บทที่ 7
เพิ่มค่าความชอบ (อีกครั้ง)
พอตื่นขึ้นมา ซิ่วอิงก็ไม่เห็นจ้าวเฟยอู๋อยู่ในห้องแล้ว
หญิงสาวทั้งโล่งใจและเสียดาย
ขณะคิดแบบนั้น หงถงก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับอ่างน้ำล้างหน้า
“ยินดีด้วยเพคะพระชายา” หงถงกล่าวด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัย
“ยินดี? ยินดีเรื่องอะไร” ซิ่วอิงกะพริบตาถามด้วยความงุนงง
“ท่านอ๋องเสด็จมาที่เรือนหลักหลังจากที่ไม่ได้กลับมาตั้งนาน หนำซ้ำยังนอนร่วมห้องกับพระชายาทั้งคืน ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีไม่ใช่หรือเพคะ”
หงถงพูดพลางแก้มแดงเรื่อ เห็นชัดว่าคิดไปถึงไหนต่อไหน
จะว่าไปก็จริง
เมื่อคืนซิ่วอิงนอนร่วมเตียงกับจ้าวเฟยอู๋ครั้งแรก แม้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากก็นับว่าเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ดี หากเรื่องที่จ้าวเฟยอู๋กลับมาร่วมห้องกับซิ่วอิงแพร่สะพัดออกไป คงทำให้ใครบางคนร้อนรนกังวลใจเป็นแน่
คิกๆ
ซิ่วอิงแอบหัวเราะด้วยความสะใจ เนื่องจากใครบางคนที่ว่าก็คือเฉินเหนียงนั่นเอง!
และด้วยเหตุนี้เอง ซิ่วอิงจึงไม่คิดจะแก้ตัว ปล่อยเลยตามเลยให้หงถงเข้าใจไปแบบนั้น
ยืมปากคนอื่นพูด มีน้ำหนักมากกว่าตัวเองพูดเอง
พอซิ่วอิงล้างหน้าบ้วนปากแล้ว หงถงก็เข้ามาช่วยผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะถามว่าวันนี้จะเสด็จที่ไหน
ซิ่วอิงจึงตอบ เมื่อวานนางรับปากกับพ่อครัวกังเต๋อไว้ว่าจะสอนทำอาหาร วันนี้จึงตั้งใจจะไปที่โรงครัว
พอบอกแผนการของวันนี้เสร็จ ทันทีที่กินมื้อเช้าอิ่ม สองนายบ่าวก็ไปที่โรงครัวทันที
ระหว่างเดินๆ อยู่นั้นเอง…
เสียง ‘ปิ๊บ’ สั้นๆ ดังขึ้นในหัว ก่อนจะตามมาด้วยเรื่องร่าเริงของระบบ
[กลับมาแล้วจ๊า~ เป็นไง เมื่อคืนรู้สึกสบายตัวหรือเปล่า]
‘สบายตัวอะไรกันเล่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ!’ ซิ่วอิงตอบระบบในใจ
[เสียดายจังเลยนะ ทั้งที่เป็นโอกาสเพิ่มค่าความชอบแท้ๆ เจ้าล่ะ เสียดายหรือเปล่า]
ระบบถามอย่างขี้เล่น
‘จะว่าเสียดายก็...นิดหน่อย...เฮ้ย! ไม่สิ วันนี้จะไปที่โรงครัว สอนพ่อครัวกังทำเมนูใหม่ๆ เจ้ามีเมนูอะไรแนะนำหรือเปล่า’
[ฮิๆ เปลี่ยนเรื่องเชียวนะ]
[เอาเถอะ พูดถึงเมนูใหม่ก็มีอยู่หรอก ระหว่างไปที่เดินไปโรงครัว ข้าจะค่อยๆ เพิ่มเมนูให้แล้วกัน]
‘ขอบคุณมาก’
[อยากได้เทคนิคมัดใจผู้ชายเพิ่มด้วยไหมล่ะ]
‘เอ๋?’
[เหอะๆ อยากได้ล่ะสิ เดี๋ยวบอกให้เป็นกรณีพิเศษเลย]
ซิ่วอิงคุยกับระบบพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่มไปด้วย
หงถงที่เดินตามข้างหลัง ครั้นเห็นสีหน้าเปี่ยมสุขของพระชายา พลันเข้าใจว่าพระชายากับท่านอ๋องต้องมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นแน่
.....
.....
เมื่อมาถึงห้องครัว ซิ่วอิงให้สูตรอาหารกับพ่อครัวกังเต๋อเล่มหนึ่ง จากนั้นก็ลงมือทำอาหารด้วยกัน แม้ส่วนใหญ่ซิ่วอิงจะเป็นคนชี้นิ้วสั่งก็ตาม
สองชั่วโมงต่อมา อาหารและของว่างหลายอย่างถูกนำขึ้นโต๊ะ
พ่อครัวกังเต๋อปาดเหงื่อ แต่สีหน้ากลับแสดงออกว่ากำลังปลื้มใจ
“อาหารมากมายเช่นนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำจากวัตถุดิบแค่ไม่กี่อย่าง ซ้ำยังเป็นวัตถุดิบที่นายกองหูเป็นคนปลูก พระชายาช่างมีพรสวรรค์จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
กับข้าวและของว่างบนโต๊ะ วัตถุดิบส่วนใหญ่คือเผือกกับมันเทศ เป็นวัตถุดิบที่เยอะที่สุดในเมืองกัวหลิน
ซิ่วอิงพยักหน้ายิ้มรับคำชม
“ถ้าอย่างนั้น มื้อเที่ยงของท่านอ๋องก็เป็นอาหารพวกนี้แล้วกัน แล้วก็…ถ้าข้าวอบห่อใบไผ่นึ่งสุกแล้ว เจ้าช่วยแจกให้กับทุกคนที่มาช่วยงานวันนี้ด้วยล่ะ ถือเป็นรางวัลของพวกเขา”
“พ่ะย่ะค่ะพระชายา” พ่อครัวกังเต๋อตอบด้วยสีหน้าตื้นตันใจ
สักครู่เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ พ่อครัวกังเต๋อจึงเดินไปหน้าซึ้งนึ่ง คีบของในนั้นใส่จานใบเล็ก ทั้งยังตกแต่งสวยงาม ก่อนจะเดินกลับมาหาซิ่วอิงอีกครั้ง
“ขนมเปี๊ยะเผือกพ่ะย่ะค่ะ ของว่างสำหรับพระชายากับท่านอ๋อง เพิ่งนึ่งเสร็จร้อนๆ กระหม่อมไม่ได้ยกยอตัวเองนะพ่ะย่ะค่ะ แต่ของว่างของกระหม่อมอร่อยไม่แพ้กับพ่อครัวใหญ่ที่เมืองหลวง” พ่อครัวกังเต๋อกล่าวพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
ซิ่วอิงทำจมูกฟุดฟิด
“หอมกลิ่นเผือก น่าทานมาก! ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้ายกไปให้ท่านอ๋องเอง”
“รบกวนพระชายาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” พ่อครัวกังเต๋อยิ้มกว้างเมื่อเห็นท่านอ๋องกับพระชายารักใคร่กันดี
หงถงที่ยืนข้างๆ พระชายา อดจะยิ้มกริ่มไม่ได้
หลังจากเสร็จธุระที่ห้องครัวแล้ว ซิ่วอิงกับหงถงก็มาที่ค่ายทหารต่อ นำของว่างที่เพิ่งทำเสร็จมาให้จ้าวเฟยอู๋
ระหว่างกำลังก้าวเดินบนทางที่ทอดยาว จู่ๆ ระบบก็ส่งเสียงขึ้นในหัว
[ตรวจจับเสียงระยะ 2 เมตร ในห้องทำงานของจ้าวเฟยอู๋มีคนอื่นนอกจากเจ้ายักษ์เจิ้งหมิง!]
ซิ่งอิงเดินช้าลง พลางพูดกับระบบในใจ
‘เจ้าตรวจจับเสียงระยะไกลได้ด้วยหรือ’
[ข้าคือระบบอัจฉริยะนี่นา]
ระบบยกยอตัวเอง น้ำเสียงแฝงความภูมิใจไม่น้อย
ซิ่วอิงไม่ปฏิเสธ ตั้งแต่คุยกันมา ไม่มีเรื่องไหนที่ระบบไม่รู้
‘ว่าแต่ว่า เกิดอะไรขึ้นหรือ’
[พอดีว่าได้ยินบางอย่างน่าสงสัย]
‘น่าสงสัย!?’
ซิ่วอิงพลันชะงักฝีเท้า รอให้ระบบจับคำพูดของของคนในห้อง
จู่ๆ พระชายาก็หยุดนิ่ง ไม่ไปต่อ หงถงจึงเกิดความสงสัย ว่าพระชายาไม่กล้าเข้าไปหาท่านอ๋องหรือไม่
“พระชายาเพคะ?”
“....”
ซิ่วอิงไม่ตอบสาวใช้เพราะกำลังตั้งใจฟังเสียงของระบบ
เห็นแบบนั้น หงถงจึงทึกทักไปเองว่าพระชายาอาจกังวลที่จะเจอท่านอ๋อง นางจึงพูดปลอบ
“พระชายานำของว่างมาให้ท่านอ๋องด้วยตัวเอง ท่านอ๋องต้องดีใจมากแน่ๆ อย่ากังวลเลยนะเพคะ”
“อ๋อ อืม”
ซิ่วอิงหันมายิ้มพร้อมกับตอบหงถงแบบส่งๆ ในขณะเดียวกัน ก็ฟังระบบบอกเล่าสถานการณ์ในห้อง
[จ้าวเฟยอู๋กำลังคุยเรื่องซื้อขายวัตถุดิบ แต่ราคาสินค้าแพงจนน่าสงสัย ไม่รู้ว่าเขารู้หรือเปล่า เอาเป็นว่า ถ้าเจ้าใช้วาทะศิลป์ของเจ้าต่อรองราคาให้ถูกลง ก็ถือเป็นการสร้างความดีความชอบ ทำให้เขาติดหนี้บุญคุณ!]
คำพูดของระบบทำให้ซิ่วอิงคิดขึ้นว่า แบบนี้ก็ไม่เลว
‘เข้าใจแล้ว’
หญิงสาวตอบระบบในใจ ก่อนขยับเท้าก้าวไปข้างหน้า
หงถงที่ตามอยู่ข้างหลังยิ้มอย่างโล่งใจ
ณ ตำหนักหมิง ซิ่วอิงกำลังตรวจสอบรายการบัญชีประจำเดือนของจวนอ๋อง อ่านไปได้นิดเดียวก็ต้องนวดขมับเพราะตาจะปิด แถมช่วงนี้เหมือนอ่อนเพลียง่ายด้วย พอเป็นแบบนี้ นางจึงอยากกินอะไรเปรี้ยวๆ อาจช่วยให้ตาสว่างขึ้นก็ได้ ตอนนั้นเอง เสียงของหงถงดังขึ้นที่หน้าประตู “พระชายาเพคะ หม่อมฉันมาแล้วเพคะ” “หงถงจ๋า เจ้ามาช้ามาก รีบมาเร็วๆ” ซิ่วอิงรีบกวักมือเรียกหงถง ครั้นเห็นมะนาวพริกเกลือที่หงถงถือเข้ามาในปากก็น้ำลายสอ ทันทีที่หงถงยื่นจานมะนาวพริกเกลือให้ ซิ่วอิงก็หยิบมะนาวที่หั่นเป็นแว่น โรยด้วยพริกและเกลือ แล้วส่งเข้าปาก รสเปรี้ยวเข็ดฟันทำให้ตาสว่างทันที “อ่า…สดชื่น!” หงถงยิ้มจางๆ ท่าทางของพระชายาไม่ปกติจริงๆ ด้วย เพิ่งคิดอย่างนั้ง หน้าประตูก็มีเสียงของซุยเหลียนกับหมอเจียง เมื่ออนุญาตให้ทั้งสองเข้ามา หมอเจียงวางกล่องยาลง ก่อนจะประสานมือก้มหน้าพร้อมกับกล่าว “ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอจับชีพจรพระชายาสักหน่อยได้หรือไม่” “ท่านหมอคิดว่าข้าป่วยงั้นเ
บทที่ 28 บทพิเศษ หลายเดือนต่อมา เข้าสู่ฤดูหนาว ชีวิตคู่ของซิ่วอิงกับจ้าวเฟยอู๋ช่วงนี้ค่อนข้างสงบและเรียบง่าย ชายหนุ่มออกไปทำงานที่นอกจวนตั้งแต่เช้าทุกวัน กลับจวนอีกครั้งก็เป็นช่วงเย็น ส่วนซิ่วอิงจะคอยดูแลความเรียบร้อยในจวน ตอนนี้ตำแหน่งพระชายาของซิ่วอิงมั่นคงมากกว่าเมื่อก่อน เนื่องจากจ้าวเฟยอู๋ได้ประกาศมอบสิทธิ์ขาดในการดูแลจวนให้กับนางด้วยตัวเอง บ่าวไพร่ในจวน นอกจากจะยอมรับซิ่วอิง พวกเขายังให้การเคารพนางด้วยเช่นกัน ความเป็นอยู่ของซิ่วในจวนอ๋องจึงไม่มีอะไรให้ต้องกังวล หากจะติดก็คงมีเพียงเรื่องเดียว นั่นก็นั่นคือเรื่องเจ้าตัวเล็กที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะมาเกิด แต่แล้วในวันหนึ่ง… “พี่หงถง คือว่านะ ข้าสงสัยเรื่องอาหารว่างของพระชายาวันนี้ เลยอยากถามพี่สักหน่อย” ในตอนที่หงถงมายกของว่างของพระชายาที่ห้องครัว เสี่ยวหลัวอดสงสัยไม่ได้จึงรั้งหงถงเพื่อจะถาม เสี่ยวหลันคือสาวใช้ที่ซุยเหลียนเลือกให้มาทำงานในตำหนักหมิง คอยดูแลเรื่องอาหารของพระชายาโดยเฉพาะ “อืม เ
บทที่ 27 บทส่งท้าย ผ่านมาอีกหลายสิบวัน กลางฤดูใบไม้ร่วง สายลมเย็นสบาย อากาศสดชื่นกำลังดี ในช่วงนี้ แคว้นอู๋กำลังจัดงานเทศกาลหยวนเซียว แม้จะเป็นยามค่ำคืน แต่ทั่วทั้งเมืองหลวงกลับสว่างไสวด้วยโคมไฟนับหมื่นดวง งานเทศกาลมีทั้งหมดสามวัน นับตั้งแต่งานเทศกาลเริ่มขึ้น บนท้องถนนกลางเมืองหลวงก็พลุกพล่านไปด้วยผู้คน เด็กๆ พากันถือโคมไฟรูปสัตว์ ยิ้มแย้มสนุกสนาน คนหนุ่มสาวเดินเคียงคู่ เที่ยวงานเทศกาลกันหวานชื่น งานเทศกาลวันที่สอง ช่วงหัวค่ำ จ้าวเฟยอู๋พาซิ่วอิงออกมาเที่ยวงานเทศกาลโคมไฟเช่นกัน ระหว่างเดินชมงานเทศกาล สายตาลึกล้ำของชายหนุ่มมักจะหลุบมองภรรยาสาวที่เดินข้างๆ อยู่เป็นระยะ “งานเทศกาลชมโคมของแคว้นอู๋สวยหรือไม่” จ้าวเฟยอู๋ถามซิ่วอิงด้วยความเอาใจใส่ ซิ่วอิงที่หันซ้ายหันขวา มองความงดงามของโคมไฟที่ห้อยระย้าเต็มสองข้างทางอย่างตื่นตาตื่นใจ พอถูกสามีถาม นางก็รีบพยักหน้ารัวๆ แล้วตอบอย่างตื่นเต้น “สวยเพคะ สวยมากๆ อยากให้มีงานแบบนี้ทุกคืนเลยเพคะ!” จ้าวเฟยอู๋ได้ฟังอย่างนั
บทที่ 26คลี่คลาย โทษทัณฑ์ที่เจียวจูจะได้รับย่อมหนีไม่พ้นความตาย! ตอนที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว ในอกของซิ่วอิงเกิดความสลดและเศร้าใจ แต่ทว่า… หากลองคิดกลับกัน ถ้าการใส่ร้ายของเจียวจูสำเร็จ คนที่ต้องตายย่อมเป็นซิ่วอิง ทันทีที่คิดได้อย่างนั้น ซิ่วอิงขนลุกซู่ ความเห็นใจที่มีต่อเจียวจูพลันมลายหายไปสิ้น ในตอนนั้นเอง เสียงของขุนนางคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา “วางยาในอาหาร สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ยังเป็นความผิดที่พออภัยให้ได้ แต่ขโมยสมบัติของแคว้นอู๋ออกจากห้องลับ เรื่องนี้ยากให้อภัยพ่ะย่ะค่ะ” “ถูกของใต้เท้าเหอ เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความสงบสุขของแคว้นอู๋ ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ โปรดตัดสินโทษของคุณหนูเจียวจูด้วยเถิด” “โปรดตัดสินโทษคุณหนูเจียวจูด้วยเถิด” ขุนนางคนอื่นๆ ต่างประสานเสียงพูดพร้อมเพรียง ซิ่วอิงสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของเหล่าขุนนางเต็มไปด้วยความโกรธ ฝ่ายจ้าวเฟยอู๋มุ่นหัวคิ้วพลางกุมขมับด้วยสีหน้าหนักใจ เขาคิดกับเจียวจูไม่ต่างจากน้องสาวแท้ๆ แต่ใครจ
บทที่ 25ยอมรับชะตากรรม “ข้าไม่รู้หรอกว่าทำอะไรให้คุณหนูเจียวจูไม่พอใจ ถึงได้มาใส่ร้ายข้าเช่นนี้” ซิ่วอิงพูดกับเจียวจูด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น เจียวจูแค่นเสียงเฮอะ บอกให้ซิ่วอิงมองชายที่ถูกจับมัดให้ชัดๆ ซิ่วอิงทำทีเป็นมองชายที่ถูกมัดซ้ำๆ ก่อนจะพูดกับเจียวจูด้วยสีหน้าเฉยเมย “ให้มองยังไงข้าก็ไม่รู้จักชายคนนี้อยู่ดี ว่าแต่เจ้าเถอะ ไม่ใช่ว่าไปจับชาวบ้านบริสุทธิ์มาแสดงละครตบตาท่านอ๋องหรอกนะ” “อย่าเสแสร้งหน่อยเลย เขาคือคนที่ลอบเข้ามาในตำหนักหมิง รับแผนผังเมืองหลวงของแคว้นอู๋จากมือของเจ้าเองไม่ใช่หรือ” “นอกจากบ่าวในจวน ข้าไม่เห็นจำได้ว่าติดต่อกับคนอื่นด้วย” “เฮอะ!” เจียวจูแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ยื่นม้วนกระดาษเก่าๆ ในมือให้จ้าวเฟยอู๋ “ท่านอ๋อง นี่เป็นหลักฐานที่หม่อมฉันค้นเจอในตัวของคนร้าย เชิญตรวจสอบดูก่อนเพคะ” แผนผังเมืองหลวงแคว้นอู๋เป็นของสำคัญ แค่มองแวบเดียวจ้าวเฟยอู๋ก็จำได้แล้วว่าเป็นของจริงปลอม สมบัติชิ้นสำคัญอย่างแผนผังของแคว้น ปกติควรอยู่ในห้องลับ แต่ทำไมถึงอ
บทที่ 24แผนการอันโง่เขลา เข้าสู่ต้นฤดูใบไม้ร่วง คำสั่งทำอ่างเก็บน้ำและสร้างฝายชะลอน้ำถูกส่งไปยังเมืองต่างๆ ในช่วงนี้งานของจ้าวเฟยอู๋ค่อนข้างยุ่ง รถม้าของเขาจะออกจากจวนตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น กลับเข้ามาอีกครั้งก็เป็นตอนที่ทุกคนหลับหมดแล้ว ถึงแม้โครงการสร้างอ่างเก็บน้ำที่ซิ่วอิงเสนอไปจะคืบหน้าเป็นอย่างมาก แต่กลับได้ใช้เวลาร่วมกับคนที่รักน้อยลง เรื่องนี้ทำให้ซิ่วอิงทรมานหัวใจไม่น้อยเหมือนกัน “เฮ้อ…คิดถึงจัง” ซิ่วอิงทอดถอนหายใจ พร้อมกับพูดความคิดที่อยู่ในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว [นี่ๆ ความคิดของเจ้าเผยออกมาเป็นคำพูดหมดแล้ว] ระบบเอ่ยเตือน ‘หา!?’ ซิ่วอิงสะดุ้ง รีบเลื่อนสายตามองหงถงและองครักษ์ จริงอย่างที่ระบบพูด พวกเขาต่างยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างไม่ปิดบังสีหน้ากันเลยสักคน “พระชายาเพคะ ในเมื่อคิดถึงท่านอ๋องขนาดนี้ ทำไมไม่ไปหาท่านอ๋องเล่า จริงด้วย…เตรียมของอร่อยๆ ไปด้วยก็ดีนะเพคะ” หงถงเสนอ “เดี๋ยวนี้หงถงของข้ากลายเป็นกุนซือความรักไปแล้วหรือ” ซิ่วอิงแกล้งพู