Share

บทที่ 4

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-01 10:54:38

ทางที่ดีให้เขาบาดเจ็บหรือพิการจนต้องนอนเตียงไปทั้งชีวิตเลยก็ได้ สามีคนเดียวนางเลี้ยงไหวอยู่แล้ว แม้จะมีซาลาเปาน้อยแถมมาด้วยก็ไม่เป็นไรนางไม่ถือสา แต่ขออย่าได้ลุกขึ้นมายุ่มย่ามวุ่นวายกับนางเชียวล่ะ

เพราะถ้าไม่อย่างนั้นนางคงไม่ลังเลที่จะส่งเขาลงไปพบกับเหยียนหลัวหวางก่อนเวลาเป็นแน่!

เยว่อวิ๋นนอนนิ่งใช้ความคิดเมินเฉยต่อความวุ่นวายรอบตัวอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะได้ยินเสียงคนร้องตะโกนขึ้นว่าขบวนรับตัวเจ้าสาวมาถึงแล้ว

หลังจากนั้นร่างกายก็ถูกคนจับพยุงให้ลุกขึ้นนั่ง พอหันไปมองก็เป็นหลิวซื่อมารดาราคาถูกของร่างเดิมนั่นเอง นางหลับตาพลางสูดลมหายใจเข้าลึก อาการปวดทั้งหลายพอบรรเทาลงบ้างแล้ว ทว่าอาการวิงเวียนศีรษะยังคงหนักอยู่

เสียงท้องร้องดังโครกคราก ความรู้สึกหิวจนแสบท้องเช่นนี้ไม่ดีเอาซะเลย แต่น่าเสียดายบ้านสกุลเยว่มีแต่สัตว์ร้ายที่ล้วนหวังขย้ำกัดกินเลือดและเนื้อนาง จึงไม่มีใครให้ความสนใจว่านางจะได้กินอะไรบ้างหรือเปล่า

คนจากบ้านเซี่ยมารับตัวเจ้าสาวอย่างเรียบง่าย พวกเขามาถึงก็ไม่พูดมากวาจา ตรงเข้าไปจับเจ้าสาวขึ้นเกวียนลา เสร็จแล้วก็หันเกวียนออกรีบเร่งฝีเท้าเดินทางในทันที

แน่นอนว่าที่คนพวกนี้ทำแบบนี้ย่อมมีเหตุผล นั่นก็เพราะแม่เฒ่าเยว่เป็นคนร้ายกาจโลภมากและเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด

นางไม่อยากคืนสินสอดของหมั้นให้บ้านเซี่ย จึงออกอุบายความคิดให้เยว่อวิ๋นแต่งออกไปแทนเยว่เจินเจิน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่คิดใช้อุบายเล่นตัวเพื่อเรียกค่าสินสอดเพิ่มอีก ยิ่งโดยเฉพาะยามนี้ที่บุตรชายคนรองบ้านเซี่ยกลายเป็นคนพิการไร้ประโยชน์ไปแล้ว

ส่วนทางแม่เฒ่าเซี่ยเองก็หาใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน [1] นิสัยของนางนั้นร้ายกาจพอฟัดพอเหวี่ยงกับแม่เฒ่าเยว่ มีหรือจะคาดเดาลูกไม้ตื้นๆ เหล่านี้ไม่ออก จึงลอบสั่งกำชับบุตรชายคนโตที่นำคนไปรับตัวเจ้าสาวให้ทำตามที่นางบอก เพื่อป้องกันหญิงชราหน้าเลือดบ้านเยว่ถือโอกาสสูบเลือดสูบเนื้อพวกนาง

ดังนั้นเมื่อขบวนรับเจ้าสาวมาถึง แม่เฒ่าเยว่ยังไม่ทันได้เริ่มแผลงฤทธิ์ คนก็กรูกันเข้ามา จากนั้นพริบตาก็เผ่นหายไปไม่เห็นฝุ่นเสียแล้ว เห็นว่าทำอะไรพวกเขาไม่ได้ แม่เฒ่าเยว่จึงได้แต่ร้องก่นด่าสาปแช่งไล่หลังอย่างฉุนเฉียว

“พวกผีอายุสั้นนี่รีบร้อนไปไหนกัน ยายแก่บ้านเซี่ยคงสั่งให้ทำแบบนี้สินะ เฮอะ! คนอย่างนางก็แบบนี้แหละ วันๆ ดีแต่วางอุบายใส่ผู้อื่น เห็นอย่างนี้แล้วไม่แปลกใจเลยที่ตาเฒ่าเซี่ยรีบด่วนจากไป ต้องอยู่กับคนแบบนี้จะมีอะไรดี”

พูดจบก็ถ่มน้ำลายไล่หลัง หลายคนมองท่าทางหยาบคายของนางแล้วส่ายหน้า หากจะบอกว่าผู้เฒ่าบ้านเซี่ยทนภรรยาร้ายกาจไม่ไหวจึงรีบด่วนจากไป แล้วผู้เฒ่าเยว่ที่ตายไปตั้งก่อนหลายปีนั้นเล่า

นี่ไยมิใช่จะบอกเป็นกลายๆ ว่าตัวนางนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าแม่เฒ่าเซี่ยอีกหรือ!

แม่เฒ่าเยว่ไม่รู้ความคิดของพวกเขา ทว่านางไม่สบอารมณ์กับสายตาที่มองมา จึงร้องเรียกสะใภ้กับบุตรสาวของตนเข้าบ้านทันที ก่อนจะร้องกราดด่าอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นถังอาหารไก่ที่วางยังมีอาหารข้างในอยู่เต็ม

“สะใภ้รอง! นางตัวขี้เกียจสันหลังยาว ป่านนี้ยังไม่ได้ให้อาหารไก่อีกหรือ! โอ๊ย! นี่มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของข้ากันนะ ถึงต้องมานั่งเลี้ยงดูตัวขาดทุนอย่างพวกเจ้าแม่ลูก”

ลานหน้าบ้านยังมีชาวบ้านหลายคนที่มาเพื่อรอดูเรื่องสนุก พวกเขายืนฟังคำก่นด่าแล้วพากันเบ้ริมฝีปากโดยพร้อมเพรียง บ้านเยว่มีบุตรสามคน คนโตเยว่ฉิน คนรองเยว่หลิน แล้วก็เยว่เจินเจินคนสุดท้อง นับแต่อดีตแม่เฒ่าเยว่ก็ลำเอียงรักลูกชายคนโต เอ็นดูลูกสาวคนเล็ก

เจ้าใหญ่บ้านเยว่ขี้เกียจตัวเป็นขน ที่ผ่านมางานในไร่ในนาล้วนเป็นเจ้ารองเยว่ทำทุกอย่าง ส่วนเยว่เจินเจินยิ่งไม่ต้องพูดถึง วันๆ เอาแต่เดินเฉิดฉาย เชิดหน้าชูคอเสียยิ่งกว่าลูกคุณหนูตระกูลผู้ดีในเมือง

ต่อมาหลังจากเยว่หลินเสียชีวิตลง งานในไร่ในนาก็ถูกเหมาให้กับหลิวซื่อ จนกระทั่งเยว่อวิ๋นเริ่มโตจนรู้ความ นางก็กลายมาเป็นแรงงานในบ้านอีกคน

สตรีสองคนทำงานทั้งนอกบ้านและในบ้าน ดูแลปรนนิบัติสกุลเยว่ของพวกเขายิ่งกว่าบ่าวรับใช้ โดยเฉพาะเยว่อวิ๋นนั้นน่าสงสารที่สุด นางทำงานหนักแทบตายสุดท้ายยายแก่นี่ก็ยังขายนางให้บ้านเซี่ยเพื่อสินสอด

แม่เฒ่าเยว่กล้าใช้คำว่าตัวเองเป็นคนเลี้ยงดูสองแม่ลูกนี่ ไม่คิดละอายแก่ใจตนเองบ้างหรือ

หลิวซื่อที่อยู่ด้านนอกไม่ได้สนใจฟังคำด่าของแม่สามี และยิ่งไม่ใส่ใจต่อสายตาสงสารที่ทุกคนมองมา นางยืนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตามองตามหลังกลุ่มคนที่ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ใบหน้าซีดเซียวนั้นแฝงไปด้วยร่องรอยของความทุกข์ตรม

นางแต่งให้เยว่หลินช่วงแรกๆ นั้นยังพอดีอยู่บ้าง แต่หลังจากคลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิง แม่สามีก็แสดงความไม่พอใจ ไม่ยอมให้นางกินอาหารบำรุงน้ำนม สามีเห็นนางไม่มีนมให้ลูกจึงกัดฟันเข้าป่าหวังหาอาหารมาบำรุง

ทว่าเขาไปแล้วไปลับไม่ได้กลับมาอีกเลย…

เดิมแม่เฒ่าเยว่ก็รังเกียจลูกสาวนางอยู่เป็นทุนเดิม เมื่อเกิดเรื่องกับบุตรชายคนรองจึงยิ่งเกลียดชังทารกน้อย เอาแต่ด่าว่าทารกน้อยว่าเป็นตัวอัปมงคลเกิดมาก็ทำให้บิดาต้องตาย

หลังจากเยว่หลินเสียชีวิตลง หลิวซื่อก็ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในบ้านสกุลเยว่ เมื่อคิดถึงสามีที่จากไปก่อนวัยอันควร นางพลันนึกเห็นด้วยกับคำพูดว่าร้ายของแม่สามี การปฏิบัติต่อลูกสาวจึงไร้เย็นชาเยื่อใย นานวันเข้าความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกสาวก็ยิ่งห่างเหินต่อกัน

เดิมทีหลิวซื่อนึกว่าส่งบุตรสาวตัวภาระออกไปตามคำสั่งแม่สามี ตนเองก็จะหมดเรื่องสบายใจได้เสียที คิดไม่ถึงว่าความอึดอัดที่มีภายในใจกลับไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลยสักนิด

โดยเฉพาะสายตาเฉยชาราวกับคนแปลกหน้าของบุตรสาวที่สบกันก่อนจะจากไป ยังคงฝังติดตาเป็นภาพจำในใจ หลิวซื่อเกิดความรู้สึกโหวงเหวงขึ้นในอกอย่างบอกไม่ถูก

ราวกับว่าบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญได้หลุดลอยจากนางไปเสียแล้ว…

ส่วนทางด้านเยว่อวิ๋นที่กำลังอดทนกับความโคลงเคลงของเกวียนที่นั่ง ไม่ได้ตระหนักถึงความรู้สึกเสียใจของหลิวซื่อแม้แต่น้อย ทว่าต่อให้รับรู้แล้วอย่างไร อย่างไรเสียนางก็ไม่คิดสนใจอยู่ดี

นางปล่อยให้หลิวซื่อได้เป็นคนเลือกแล้ว นับตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาจนรู้ว่าตนเองสวมร่างของผู้อื่นอยู่ นางก็มอบโอกาสนี้ให้กับอีกฝ่ายมาโดยตลอด

ขอเพียงแค่หลิวซื่อหยิบยื่นความรักความห่วงใยให้แก่ ‘เยว่อวิ๋น’ สักเล็กน้อย เอ่ยปากช่วยพูดหรือแสดงท่าทีปกป้องบ้างสักนิด นางก็จะเคารพกตัญญูต่ออีกฝ่ายเสมือนมารดาและบุตรแท้ๆ

ทว่าน่าเสียดายหลิวซื่อเลือกที่จะละทิ้งบุตรสาวคนนี้อย่างไม่แยแส เช่นนั้นต่อไปในอนาคตหลิวซื่อจะเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางอีก

เพียงแต่ว่า…

เกวียนลานี้จะย่ำแย่เกินไปหน่อยไหม เยว่อวิ๋นปิดปากอาเจียนแห้งๆ ด้วยความคลื่นไส้ นางถูกกระแทกกระทั้นจนหูอื้อตาลายไปหมด ในใจพลันนึกสบถไม่หยุด

ดีชั่วข้าก็แต่งเข้าบ้านสกุลเซี่ยของพวกเจ้าแล้ว เรื่องง่ายๆ อย่างกับอีแค่การขับเกวียนบรรทุกเจ้าสาว ช่วยทำให้มันดีกว่านี้หน่อยจะได้หรือไม่!

โชคดีที่หมู่บ้านเซี่ยอยู่ห่างจากหมู่บ้านหลินที่ตระกูลเยว่อาศัยอยู่ไม่มากนัก ใช้เวลาเดินทางเพียงหนึ่งชั่วยาม [2] กว่าๆ ก็ถึงแล้ว ดังนั้นเยว่อวิ๋นจึงทนทรมานอยู่ไม่นาน

ขณะที่เกวียนที่นางนั่งมาหยุดลง เยว่อวิ๋นก็ให้รู้สึกแปลกใจกับความเงียบตรงหน้าไม่น้อย หญิงสาวอาศัยช่วงเวลาถูกคนพยุงลงสังเกตรอบด้านอย่างรวดเร็ว

เบื้องหน้านางคือบ้านเก่าที่สภาพผุพังขนาดจะถล่มลงมาก็คงไม่น่าแปลกใจ ในขณะที่ส่วนผนังบ้านกระดำกระด่างทั้งยังมีที่ว่างเว้นเป็นรูกว้างในบางแห่ง หากจะบอกว่าเล้าหมูของบ้านเยว่ยังดีกว่าก็เรียกได้ว่าไม่เกินจริงนัก เยว่อวิ๋นมองแล้วอดนึกประหลาดใจไม่ได้

ไหนยายเฒ่าน่าตายนั่นบอกว่าบ้านเซี่ยมีฐานะไม่เลวเลยอย่างไรเล่า แล้วสภาพอัตคัดแลดูแสนจะขัดสนที่เห็นอยู่นี่คืออะไร

“มากันแล้วหรือ เหตุใดจึงไปนานนัก” หญิงชรานางหนึ่งก้าวเข้ามาถาม “ไม่ใช่ข้าสั่งให้รีบไปรีบกลับออกมารึ หรือยายแก่บ้านเยว่รั้งพวกเจ้าเพื่อขอสินสอดเพิ่มอีก ฮึ! ข้านึกไว้แล้วเชียว คนอย่างนางสบช่องมีหรือจะไม่หาโอกาส”

เยว่อวิ๋นฟังแล้วอดนึกขันไม่ได้ คงต้องบอกว่าคนจำพวกเดียวกันมักจะมองกันออกจริงๆ สินะ ขนาดอีกฝ่ายไม่อยู่ในขบวนรับตัวเจ้าสาวแท้ๆ กลับบรรยายการกระทำของแม่เฒ่าเยว่ได้ชัดเจนชนิดตาเห็นเลยทีเดียว ดูท่าแล้วหญิงชราผู้นี้คงเป็นแม่สามีราคาถูกของนางกระมั้ง

[1] เป็นคำอุปมา หมายถึงไม่ใช่คนไม่มีเล่ห์เหลี่ยม
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 371

    “น้องรองเจ้าพูดเกินไปแล้ว ที่เหว่ยเอ๋อร์บาดเจ็บเช่นนี้ก็เพราะทำตามคำสั่งของท่านพ่อ เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือจงใจคิดบิดเบือนเรื่ิงราวกัน”“นี่… นี่” สวีหย่วนพูดไม่ออก เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคำสั่งของบิดา แต่จะให้เขากล่าวโทษท่านพ่อมันมันก็ไม่ได้ใช่ไหมเล่า อีกทั้งนี่ยังเป็นครั้งแรกที

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 370

    “ฉงเอ๋อร์มาแล้วหรือ มานั่งก่อนสิ” ถึงจะโตมาเป็นบุรุษหน้าเหม็นเหมือนบิดา แต่อย่างไรก็เป็นบุตรชายตน มู่หรงเซียนย่อมไม่ละเลยเซี่ยฉงอวิ๋น รอจนอีกฝ่ายมานั่งข้างเยว่อวิ๋น ฉิงฮวนที่รู้ใจผู้เป็นนายก็ยกน้ำและของว่างที่เตรียมไว้ออกมามู่หรงเซียนชักชวนให้บุตรชายรับของว่างรองท้อง ก่อนจะหันไปชวนสะใภ้ของตนสนทนาต่

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 369

    การเริ่มต้นทักทาย…ทักทายผู้ใดกันเล่า!หลีจวินขบคิดอยู่นาน หลังจากพบว่าตนเองไม่สามารถเข้าใจคำพูดที่เซี่ยฉงอวิ๋นเอ่ยออกมาเลย เด็กหนุ่มก็ปล่อยวางพลางกล่าวน้ำเสียงอ่อนลง“ช่างเถอะ แค่ท่านไม่เสียเปรียบก็พอแล้ว”ฟังมาถึงตอนนี้มุมของสือจิ่วที่ฟังอยู่เงียบๆ พลันกระตุกถี่รัวอย่างควบคุมไม่อยู่ องครักษ์มองหน้

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 368

    เพียงแต่… สวีจ้าวเหว่ยนั้นไม่รู้เลยว่าต่อให้เป็นตัวเขาไปเอง ก็ยังไม่อาจปกปิดความต้องการของตัวเองต่อหน้าเซี่ยฉงอวิ๋นได้เลย“ข้าบอกแล้วนี่ สองแสนตำลึงถ้วน ขาดแม้แต่อีแปะเดียวก็เลิกพูดกันไปได้เลย” เซี่ยฉงอวิ๋นที่รอคอยตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ในกระแสเสียงเจือแววบังคับเผด็จการอย่างผู้เหนือกว่าอยู่ในที

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 367

    “ท่านคือเถ้าแก่ร้านซินเยว่ เจ้านายของเซี่ยเฉิงจริงหรือ” บุรุษวัยกลางคนถาม ใบหน้าปกปิดไม่มิดถึงความแปลกใจ ไม่คิดว่าเจ้านายกับลูกน้องคู่นี้จะอายุน้อยเพียงนี้ ทำเอาคนคาดไม่ถึงจริงๆ“ข้าคือเซี่ยฉงอวิ๋น ทำไมพวกเจ้าถึงผิดนัดหมายเมื่อวาน ควรให้คำอธิบายเรื่องนี้แก่ข้ามากกว่าหรือไม่” เซี่ยฉงอวิ๋นตอบคำถาม ก่อ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 366

    แน่นอนว่าความคิดนี้ของเซี่ยฉงอวิ๋น ผู้เป็นภรรยาของเขานั้นไม่ได้รับรู้ด้วยเลยแม้แต่น้อย กว่าที่เยว่อวิ๋นจะลืมตาตื่นจากความอ่อนเพลียและฤทธิ์ยา ก็พบว่าในบ้านว่างเปล่าเหลือเพียงแค่ตนเองกับแม่สามีสองคนเสียแล้ว“หลีจวินไม่ได้ไปสำนักศึกษากับพวกต้าเป่า แต่ถูกคุณชายใหญ่พาออกไปอย่างนั้นหรือ” เยว่อวิ๋นทวนคำของ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status