เขายอมรับว่าตอนแรกโกรธหล่อนมาก ไม่มีใครเคยถือดีกับเขาอย่างนี้มาก่อน แถมยังอวดอ้างอีกว่าเป็นลูกใคร... หล่อนคงคิดว่าเขาจะกลัว แต่สำหรับเขานั้น ไม่ว่าจะเป็นเทวดาลอยอยู่บนฟ้า ถ้าขวางทางเขาแล้วเขาก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน
เขาต้องข่มอารมณ์อยู่ครู่หนึ่งเพราะไม่อยากทำอะไรรุนแรงกับผู้หญิง... แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะคนกล้าดีอย่างหล่อนต้องได้รับการสั่งสอนซะบ้าง...
“ฉันจะอยากอยู่กับพวกนายทำไม ไอ้พวกมาเฟีย อย่าให้เครื่องร่อนลงนะ ฉันจะแจ้งตำรวจจับพวกนายตั้งแต่ยังไม่ออกจากสนามบินเลย” หล่อนด่าเขาแว้ดๆ
ชายหนุ่มแทบจะกลั้นหัวเราะไม่ได้ หล่อนว่าเขาเป็นพวกผู้ร้ายงั้นเหรอ... น่าขันจริง
“ก็ลองดูสิ อย่างน้อยถ้าคุณหลุดออกจากห้องน้ำนี้ไป... รับรองว่าผมจะให้ลูกน้องผมเวียนเทียนคุณครบทุกคน... เลือกเอาสิ ว่าจะยอมผมคนเดียว หรือว่า อยากไปเรียกร้องหาลูกน้องผมให้เป็นสามีด้วย”
“อย่าพูดบ้าๆ นะ” รินรดาไม่รู้ตัวเลยว่าใบหน้าหล่อนซีดเผือดจนไม่มีสีเลือดแล้วยังพูดตะกุกตะกักอีกต่างหาก “อย่าคิดจะทำอะไรฉันด้วย ไม่งั้นพ่อฉันเอานายตายแน่...”
“ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าตายเป็นยังไง... ยังไม่เคยลองสักที แต่ก่อนที่พ่อคุณจะเอาผมตาย ผมขอเด็ดปีกนางฟ้าลูกสาวแสนสวยของพ่อคุณก่อนดีไหมหืม” เขาบอกก่อนจะก้มหน้าลงมาใกล้หล่อน รินรดาผงะถอยแต่จะไปทางไหนก็ไม่ได้เพราะว่าแขนเขาค้ำผนังอยู่ทั้งสองข้างกักกันหล่อนไว้ในวงแขนนั้น...
วันนี้มันวันซวยของหล่อนจริงๆ ซวยมากจนขนาดโคตรอภิมหาซวยเลยก็ว่าได้ ไม่น่าไปเล่นกับพวกนี้เลยทั้งๆ ที่ดูท่าก็ไม่น่าไว้ใจแล้วแท้ๆ
“มะ ไม่ดีหรอก คุณจะทำอย่างนั้นไปทำไมกัน” หล่อนเริ่มพูดกับเขาดีๆ เพราะเห็นว่าไม่เป็นการดีที่หล่อนจะยั่วโมโหเขา
“เพราะคุณทำให้ผมโกรธนะสิ... การที่คุณเทน้ำรดหัวผมมันหยามผมแค่ไหนรู้ไหม...แล้วคุณยังมาตบหน้าผมทั้งๆ ที่ไม่มีใครกล้าทำ ผมสามารถฆ่าคุณให้ตายคามือกับการกระทำที่ไม่คิดหน้าคิดหลังของคุณได้เลย” เขาขู่คำราม ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ขึ้นมาเมื่อนึกถึงสิ่งที่หล่อนทำ...
หล่อนช่างกล้าจริงๆ เลยให้ตาย
“ฉันขอโทษ” หล่อนบอกเสียงแผ่วๆ ราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรจะกลัวเขา
“ขอโทษ” เขาทวนคำหล่อน... “ แค่นี้คิดว่ามันจะพอเหรอ”
“แล้วคุณจะต้องการอะไรเล่า... เดี๋ยวฉันขอให้คุณพ่อไม่คิดเงินคุณในเที่ยวบินนี้ก็ได้ พอใจไหม”
“ผมไม่ต้องการส่วนลดบ้าอะไรนั่นหรอก เงินผมมีมากกว่าที่จะมาคิดเรื่องนี้” เขาตวาดกลับ... หน้าเขาเหมือนพวกยาจกงกเงินขนาดนั้นเชียวหรือหล่อนถึงเอาเรื่องเงินมาล่อนัก
เห็นท่าทางเอาเรื่องกับดวงตาเรืองรองของเขาแล้วรินรดาก็เริ่มกลัว... เขาไม่ต้องการเงิน แล้วจะต้องการอะไรกันล่ะ ชีวิตหล่อนอย่างนั้นหรือ
“ถ้าไม่อยากได้อะไรก็ปล่อยฉันไป ฉันจะออกไปข้างนอก มันอึดอัด” ใบหน้าหวานเริ่มงอขึ้นมาอีก ห้องแคบๆ นี้อยู่คนเดียวก็หายใจไม่ออกแล้ว ยิ่งมีร่างสูงโย่งของเขามาเบียดเสียดแย่งพื้นที่หายใจด้วยแล้วยิ่งทำให้บรรยากาศมันย่ำแย่ขึ้นไปอีก...
“ใครบอกว่าผมไม่อยากได้อะไรล่ะ” ดวงตาคมสีน้ำตาลอ่อนจ้องหน้าหล่อนไม่วางตา... ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่แต่แววตาเขามันทำให้ขนลุกได้เลยทีเดียว
“ถ้าอยากให้ผมปล่อยคุณไปล่ะก็” เขาพูดแล้วก็หยุด...
“ก็อะไร” หล่อนถามขึ้นมาเพราะทนรอไม่ไหว... เขาช่างมีความสามารถในการยั่วโมโหหล่อนเหลือเกินเชียว
นิ้วมือแข็งแรงของเขาแตะที่ริมฝีปากเขาเอง... แล้วก็บอกหล่อนด้วยเสียงเบาราวกับกระซิบ
“จูบผม”
“บ้าหรือไง ฉันไม่มีทางทำอย่างนั้นหรอก” แทบไม่รอให้เขาพูดจบหล่อนก็แหวลั่น
“ก็เลือกดูว่าถ้าไม่ทำแล้วผมเป็นคนทำเอง คุณจะต้องเสียให้ผมมากกว่าจูบ”
“อย่ามาขู่ฉันนะ”
“ผมไม่เคยขู่ใคร ผมทำทุกอย่างที่พูด... หรือว่าจะลอง ว่าไง” เขาก้มเข้ามาใกล้หล่อนมากขึ้นจนหล่อนต้องเอามือยันหน้าอกแข็งๆ ของเขาเอาไว้... ที่ผ่านมาบอกหล่อนได้ดีว่าหล่อนไม่มีทางสู้แรงผู้ชายที่สูงราวกับยักษ์ปักหลั่นคนนี้ได้แน่นอน แต่จะต้องยอมจูบเขาเหรอ หล่อนทำเป็นที่ไหนกัน เกิดมาไม่เคยจูบใครที่ไหนมาก่อนเลย...
แต่ถ้าหล่อนไม่ทำแล้วเขาทำอะไรหล่อนอย่างที่ว่ามาจะทำยังไง...
รินรดายังไม่ทันที่จะได้เคลิ้มหลับดีหล่อนก็รู้สึกว่าได้ยินเสียงประตูเปิดดังโครม เสียงไม่ใกล้ไม่ไกลที่ไหนเพราะมันน่าจะเป็นเสียงห้องของหล่อนเอง จังหวะเดียวกันกับที่ดึงผ้าปิดตาออก ผ้าห่มที่หล่อนห่มอยู่ก็ถูกกระชากออกมาพร้อมๆ กัน “กรี๊ด” หญิงสาวกรี๊ดออกมา แล้วหล่อนก็หยิบหมอนจะไปฟาดผู้บุกรุก “จะร้องทำไม เก่งนักไม่ใช่เหรอ ทำไมเก่งจริงไม่ไปหาเรื่องที่ห้อง มุดอยู่ในรูแล้วโทรแกล้งชาวบ้าน ถนัดนักหรือไง” เขายืนเด่นหราต่อหน้าขณะด่าหล่อน ใบหน้าถมึงทึงนั้นเอาเรื่องอยู่เช่นกัน... “คุณทำฉันก่อนนี่ แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง... รีบออกไปก่อนที่ฉันจะร้องเรียกคนมาช่วย ไม่งั้นคุณลำบากแน่” “ไม่ออก จนกว่าจะขอโทษผมก่อน วันนี้หลายเรื่องแล้วนะที่คุณทำให้ผมไม่พอใจ อยากตายหรือไง”“คุณมันจอมหาเรื่อง ใครเขาอยากมีเรื่องกับคุณ มีแต่คุณเท่านั้นแหละที่บ้ามาเอาเรื่องกับฉันทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้ทำอะไรคุณสักนิด ฉันรู้ว่านรกจะลงโทษคนเลวๆ อย่างคุณเอง” หล่อนด่าเขากลับอย่างแสบร้อนไม่แพ้กัน“ทำไม ผมทำอะไรผิดนรกถึงต้องลงโทษผม”“พวกมาเฟียร้าย ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลา... แถมยังกล้ารังแกผู้หญิงที่เป
กริ๊งงงงง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น... รินรดาค่อยๆ ขยับร่างลุกขึ้นนั่ง หล่อนยังรู้สึกเมื่อยขบปวดระบมบางส่วนในร่างกายหลังจากที่กลับเข้ามาสำรวจตัวเองในห้องแล้วว่าไม่มีอะไรร้ายแรงมาก นอกจากรอยช้ำนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น... หล่อนก็ค่อยหลับลงพร้อมกับความคิดที่ว่าจะไม่ออกไปเที่ยวอีกแล้วจนเสียงโทรศัพท์บ้านี่ดังขึ้นมานั่นแหละ... เบอร์โทรเป็นของห้องหมายเลขข้างเคียงห้องหล่อนนั่นเอง... รินรดานิ่วหน้า ก่อนจะคว้าขึ้นมารับอย่างไม่แน่ใจ เพราะกลัวว่าจะเป็นห้องคนที่มาระรานหล่อน หรือบางทีหล่อนก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นห้องคนที่มาช่วยหล่อนเพราะหล่อนไม่ได้ดูเลขห้องเขา “ฮัลโหล” หล่อนกรอกเสียงลงไป “เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เสียงทุ้มถามมาเป็นภาษาไทยหล่อนก็รู้ทันทีเลยว่าเป็นเขา... ลูกค้ามาเฟียวีไอพีของสายการบินบิดาหล่อนนี่เอง “ไม่เป็นไรค่ะ... ไม่เป็นไรแล้ว” หล่อนบอก หญิงสาวยอมรับว่าเสียขวัญมาก หากเขาไม่มาช่วยหล่อนอาจจะต้องสู้กับฝรั่งนั่นจนหมดแรงและอาจพ่ายแพ้จนเกิดภัยกับตัวแน่..แต่เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นมาได้หล่อนก็ไม่ได้คิดจะเอาเรื่องเพราะหล่อนเหนื่อยเกินกว่าที่
เมื่อคนที่เดินตามเข้ามาในลิฟต์ถามรินรดาด้วยความเข้าใจผิดและหมิ่นหยามว่าหล่อนมีราคาเท่าไหร่ หล่อนก็เกิดอารมณ์โมโหขึ้นมาทันทีทันใด... “นรก” รินรดาด่าสบถก่อนที่จะพูดอะไร... “ปล่อยฉัน” “เราตกลงราคากันได้... ฉันมีเงิน มีมากกว่าที่เธอจะคิดซะอีก”“ไอ้บ้า ฉันไม่ได้ขายตัวนะ ไปลงนรกโน่นไป” รินรดาสะบัดมือเต็มแรงจนมือเขากระเด็นออกไป... จังหวะเดียวกันกับที่ลิฟต์เปิดเมื่อเคลื่อนมาถึงชั้นแปด หล่อนจึงวิ่งออกไป แต่ผมหล่อนก็ถูกกระชากไว้จากด้านหลัง แรงดึงทำเอาคอแทบหัก... ไอ้บ้านั่นรั้งบ่าหล่อนให้หันหน้ามาหามัน จนหล่อนดิ้นหนีไม่หลุด... “ปล่อยฉันนะ” หล่อนบอกด้วยน้ำเสียงรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาหรี่ปรือของมันมองหล่อนฉ่ำเยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นหล่อนดิ้นหนีมือมันแต่ไม่สำเร็จเพราะแรงมันมากกว่า... “ฉันถามว่าเท่าไหร่ เมื่อครู่เธอต่อรองราคากับไอ้หนุ่มนั่นจนมันสู้ราคาไม่ไหวล่ะซิ แต่กับฉันไม่ต้องห่วงนะ ฉันให้ไม่อั้น... ว่ามาเลยว่าเท่าไหร่” “ฉันไม่ได้ขายตัวนะไอ้บ้า” รินรดาตวาดแว้ด มือหล่อนยกขึ้นมาสะบัดใส่หน้ามันดังฉาดจนฝ่ามือหล่อนแดงเถือกไปหมด...
“ฉันมาทำงานค่ะ” หล่อนตอบอย่างเป็นทางการ รินรดาสร้างกำแพงขึ้นมาอีกชั้น... หล่อนไม่อยากสนิทกับเขามากเท่าไหร่ แค่ทักทายกันเท่านั้นก็คงมากเกินพอแล้ว...“แต่ตอนนี้คงไม่ได้ทำงานใช่ไหม ค่ำๆ อย่างนี้เราคงออกไปเดินเล่นข้างนอกด้วยกันได้... เดี๋ยวเราไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อนะ”“ฉัน... เอ่อ ฉันไม่ได้คิดจะออกไปข้างนอกหรอกค่ะ ฉันแค่จะเดินลงมาสั่งอาหารที่ห้องอาหารไปรับประทานเท่านั้น ฉันทำงานเหนื่อยมากคงไม่มีแรงที่จะเดินออกไปที่ไหนหรอกค่ะ แต่ก็ขอบคุณที่ชวน เดี๋ยวฉันขึ้นห้องก่อนนะคะ ขอให้เที่ยวให้สนุกค่ะ”“ขอบคุณมากนะดีน่า” เขาเรียกหล่อนด้วยชื่อเดียวกับมารดาเรียกนั่นยิ่งทำให้หญิงสาวคอแข็งขึ้นมาเพราะไม่ได้สนิทกับเขาถึงเพียงนั้น หล่อนไม่ต้องการให้ใครเข้ามารุกคืบชีวิตส่วนตัว โดยเฉพาะลูกชายของพ่อเลี้ยง คนที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้ครอบครัวหล่อนแตกแยก“เราจะได้เจอกันอีกไหมเนี่ย”“อาจจะไม่ก็ได้ค่ะเพราะว่าฉันจะต้องกลับแต่เช้า...”“น่าเสียดาย หวังว่าคริสต์มาสนี้คุณคงไปฉลองกันที่อิตาลีบ้างนะ เรเชลบ่นถึงคุณใหญ่เลย” เขาพูดถึงเรเชล รามอส น้องสาวของหล่อนที่เกิดจากผู้เป็นมารดาของและบิดาเลี้ยงของหล่อน“อาจจะไปค่ะ” หล่อนตอ
เวลาสิบเจ็ดนาฬิกาเป็นฤกษ์งามยามดีที่รินรดาจะออกจากห้องไปเดินเล่นข้างนอก หล่อนสั่งอาหารง่ายๆ ของทางโรงแรมรองท้องมาก่อนแล้วเพื่อว่าจะได้ไม่หิวเกินไปนัก วันนี้หล่อนนึกครึ้มอยากได้เครื่องเงินกับเครื่องประดับขึ้นมาเฉยๆ เลยตั้งใจว่าจะจ้างรถโรงแรมไปส่งที่ร้านเพชรอันขึ้นชื่อของที่นี่แล้วค่อยกลับมาผลงานศิลปะของทางเมืองเหนือสะท้อนมาในเครื่องประดับบางอย่างในร้าน ที่ไม่เพียงแต่ออกแบบสินค้าที่คลาสสิกเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านนาเหนือให้เห็นอีกด้วย แต่หล่อนได้เพียงแค่ชื่นชมเพราะว่างานเหล่านี้อลังการเกินไป หล่อนต้องการเครื่องประดับที่ใส่ได้ทุกโอกาสมากกว่าที่จะเอาไว้ใส่ออกงานราตรีใหญ่ๆ อย่างเดียวเพราะว่าหล่อนไม่เคยออกงานราตรีเลย...ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่สังคมกับใครไม่คบค้าสมาคมกับใครเลยแต่เป็นเพราะว่าแม่เลี้ยงและผู้เป็นย่าชอบกีดกันและค่อนขอดอยู่เสมอว่าหล่อนเป็นลูกหลานที่น่าอับอายไม่คู่ควรให้บิดาพาออกงาน รินรดาจึงออกอาการต่อต้านไม่ยอมเข้าสังคมและแยกตัวออกมาอยู่อย่างโดดเดี่ยวเท่านั้นยังไม่พอหล่อนยังถูกย่าแท้ๆ ที่ท่านไม่อยากจะนับหล่อนเป็นหลาน บอกว่าหล่อนหนีออกมาอยู่ข้างนอกไม่ทำงานอะไร มั
เขาเคยไปกินอาหารจานโปรดของตัวเองซึ่งทำจากระรินทิพย์โดยไร้เงาพี่ชายเพียงครั้งสองครั้ง ต่อมาคุณนายมาลาตีก็เบนเข็มมาที่เขาแทนและเข็มที่เบนมาทางนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหมุนย้อนกลับเพราะคิดว่าเขาคงมีใจให้ลูกสาวนาง เรียกได้ว่างานนี้เขาดิ้นไม่หลุดจนมาถึงบัดนี้... และเขาเองก็เป็นฝ่ายที่ไม่ได้ดิ้นออกมาทั้งที่เขาไม่เคยต้องการผูกมัดกับลูกสาวบ้านนี้หรือลูกสาวบ้านไหน... แต่ที่เขายอมมีบ่วงนั้นเป็นเพราะระรินทิพย์ ผู้หญิงสวยที่มีนิสัยอ่อนโยน เรียบร้อยเหมือนผ้าขาวที่ไม่มีสิ่งแต่งแต้มเจือปนที่รีดเรียบสนิทแล้วพับไว้อย่างสวยงาม... หญิงสาวผู้แสนหวานและอ่อนต่อโลกที่ไม่ได้รู้แม้สักน้อยนิดว่าตนเองถูกยัดเยียดให้เขาจนดูน่าเกลียดในบางครา... หากเป็นลูกสาวบ้านอื่นเขาคงไม่สนใจและไม่ให้ความหวัง แต่เห็นว่าเป็นระรินทิพย์ที่เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจ และไม่เหมือนใคร หล่อนสวย เพียบพร้อมชาติตระกูลดี และนิสัยดีจนเกินกว่าที่จะมองข้ามไป หม่อมราชวงศ์เขตแดนจึงไม่ละเลยสาวนางนี้และให้ความหวังมารดาของหล่อนด้วยการเข้านอกออกในบ้านนี้ตามคำเชิญบ่อยๆ... เนื่องจากว่าต้องการเก็บระรินทิพย์ไว้เป็นตัวเลือกหนึ่งหาก