Masuk"ทูลฝ่าบาท แผลที่แขนของคุณหนูเสิ่นเกิดจากการเฆี่ยนตี ส่วนที่หมดสติไปอาจเป็นเพราะไม่มีอาหารตกถึงท้องมาหลายวันพ่ะย่ะค่ะ"
ปึ้ง!! เสียงของกำปั้นทุบลงตกดังลั่นจนเหล่าขันทีและนางกำนัลต้องก้มหน้าลงอย่างหวาดกลัว
"ตระกูลเสิ่นใหญ่ถึงเพียงนั้น! แค่ข้าวสักเม็ดก็ไม่มีให้ลูกสาวกินหรือ!" ฮ่องเต้ตรัสออกมาอย่างไม่อยากเชื่อนัก แต่สถานการณ์ก่อนหน้าก็พอจะยืนยันได้ว่าสิ่งนี้เป็นความจริง
"ฝ่าบาทกระหม่อมขอตัวไปเตรียมยาก่อน จะได้ให้คุณหนูเสิ่นกินตอนตื่นพ่ะย่ะค่ะ"
"ไปเถอะ แล้วเจ้าก็ดูแลคุณหนูเสิ่นจนกว่าจะหายดี" หมอหลวงฉางก้มรับคำสั่งและเดินออกไป ดวงตาคมมองเห็นสาวใช้ของคุณหนูเสิ่นยืนอยู่อย่างร้อนใจ เพียงแค่พยักหน้ากับคนสนิทไม่นานนักอาลี่ก็ถูกพาตัวเข้ามาด้านใน
"เจ้าเป็นคนดูแลข้างกายคุณหนูเสิ่นใช่หรือไม่?"
"เพคะฝ่าบาท"
"ปกติคุณหนูของเจ้าถูกทำร้ายเช่นนี้ตลอดหรือ?"
"เพคะ หากฝ่าบาทอยากยืนยันข้อเท็จจริง ฝ่าบาทสามารถเสด็จไปที่ตระกูลเสิ่นในตอนนี้เพคะ"
เมื่อรับฟังคำก็พยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืน ยังไม่ทันย่างก้าวไปได้ไกลแขนแกร่งก็ถูกดึงรั้งเอาไว้เสียก่อน หันไปดูก็พบเข้ากับสนมเอกที่ยืนอยู่
"เจ้ามีอะไร?"
"ฝ่าบาทจะเสด็จไปไหนเพคะ? แล้วจะให้คุณหนูเสิ่นอยู่ที่นี่...ไม่ส่งกับจวนหรือเพคะ?"
"นางยังไม่ได้สติ ข้าจะให้หมอหลวงดูแลนางก่อน ส่วนเจ้าก็กลับตำหนักไปเถิด ข้าจะไปที่จวนตระกูลเสิ่นเสียหน่อย"
"ฝ่าบาทจะเสด็จไปที่นั่นทำไมเพคะ?"
"หลี่หว่านลู่เจ้ารู้หรือไม่ แม้แต่ฮ่องเฮายังมิเคยกล้าถามคำถามนี้กับข้า" เพราะแววตาเรียบนิ่งแสนเย็นชาทำให้สนมเอกยอมปล่อยแขนของฮ่องเต้ในทันที แล้วมองตามไปด้วยความขุ่นเคืองใจจนต้องกำมือแน่น
"เสิ่นลู่ถิง!! ฮ่องเต้ไม่เคยเย็นชากับข้าอย่างนี้เลยสักครั้งจนกระทั่งเจอเจ้า....เห็นทีว่าเจ้ากับข้าคงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้"
จวนตระกูลเสิ่น
"โบยมันเพิ่มอีก!! หากมันไม่ยอมพูดก็โบยให้ตาย!!"
ฮูหยินใหญ่เสิ่นเอ่ยปากสั่งให้โบยบ่าวรับใช้ที่กล้าช่วยเสิ่นลู่ถิงให้หลบหนีออกไปจากตระกูลเสิ่นได้อย่างโหดเหี้ยม ชีวิตของบ่าวตัวเล็กๆ ไม่ได้มีค่าในสายตาเลยสักนิด หากใครที่กล้าทำให้ที่ระบายของตนหนีรอดออกไปแม้ให้ฆ่าจนตายก็ไม่นึกเสียดาย
“ดูเหมือนว่าฮูหยินใหญ่ตระกูลเสิ่นจะชอบใช้ความรุนแรงอย่างที่ข้าได้ยินมาจริงๆ สินะ”
“ฝะ ฝ่าบาท ไม่ใช่อย่างนั้นนะเพคะ คือ…หม่อมชั้นเพียงแค่สั่งสอนบ่าวไพร่ที่ทำผิดคำสั่ง”
“คำสั่งที่ท่านว่าเกี่ยวกับคุณหนูตระกูลเสิ่นหรือไม่?”
ฮูหยินใหญ่ตระกูลเสิ่นตาเบิกกว้างแล้วได้แต่ครุ่นคิดด้วยความไม่เข้าใจ เหตุใดฮ่องเต้ถึงรู้เรื่องนี้ได้ หากเปิดเผยท่าทีกังวลเกินไปจนหลุดพูด มีหวังได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่
“ข้าถาม เจ้าไม่ได้ยินหรือ?”
“คะ คือไม่ใช่เพคะ”
“ฮูหยินใหญ่ท่านรู้หรือไม่ ข้อหาหลอกลวงฮ่องเต้จะมีผลเช่นไร?”
“ทูลฝ่าบาทได้โปรดช่วยอี้ชวนด้วยเพคะ เพราะอี้ชวนเห็นว่าฮูหยินชอบทำร้ายคุณหนูมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นพวกบ่าวเองไม่อาจทนได้อีกต่อไป พออี้ชวนยื่นมือเข้าช่วยคุณหนู นายหญิงคงไม่พอใจจึงได้ลงโทษรุนแรงเช่นนี้เพคะ”
อาลี่พูดออกไปอย่างไม่นึกเกรงใจ แม้สายตาเชือดเฉือนนั้นมองกันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อให้ได้ หากต้องแลกชีวิตเพื่อช่วยให้คุณหนูสุขสบายนั่นก็เป็นสิ่งที่อาลี่คนนี้ยินดี
“กระ…กระหม่อมเป็นพยาน ให้กับคำพูดของอาลี่พ่ะย่ะค่ะ”
“เป็นอย่างนี้แล้ว ฮูหยินใหญ่เสิ่นจะทำเช่นไร”
“พวกเจ้ากล้าใส่ร้ายข้า! ตระกูลเสิ่นเลี้ยงดูพวกเจ้าตั้งแต่เล็กจนโต ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณแล้วยังใส่ร้ายข้าอีกหรือ!”
“ตั้งแต่เล็กจนโตฮูหยินเอาแต่ลงโทษตบตีพวกเรา มีเพียงคุณหนูเท่านั้นที่คอยดูแลเราอย่างดี แม้ในวันที่คุณหนูมีเพียงแค่หมั่นโถวหนึ่งลูกเพื่อประทังชีวิตก็ยังยอมเสียสละมันให้กับแม่ของอี้ชวนได้กิน”
“ข้าก็พึ่งรู้นะว่าอาหารของคุณหนูตระกูลเสิ่นจะมีเพียงแค่หมั่นโถวเท่านั้น ตระกูลเสิ่นไม่เคยเงินขาดมือ!! เหตุใดจึงให้ของอย่างนั้นแก่บุตรีของพวกเจ้ากิน!!!”
ตาคมหลับลงถอนหายใจ มือกำแน่นราวกับกำลังโกรธเคืองจนไม่สามารถเก็บความรู้สึกเอาไว้ได้ คุณหนูเสิ่นงดงามและบอบบางเช่นนั้น แถมยังใจดีกับบ่าวรับใช้เหตุใดจึงต้องอยู่กับมารดาที่จิตใจอำมหิตเช่นนี้ด้วย
“ฝ่าบาทเข้าพระทัยผิดแล้วเพคะ หม่อมชั้นถูกใส่ร้าย เดิมทีเสิ่นลู่ถิงจิตใจอำมหิต ไม่รู้จักบุญคุณของบิดามารดา หม่อมชั้นจึง….”
“ในสายตาของท่านแม่ ลูกแย่ถึงเพียงนั้นเลยหรือเจ้าคะ?”
เป็นคุณหนูเสิ่นที่พยุงร่างแทบจะหมดเรี่ยวแรงของตนเดินเข้ามาและพูดขึ้น แววตานั่นวูบไหวเสียจนดวงตาคมไม่อาจหยุดมองได้ ผู้หญิงที่แสนจะบอบบางอย่างนี้ เหตุใดถึงได้มีคนกล้าทำร้ายจิตใจนาง
"มาแล้วหรือนางตัวดี! เจ้าพูดออกไปสิว่าข้าไม่เคยทรมานเจ้า"
"พูดออกมาเถิด ข้าอยู่ที่นี่ จะทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้าเอง"
คุณหนูเสิ่นก้มหน้าลงในทันที แอบรอยยิ้มมุมปากก่อนจะหลับตาบีบน้ำตาให้ไหลลงอาบแก้มแล้วคุกเข่าลง ไหล่เล็กสั่นเทิ้มจนคนมองต้องสัมผัสแผ่นหลังแล้วลูบแผ่วเบา เสิ่นลู่ถิงเงยหน้ามาสบตาเพียงเพื่อให้ฮ่องเต้ได้เห็นหยาดน้ำตาที่อาบแก้มนั้นชัดเจนขึ้น
เรียวนิ้วเกลี่ยหยดน้ำใสที่ทำให้หัวใจกระตุกวูบอย่างห้ามไม่ได้นั้นออกจากแก้มเนียน ยิ่งมองนานเท่าไหร่ก็ยิ่งได้รับรู้ว่าคนอย่างคุณหนูเสิ่นงดงามเกินกว่าจะต้องเสียน้ำตาหรือแม้แต่เสียใจกับเรื่องใด
“อย่าร้องไห้เลย ลุกขึ้นเถิด”
แขนเรียวถูกประคองให้ลุกขึ้นยืน ท่าทีใส่ใจนี้ทำให้เสิ่นลู่ถิงรู้ได้ทันทีว่าตนเรียกร้องความสนใจจากฮ่องเต้ได้สำเร็จ ดวงตากลมเสมองไปด้านหลังแล้วยิ้มเยาะ ข้าคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าท่านต้องตามมาที่นี่ เช่นนั้นสนมเอกก็ควรรู้สึกไว้เสียตั้งแต่ตอนนี้ว่าข้าเป็นศัตรูของท่าน
“บอกข้ามาเถิดว่าเจ้าอยากให้ข้าจัดการเยี่ยงไร?”
“หม่อมชั้น… อย่างไรเสียท่านแม่ก็ให้กำเนิดหม่อมชั้น หม่อมชั้นมิกล้าเพคะ?”
“ลูกสาวของเจ้ากตัญญูถึงเพียงนี้ เหตุใดยังกล้าลงมือทารุณนาง!”
ฮูหยินใหญ่เสิ่นรีบก้มหน้าลงสู่พื้น ประโยคเอ่ยขอความกรุณาดังลั่นไปทั่วจวน นี่สิคือสิ่งที่คนใจดำอำมหิตอย่างท่านคู่ควร วันนี้ท่านพ่อไม่อยู่ ข้าจะรอดูว่าท่านแม่ผู้แสนดีของข้าจะแก้ตัวไปได้อย่างไร
“เจ้าจะยอมรับหรือไม่ว่าทำร้ายลูกสาวของตัวเอง แม้แต่ข้าวก็ไม่ให้นางกินจนนางเป็นลมหมดสติไป”
“หมะ…หม่อมชั้น”
“กระหม่อมเป็นพยานให้กับเสิ่นลู่ถิงได้พ่ะย่ะค่ะ”
เสียงคุ้นหูดังขึ้นจนทุกสายตาหันไปมอง ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นก่อนที่จะขมวดคิ้วจนชนกัน ท่านอ๋องหรือ? เหตุใดเขาถึงพูดเหมือนกับจะช่วยข้า? ชาติก่อนแม้แต่หางตาก็ไม่ไยดี ทำไมชาตินี้ถึงได้…..
“เอ่อไท่ เจ้ามาได้อย่างไร?”
“กราบทูลฮ่องเต้ กระหม่อมพึ่งได้ข่าวจากตระกูลเสิ่นว่าคุณหนูเสิ่นหายตัวไป ดังนั้นจึงมาตรวจสอบดูพ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องมาเพื่อตรวจสอบดูการหายตัวไปของข้า นั่นเป็นคำพูดที่ไม่น่าเชื่อถือที่สุดในชีวิตที่ข้าเคยได้ยิน เหตุใดเขาถึงมาสนใจเรื่องของข้า ไหนจะแววตานั่นที่พยายามมองมา หากข้ามองไม่ผิดนั่นไม่ใช่แววตาที่เคยมองกันอย่างนึกรังเกียจอย่างเมื่อก่อน
“เป็นโชคดีของข้าจริงๆ ที่ท่านอ๋องใส่ใจถึงเพียงนี้”
“เจ้าเป็นคู่สมรสที่ฮ่องเต้ประทานให้ข้า เหตุใดข้าจะไม่สนใจเจ้าเล่า?”
“หึ ไม่มีใครแจ้งกับท่านหรือ? ว่าการประทานสมรสถูกยกเลิกไปแล้ว”
“ว่าอย่างไรนะ? แต่ว่าในช่วงเวลานี้….”
ท่าทางครุ่นคิดหนักของท่านอ๋องทำเอาเสิ่นลู่ถิงขมวดคิ้วแน่นตามไปด้วย เขาดูแปลกไปราวกับไม่ใช่คนที่เคยเกลียดข้ามากกว่าสิ่งใดในโลก แปลกไปมากจริงๆ
“เอาล่ะ ในเมื่อมีพยานมายืนยันมากถึงเพียงนี้ แล้วหลังจากนี้ฮูหยินใหญ่เสิ่นจะทำอย่างไร?”
“หม่อมชั้นขอประทานอภัยเพคะ สิ่งที่หม่อมชั้นทำแค่เพื่อสั่งสอนบุตรสาวที่ดื้อดึงเท่านั้น”
“วิธีการสอนลูกสาวของตระกูลเสิ่นช่างโหดร้ายเสียจริงๆ”
“ฝ่าบาทเพคะได้โปรดช่วยหม่อมชั้น”
เสิ่นลูถิงทิ้งตัวคุกเข่าลงอีกครั้งด้วยใบหน้าอ้อนวอน มือหนาพยายามแตะเพื่อพยุงให้ลุกขึ้นแต่คุณหนูเสิ่นกลับไม่ยอมขยับตัวขึ้นยืนตาม
“มีอะไรก็บอกกับข้าเถิด อย่าคุกเข่าเช่นนี้เลย”
“ฝ่าบาทได้โปรดช่วยหม่อมชั้นให้หลุดพ้นจากความทรมานนี้ที่เถิดเพคะ หม่อมชั้นไม่อาจทนกับการถูกทารุณได้อีกแล้ว”
“อย่างนั้นเจ้าอยากให้ข้าช่วยเหลือเช่นไร?”
ไม่ทันที่คุณหนูเสิ่นจะได้เอ่ยปากตอบคำถาม ท่านอ๋องก็คุกเข่าลงและก้มหัวสู่พื้น ก่อนประโยคต่อมาที่เขาพูดจะทำให้เสิ่นลู่ถิงอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“ฝ่าบาทได้โปรดประทานสมรสให้กระหม่อมกับคุณหนูเสิ่นอีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?”
“กระหม่อมอยากได้การประทานสมรสอีกครั้ง หลังจากสมรสกระหม่อมก็จะสามารถพาคุณหนูเสิ่นไปอยู่ด้วยกันที่จวนอ๋องและไม่ต้องถูกทรมานที่ตระกูลเสิ่นอีก”
“ข้าไม่แต่งกับท่าน!”
เสิ่นลู่ถิงเถียงขึ้นมาเสียงแข็ง ข้ากลับมาเกิดอีกครั้งเพื่อหลีกนี้จากทุกความทรมานที่ท่านมอบให้ข้า เหตุใดข้าจะต้องยอมให้มันลงเอยแบบเดิมเล่า
เงยมองสบดวงตาเรียบนิ่งของฮ่องเต้อย่างร้องขอ หรือความจริงแล้วข้าอาจจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชาชีวิตของตัวเองได้ ต่อให้พยายามหลีกนี้อย่างไรก็จะยังลงเอยแบบเดิมเช่นนั้นหรือ
ไม่เอาน่า…ข้าอุตส่าห์ได้เกิดใหม่อีกครั้ง
จะไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงเลยหรือ
เช่นนั้นการเกิดใหม่ครั้งนี้จะมีประโยชน์อะไร
“นี่เจ้ากำลังปฏิเสธข้าหรือเสิ่นลู่ถิง? เจ้ารักข้ามาก เหตุใดถึงได้…?”
“ท่านอ๋องมีคนที่รักแล้ว ข้าไม่อยากเข้าไปเป็นส่วนเกินในชีวิตรักของท่าน”
“มะ ไม่สิ หากเจ้ายอมแต่งกับข้า ข้าสัญญาว่าจะให้เจ้าทุกอย่าง หากอยากเป็นชายาเอกของข้า ข้าก็จะให้มันกับเจ้า”
เหตุใดท่านอ๋องจึงพูดเช่นนี้ออกมา มิใช่ว่าท่านอย่าแต่งงานกับคุณหนูรองตระกูลหลี่มากกว่าใครหรือ
“ข้าไม่เคยอยากได้ตำแหน่งชายาเอกของท่าน”
“แล้วเจ้าอยากได้สิ่งใดเล่า บอกกับข้ามาเถิด”
“หม่อมชั้นรู้ว่าสิ่งนี้อาจดูล่วงเกินฝ่าบาท แต่หม่อมชั้นอยากขอเข้าวังเพคะ แค่ไปเป็นนางในก็ได้เพคะ ฝ่าบาทได้โปรดช่วยหม่อมชั้น…”
คางมลถูกเชยให้เงยขึ้นมอง เรียวนิ้วไล้ไปตามกรอบหน้าของคุณหนูเสิ่นแล้วยิ้ม ดวงตาแสนหวานที่มองมานั่นแสนลุ่มหลง เสิ่นลู่ถิงคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าตัวเองจะไม่พลาด”
“เจ้างดงามถึงเพียงนี้ หากข้าแค่พาเข้าไปเป็นนางในคงเสียดายแย่ ไหนลองพูดออกมาใหม่สิ ว่าเจ้าอยากเข้าวังไปทำไม?”
“หม่อมชั้น…หม่อมชั้นมิกล้าเพคะ แค่ได้เป็นนางในเพื่อรับใช้ฝ่าบาทก็เป็นพระมหากรุณาธิคุณมากแล้วเพคะ”
“หึ ฟู่เอ๋อ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“มีคำสั่งออกไป แต่งตั้งคุณหนูเสิ่นขึ้นเป็นกุ้ยเหรินและพาเข้าวังทันที”
“เสิ่น ลู่ถิงรอข้าก่อน”แขนเรียวถูกจับเอาไว้จนต้องหันไปมอง เสิ่นลู่ถิงขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย แววตาท่านอ๋องไม่ใช่หมายความว่าไม่อยากให้ข้าไปหรอกหรือ ท่านกำลังคิดจะทำสิ่งใดกันแน่“ท่านอ๋อง อย่างไรเสียข้าก็กำลังจะถูกแต่งตั้งเป็นกุ้ยเหริน ในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเป็นสตรีของฝ่าบาท ท่านทำเช่นนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะสม”“ข้าขอโทษ ข้าแค่ร้อนใจ”“ร้อนใจหรือ?”คุณหนูเสิ่นตั้งคำถามคนตรงหน้า แต่ไม่ว่าคำตอบจะเป็นเช่นไรข้าก็คงไม่นึกตกหลุมพรางท่านอีกครั้ง บาดแผลในใจข้าเมื่อชาติก่อน ต่อให้ท่านหาเดือนหาดาวเพื่อมาคุกเข่าขอโทษข้า ข้าก็ไม่มีวันยอมยกโทษให้“ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากเป็นชายาของข้าหรือ? เมื่อก่อนนั้นเจ้า…”“ข้าเป็นอย่างไร? ข้าวิ่งไล่ตามท่าน และยินยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อให้ท่านมีความสุขใช่หรือไม่?”“ใช่ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เพื่อประชดข้า” คุณหนูเสิ่นหัวเราะให้กับความมั่นอกมั่นใจนี้ ท่านคงคิดมาเสมอว่าไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่มีทางรักคนอื่นได้ แม้ท่านจะทำร้ายจิตใจข้าเท่าไหร่ ข้าก็จะยังไม่ไปไหนสินะ“ข้าไม่ได้ทำเพื่อประชดท่าน ท่านอ๋องอีกไม่กี่วันท่านก็ต้องแต่งกับคุณหนูรองตระกูลหลี่ กลับจวนท่านอ๋องไปเถิด ข
"ทูลฝ่าบาท แผลที่แขนของคุณหนูเสิ่นเกิดจากการเฆี่ยนตี ส่วนที่หมดสติไปอาจเป็นเพราะไม่มีอาหารตกถึงท้องมาหลายวันพ่ะย่ะค่ะ"ปึ้ง!! เสียงของกำปั้นทุบลงตกดังลั่นจนเหล่าขันทีและนางกำนัลต้องก้มหน้าลงอย่างหวาดกลัว"ตระกูลเสิ่นใหญ่ถึงเพียงนั้น! แค่ข้าวสักเม็ดก็ไม่มีให้ลูกสาวกินหรือ!" ฮ่องเต้ตรัสออกมาอย่างไม่อยากเชื่อนัก แต่สถานการณ์ก่อนหน้าก็พอจะยืนยันได้ว่าสิ่งนี้เป็นความจริง"ฝ่าบาทกระหม่อมขอตัวไปเตรียมยาก่อน จะได้ให้คุณหนูเสิ่นกินตอนตื่นพ่ะย่ะค่ะ""ไปเถอะ แล้วเจ้าก็ดูแลคุณหนูเสิ่นจนกว่าจะหายดี" หมอหลวงฉางก้มรับคำสั่งและเดินออกไป ดวงตาคมมองเห็นสาวใช้ของคุณหนูเสิ่นยืนอยู่อย่างร้อนใจ เพียงแค่พยักหน้ากับคนสนิทไม่นานนักอาลี่ก็ถูกพาตัวเข้ามาด้านใน"เจ้าเป็นคนดูแลข้างกายคุณหนูเสิ่นใช่หรือไม่?""เพคะฝ่าบาท""ปกติคุณหนูของเจ้าถูกทำร้ายเช่นนี้ตลอดหรือ?""เพคะ หากฝ่าบาทอยากยืนยันข้อเท็จจริง ฝ่าบาทสามารถเสด็จไปที่ตระกูลเสิ่นในตอนนี้เพคะ"เมื่อรับฟังคำก็พยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืน ยังไม่ทันย่างก้าวไปได้ไกลแขนแกร่งก็ถูกดึงรั้งเอาไว้เสียก่อน หันไปดูก็พบเข้ากับสนมเอกที่ยืนอยู่"เจ้ามีอะไร?""ฝ่าบาทจะเสด็จไปไหนเพค
“อย่าตีลูกเลยเจ้าค่ะท่านแม่!”เป็นอีกครั้งที่ข้าต้องร้องขอให้หยุดมอบความเจ็บปวดให้ข้า แม้จะเกิดใหม่อีกครั้งก็ยังต้องสัมผัสความรู้สึกนี้อีกหรือ แขนสองข้างที่เหยียดตรงและถูกบ่าวไพร่จับเอาไว้ เพื่อรับความเจ็บปวดจากไม้เรียวของฮูหยินใหญ่เสิ่นที่ใช้ในการเฆี่ยนตีลูกสาวอยู่เสมอ“เจ้าเกือบทำให้ข้าและท่านพ่อของเจ้าเดือดร้อน เจ้ากล้านักนะ!”“ลูกเปล่านะเจ้าคะท่านแม่”“หุบปาก!! เอาไปขังไว้ในห้อง อดข้าวอดน้ำสามวัน ถ้ามีใครขัดคำสั่งข้า ข้าจะไล่ออกจากจวนให้หมด!! หากนางจะตายก็ปล่อยให้นางตาย”ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนความเลวร้ายของคนเหล่านี้ได้ คนที่จะต้องเปลี่ยนคือตัวข้า อีกสามวันฮ่องเต้จะปลอมตัวเสด็จพาคุณสนมเอกมาเดินเล่นที่ตลาด แล้วมาดูกันว่าใครกันแน่ที่จะต้องตายเสิ่นลู่ถิงนั่งมองดูบาดแผลจากการถูกเฆี่ยนตีที่มือของตัวเองนิ่งและแสยะยิ้ม แม้จะเจ็บปวดแต่ก็มีประโยชน์ไม่น้อย มือเล็กปาดน้ำตาบนใบหน้าออกจนหมดสิ้น ข้าจะไม่ยอมอ่อนแออีกครั้ง“คุณหนูเจ้าคะ อาลี่เอายามาให้”คุณหนูเสิ่นมองดูสาวใช้คนสนิทที่เดินเข้ามาราวกับหลุดไปในภวังค์ ชาติที่แล้วมีเพียงเจ้าที่อยู่ข้างกายข้าเสมอ และเพื่อปกป้องข้า...เจ้าเองก็ถ
สายลมพัดหวนด้วยแรงกระโชกก่อนเม็ดฝนจะกระหน่ำลงมาราวกับว่าร้องไห้แทนหญิงสาวแสนอาภัพผู้กำลังถูกสั่งประหารอย่างไม่ไยดี ยามที่หยดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาแสนบอบช้ำจนนองหน้าแต่ก็มิอาจเปลี่ยนแปลงคำสั่งประหารจากจักรพรรดิแห่งแผ่นดินได้นางได้แต่มองดูฮ่องเต้ผู้ที่ประทานความตายให้ แต่นั่นยังไม่ทำให้ในใจเจ็บปวดเท่ามองดูชายแสนสง่าผู้นั้นที่ได้ชื่อว่าเป็นสวามียืนมองอยู่อย่างไม่รู้สึกไยดี แถมข้างกายนั้นยังมีชายาเอก สตรีที่ถูกกล่าวถึงทั่วแคว้นว่าเหมาะกับเขามากกว่าใครยืนอยู่ด้วยตำแหน่งของข้าและเจ้าต่างกันเพียงขั้นเดียว แต่ความห่างไกลในใจท่านอ๋องนั้นต่างกันมากมายเสียเหลือเกินเสียงของสายฟ้าดังลั่นกึกก้องกลบเสียงร้องไห้ราวขาดใจของบุตรีคนโตตระกูลเสิ่นไม่ได้แม้สักนิด ผู้เป็นพ่อแม่ที่ยืนมองอยู่ก็มิเคยเอ่ยปากพูดสิ่งใดเพื่อช่วยลูกสาวเลยสักครั้ง เมื่อคิดได้ดังนั้นเสียงร้องไห้ก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะราวกับคนเสียสติ“หึ ข้าเกลียดเจ้ามากเท่าใดเจ้าย่อมรู้ดี แต่หากเจ้ามิคิดแย่งความโปรดปรานจากท่านอ๋องไปจากข้าตั้งแต่แรก ข้าคงมิต้องจัดการเจ้าถึงแก่ชีวิตเช่นนี้” ชายาเอกผู้มาจากตระกูลหลี่ยืนมองผลงานของตัวอย่างสุขใจ เพ







