Masukมู่ฉวนที่นั่งฟังเสียงทะเลาะกันของท่านพ่อท่านแม่มู่ เขาและมู่เจียอิ่งคิดไม่ผิดที่ยังไม่คิดที่จะมีลูกกันถึงอายุจะมากขึ้นทุกวันและสมควรแก่การมีหลานให้ท่านพ่อท่านแม่มู่ แต่เพราะเหตุการณ์ที่ฝังใจมู่เจียอิ่งตอนที่ท่านแม่ของนางล้มป่วยเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ทั้งเขาและนางเลือกที่จะไม่มีเพราะไม่อยากให้เด็กเกิดมาอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้
"ท่านพี่…"มูนเจียอิ่งเป็นห่วงความรู้สึกของมู่ฉวนผู้เป็นสามี สิ่งที่ท่านพ่อมู่พูดออกมาท่านคงจะอัดอั้นอยู่ในใจจนระเบิดออกมา เพราะสิ่งที่ท่านแม่มู่กระทำนั้นเป็นสิ่งที่ลำเอียงและเห็นแก่ตัวที่สุด เงินกองกลางของครอบครัวไม่ใช่เพียงเงินที่มู่ซงหยวนส่งกลับมา
แต่ยังมีเงินที่ท่านพ่อมู่กับมู่ฉวนและนางหามาด้วยจากการทำงานในไร่ ซึ่งที่ดินที่หาซื้อมาได้ก็จากเงินที่มู่ซงหยวนส่งกลับมาทั้งนั้น แต่ท่านแม่มู่กลับนำไปใช้หนี้พนันให้มู่จื่อชิว ซึ่งเป็นปัญหาที่เจ้าตัวก่อขึ้นมาเองทั้งนั้น
"พี่รู้ท่านแม่นั้นลำเอียงเกินไป หากจะแยกบ้านพี่ก็เป็นห่วงท่านพ่อน้องเข้าใจพี่นะเจียอิ่ง"
"ท่านพี่น้องเข้าใจเจ้าค่ะน้องเองก็เป็นห่วงท่านพ่อเหมือนกัน ท่านพ่อมู่คือผู้มีพระคุณของน้องเช่นเดียวกับมู่ซงหยวนน้องไม่อาจลืมบุญคุณครั้งนั้นได้จริง ๆ เจ้าค่ะ"
มู่ฉวนฟังสิ่งที่มู่เจียอิ่งเอ่ยก็รับรู้ว่านางนั้นรักครอบครัวของเขาอย่างใจจริง เจ้าสามคงจะดีใจที่มีพี่สะใภ้ใหญ่ที่รักเขาเช่นนี้
"พรุ่งนี้มู่ซงหยวนก็จะกลับมาแล้วแต่ที่บ้านมู่ เหมือนมีพวกเราที่ดีใจกัน แต่กลับท่านแม่มู่นั้นเหมือนไม่ต้องการให้มู่ซงหยวนกลับมาอยู่ที่บ้าน"
"พี่ไม่รู้ว่าทำไมท่านแม่ถึงได้ปฏิบัติกับเจ้าสามแตกต่างออกไป ถึงพี่จะเป็นพี่ใหญ่ท่านแม่ก็ไม่ได้ปลื้มพี่เท่าไหร่ แต่ก็ไม่หนักเท่าเจ้าสาม"
"ท่านแม่ให้ความสำคัญกับมู่จื่อชิวเพราะมีหลานชายให้ และมู่จื่อเหมยที่อนาคตจะได้ออกเรือนกับครอบครัวคนมีเงินในเงิน"
"ที่น้องพูดมันก็จริงเจ้าสามแต่งออกไปที่บ้านก็จะเหลือมู่จื่อเหมยคนเดียวที่ยังไม่ออกเรือน อีกอย่างมู่จื่อเหมยมีนิสัยที่แตกต่างจากท่านแม่อยู่นางถูกท่านแม่เลี้ยงตามใจมาตั้งแต่เด็กทำให้นางมีนิสัยที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่"มู่จื่อเหมยแอบคบหากับผู้ชายในเมืองอยู่คนหนึ่งนางบอกท่านแม่ว่าทางบ้านฝ่ายชายนั้นมีฐานะมาก ทำให้ท่านแม่ต้องเตรียมสินสอดมากมายไว้เตรียมให้นางเพื่อที่จะไม่น้อยหน้าฝ่ายผู้ชาย
"มู่จื่อเหมยนางจะได้แต่งจริง ๆ ใช่หรือไม่เจ้าคะ"เพราะเวลาล่วงเลยมาปีกว่าแล้วฝ่ายชายที่มู่จื่อเหมยเอ่ยนั้นคนบ้านมู่ยังไม่เคยมีใครเห็นหน้าค่าตาเลยสักคน แล้วอีกอย่างมู่จื่อเหมยนางนั้นก็เข้าเมืองไปหาอีกฝ่ายอยู่ตลอด หากนางไม่ได้แต่งตัวนางนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบที่สุด
"พี่เองบอกตามตรงพี่ก็ไม่แน่ใจความเป็นไปได้มันมองแล้วไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย บุรุษหากเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ ฝ่ายหญิงไปมาหาสู่นานเป็นปีเช่นนี้ และคบหาดูใจกันแต่ครอบครัวฝ่ายหญิงกับไม่ได้รับรู้อะไรเลยรูปร่างหน้าตาก็ไม่เคยเห็นด้วย พี่กลัวว่านางจะถูกคนเมืองหลอกเอา"เรื่องของมู่จื่อเหมยไม่ใช่ว่าเขาและมู่เจียอิ่งไม่เอ่ยเตือนสติ แต่ก็ถูกท่านแม่มู่เอ่ยดุด่ากลับมาว่าอิจฉามู่จื่อเหมยที่นางจะมีชีวิตที่ดีกว่า เขาในฐานะที่เป็นพี่คนโตไม่เคยคิดอิจฉาน้องคนไหนเลย มีแต่ความหวังดีและห่วงใยให้เท่านั้น
"ท่านพี่อะไรที่เตือนและบอกแล้วนางไม่ฟัง บางทีก็อาจจะต้องปล่อยในนางได้เจอจริง ๆ เสียก่อน ว่าชีวิตมนุษย์ที่แท้จริงมันเป็นเช่นไร"มู่เจียอิ่งเองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกันคนนางมู่จื่อเหมยจะต้องเจอความผิดพลาด ความเสียใจ ก่อนเพราะนางเป็นคนที่ไม่เชื่อฟังใครประสบการณ์ชีวิตจะสั่งสอนนางเอง เพราะไม่มีใครที่จะสั่งสอนนางได้เลย
"ก็คงจะต้องปล่อยให้นางเลือกทางเดินชีวิตของตนเอง"แม้แต่ท่านแม่มู่เองก็ไม่คิดที่จะสั่งสอนมู่จื่อเหมยมีแต่ให้ท้ายนางในทางที่ผิด
.
.
.
ห้องนอนท่านพ่อท่านแม่มู่
"หวังว่าพรุ่งนี้ลูกกลับมาเจ้าจะทำตัวดีขึ้นนะมู่น่าหลิง"
"ท่านพี่ท่านเป็นอะไรไปท่านไม่เคยที่จะขึ้นเสียงดุด่าข้ามากมายขนาดนี้มาก่อน แต่พอเจ้าสามจะกลับมาท่านกับแสดงออกว่าไม่พอใจในตัวของข้า"
"เจ้าก็ดูสิ่งที่เจ้าทำผ่านมามันสมควรแล้วหรือแทนที่ลูกจากบ้านไปนาน กลับมาบ้านแทนที่เจ้าจะดีใจเตรียมตัวต้อนรับลูก แต่เจ้ากับนิ่งเฉย"
"ท่านพี่จะให้ข้าต้องทำอะไรมากมายเจ้าสามอยู่ไม่นานก็ต้องแต่งออกไปอยู่แล้ว อีกอย่างเจ้ารองนั้นไม่ถูกกับเจ้าสามอยู่ด้วย จะให้อยู่ร่วมบ้านกันนาน ๆ ได้อย่างไรกันท่านพี่"
"เช่นนั้นก็เอาตามที่ข้าบอกเจ้าสามแต่งเมื่อไหร่เจ้ารองก็ต้องแยกบ้านออกไปอยู่ข้างนอก แบ่งที่ดินกับเงินให้ลูกไปซะ"
"ท่านพี่ไม่ได้นะเจ้าคะเจ้ารองต้องอยู่ที่นี่บ้านมู่เท่านั้น ลูกจะต้องอยู่ที่นี่เท่านั้น"มู่น่าหลิงตวาดลั่นบ้านนางไม่มีทางยอมเด็ดขาดมู่จื่อชิวจะไปอยู่ไกลนางได้อย่างไรกัน ไหนจะหลานอีกมู่เยี่ยนเฟยอีกจะให้แยกบ้านออกไปได้อย่างไร
"ต้องทำเพราะคำสั่งข้าใครก็ห้ามขัดแม้กระทั่งเจ้ามู่น่าหลิง"มู่ต๋าเองก็โมโหสุด ๆ ที่ภรรยาของตัวเองลำเอียงยิ่งนักฝืนคุยต่อไปก็มีแต่ทะเลาะกันใหญ่เข้าไปอีก
.
.
.
"ท่านพ่อขอรับ"มู่ฉวนรู้ว่ายังไงคืนนี้ท่านพ่อมู่คงจะไม่เข้าไปนอนกับท่านแม่มู่ เพราะอารมณ์ของคนทั้งคู่เห็นทีว่าจะไม่นิ่งง่าย ๆ
"พ่อรู้ว่าจะพูดอะไร"มู่ต๋าเองรู้ดีว่าสิ่งที่เขาพูดคุยกับมู่น่าหลิงยังไงคนในบ้านก็ย่อมได้ยิน เพราะตอนนั้นใช้ทั้งอารมณ์ทั้งเสียงที่พูดใส่กัน
"ท่านพ่อข้าไม่ได้จะถามเรื่องนั้นขอรับ แต่ข้าจะบอกให้ท่านพ่อนอนที่ห้องเจ้าสามในคืนนี้ขอรับในห้องข้าวของครบสะดวกสบายแล้วขอรับ"มู่เจียอิ่งเองจัดการซื้อข้าวของที่จำเป็นมาไว้ให้มู่ซงหยวนครบเกือบหมด ที่เหลือ ๆ คงจะเป็นตู้เสื้อผ้าที่เก็บข้าวต่าง ๆ หากจะทำคงต้องใช้เวลาหากรวดเร็วก็ต้องเข้าไปซื้อในเมืองราคาก็จะสูงหน่อย
"เดี๋ยวพ่อจะพูดเองเมื่อเจ้าสามกลับมาพรุ่งนี้ยังไงน้องก็ต้องรับรู้เรื่องนี้ ลูกกลับเข้าห้องเถอะสะใภ้ใหญ่วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันลูกก็บีบนวดให้นางบ้าง จะได้หายเมื่อย"มู่ต๋ามักจะสอนให้ลูก ๆ ทุกคนให้เกียรติคู่ชีวิตอยู่เสมอการที่คนสองคนมาเจอกันมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ การร่วมใช้ชีวิตคู่ด้วยกันก็เช่นกันเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดมาแล้ว
การใช้ชีวิตคู่ให้ยั่งยืนจะต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน มีหนักเบา มีเหตุผล มีความเชื่อมั่นและเชื่อใจกัน แต่เมื่อวันไหนมีคนที่เปลี่ยนไป คำว่าชีวิตคู่จะเหลือเพียงหน้าที่เท่านั้น
"เช่นนั้นลูกขอตัวไปก่อนขอรับ"
"ฝันดีเจ้าใหญ่"มู่ต๋าลงนอนได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงด้านนอกเหมือนมีคนเข้ามาในบ้าน ตอนแรกเขานั้นจะออกไปดู แต่ได้ยินเสียงสะใภ้รองก็รู้ทันทีว่าเป็นเจ้ารอง ไม่รู้ทำไมถึงกลับบ้านดึกขนาดนี้กันไม่ใช่ไปหาสร้างเรื่องที่ไหนไว้อีกล่ะ
ยามซื่อ(09.00-10.59)
ในเมืองหลวง
มู่ซงหยวนได้พักค้างแรมที่โรงเตี๊ยมในเมืองเมื่อคืนก่อนที่จะเดินทางกลับหมู่บ้านซานซาน นานแล้วที่เขานั้นจากมาเพื่อรับใช้ชาติบ้านเมือง
"หัวหน้าอาหารมาแล้วขอรับ"
"อาหาน"เสี่ยวหมิงเอ่ยเสียงดุเพราะตอนนี้ไม่สามารถที่จะเรียกเช่นนั้นได้อีกแล้ว จนกว่าพี่มู่ซงหยวนจะเอ่ยคำสั่งออกมา
"ข้าขอโทษ ข้าลืมตัวพี่มู่"อาหานกลัวจนตัวสั่นก็พี่ชายของเขาทั้งสามคนนั้นมีแต่โหด ๆ โดยเฉพาะพี่มู่ที่นิ่งขรึม และหน้าตึงเป็นที่สุดในค่ายทหาร
"ไม่เป็นไรหลังจากเข้าหมู่บ้านพวกเจ้าทุกคนไม่มียศมีอย่าง พวกเราตอนนี้เป็นคนธรรมดาเรียกข้าแค่ชื่อก็พอตอนนี้พวกเราไม่ได้มีหน้าที่ทหารอะไรทั้งนั้น"
"ขอรับพี่มู่!"
"ขอรับพี่มู่!"
"ขอรับพี่มู่!"
คนทั้งสามเอ่ยเสียงดังฟังชัดนั่งหลังตรงจนคนในโรงเตี๊ยมต่างมอง เพราะเป็นจุดสนใจถึงจะมีคนหนึ่งที่พิการที่ขา แต่ใบหน้านั้นกับหล่อเหลากระชากใจสตรีที่เดินผ่านไปผ่านมาจนทำผ้าซับใบหน้าตกกันเป็นแถว
"อืม"
จ้าวเฟยหลงโดนรุมทึ้ง รุมด่า จากการวางแผนและการแสดงของเขาที่มันดีเลิศเกินไปจนทำให้มีการหลั่งน้ำตาเกิดขึ้น"ปล่อยข้านะไอ้พวกเด็กบ้าพลัง"ตอนนี้จ้าวเฟยหลงนั้นอยู่ด้านล่างสุดโดยมีอาหาน เสี่ยวหมิง เจี้ยนโปและคนสุดท้ายคือมู่ซงหยวนที่เป็นคนนอนทับอยู่ด้านบน"โทษฐานที่โกหกพวกข้า"อาหหานกัดเข้าที่ใบหูของพี่จ้าวเฟยหลงอย่างไม่แรงนะ เพราะเพียงแกล้งเล่นเหมือนตอนที่อยู่ด้วยกันเท่านั้น"โอ๊ย !!!!"จ้าวม่านฉีกับเหลียงจงซินมององค์รัชทายาทที่กำลังเล่นสนุกกับเหล่าพระสหายอย่างลืมพระชันษาหมดสิ้นเสียแล้วด้านล่างที่ตอนนี้ไม่มีลูกค้าแล้ว เพราะของที่ร้านขายหมดแล้วที่เตรียมมาปลานิลขนาดเล็ก 50 ตัว ขนาดกลาง 50 ตัว และขนาดใหญ่สุด 50 ตัว ได้ขายหมดแล้ว"ลูกด้านบนเสียงดังอันใดกันหรือ"ซุนกลางหวาเอ่ยถามบุตรสาว เพราะได้บินด้านบนมีเสียงดังมาได้สักพักแล้วเหมือนเสียงเด็กน้อยเล่นกันด้านบน"สหายของพี่ซงหยวนมาหาเจ้าค่ะคงจะพูดคุยเล่นกันเสียงดังตามประสาคนไม่ได้เจอกันนานน่ะเจ้าคะ""แต่พี่เห็นหลังจากหมดลูกค้าจ้าวม่านฉีกับเหลียงจงซินก็ขึ้นไปด้านบนนะ""น่าจะคอยดูแลสหายพี่ซงหยวนน่ะเจ้าค่ะ"ซุนจือหลินเองก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่
ร้านเมี่ยงปลาห้าสหายหลังจากผ่านงานสีขาวดำมาทุกคนก็เดินหน้าต่อใช้ชีวิตต่อ ในส่วนของเรื่องที่ผ่านมาทุกคนไม่ได้ลืมว่าเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง แต่เพียงเก็บไว้เป็นความทรงจำเท่านั้น"เจ้าสามพ่อดีใจด้วยนะที่เจ้าเป็นเถ้าแก่ใหญ่เสียแล้ว""ท่านพ่อหากข้าไม่มีท่านข้าเองก็คงจะไม่มีวันนี้ขอรับขอบคุณที่เลี้ยงข้ามาขอรับ"มู่ซงหยวนเลือกที่จะไม่พูดถึงมู่จื่อเหมยและมันจะตายไปพร้อมกับเขา อินซงผู้นั้นมีลูกกับท่านแม่มู่สองคนคือมู่จื่อชิวและมู่จื่อเหมย แต่ทุกคนรับรู้เพียงมู่จื่อชิวคนเดียวเท่านั้น"เจ้าก็คือลูกของพ่อเป็นน้องสามของเจ้าใหญ่และเป็นพี่สามของจื่อเหมย""ขอบคุณขอรับท่านพ่อ""ท่านพ่อ พี่ซงหยวน เชิญชั้นบนเจ้าค่ะ"ซุนจือหลินตั้งใจจะแจ้งข่าวดีกับทุกคนในวันนี้ วันนี้ร้านเปิดเป็นวันแรกมีส่วนลด 10 อีแปะในเมี่ยงปลาเผาทุกชุด เมี่ยงปลาชุดเล็กจะขายที่ 50 อีแปะ ชุดกลาง 80 อีแปะ ชุดใหญ่ 120 อีแปะ ส่วนแบบนึ่งชุดเล็ก 30 อีแปะ ชุดกลาง 60 อีแปะ ชุดใหญ่ 100 อีแปะมีลูกค้ามาอุดหนุนที่ที่ร้านจนโต๊ะเต็มทุกโต๊ะเลย และก็มีซื้อกลับไปกินที่บ้านก็จะเร็วและสะดวกสำหรับคนที่ไม่ต้องการที่จะรอคิวให้เสียเวลาที่ร้านจะมีเมี่ยงปลาสองแบบคื
ทุกคนทำเต็มที่กันแล้วพยายามที่จะช่วยยื้อชีวิตของมู่น่าหลิงให้นานที่สุด เพื่อรอท่านหมอที่มู่ซงหยวนไปตามทุกคนไม่มีใครคาดคิดว่ามู่น่าหลิงจะทำเช่นนี้"นางเลือกแล้วว่าจะจบชีวิตตนเองเช่นนี้"มู่น่าหลิงนางคงคิดมาแล้วว่าจะเลือกทางนี้ถึงได้มียาพิษติดตัวเช่นนี้ นางรักมู่จื่อชิวมากเกินไปจนไม่รักชีวิตตนเองยอมหลับหูหลับตาและเชื่อในสิ่งที่นางจินตนาการไว้เท่านั้น"ท่านพ่อ…อึก""นางเลือกแล้ว…รอท่านหมอมาก่อนก็แล้วกัน"ซุนจือหลินมองบรรยากาศโดยรอบก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะนำพางานขาวดำมาให้บ้านมู่ แต่อย่างน้อยก่อนที่ท่านแม่มู่จะไปก็ได้ละลายความติดค้างในใจให้มู่ซงหยวนและทุกคนได้รับรู้ถึงจะเป็นเรื่องที่เกินจะคาดเดาไว้ก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ไปอย่างไม่มีอะไรที่ติดค้างกันชดใช้กันในชาตินี้ก็พอ "ท่านพ่อ…""ขอโทษเจ้าด้วยนะที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้วันนี้แทนที่จะได้กินข้าวด้วยกัน""ท่านพ่อข้าขอถามเรื่องพี่ซงหยวนได้หรือไม่""ได้ทุกอย่างตอนนี้ถึงเวลาแล้ว""หากพี่ซงหยวนไม่ใช่ลูกของพวกท่านแล้วเหตุใดไม่มีใครรู้ แม้แต่ท่านพ่อของข้าก็คงจะไม่รู้""ในตอนนั้นมู่น่าหลิงนางก็ตั้งท้องอยู่อีกไม่กี่เดือนนางใกล้จะคลอด แต่นางแท้งไปเสียก่อ
ทันทีที่มู่น่าหลิงเอ่ยประโยคที่ทุกคนในบ้านไม่ได้คาดคิดว่าจะได้ยินและไม่ได้เตรียมใจว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกินขึ้น เพราะเรื่องแบบนี้นั้นมันยากเกินไปที่จะเกิดขึ้นได้"เงียบทำไมหรือเจ้าสามข้าไม่ใช่ท่านแม่ของเจ้า ข้าไม่ใช่แม่เจ้า!"มู่น่าหลิงในตอนนี้เหมือนคนที่เสียสติไปแล้ว เอ่ยย้ำ ๆ คำพูดเดิม ๆ ว่าไม่ใช่แม่ของมู่ซงหยวน"หึหึ ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านไม่ใช่ท่านแม่ของข้า แต่ก็ขอบคุณที่อุตส่าห์ดูแลข้ามาอย่างอนาถเช่นนี้"หากเขานั้นไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงเช่นนี้คงจะไม่มีวันรู้เรื่องที่ติดค้างในใจมาตลอด หากไม่ให้คนตามสืบคงจะไม่มีวันรู้ได้เลยและที่สำคัญนั้นรู้อีกหลายเรื่องเลยทีเดียว"…""เจ้าสาม""ท่านพ่อข้าทำใจได้แล้วขอรับ ทุกอย่างยังเหมือนเดิมขอรับท่านพ่อ""…"มู่ต๋านั้นมืดแปดด้านเมื่อเรื่องที่ปกปิดนั้นถูกเปิดเผยโดยมู่น่าหลิงและที่สำคัญมู่ซงหยวนก็รับรู้อยู่แล้ว เรื่องนี้เขาไม่เคยพูดเลยและไม่มีใครรู้ด้วย แม้แต่สหายอย่างซุนกวางหวาหรือชาวบ้านก็ไม่มีใครรู้หรือสงสัยกัน มีแค่เขากับมู่น่าหลิงและหมอตำแยที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ท่านจากไปเพราะโรคชรา"ดีน่ะสิ รู้อยู่แล้วข้าจะได้ไม่ต้องถนอมน้ำใจใครอีก"
บ้านซุนซุนจือหลินและมู่ซงหยวนได้เดินทางกลับบ้านในวันเดียวกับที่มู่จื่อเหมยนั้นมาหาที่ร้าน เพราะอีกไม่กี่วันร้านก็จะเปิดแล้วจะต้องกลับมาบ้านและแจ้งท่านพ่อท่านแม่ซุน"นี่เจ้าค่ะชุดข้าซื้อมาให้ท่านพ่อท่านแม่ในวันเปิดร้านของพวกเราเจ้าค่ะ""ให้พวกแม่ไปด้วยหรือ"ซุนอีเหยียนไม่คิดว่าซุนจือหลินจะให้นางไปร่วมยินดีด้วย เพราะแค่ที่ซุนจือหลินทำให้ครอบครัวมันก็มากเกินพอแล้วมีความเป็นอยู่ชีวิตที่ดีขึ้นนางนั้นก็ดีใจมากแล้ว"ท่านแม่ ท่านก็เป็นคนสำคัญของข้า ท่านพ่อ ซุนเพ่ยหนิง ด้วยทุกคนคือครอบครัวของข้านะเจ้าคะ""เจ้าจะเก่งเกินไปแล้วตัวแค่นี้เอง""ลูกพ่อเก่งมากจริง ๆ"ซุนกวางหวาไม่คิดว่าชีวิตจะมีวันนี้ วันที่ชีวิตดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดและครอบครัวอยู่กันอย่างมีความสุขถึงแม้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาจะเจอเรื่องที่ดีและไม่ดีมาบ้าง แต่ก็สามารถที่จะพากันข้ามผ่านกันมาได้"ซุนเพ่ยหนิงมีคนฝากของมาให้เจ้าด้วยนะ"ซุนจือหลินนำกล่องไม้ที่อาหานฝากมาให้ซุนเพ่ยหนิง เพราะตอนนี้ตัวอาหานเองอยู่ในเมือง เพราะจะต้องเฝ้าร้านจึงจะต้องมีคนอยู่ ซึ่งก็มีเสี่ยวหมิงและเจี้ยนโปเฝ้าอยู่ด้วย "ขอบคุณเจ้าค่ะ แต่ว่าของใครกันเจ้าคะ""ของอาหานน
"ท่านอาเล็กพวกเราจะไปที่ไหนกันหรือขอรับ""เดินไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวขนมหมดบอกอาเล็กนะจะพาไปซื้อเพิ่ม""ขอรับท่านอาเล็ก"มู่จื่อเหมยหลังจากพามู่เยี่ยนเฟยไปซื้อขนมหวานกิน นางก็ไม่รู้ตัวเองเป็นอะไรถึงได้เดินมาอยู่ที่หน้าเรือนของคนใจร้ายผู้นั้นได้กัน"ท่านหมอเร็วหน่อยขอรับ"เป็นหนึ่งในคนของเรือนตระกูลหลี่ที่เอ่ยบอกท่านหมอใหญ่ให้รีบเข้าไปรักษาท่านเฉินลี่ที่มีอาการเเย่ลงและหมอที่ทำการดูแลอยู่นั้นก็ช่วยไม่ได้มากเท่าไหร่ ต้องรอหมอที่เฉพาะทางเท่านั้นมู่จื่อเหมยที่เห็นว่ามีท่านหมอรีบร้อนเข้าไปในจวนในใจนางนั้นก็ร้อนรุ่มแปลก ๆ "คงจะไม่เป็นไรมากหรอกมั้ง"คนผู้นั้นตายยากจะตายคงจะไม่เป็นอันใดมากหรอก"จะกลับเลยหรือมาถึงขนาดนี้แล้ว"เป็นจางฉวนที่เข้ามาเอ่ยก่อน เพราะเห็นว่านายหญิงกำลังจะหันตัวกลับไปทั้งที่มาถึงเรือนแล้วแท้ ๆ"…"มู่จื่อเหมยไม่ได้ตกใจที่เจอคนผู้นี้ แต่ที่นางตกใจคืออีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรว่านางมาที่นี่"นายท่านอยากเจอนายหญิงมากนะขอรับ แต่เพราะร่างกายสาหัสเกินไปไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะ…""ข้าไม่ใช่นายหญิงของเจ้าอย่าเรียกข้าเช่นนี้อีก"มู่จื่อเหมยตกใจที่จางฉวนเอ่ยเรียกนางเช่นนั้น เพราะว่าตำแหน่งนี้นางเคยอย







