัวเล็ก ๆ หลังเรือนดังขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างมากนัก ไอน้ำจากหม้อโจ๊กเดือดเบา ๆ ลอยกรุ่นกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วเรือนร่างสูงในชุดสบาย ๆ กำลังใช้ทัพพีคนข้าวในหม้ออย่างตั้งอกตั้งใจ ใบหน้าที่เคร่งขรึมยามรบพุ่ง บัดนี้กลับอ่อนโยนจนผิดตาชินหวางอ๋อง ที่ใคร ๆ ต่างกล่าวว่าเย็นชาไร้หัวใจ เวลานี้กลับกำลังบรรจงวางตะกร้าผักสด ใส่ข้าวต้มเครื่องหอม ๆ ลงถ้วยเคลือบลายมังกร พร้อมไข่ลวกหนึ่งฟองจัดไว้อย่างประณีตเสียงฝีเท้าของเสี่ยวตูดังขึ้นเบา ๆ พร้อมเสียงไฉ่หานที่เอ่ยตามมา“ท่านอ๋องเองหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ… เอ่อข้าน้อยทั้งสองคิดว่าเป็นโจรร้ายเส
ณ คุกหลวงใต้พระราชวังหลวง เสียงโซ่ตรวนกระทบกันเบา ๆ พร้อมลมหายใจอ่อนแรงของหญิงงามที่เคยงามเลิศในเมืองหลวง เวลานี้กลับซูบซีด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าไร้สีเลือด ร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ หยางฟางหรานยืนพิงผนังหินเย็นเฉียบด้วยสายตาว่างเปล่า"ท่านพ่อ..." เสียงแผ่วเบาเอ่ยออกมาใต้เท้าหยางซูซินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เงยหน้าขึ้นจากความคิดอันรุงรัง ใบหน้าชราภาพลงอย่างเห็นได้ชัด ราวกับชั่วคืนเดียวกลืนกินความเย่อหยิ่งทั้งหมดที่เคยมี"ข้าขอโทษ...พ่อขอโทษลูกพ่อ"หยางซูซินเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า "ข้าไม่น่าดึงเจ้าลงมาด้วยเลย...เจ้าควรมีคืนวันที่งดงามกว่านี้"หยางฟางหรานหัวเราะเบา ๆ ทั้งที่น้ำตาไหลริน "ถ้าข้าไม่อยากจะทำ ข้าคงไม่ทำ... ท่านไม่ต้องแบกรับความผิดแทนข้า ท่านพ่อมาถึงขั้นนี้แล้วจะต้องพูดอะไรอีก"เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงฝีเท้าของทหารจะดังขึ้น...ประตูเหล็กของคุกหลวงถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้า แสงตะเกียงสาดลอดเข้ามาในห้องขังเล็ก ๆ"ถึงเวลาแล้ว" ทหารยามประกาศด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ฮ่องเต้มีพระราชโองการให้ประหารชีวิตในรุ่งสางวันพรุ่งนี้"หยางฟางหรานหลับตาลงช้า ๆ น้ำตาหยดสุดท้ายร่วงหล่น"ท่านคงเกลียดข
ท้องพระโรงยามสายบรรยากาศกลับตึงเครียด"ชินหวางอ๋อง" ยืนอยู่กลางท้องพระโรง ใบหน้านิ่งสงบ แววตาแน่วแน่ ใต้ชุดคลุมขาวสะอาดตายามนี้ไม่มีสิ่งใดสั่นคลอนจิตใจของเขา"เสวี่ยเต๋ออ๋อง" ผู้เคยเร้นกาย ณ ชายแดน ยืนอยู่เบื้องหน้าฮ่องเต้ในฉลองพระองค์เต็มยศ นัยน์ตาของเขาทอแววหนักแน่นและสำนึกผิด"เสวี่ยเต๋ออ๋องถวายพระพรฝ่าบาท ข้ากลับมาแล้ว" เสวี่ยเต๋ออ๋องกล่าวเสียงหนักแน่น “อืมมมม” ชินเตอหลางกล่าวเพียงเบาๆ ในใจเคลือบแคลงอยู่8ในสิบส่วนกับคำพูดซัดทอดของหยางซูซิน"มิใช่เพื่อชี้แจง มิใช่เพื่อร้องขอ แต่เพื่อแสดงความจริงใจให้แคว้นและฝ่าบาทเห็น ว่าข้ายังภักดีต่อราชสำนัก และไม่เคยคิดทรยศ"ชินหวางอ๋องหรี่ตาลงเล็กน้อย แต่ไม่กล่าวคำใด ทว่าแววตากลับวัดความจริงในคำพูดของเสวี่ยเต๋ออ๋องอย่างไม่ปิดบัง"แล้วเหตุใดในตอนนั้น เจ้าจึงร่วมเดินหมากกับใต้เท้าหยางคำพูดนี้ไม่เกินจริงใช่หรือไม่" น้ำเสียงของชินหวางอ๋องเย็นเยียบแต่ไม่โกรธเกรี้ยวเสวี่ยเต๋ออ๋องหลุบตาลงชั่วครู่ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แน่วแน่ "เพราะข้าโง่... เสวี่ยเต๋ออ๋องหลงผิดไปชั่วขณะ การกลับมาครั้งนี้เพื่อยืนยันว่าข้ามิได้มีใจกบฏและพร้อมยอมให้ฝ่าบาทและชิ
ท้องพระโรงเงียบงันเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ต่างก้มหน้าเงียบกริบ เมื่อเสียงของชินหวางอ๋องดังกังวานกลางห้องบัลลังก์“ขอฝ่าบาทโปรดไตร่ตรอง…ข้ากระหม่อมชินหวาง ขอไขความจริงในคดีเมื่อยี่สิบปีก่อนและคดีที่เกิดขึ้นกับพระชายาซีหรูตลอดช่วงที่ผ่านมา”สายตาของทุกผู้คนเบิกกว้างเมื่อชินหวางอ๋องกล่าวต่อ“การวางเพลิงสังหารอย่างอำมหิตในคืนหนึ่งของฤดูหนาวเมื่อยี่สิบปีก่อน เบื้องหลังคือคนผู้หนึ่งที่ใครเล่าจะคาดถึงนั่นคือสวีเหยี่ยน...ซึ่งเป็นฮูหยินรองในตอนนั้น”เสียงฮือฮาดังขึ้นระลอกหนึ่ง สีหน้าของฮองเฮาอี้หรานซีดเผือดทันที น้ำตาไหลซึมลงจากดวงตาโดยไม่ทันรู้ตัว“ฮูหยินสวีเหยี่ยนต้องการกำจัดภรรยาเอกของใต้เท้าเสิ่น…เพื่อเปิดทางให้เป็นหนึ่งในตระกูลเสิ่น และบุตรีนั่นคือชายาของข้าเสิ่นซีหรู…ก็เป็นหนึ่งเดียวของผู้ที่รอดชีวิตจากเปลวเพลิงในคืนนั้น” เขาหยุดสูดลมหายใจพลางกำหมัดแน่น“ไม่เพียงเท่านั้น สวีเหยี่ยนฮูหยินคนนั้นยังเป็นผู้วางยาซีหรูถึงสองครั้ง และอีกผู้หนึ่ง…หยางฟางหราน บุตรีของใต้เท้าหยางซูซิน ใช้เล่ห์กลวางยา ลอบสังหาร และจับตัวพระชายาซีหรูเพื่อหวังตำแหน่งชายาเอกในภายภาคหน้า—ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวง”ชินเต