Masuk“อย่าตีลูกเลยเจ้าค่ะท่านแม่!”
เป็นอีกครั้งที่ข้าต้องร้องขอให้หยุดมอบความเจ็บปวดให้ข้า แม้จะเกิดใหม่อีกครั้งก็ยังต้องสัมผัสความรู้สึกนี้อีกหรือ แขนสองข้างที่เหยียดตรงและถูกบ่าวไพร่จับเอาไว้ เพื่อรับความเจ็บปวดจากไม้เรียวของฮูหยินใหญ่เสิ่นที่ใช้ในการเฆี่ยนตีลูกสาวอยู่เสมอ
“เจ้าเกือบทำให้ข้าและท่านพ่อของเจ้าเดือดร้อน เจ้ากล้านักนะ!”
“ลูกเปล่านะเจ้าคะท่านแม่”
“หุบปาก!! เอาไปขังไว้ในห้อง อดข้าวอดน้ำสามวัน ถ้ามีใครขัดคำสั่งข้า ข้าจะไล่ออกจากจวนให้หมด!! หากนางจะตายก็ปล่อยให้นางตาย”
ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนความเลวร้ายของคนเหล่านี้ได้ คนที่จะต้องเปลี่ยนคือตัวข้า อีกสามวันฮ่องเต้จะปลอมตัวเสด็จพาคุณสนมเอกมาเดินเล่นที่ตลาด แล้วมาดูกันว่าใครกันแน่ที่จะต้องตาย
เสิ่นลู่ถิงนั่งมองดูบาดแผลจากการถูกเฆี่ยนตีที่มือของตัวเองนิ่งและแสยะยิ้ม แม้จะเจ็บปวดแต่ก็มีประโยชน์ไม่น้อย มือเล็กปาดน้ำตาบนใบหน้าออกจนหมดสิ้น ข้าจะไม่ยอมอ่อนแออีกครั้ง
“คุณหนูเจ้าคะ อาลี่เอายามาให้”
คุณหนูเสิ่นมองดูสาวใช้คนสนิทที่เดินเข้ามาราวกับหลุดไปในภวังค์ ชาติที่แล้วมีเพียงเจ้าที่อยู่ข้างกายข้าเสมอ และเพื่อปกป้องข้า...เจ้าเองก็ถูกสั่งประหารก่อนที่ข้าจะโดนใส่ความเพียงไม่กี่วัน ชาตินี้ข้าจะเอาคืนให้เจ้าด้วยเช่นกัน
“อาลี่ทายาให้นะเจ้าคะ”
“ไม่ต้อง” เสิ่นลู่ถิงดึงมือของตัวเองออกทันทีแล้วมองใบหน้าตกใจของอาลี่ก่อนจะดึงมือของคนตรงหน้ามากอบกุมเอาไว้
“แต่ถ้าคุณหนูไม่ทายาแผลจะไม่หายนะเจ้าคะ ให้อาลี่..”
“นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการ ข้าจะใช้ประโยชน์จากแผลนี้”
“อย่างไรเจ้าคะ?” อาลี่ยังคงเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย เสิ่นลู่ถิงได้แต่ยิ้มแล้วมองดูบาดแผลอีกครั้ง
“อาลี่ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ออกไปจากที่นี่ เจ้ายินดีจะช่วยข้าหรือไม่?”
ดวงตากลมก้มมองดูมือของอาลี่เปลี่ยนมาจับมือของนางไว้แทน เด็กสาวตรงหน้ามีความรักที่แสนบริสุทธิ์ให้ข้ามาเสมอ แม้ครั้งนี้ข้าได้กลับมาและเจ้าเองก็มีชีวิตอีกครั้ง แต่ข้าจะไม่ยอมให้การตายของเจ้าครั้งก่อนมันจบลงโดยง่ายหรอก ใครที่ผิดข้าจะทวงคืนทั้งหมด
“อาลี่ยินดีเจ้าค่ะ อาลี่อยากพาคุณหนูไปจากที่นี่ แต่ว่าหากคุณหนูจะไปจากที่นี่แล้วจะไม่ลำบากหรือเจ้าคะ? เพราะนายท่านเอาแต่แสดงออกว่าไม่รักคุณหนู ดังนั้นคุณหนูจึงไม่มีญาติคนไหนที่ยินดีเมื่อเจอคุณหนูเลย เราไม่มีใครคอยช่วยเหลือเลยนะเจ้าคะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก แน่นอนว่าหากข้าคิดจะก้าวออกไปจากตระกูลเสิ่น เป้าหมายของข้าย่อมยิ่งใหญ่และสุขสบายกว่าที่นี่แน่นอน”
“ความจริงหากคุณหนูตกลงรับราชโองการ จวนท่านอ๋องก็น่าจะสุขสบายเหมือนกันนะเจ้าคะ”
“การแต่งงานกับคนที่มีหญิงคนหนึ่งในใจ แน่นอนว่าเขาต้องไม่เหลียวแลข้า ดังนั้นที่นั่นไม่เหมาะกับข้าหรอก”
เสิ่นลู่ถิงตอบกลับไปอย่างกล้ำกลืน ความรู้สึกเจ็บปวดยังคงรวดร้าวเข้ามาในใจ แม้ข้าจะแต่งงานด้วยราชโองการ แต่ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้ข้าเคยมีใจให้ท่านอ๋องมาก่อน เพราะเขาเคยช่วยชีวิตข้าไว้ ดังนั้นสินเดิมทั้งหมดข้าจึงยินยอมยกให้ครอบครัวสามี แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเกลียดชังและการโดนกลั่นแกล้งในทุกย่างก้าวที่เดินอยู่ในจวนอ๋อง
“ชีวิตนี้ข้าจะทำให้พวกมันได้รู้ว่าการถูกใส่ความและการสูญเสียรู้สึกเช่นไร” อาลี่มองคุณหนูเสิ่นอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ยังคงบีบมือเล็กนั่นของคุณหนูเสิ่นเอาไว้อย่างไม่ยอมปล่อยไป
“ขอเพียงคุณหนูหลุดพ้นจากความทุกข์นี้ อาลี่ยินดีเจ้าค่ะ”
“เราจะหลุดพ้นความทุกข์นี้ด้วยกัน อีกสามวันจะสิ้นสุดการลงโทษของท่านแม่ ข้าต้องการหาทางออกไปที่ตลาด มีใครในจวนที่เราไว้ใจได้อีกหรือไม่?”
“มีเจ้าค่ะ เรื่องนี้คุณหนูไม่ต้องห่วง อาลี่จะจัดการให้เอง”
“ดี” เสิ่นลู่ถิงอมยิ้มแล้วลูบมือของอาลี่แผ่วเบา
“คุณหนูอยากทานอะไรไหมเจ้าคะ? อาลี่จะไปแอบเอาอาหารมาให้ท่าน”
“ไม่ต้อง”
“ไม่หิวหรือเจ้าคะ?”
“หิวนี่แหละดี หากอีกในสามวันข้าหิวจนแทบทนไม่ไหวก็ยิ่งดี” เสิ่นลู่ถิงกำมือแน่น ข้าชักจะอดทนไม่ไหวแล้วสิ อยากรู้เสียจริงว่าแผนการแรกหลังจากกลับมามีชีวิตของข้า ผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร
สามวันผ่านไป
“คุณหนูเจ้าคะ นี่คืออี้ชวนเจ้าค่ะ” อาลี่เอ่ยปากแนะนำให้คุณหนูเสิ่นรู้จักผู้ร่วมมืออีกคน ชาติที่แล้วข้าไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย จะไว้ใจได้หรือไม่ก็ไม่รู้ หรือว่าข้าจำเป็นต้องลองเสี่ยงดู
“ข้าเป็นบ่าวรับใช้ที่ท่านแม่คุณหนูเคยสั่งฆ่าแม่ข้า แต่ตอนยังเด็กและคุณหนูเป็นขอร้องและช่วยชีวิตแม่ข้าไว้ จำได้หรือไม่ขอรับ?”
เป็นเช่นนี้เอง….เรื่องนี้เกิดตอนที่ข้ายังเด็กมาก ดังนั้นข้าจึงจำได้เพียงเลือนรางเท่านั้น การช่วยคนไว้ถือเป็นประโยชน์กับข้าในตอนนี้เช่นกัน
“ข้าอยากช่วยทุกครั้งที่เห็นว่าคุณหนูถูกนายหญิงตี แต่เพราะข้าต่ำต้อยเกินไปจึงไม่สามารถช่วยเหลือคุณหนูได้เลย ดังนั้นครั้งนี้ถือว่าข้าตอบแทนคุณหนูเถอะขอรับ หากสุดท้ายข้าจะต้องโดนทำโทษ ข้าก็ยินดี”
“ข้าขอบคุณ แต่มันจะไม่เป็นอย่างนั้น หากแผนการวันนี้ของข้าสำเร็จ เจ้ากับแม่เจ้ายินดีจะตามไปอยู่ข้างกายข้าที่อื่นด้วยกันพร้อมกับอาลี่หรือไม่?”
เสิ่นลู่ถิงมองดูดวงตามีประกายของคนตรงหน้า รู้สึกดีใจมากขนาดนี้เชียว ดูท่าแล้วคงอยากจะไปจากที่นี่มากเหมือนกัน
“คุณหนูจะให้ข้าไปด้วยจริงๆ หรือขอรับ?”
“แน่นอน”
“งั้นคุณหนูจะให้ข้าทำอะไร บอกมาเลยขอรับ”
เสิ่นลู่ถิงยืนหลบอยู่มุมอับที่ไม่มีผู้คนเดินผ่านมากนัก สายตาจับจ้องมองฮ่องเต้และสนมเอกที่กำลังเดินชมร้านค้าอยู่ เพราะวันนี้ปลอมตัวมาอย่างคนธรรมดาดังนั้นจึงไม่มีคนติดตามมากนัก เหมาะที่จะทำตามแผนที่คิดไว้
อี้ชวนกับอาลี่วิ่งมาที่ด้านหลังเมื่อจัดการแน่ชัดแล้วว่าไม่มีคนของตระกูลเสิ่นตามมา เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้กำลังสนใจบางสิ่งอยู่เสิ่นลู่ถิงก็ใช้โอกาสนี้ดึงผ้าขึ้นปกปิดใบหน้าแล้ววิ่งไปชนเข้ากับสนมเอกจนล้มลงทั้งคู่
สนมเอกขึ้นชื่อเรื่องการชิงดีกับสนมในวังมาแต่ไหนแต่ไร และอยากจะได้ตำแหน่งฮองเฮามาเสมอ ดังนั้นเป็นบุคคลอันตรายอีกคนแน่นอนหากข้าสามารถเข้าไปอยู่ในวังได้ ข้าต้องค่อยๆ ทำให้นางมีความผิดและทำให้ฮ่องเต้แต่รู้สึกไม่พอใจนางไปเรื่อยๆ เพื่อกำจัดนางทิ้งไปในภายหลัง
“นางบ้านี่!! เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ”
เพี๊ยะ!! ทันทีที่พยุงผู้เป็นนายลุกขึ้นคนสนิทก็เดินมากระชากตัวคุณหนูเสิ่นแล้วตบเข้าที่หน้าในทันที คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ นายเป็นอย่างไรก็คงสอนบ่าวให้เป็นอย่างนั้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ท่านพี่ นางผู้หญิงบ้าคนนี้จู่ๆ ก็เดินมาชนข้า ข้าเจ็บมากเลย”
น้ำเสียงหวานกับกิริยาแสนออดอ้อนนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ใครๆ ต่างก็ร่ำลือกันว่าฮ่องเต้ทรงโปรดพระสนมเอกมากกว่าฮองเฮาเสียอีก เห็นทีข้าคงต้องเรียนรู้บางอย่างจากท่านบ้างเสียแล้ว
“คุณหนู!! คุณหนูเป็นยังไงบ้างเจ้าคะ!!”
อาลี่วิ่งเข้ามาหาคุณหนูเสิ่นตรงตามเวลา ไม่สามารถปล่อยให้ทุกอย่างล่าช้า แค่เพียงถูกตบหน้าครั้งเดียวนี่ก็แย่พออยู่แล้ว
“คุณหนูของเจ้าชนคนของข้า…”
“ขอประทานอภัยเพคะ ฝ่าบาทอย่างทรงกริ้ว”
เรียวคิ้วที่ขมวดแน่นของฮ่องเต้เรียกรอยยิ้มมุมปาก ในเมื่อสงสัยมีหรือที่เขาจะไม่หาคำตอบว่าข้าเป็นใคร สนมเอกพยักพเยิดหน้าให้สาวใช้จัดการหลังจากเห็นท่าที่นิ่งไปและดูสนอกสนใจของฮ่องเต้
เสิ่นลู่ถิงถูกกระชากข้อมือสองข้างเต็มแรง แม้จะจับมากแต่ก็ทำได้เพียงแค่กัดฟันอดทนเท่านั้น เจ็บเพียงเท่านี้ยังไม่ถึงเสี้ยวของความเจ็บปวดเมื่อชาติที่แล้วเสียด้วยซ้ำ
อาลี่วิ่งเข้ามาช่วยคุณหนูเสิ่นยื้อยุดกับนางกำนัลของพระสนมเอกจนสุดแรง หาจังหวะพอดิบพอดีเพื่อออกแรงผลักให้คุณหนูเสิ่นเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของฮ่องเต้ที่โอบรับตามสัญชาตญาณ
ดวงตาสองคู่มองสบกัน ปากกระจับที่มองผ่านผ้าผืนบางแต่ยังต้องยอมรับว่ามันน่าพิสมัย เมื่อเห็นว่าเหยื่อติดกลับแล้วปลายเชือกของผ้าปกปิดใบหน้าก็ถูกอาลี่ดึงให้หลุดออก
“คุณหนูเสิ่นหรือ?”
ยิ่งเห็นใบหน้าก็ยิ่งจดจ้อง ปลายคางมลถูกสัมผัสให้หน้าเชิดขึ้น ปล่อยให้คนตรงหน้าได้รู้สึกลุ่มหลงสักพักก่อนจะรีบผละออกแล้วก้มลงที่พื้นด้วยท่าทีร้อนรน
ฝ่ามืออุ่นจับลงที่ข้อแขนเพื่อดึงให้ลุกขึ้น แต่กลับได้รับเสียงร้องราวกับเจ็บปวดมากมายทั้งที่แทบไม่ได้ออกแรงดึงแม้แต่น้อย
“เจ็บหรือ?”
“ขอประทานอภัยเพคะฝ่าบาท”
“ขอโทษข้าอีกแล้ว”
“ฝะ ฝ่าบาทจะทำอะไรเพคะ?”
คุณหนูเสิ่นดึงมือของตนเองที่จับมือฮ่องเต้เมื่อเขาจะเปิดดูแขนของเธอออกด้วยสีหน้าตกใจและขอโทษอีกครั้ง แขนเสื้อที่ปกปิดถูกดึงขึ้นดูก่อนเรียวคิ้วจะขมวดแน่นกว่าเก่า
“นี่มันอะไรกัน!? เจ้าโดนใครทำร้ายมาหรือ?”
“หม่อมชั้น…”
“คุณหนูรีบหนีเถอะเจ้าค่ะ อี้ชวนส่งสัญญาณอยู่ตรงนั้นว่านายหญิงรู้ตัวแล้วเจ้าค่ะ”
ตาคมมองตามสาวใช้ของคุณหนูเสิ่นและพบเข้ากับคนที่หลบมุมส่งสัญญาณอยู่อย่างที่บอก ยิ่งทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
คุณหนูเสิ่นเสียมารยาทรีบดึงแขนออกจากการเกาะกุม ก้มหัวเอ่ยขอโทษอีกครั้งแล้วเบี่ยงตัวเพื่อจะเดินหนี แต่เพียงไม่กี่เสี้ยววิเสียงเรียกก็ดังขึ้นอย่างที่ต้องการ
“คุณหนูเสิ่น ข้าอนุญาตให้เจ้าไปแล้วหรือ?”
“ขะ ขอประทานอภัยเพคะ แต่หม่อมชั้นต้องไป ต้องไปตอนนี้”
“ข้าอยู่ที่นี่ เจ้าจะกลัวไปทำไม?”
“แต่…หม่อมฉัน…หม่อมฉัน”
คุณหนูเสิ่นพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาลงเรื่อยๆ ก่อนจะโอนเอนและหมดสติ แขนแกร่งโอบรับรอบเอวแล้วดึงเข้าหาตัวเพื่อพยุงเอาไว้ ปากเอาแต่เอ่ยเรียกชื่อคนหมดสติไม่หยุดพัก จนลืมไปเสียแล้วว่ามีใครบางคนยืนมองอยู่อย่างไม่พอใจ
“ฟู่เอ๋อให้คนเตรียมรถม้า ข้าจะพาคุณหนูเสิ่นเข้าวัง อ่อ ส่งคนไปตามหมอหลวงด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาทหมายความว่าอย่างไรเพคะ จะพานางเขาวังด้วย? แต่ว่านาง…”
“วังหลวงเป็นของข้า ข้าจะพาใครไปที่นั่นต้องรายงานเจ้าด้วยหรือ?”
“เสิ่น ลู่ถิงรอข้าก่อน”แขนเรียวถูกจับเอาไว้จนต้องหันไปมอง เสิ่นลู่ถิงขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย แววตาท่านอ๋องไม่ใช่หมายความว่าไม่อยากให้ข้าไปหรอกหรือ ท่านกำลังคิดจะทำสิ่งใดกันแน่“ท่านอ๋อง อย่างไรเสียข้าก็กำลังจะถูกแต่งตั้งเป็นกุ้ยเหริน ในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเป็นสตรีของฝ่าบาท ท่านทำเช่นนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะสม”“ข้าขอโทษ ข้าแค่ร้อนใจ”“ร้อนใจหรือ?”คุณหนูเสิ่นตั้งคำถามคนตรงหน้า แต่ไม่ว่าคำตอบจะเป็นเช่นไรข้าก็คงไม่นึกตกหลุมพรางท่านอีกครั้ง บาดแผลในใจข้าเมื่อชาติก่อน ต่อให้ท่านหาเดือนหาดาวเพื่อมาคุกเข่าขอโทษข้า ข้าก็ไม่มีวันยอมยกโทษให้“ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากเป็นชายาของข้าหรือ? เมื่อก่อนนั้นเจ้า…”“ข้าเป็นอย่างไร? ข้าวิ่งไล่ตามท่าน และยินยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อให้ท่านมีความสุขใช่หรือไม่?”“ใช่ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เพื่อประชดข้า” คุณหนูเสิ่นหัวเราะให้กับความมั่นอกมั่นใจนี้ ท่านคงคิดมาเสมอว่าไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่มีทางรักคนอื่นได้ แม้ท่านจะทำร้ายจิตใจข้าเท่าไหร่ ข้าก็จะยังไม่ไปไหนสินะ“ข้าไม่ได้ทำเพื่อประชดท่าน ท่านอ๋องอีกไม่กี่วันท่านก็ต้องแต่งกับคุณหนูรองตระกูลหลี่ กลับจวนท่านอ๋องไปเถิด ข
"ทูลฝ่าบาท แผลที่แขนของคุณหนูเสิ่นเกิดจากการเฆี่ยนตี ส่วนที่หมดสติไปอาจเป็นเพราะไม่มีอาหารตกถึงท้องมาหลายวันพ่ะย่ะค่ะ"ปึ้ง!! เสียงของกำปั้นทุบลงตกดังลั่นจนเหล่าขันทีและนางกำนัลต้องก้มหน้าลงอย่างหวาดกลัว"ตระกูลเสิ่นใหญ่ถึงเพียงนั้น! แค่ข้าวสักเม็ดก็ไม่มีให้ลูกสาวกินหรือ!" ฮ่องเต้ตรัสออกมาอย่างไม่อยากเชื่อนัก แต่สถานการณ์ก่อนหน้าก็พอจะยืนยันได้ว่าสิ่งนี้เป็นความจริง"ฝ่าบาทกระหม่อมขอตัวไปเตรียมยาก่อน จะได้ให้คุณหนูเสิ่นกินตอนตื่นพ่ะย่ะค่ะ""ไปเถอะ แล้วเจ้าก็ดูแลคุณหนูเสิ่นจนกว่าจะหายดี" หมอหลวงฉางก้มรับคำสั่งและเดินออกไป ดวงตาคมมองเห็นสาวใช้ของคุณหนูเสิ่นยืนอยู่อย่างร้อนใจ เพียงแค่พยักหน้ากับคนสนิทไม่นานนักอาลี่ก็ถูกพาตัวเข้ามาด้านใน"เจ้าเป็นคนดูแลข้างกายคุณหนูเสิ่นใช่หรือไม่?""เพคะฝ่าบาท""ปกติคุณหนูของเจ้าถูกทำร้ายเช่นนี้ตลอดหรือ?""เพคะ หากฝ่าบาทอยากยืนยันข้อเท็จจริง ฝ่าบาทสามารถเสด็จไปที่ตระกูลเสิ่นในตอนนี้เพคะ"เมื่อรับฟังคำก็พยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืน ยังไม่ทันย่างก้าวไปได้ไกลแขนแกร่งก็ถูกดึงรั้งเอาไว้เสียก่อน หันไปดูก็พบเข้ากับสนมเอกที่ยืนอยู่"เจ้ามีอะไร?""ฝ่าบาทจะเสด็จไปไหนเพค
“อย่าตีลูกเลยเจ้าค่ะท่านแม่!”เป็นอีกครั้งที่ข้าต้องร้องขอให้หยุดมอบความเจ็บปวดให้ข้า แม้จะเกิดใหม่อีกครั้งก็ยังต้องสัมผัสความรู้สึกนี้อีกหรือ แขนสองข้างที่เหยียดตรงและถูกบ่าวไพร่จับเอาไว้ เพื่อรับความเจ็บปวดจากไม้เรียวของฮูหยินใหญ่เสิ่นที่ใช้ในการเฆี่ยนตีลูกสาวอยู่เสมอ“เจ้าเกือบทำให้ข้าและท่านพ่อของเจ้าเดือดร้อน เจ้ากล้านักนะ!”“ลูกเปล่านะเจ้าคะท่านแม่”“หุบปาก!! เอาไปขังไว้ในห้อง อดข้าวอดน้ำสามวัน ถ้ามีใครขัดคำสั่งข้า ข้าจะไล่ออกจากจวนให้หมด!! หากนางจะตายก็ปล่อยให้นางตาย”ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนความเลวร้ายของคนเหล่านี้ได้ คนที่จะต้องเปลี่ยนคือตัวข้า อีกสามวันฮ่องเต้จะปลอมตัวเสด็จพาคุณสนมเอกมาเดินเล่นที่ตลาด แล้วมาดูกันว่าใครกันแน่ที่จะต้องตายเสิ่นลู่ถิงนั่งมองดูบาดแผลจากการถูกเฆี่ยนตีที่มือของตัวเองนิ่งและแสยะยิ้ม แม้จะเจ็บปวดแต่ก็มีประโยชน์ไม่น้อย มือเล็กปาดน้ำตาบนใบหน้าออกจนหมดสิ้น ข้าจะไม่ยอมอ่อนแออีกครั้ง“คุณหนูเจ้าคะ อาลี่เอายามาให้”คุณหนูเสิ่นมองดูสาวใช้คนสนิทที่เดินเข้ามาราวกับหลุดไปในภวังค์ ชาติที่แล้วมีเพียงเจ้าที่อยู่ข้างกายข้าเสมอ และเพื่อปกป้องข้า...เจ้าเองก็ถ
สายลมพัดหวนด้วยแรงกระโชกก่อนเม็ดฝนจะกระหน่ำลงมาราวกับว่าร้องไห้แทนหญิงสาวแสนอาภัพผู้กำลังถูกสั่งประหารอย่างไม่ไยดี ยามที่หยดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาแสนบอบช้ำจนนองหน้าแต่ก็มิอาจเปลี่ยนแปลงคำสั่งประหารจากจักรพรรดิแห่งแผ่นดินได้นางได้แต่มองดูฮ่องเต้ผู้ที่ประทานความตายให้ แต่นั่นยังไม่ทำให้ในใจเจ็บปวดเท่ามองดูชายแสนสง่าผู้นั้นที่ได้ชื่อว่าเป็นสวามียืนมองอยู่อย่างไม่รู้สึกไยดี แถมข้างกายนั้นยังมีชายาเอก สตรีที่ถูกกล่าวถึงทั่วแคว้นว่าเหมาะกับเขามากกว่าใครยืนอยู่ด้วยตำแหน่งของข้าและเจ้าต่างกันเพียงขั้นเดียว แต่ความห่างไกลในใจท่านอ๋องนั้นต่างกันมากมายเสียเหลือเกินเสียงของสายฟ้าดังลั่นกึกก้องกลบเสียงร้องไห้ราวขาดใจของบุตรีคนโตตระกูลเสิ่นไม่ได้แม้สักนิด ผู้เป็นพ่อแม่ที่ยืนมองอยู่ก็มิเคยเอ่ยปากพูดสิ่งใดเพื่อช่วยลูกสาวเลยสักครั้ง เมื่อคิดได้ดังนั้นเสียงร้องไห้ก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะราวกับคนเสียสติ“หึ ข้าเกลียดเจ้ามากเท่าใดเจ้าย่อมรู้ดี แต่หากเจ้ามิคิดแย่งความโปรดปรานจากท่านอ๋องไปจากข้าตั้งแต่แรก ข้าคงมิต้องจัดการเจ้าถึงแก่ชีวิตเช่นนี้” ชายาเอกผู้มาจากตระกูลหลี่ยืนมองผลงานของตัวอย่างสุขใจ เพ







