“นี่คุณทำอะไร” เขาลุกขึ้นยืนค้ำหัวหล่อนแล้วตวาดเสียงดัง... แต่หล่อนก็มองหน้าเขาอย่างไม่หวาดกลัวสักนิด
“ขอโทษค่ะ” หล่อนบอก แต่หน้าไม่ได้สำนึกผิดสักนิด “คุณอยากให้ขอโทษไม่ใช่หรือคะ เมื่อครู่ฉันไม่ได้ผิดขอโทษไม่ออก แต่ตอนนี้ฉันทำผิดแล้วเลยขอโทษได้ไงคะ”
“อยากตายหรือไง... อย่าคิดนะว่าคุณไม่ได้เป็นลูกน้องผมแล้วผมจะเล่นงานคุณไม่ได้หรือ ผมอยากรู้นักว่าคุณพงศกรรับคุณเข้ามาทำงานได้ยังไง”
“ถ้าคุณจะฟ้องไปที่ต้นสังกัดก็เชิญตามสบาย... อย่าลืมบอกด้วยว่าชื่อฉันคือรินรดา อโณทัย โคลล์ ลูกสาวคนโตของคนที่คุณเพิ่งพูดถึงนั่นแหละ...” ปรกติหล่อนทำงานจะไม่เคยเบ่งกับผู้โดยสารเลย แต่นายนี่เบ่งมาก่อนว่ารู้จักเจ้าของบริษัทและจะเล่นงานหล่อน... ก็เลยประกาศเลยว่ายังไงเขาก็ทำอะไรไม่ได้ มีไม่มีใครไล่หล่อนออกได้นอกจากหล่อนจะลาออกเอง
“อยากกินอะไรก็กินเอง ไม่มีอารมณ์ เก็บรถเข้าที่ด้วย”
หล่อนบอกแล้วก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ท้ายเครื่องอย่างสบายอารมณ์
ลูกน้องหันมามองที่คุณใหญ่แห่งอมรกรุ๊ป พวกเขานึกว่าคุณชายจะซัดหญิงสาวไม่เลี้ยงที่บังอาจทำอย่างนี้ แต่คุณชายกลับยืนนิ่ง ดวงตาวาวโรจน์ของเขามองคนที่นั่งเอาผ้าปิดตาแล้วกอดอกนอนโดยที่ไม่ทำอะไรหล่อนมากไปกว่านั้น... แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นแล้วกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอก็คือหนังสือพิมพ์ในมือเจ้านายหนุ่มที่ถูกกำแน่นจนยับยู่ยี่ไม่เหลือชิ้นดี
อาการแบบนี้.. บอกได้ว่า คุณใหญ่ของพวกเขากำลังโกรธ โกรธมากเสียด้วย ยิ่งมือเขากำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน... แบบนี้ยิ่งทำให้รู้ว่าถ้าเกิดหล่อนเป็นผู้ชายคงได้จบชีวิตกลางอากาศเพราะฝีมือคุณใหญ่
เลขาผู้รู้ใจเจ้านายดีกว่าใครเพราะทำงานด้วยกันมานานนั้นรู้สึกดีใจแทนหญิงสาวคนนั้นที่เจ้านายเขาไม่ลงมือทำอะไรไม่อย่างนั้นหล่อนอาจจะชะตาขาดได้
ตอนนี้ คุณใหญ่กำลังข่มอารมณ์ให้ถึงที่สุด... พวกเขารู้
อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมนายหนุ่มถึงไม่ได้ทำอะไร เพราะคนที่ทำแบบนี้ถือว่าหยามเกียรติของเขามาก คนที่ทำความผิดเล็กน้อยกว่านี้เขายังเคยซัดไม่ยั้งมือมาแล้ว... แต่นี่โกรธมากจนตัวสั่นหากไม่ทำอะไร...
“ไม่มีอะไร พวกนายนั่งเถอะ” เขาบอกลูกน้อง ก่อนจะย้ายไปนั่งเก้าอี้ตัวใหม่... เลขาของเขาเอาผ้าเช็ดหน้าให้เจ้านาย และรับสูทเปียกๆ ของเขามาวางพาดไว้
แล้วหลังจากนั้นคุณชายอรรถากรก็นั่งเงียบนิ่งไปตลอดทาง ไม่มีการปรึกษาหารือเรื่องธุรกิจกับลูกน้องเหมือนทุกคราที่อยู่บนเครื่องบินด้วยกัน
และลูกน้องเขาทุกคนก็พร้อมใจกันปิดปากเงียบ ปิดผ้าคาดตาทำตัวเหมือนว่าง่วงนอนอยากพักผ่อนเสียเต็มประดา เพราะไม่อยากรับรู้การเคลื่อนไหวใดๆ ต่อไปอีก
หลังจากทุกอย่างสงบลงรินรดาเปิดผ้าปิดตาแล้วหรี่ตามองฝ่ายตรงข้ามอย่างมีชัยแล้วจึงยักไหล่เมื่อเห็นว่าตนเป็นฝ่ายชนะ... หล่อนปิดตาลงใหม่ เวลาไม่นานนักแต่หล่อนก็สามารถพักผ่อนได้ ดีกว่าต้องไปเดินมองหน้าผู้โดยสารที่ทำตัวให้หล่อนไม่ถูกชะตาด้วย
แต่ยังผ่านไปไม่ถึงห้านาทีดีรินรดาก็รู้สึกว่าที่แขนของหล่อนมีแรงมหาศาลดึงมันขึ้นจนร่างกายหล่อนผวาลอยขึ้นสูงไปปะทะกำแพงอะไรที่แข็งแกร่งมากและกำแพงนั้นแสนอุ่นและเคลื่อนไหวได้ด้วยต่างหาก... หล่อนเปิดผ้าปิดตาออกแล้วก็แทบจะร้องกรี๊ดออกมาเมื่อเห็นใบหน้าของนายมาเฟียชุดเทาอยู่ห่างกันไม่ถึงเซนติเมตร...
รินรดาตกใจจนเผลอกระชากแขนออกแล้วตวัดมือตบเขาเสียหน้าหัน ดวงตาของเขาวาวโรจน์น่ากลัว กรามขบเป็นสันนูน เขาโกรธหล่อนจนตัวสั่นไปเสียแล้ว อรรถากรกระชากหล่อนมาหาอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้หล่อนจะกรีดร้องหรือจะทำอะไรก็ไม่ทันเพราะเขาเอามือปิดปากหล่อนแน่น มือของเขาใหญ่และก็หนาจนมันพลอยปิดจมูกหล่อนไปด้วยจนหายใจแทบไม่ออก หล่อนเริ่มดิ้นขลุกขลักสู้แรงและการกระทำอันอุกอาจของเขา พยายามหนีเขาด้วยแรงตนเองแต่ไม่อาจสู้แรงคนที่ตัวสูงใหญ่กว่าหล่อนได้...
“เคยมีคนบอกคุณมั้ยว่าการทำให้ผู้ชายที่ขี้โมโหมากๆ โกรธ อาจจะทำให้คุณตายได้... ผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษไม่รังแกผู้หญิงมีแต่ในนิยายน้ำเน่าประโลมโลกเท่านั้นแหละ” เขากระซิบบอกหล่อนเสียงห้าว...
รินรดาตาโต พยายามส่งเสียงอู้อี้ขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครหันมามองสักคน ลูกน้องเขาแกล้งหลับหรือว่าหลับจริงก็ไม่อาจทราบได้ หล่อนรู้แต่ว่าไม่มีใครช่วยหล่อนได้ เหมือนหัวใจตกไปที่ตาตุ่ม หล่อนกล้าไม่กลัวใครเมื่อหล่อนไม่ได้ทำผิดก็จริง แต่มาเจอคนที่จริงกว่าและพร้อมที่จะทำร้ายใครตามอารมณ์โดยที่ไม่คิดถึงความถูกผิดอย่างนี้ก็สู้ไม่ไหวเหมือนกัน
เขาใช้แรงที่มากกว่าพาหล่อนเข้ามาที่ห้องน้ำคับแคบได้... มือหนาปล่อยหล่อนรินรดาที่ดิ้นรนฮึดฮัดอยู่ก็หมุนคว้างจากวงแขนเขาชนประตูดังโครม
หล่อนไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไร รีบหันหลังไปเปิดกลอนประตูเพื่อจะออกไปขอความช่วยเหลือจากนักบิน แต่ทว่าเขาไวกว่า เขาคว้าตัวหล่อนจากด้านหลังเอาไว้...
“ปล่อยฉันนะ”
“ไม่ เก่งมากไม่ใช่เหรอ ทำไมจะต้องหนี” เขาพูดเยาะเย้ยหล่อน... ตอนแรกจะเอาคืนหล่อนทำอะไรสักอย่างที่ให้หล่อนได้เจ็บปวดและเข็ดหลาบกับความอาจหาญของหล่อนที่กล้าต่อกรกับเขา แต่เห็นท่าทางตื่นกลัวเหมือนกวางหลงป่า หมดมาดผู้หญิงที่กวนโมโหนั้นทำให้เขาค่อยๆ ลดความโกรธลงเพราะเห็นว่าหล่อนไม่ได้เก่งจริงสักนิด แค่เขาเอาจริงเข้าหน่อยก็หนีหน้าซีดหน้าเผือด อย่างนี้ใช้ความรุนแรงไปก็เปล่าประโยชน์ เขามีวิธีเด็ดปีกของหล่อนตามแบบของเขาเองมากกว่า
รินรดายังไม่ทันที่จะได้เคลิ้มหลับดีหล่อนก็รู้สึกว่าได้ยินเสียงประตูเปิดดังโครม เสียงไม่ใกล้ไม่ไกลที่ไหนเพราะมันน่าจะเป็นเสียงห้องของหล่อนเอง จังหวะเดียวกันกับที่ดึงผ้าปิดตาออก ผ้าห่มที่หล่อนห่มอยู่ก็ถูกกระชากออกมาพร้อมๆ กัน “กรี๊ด” หญิงสาวกรี๊ดออกมา แล้วหล่อนก็หยิบหมอนจะไปฟาดผู้บุกรุก “จะร้องทำไม เก่งนักไม่ใช่เหรอ ทำไมเก่งจริงไม่ไปหาเรื่องที่ห้อง มุดอยู่ในรูแล้วโทรแกล้งชาวบ้าน ถนัดนักหรือไง” เขายืนเด่นหราต่อหน้าขณะด่าหล่อน ใบหน้าถมึงทึงนั้นเอาเรื่องอยู่เช่นกัน... “คุณทำฉันก่อนนี่ แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง... รีบออกไปก่อนที่ฉันจะร้องเรียกคนมาช่วย ไม่งั้นคุณลำบากแน่” “ไม่ออก จนกว่าจะขอโทษผมก่อน วันนี้หลายเรื่องแล้วนะที่คุณทำให้ผมไม่พอใจ อยากตายหรือไง”“คุณมันจอมหาเรื่อง ใครเขาอยากมีเรื่องกับคุณ มีแต่คุณเท่านั้นแหละที่บ้ามาเอาเรื่องกับฉันทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้ทำอะไรคุณสักนิด ฉันรู้ว่านรกจะลงโทษคนเลวๆ อย่างคุณเอง” หล่อนด่าเขากลับอย่างแสบร้อนไม่แพ้กัน“ทำไม ผมทำอะไรผิดนรกถึงต้องลงโทษผม”“พวกมาเฟียร้าย ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลา... แถมยังกล้ารังแกผู้หญิงที่เป
กริ๊งงงงง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น... รินรดาค่อยๆ ขยับร่างลุกขึ้นนั่ง หล่อนยังรู้สึกเมื่อยขบปวดระบมบางส่วนในร่างกายหลังจากที่กลับเข้ามาสำรวจตัวเองในห้องแล้วว่าไม่มีอะไรร้ายแรงมาก นอกจากรอยช้ำนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น... หล่อนก็ค่อยหลับลงพร้อมกับความคิดที่ว่าจะไม่ออกไปเที่ยวอีกแล้วจนเสียงโทรศัพท์บ้านี่ดังขึ้นมานั่นแหละ... เบอร์โทรเป็นของห้องหมายเลขข้างเคียงห้องหล่อนนั่นเอง... รินรดานิ่วหน้า ก่อนจะคว้าขึ้นมารับอย่างไม่แน่ใจ เพราะกลัวว่าจะเป็นห้องคนที่มาระรานหล่อน หรือบางทีหล่อนก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นห้องคนที่มาช่วยหล่อนเพราะหล่อนไม่ได้ดูเลขห้องเขา “ฮัลโหล” หล่อนกรอกเสียงลงไป “เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เสียงทุ้มถามมาเป็นภาษาไทยหล่อนก็รู้ทันทีเลยว่าเป็นเขา... ลูกค้ามาเฟียวีไอพีของสายการบินบิดาหล่อนนี่เอง “ไม่เป็นไรค่ะ... ไม่เป็นไรแล้ว” หล่อนบอก หญิงสาวยอมรับว่าเสียขวัญมาก หากเขาไม่มาช่วยหล่อนอาจจะต้องสู้กับฝรั่งนั่นจนหมดแรงและอาจพ่ายแพ้จนเกิดภัยกับตัวแน่..แต่เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นมาได้หล่อนก็ไม่ได้คิดจะเอาเรื่องเพราะหล่อนเหนื่อยเกินกว่าที่
เมื่อคนที่เดินตามเข้ามาในลิฟต์ถามรินรดาด้วยความเข้าใจผิดและหมิ่นหยามว่าหล่อนมีราคาเท่าไหร่ หล่อนก็เกิดอารมณ์โมโหขึ้นมาทันทีทันใด... “นรก” รินรดาด่าสบถก่อนที่จะพูดอะไร... “ปล่อยฉัน” “เราตกลงราคากันได้... ฉันมีเงิน มีมากกว่าที่เธอจะคิดซะอีก”“ไอ้บ้า ฉันไม่ได้ขายตัวนะ ไปลงนรกโน่นไป” รินรดาสะบัดมือเต็มแรงจนมือเขากระเด็นออกไป... จังหวะเดียวกันกับที่ลิฟต์เปิดเมื่อเคลื่อนมาถึงชั้นแปด หล่อนจึงวิ่งออกไป แต่ผมหล่อนก็ถูกกระชากไว้จากด้านหลัง แรงดึงทำเอาคอแทบหัก... ไอ้บ้านั่นรั้งบ่าหล่อนให้หันหน้ามาหามัน จนหล่อนดิ้นหนีไม่หลุด... “ปล่อยฉันนะ” หล่อนบอกด้วยน้ำเสียงรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาหรี่ปรือของมันมองหล่อนฉ่ำเยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นหล่อนดิ้นหนีมือมันแต่ไม่สำเร็จเพราะแรงมันมากกว่า... “ฉันถามว่าเท่าไหร่ เมื่อครู่เธอต่อรองราคากับไอ้หนุ่มนั่นจนมันสู้ราคาไม่ไหวล่ะซิ แต่กับฉันไม่ต้องห่วงนะ ฉันให้ไม่อั้น... ว่ามาเลยว่าเท่าไหร่” “ฉันไม่ได้ขายตัวนะไอ้บ้า” รินรดาตวาดแว้ด มือหล่อนยกขึ้นมาสะบัดใส่หน้ามันดังฉาดจนฝ่ามือหล่อนแดงเถือกไปหมด...
“ฉันมาทำงานค่ะ” หล่อนตอบอย่างเป็นทางการ รินรดาสร้างกำแพงขึ้นมาอีกชั้น... หล่อนไม่อยากสนิทกับเขามากเท่าไหร่ แค่ทักทายกันเท่านั้นก็คงมากเกินพอแล้ว...“แต่ตอนนี้คงไม่ได้ทำงานใช่ไหม ค่ำๆ อย่างนี้เราคงออกไปเดินเล่นข้างนอกด้วยกันได้... เดี๋ยวเราไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อนะ”“ฉัน... เอ่อ ฉันไม่ได้คิดจะออกไปข้างนอกหรอกค่ะ ฉันแค่จะเดินลงมาสั่งอาหารที่ห้องอาหารไปรับประทานเท่านั้น ฉันทำงานเหนื่อยมากคงไม่มีแรงที่จะเดินออกไปที่ไหนหรอกค่ะ แต่ก็ขอบคุณที่ชวน เดี๋ยวฉันขึ้นห้องก่อนนะคะ ขอให้เที่ยวให้สนุกค่ะ”“ขอบคุณมากนะดีน่า” เขาเรียกหล่อนด้วยชื่อเดียวกับมารดาเรียกนั่นยิ่งทำให้หญิงสาวคอแข็งขึ้นมาเพราะไม่ได้สนิทกับเขาถึงเพียงนั้น หล่อนไม่ต้องการให้ใครเข้ามารุกคืบชีวิตส่วนตัว โดยเฉพาะลูกชายของพ่อเลี้ยง คนที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้ครอบครัวหล่อนแตกแยก“เราจะได้เจอกันอีกไหมเนี่ย”“อาจจะไม่ก็ได้ค่ะเพราะว่าฉันจะต้องกลับแต่เช้า...”“น่าเสียดาย หวังว่าคริสต์มาสนี้คุณคงไปฉลองกันที่อิตาลีบ้างนะ เรเชลบ่นถึงคุณใหญ่เลย” เขาพูดถึงเรเชล รามอส น้องสาวของหล่อนที่เกิดจากผู้เป็นมารดาของและบิดาเลี้ยงของหล่อน“อาจจะไปค่ะ” หล่อนตอ
เวลาสิบเจ็ดนาฬิกาเป็นฤกษ์งามยามดีที่รินรดาจะออกจากห้องไปเดินเล่นข้างนอก หล่อนสั่งอาหารง่ายๆ ของทางโรงแรมรองท้องมาก่อนแล้วเพื่อว่าจะได้ไม่หิวเกินไปนัก วันนี้หล่อนนึกครึ้มอยากได้เครื่องเงินกับเครื่องประดับขึ้นมาเฉยๆ เลยตั้งใจว่าจะจ้างรถโรงแรมไปส่งที่ร้านเพชรอันขึ้นชื่อของที่นี่แล้วค่อยกลับมาผลงานศิลปะของทางเมืองเหนือสะท้อนมาในเครื่องประดับบางอย่างในร้าน ที่ไม่เพียงแต่ออกแบบสินค้าที่คลาสสิกเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านนาเหนือให้เห็นอีกด้วย แต่หล่อนได้เพียงแค่ชื่นชมเพราะว่างานเหล่านี้อลังการเกินไป หล่อนต้องการเครื่องประดับที่ใส่ได้ทุกโอกาสมากกว่าที่จะเอาไว้ใส่ออกงานราตรีใหญ่ๆ อย่างเดียวเพราะว่าหล่อนไม่เคยออกงานราตรีเลย...ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่สังคมกับใครไม่คบค้าสมาคมกับใครเลยแต่เป็นเพราะว่าแม่เลี้ยงและผู้เป็นย่าชอบกีดกันและค่อนขอดอยู่เสมอว่าหล่อนเป็นลูกหลานที่น่าอับอายไม่คู่ควรให้บิดาพาออกงาน รินรดาจึงออกอาการต่อต้านไม่ยอมเข้าสังคมและแยกตัวออกมาอยู่อย่างโดดเดี่ยวเท่านั้นยังไม่พอหล่อนยังถูกย่าแท้ๆ ที่ท่านไม่อยากจะนับหล่อนเป็นหลาน บอกว่าหล่อนหนีออกมาอยู่ข้างนอกไม่ทำงานอะไร มั
เขาเคยไปกินอาหารจานโปรดของตัวเองซึ่งทำจากระรินทิพย์โดยไร้เงาพี่ชายเพียงครั้งสองครั้ง ต่อมาคุณนายมาลาตีก็เบนเข็มมาที่เขาแทนและเข็มที่เบนมาทางนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหมุนย้อนกลับเพราะคิดว่าเขาคงมีใจให้ลูกสาวนาง เรียกได้ว่างานนี้เขาดิ้นไม่หลุดจนมาถึงบัดนี้... และเขาเองก็เป็นฝ่ายที่ไม่ได้ดิ้นออกมาทั้งที่เขาไม่เคยต้องการผูกมัดกับลูกสาวบ้านนี้หรือลูกสาวบ้านไหน... แต่ที่เขายอมมีบ่วงนั้นเป็นเพราะระรินทิพย์ ผู้หญิงสวยที่มีนิสัยอ่อนโยน เรียบร้อยเหมือนผ้าขาวที่ไม่มีสิ่งแต่งแต้มเจือปนที่รีดเรียบสนิทแล้วพับไว้อย่างสวยงาม... หญิงสาวผู้แสนหวานและอ่อนต่อโลกที่ไม่ได้รู้แม้สักน้อยนิดว่าตนเองถูกยัดเยียดให้เขาจนดูน่าเกลียดในบางครา... หากเป็นลูกสาวบ้านอื่นเขาคงไม่สนใจและไม่ให้ความหวัง แต่เห็นว่าเป็นระรินทิพย์ที่เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจ และไม่เหมือนใคร หล่อนสวย เพียบพร้อมชาติตระกูลดี และนิสัยดีจนเกินกว่าที่จะมองข้ามไป หม่อมราชวงศ์เขตแดนจึงไม่ละเลยสาวนางนี้และให้ความหวังมารดาของหล่อนด้วยการเข้านอกออกในบ้านนี้ตามคำเชิญบ่อยๆ... เนื่องจากว่าต้องการเก็บระรินทิพย์ไว้เป็นตัวเลือกหนึ่งหาก