LOGINความเงียบก่อกำเนิด หลังฉันพรั่งพรูความคิดตัวเองออกไปจนหมดสิ้น แขนแกร่งคู่นั้นของเขากอดรัดร่างฉันแน่น แผ่นอกเขาแนบชิดไปกับแผ่นหลังของฉัน สัมผัสได้ถึงแรงสั่นไหวในอกของเขา ก่อนเขาจะพูดออกมาแกมหัวเราะในลำคอ
“ยัยเด็กคนนี้...คิดเองเออเองแบบนี้มาตลอดเลยสินะ” เสียงของเขาอ่อนโยนและสั่นพร่า แถมยังใช้คางยีหัวฉันอีกครั้ง สองแขนที่กอดรัดฉันค่อย ๆ คลายออกก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างจับต้นแขนฉันและพลิกตัวให้ฉันหันไปหาเขา ความอุ่นร้อนที่แผ่ซ่านผ่านผิวกายจากปลายนิ้วเขาทำเอาฉันสะดุ้งวาบ
“งั้นมาพิสูจน์กันไหม ว่าพี่เป็นเกย์จริงรึเปล่า” ถ้อยคำของเขาเหมือนพานทำให้ฉันใจเต้น ‘พิสูจน์’ ที่พี่แทนพูดออกมามันคือแบบไหน เขาจะแสดงอะไรให้ฉันเห็นว่าเขาเป็นเกย์หรือไม่
“พิสูจน์? พิสูจน์ยังไงคะ” ฉันเอียงคอถาม จ้องมองเขาด้วยนัยน์ตาใสซื่อ คนตรงหน้ายกยิ้มมุมปาก ก่อนจะโน้มริมฝีปากทาบลงมาอย่างนุ่มนวล ราวกับไม่ลังเลใด ๆ ที่จะจูบผู้หญิงอย่างฉัน และที่สำคัญตอนนี้ ‘เขาไม่ได้เมา’
มือข้างหนึ่งของเขา ประคองท้ายทอยฉันอย่างอ่อนโยน ปลายนิ้วของเขากดแน่นราวกับกำลังควบคุมฉัน มันไม่ใช่เพียงจูบที่ประทับบนปาก หากแต่เป็นคำตอบที่เขาอยากพิสูจน์ให้ฉันเห็นโดยไม่มีคำพูดใด ๆ
ลมหายใจเราเริ่มรดใส่กันอย่างหนัก
“อื้อ...พี่แทน” เสียงของฉันหลุดครางออกมาเบา ๆ พร้อมกับลมหายใจรดถี่ ร่างกายถูกแรงดึงดูดของเขา พาให้ฉันล้มตัวลงนอนราบไปกับเตียงนุ่มหกฟุต
แสงไฟสีส้มที่หัวเตียง ทำให้ฉันเห็นพี่แทนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ที่กำลังคร่อมอยู่บนตัวฉัน กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ อันคุ้นเคย แทรกอยู่ในอากาศรอบ ๆ ไม่ว่าฉันจะหายใจกี่ครั้งก็ได้กลิ่นนี้ กลิ่นที่ทำให้รู้สึกโหยหา เป็นกลิ่นที่อยากดมทุกวัน
ตอนนี้สภาพแวดล้อมทำให้ฉันอยู่ในภาวะมึนเมา
‘ใช่แล้วฉันกำลังหลงอยู่ในอาการคลั่งรัก’
พี่แทนโน้มตัวจูบฉัน ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จูบกันจนหมดลม ก่อนจะคลายออกเพื่อหายใจแล้วจูบต่อ ทำแบบนั้นวนไปจนร่างกายฉันอ่อนล้าแทบไม่เหลือแรงจะต้านทาน
ปลายนิ้วของเขา ไล้ต่ำลงมาแตะที่แก้มของฉัน และขยับลงไปที่ลำคอ สัมผัสตอนนิ้วกรีดลงมา เล่นเอาฉันกระตุกตัวด้วยความสั่นวาบ จนหลับตาพริ้ม
“อย่าหลับตาสิ เดี๋ยวไม่เห็นตอนพี่ทำการพิสูจน์นะครับ พี่ตั้งใจจะทำให้คืนนี้หนูจำคำตอบไปชั่วชีวิต” เสียงเขาเหมือนคำขอแกมบังคับ สะกิดให้ฉันนิ่งสนิทและลืมตาขึ้นอย่างเชื่อฟัง ฉันมองหน้าเขาด้วยแววตาหยาดเยิ้ม และนั่นก็ทำให้ฉันได้เห็นนัยน์ตาของเขาในวันนี้ มันชัดเจนแจ่มแจ้ง มันเต็มด้วยแรงอารมณ์ แรงปรารถนา และเป็นคำยืนยันว่า คืนนี้เขาต้องการฉัน
สองมือของเขาเริ่มลูบไล้ไปทั่วร่างกายฉัน พร้อมกับปลดเปลื้องเสื้อผ้าของฉันอย่างชำนิชำนาญ ไม่นานนักร่างของฉันก็เปลือยเปล่าต่อหน้าเขา วินาทีนั้นจู่ ๆ ฉันก็เขินอายขึ้นมาเพราะสายตาที่เขาจ้องในวันนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน
ในครั้งนั้นแม้เขาจะบอกว่ามีสติ แต่ฤทธิ์เหล้าก็ทำให้เขาทำไปตามอารมณ์ไม่ได้มานั่งเพ่งเล็ง หรือจดจ้องร่างการกันขนาดนี้
แต่ตอนนี้สายตาเขาแทบจะเหมือนเสือที่รอกินเหยื่อ เขามองร่างกายฉันไปทุกส่วน ราวกับกำลังจดจำรูปร่างนี้ก่อนจะแลบลิ้นออกมาพานทำให้ฉันเสียวซ่าน วาบหวามสั่นไปทั้งตัว
“อย่ามองแบบนี้สิคะ” ฉันหดตัวยกแขนปกปิดร่างกายตัวเองไว้ โดยเฉพาะส่วนสงวนอย่างเขินอาย แต่เขากลับใช้มือแกร่งจับข้อมือฉัน แล้วรวบทั้งสองข้างไว้เหนือหัวโดยใช้เพียงมือเดียว ทำให้ร่างของฉันกลับมาเปลือยเปล่าต่อหน้าเขาอีกครั้ง
“อายเหรอครับ...ถ้ามิ้นคิดว่าพี่เป็นเกย์แล้วทำไมมิ้นต้องเขินด้วยล่ะ”
“มันก็...” พี่แทนโน้มใบหน้าใกล้ฉัน จนสัมผัสลมหายใจร้อนของเขาได้ นัยน์ตาเขาหลุบลงไปมองข้างล่าง ก่อนจะกลับมามองฉันอีกครั้ง
มือของเขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองออกบ้าง ตอนนี้จากที่ฉันตาเยิ้มฉ่ำ ก็แปรเปลี่ยนเป็นเบิกตาโพลง พอพี่แทนไม่เมาแล้วทำไมถึงแซ่บ อ่อย ยั่ว กันขนาดนี้ ฉันชักจะไม่ไหวแล้ว เขาเริ่มทำให้ฉันมั่นใจแล้วว่าเขาไม่ใช่เกย์ เพราะสายตาตอนนี้ของเขามันหื่นกระหายมาก แทบทำให้ฉันดูเหมือนลูกไก่ในกำมือ
ทีแรกฉันอยากจะพูดอะไรสักคำ อยากถามให้ชัดเจนว่าที่ผ่านมาเขาคิดยังไงกับฉันกันแน่ แต่เพียงเผยอปากไปนิด ริมฝีปากฉันก็บดกลืนหายไปกับจูบอีกครั้ง ทำให้ทุกคำถามที่ตั้งใจ ละลายหายไปกับการดื่มด่ำของราคะ
มือพี่แทนเริ่มซุกซน บีบเฟ้นก้อนเนื้อนุ่มคู่ใจฉันอย่างรุนแรงปลายนิ้วสัมผัสยอดถัน พานทำเอาร่างฉันกระตุกแอ่นอกรับกับสัมผัสนั้น
“พี่แทนตรงนั้นมัน...” ฉันร้องโอดครวญกับความวาบหวามที่ได้รับ มันเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ ยิ่งเรียวลิ้นร้อนนั้นละเลงลงไปตรงยอดถัน ยิ่งรู้สึกเสียววาบจะขาดใจตาย จนร้องเสียงครางออกมาก
“อ่าห์...พี่แทนอย่ากัดสิคะ”
“ก็ของหนูมันน่ากัด น่าดูดนิครับ” เขาไม่พูดเปล่าแต่กลับละเลงลิ้นร้อนและอุ้งปากนั้นไปทั่ว สติฉันฟุ้งเพ้อราวกับวิญญาณกำลังจะหลุดออกจากร่าง แต่แล้วก็รับรู้ได้ถึงปลายนิ้วของเขาที่เลื่อนจากหน้าอก ไปจดจ่อกับช่องทางรัก เพียงเริ่มแรกสัมผัสก็ทำให้ความรู้สึกกระตุ้นเส้นประสาทไปทั่วร่างกาย
“อ่ะ...พี่” ฉันหลุบตาลงไปมอง ก่อนจะพบว่านิ้วแกร่งของเขาค่อย ๆ ลอดผ่านเข้าไป
ในจังหวะที่ฉันเบิกตาโพลง ริมฝีปากเขาก็ประกบแนบจนฉันร้องไม่ออก ได้แต่ครางในลำคออู้อี้เบา ๆ ทั้งส่วนบน และ ส่วนล่างต่างถูกประโคมราคะให้อย่างถึงพริกถึงขิง จวบจนแปรเปลี่ยนจากนิ้ว เป็นแก่นกายของเขาที่มันมีขนาด...ทำให้ครั้งก่อนฉันเจ็บและอึดอัด มาตอนนี้ก็คงไม่ต่างกัน
“อ่ะ...เบา ๆ หน่อยสิคะพี่ อ่าห์...”
“หนูเรียกชื่อพี่หน่อยสิ...” เสียงแหบพร่า แถมแรงมือที่จับฉัน ยิ่งบีบแรงราวกับเขากำลังลืมตัว เรียวขาของฉันที่ถูกแยกกว้างไปก่อนหน้าถูกจับไปพาดไหล่เขาไว้ ก่อนเขาจะค่อย ๆ กดแก่นกายเข้ามา ความอึดอัดที่ได้รับทำเอาฉันต้องเม้มปากตัวเองแน่น แล้วตอนนี้ยังจะให้ฉันเรียกชื่อเขาอีกเนี่ยนะ
“อ่ะ...พี่แกล้งมิ้นอ่ะ” พอฉันไม่เรียกเขาก็กระทุ้งเข้ามาหนัก ๆ จนฉันอดกลั้นเสียงไว้ไม่ได้
“ไม่อยากให้แกล้งก็เรียกชื่อพี่สิครับ” เขาโน้มใบหน้าลงมา จรดหน้าผากกับหน้าผากฉัน ก่อนจะเลื่อนไปหอมแก้มหนึ่งฟอดใหญ่ พลางพ่นลมหายใจร้อนรดใบหูฉัน มันสะท้านจนฉันร้องครางชื่อเขาออกมาจริง ๆ
“พี่แทน...อ่าห์...”
“เสียงน่ารักจังครับ อยากได้ยินบ่อย ๆ จัง”
“พูดอะไรเนี่ย...อ่าห์...พี่แทน” เขาไม่หยุดให้ฉันได้พักหายใจเลย แล้วความรุนแรงที่ถาโถมประโคมเข้ามามันยิ่งกว่าครั้งก่อนเป็นไหน ๆ ตอนเมาเขายังนุ่มนวลพิถีพิถันบรรจงฉันอย่างเนิบช้า แต่ตอนนี้ทั้งที่มีสติดี กลับโถมแรงใส่ไม่ยัง แถมฉันยังรู้สึกได้ว่า เขาทั้งขบ เม้ม ดูดราวกับจับจองร่างกายฉันไปทุกส่วน ดีนะว่าฉันงดรับงานแสดงยาวหนึ่งเดือน ไม่งั้นเข้ากองหลังร่วมรักแบบนี้ มีหวังโดนจับได้เอาไปเม้าท์ในกองแน่ ๆ
“พี่แทน...ฉันจะไม่ไหวแล้ว อ่ะ..อ่ะ”
“อื้ม...ฮึ่ก” เขาไม่พูดอะไร ฉันได้ยินเพียงเสียงครางในลำคอเบา ๆ พร้อมกับแรงสับสะโพกของเขาที่มันรุนแรงขึ้นราวกับกระหน่ำเฮือกสุดท้าย ฉันเม้มปากตัวโยกไปมา มือกำผ้าปูแน่นพลางร้องออกมาอย่างโหยหวนไม่เก็บอะไรทั้งนั้น
“อ่าห์....” ร่างฉันกระตุกแรงจนยกมือไปจิกแขนเขา ในขณะที่เขาก็กระหน่ำเฮือกสุดท้ายก่อนจะกระตุกตัวแรงจนใช้สองมือรวบตัวฉันกอดแน่น ความอุ่นวาบ ๆ ในช่องทางรักทำให้ฉันรู้สึกได้ ดีที่ว่ายังมียางบาง ๆ กั้นอยู่
‘แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก’ เสียงหอบหายใจแรงรดใส่กัน สภาพฉันคือนอนคว่ำแผ่บนเตียง ส่วนคนตัวโตนอนทับร่างฉัน มันก็หนักอยู่หรอก แต่ฉันก็ชอบนะรู้สึกรุ่มร้อนดี
“เหนื่อยจัง” ฉันเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบาบางอย่างหมดแรง มือของเขาวางอยู่ที่แก้มฉันเนิ่นนาน ราวกับตอกย้ำให้แน่ชัดว่าไม่ใช่ความฝัน ความอบอุ่นจากปลายนิ้วที่ไล้ไปตามใบหน้าอยู่นั้น ทำเอาฉันยิ้มและไม่คิดจะต่อต้านความรู้สึกอีกต่อไป ฉันขยับเล็ก ๆ เพราะอยากมองเขา แววตาเขาที่กำลังมองฉันอยู่มันดูจริงจัง ลึกซึ้ง ในขณะที่มองฉันมา
“เหนื่อยมากเหรอครับ” เสียงทุ้มละมุนนั้นเอ่ยเรียก พลางขยับออกจากการทับร่างฉันไปซ้อนหลังฉัน พร้อมกับโอบรัดฉันแทน
เขาพรมจูบซอกคอฉันยกใหญ่จนฉันรู้สึกจั้กจี้
“ฮ่า...พี่แทนมันจั้กจี้ค่ะ” ฉันดิ้นไปมา ก่อนจะหันหน้าไปเผชิญเขา แรงแขนยิ่งกอดรัด ยิ่งทำให้หน้าอกฉันแนบราบไปกับตัวเขาจนมันเสียรูปทรง
“ก็พี่ห้ามใจไม่ได้นิครับ พี่อยากให้หนูรู้ว่า...พี่ต้องอดทนขนาดไหนกว่าจะมีวันนี้ได้” คำพูดนั้นของเขา จุดความอยากรู้อยู่กลางอก ‘อดทน’ อะไรกัน พี่แทนอดทนเรื่องอะไร
“อดทน? พี่แทนเนี่ยนะคะที่ต้องอดทน พี่หมายถึง…” ฉันเลิกคิ้วเงยหน้ามองคนที่แนบเนื้อฉันอยู่
“ครับ...พี่ชอบมิ้นมากนะครับ ชอบมานานแล้วตั้งแต่สมัยเรียน”
“คะ? พูดจริงรึเปล่าคะ”
“จริงสิครับ”
“พี่ไม่ได้เป็นเกย์จริง ๆ เหรอ”
“เด็กดื้อ...ยังจะเกย์อะไรอีก” เขายกมือมาเขกหัวฉันเบา ๆ
“เจ็บนะคะ”
“ก็ใครใช้ให้พูดว่าพี่เป็นเกย์อยู่ได้ หนูโดนพี่เอาขนาดนี้ยังคิดว่าพี่เป็นเกย์อีกเหรอ”
“ก็มันคิดแบบนี้มาตลอดนี่นา แต่ไม่เป็นไรค่ะ ต่อให้สมองอันน้อยนิดของมิ้นจะยังมีภาพจำว่าพี่เป็นเกย์ หนูก็รักพี่ค่ะ มิ้นอยากให้พี่เป็นเกย์ในสายตาคนอื่นนะ เพราะว่ามิ้นจะได้เติมเกย์ได้คนเดียวแบบนี้ไง...ฮี่ฮี่” ฉันพูดทำหน้ามุ่ยแต่ก็ยิ้มให้เขา เขาโน้มหน้าลงมาอีกครั้ง จุมพิตลงหน้าผากฉันเบา ๆ
“ยัยเด็กคนนี้” พี่แทนส่ายหน้าเล็กน้อยในความคิดแผลง ๆ ของฉัน จากนั้นสองมือของเขาก็กอบกุมใบหน้าของฉันอีกหนให้ไปมองเขา “แล้วเป็นไง ชอบการพิสูจน์เกย์ครั้งนี้หรือเปล่า”
“ชอบค่ะ...ชอบสุด ๆ ไปเลย”
“งั้น มาเริ่มใหม่อีกสักรอบครับ”
“ว๊าย! อุปส์” คราวนี้ไม่มีการลังเลใด ๆ ริมฝีปากทาบลงบนริมฝีปากฉันด้วยแรงอารมณ์ที่ไหลไปตามธรรมชาติของเราสอง เร่าร้อน ลึกซึ้ง และเต็มไปด้วยความหมายที่ต้องการกันและกัน
ราวกับกำลังสำรวจทุกส่วนของฉันใหม่อีกครั้ง อ่อนโยนแต่ก็ร้อนแรง ลมหายใจรดแรงขึ้นตามจังหวะสัมผัส ฉันรู้สึกถึงแรงเต้นของหัวใจตัวเองที่สั่นสะท้านอีกครั้ง
ปลายนิ้วของเขาไล้ไปตามแขนช้า ๆ ราวกับกำลังขีดเขียนคำสารภาพรักแบบที่ใช้หัวใจทั้งดวง มือฉันสอดเข้าไปใต้ร่างเขา ดึงรั้งไว้แน่น ปลายลิ้นเริ่มซุกซนอยากสำรวจโพรงปากของชายตรงหน้าอย่างใจกล้า และตอนนั้นแหละที่ฉันเห็นเขายกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ ฉันไม่ลังเลอะไรอีกต่อไปแล้ว ฉันรักพี่แทน ฉันอยากครอบครองเขา และฉันก็พร้อมให้เขาครอบครองฉันเช่นกัน
ห้องรับรองหลังฉากในสตูดิโอรายการ ‘4 แซ่บบันเทิง’ แม้จะเย็นฉ่ำจากแอร์ แต่มันก็ไม่สามารถดับความประหม่าในใจฉันได้เลยสักนิด“พี่...แน่ใจเหรอ ว่าเราควรมานั่งให้สัมภาษณ์แบบนี้ มันจะไม่โหนกระแสไปหน่อยเหรอคะ” ฉันหันไปกระซิบถามพี่แทนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลางจับมือเขาแน่นจนชื้นเหงื่อ“แน่ใจสิครับ ไหน ๆ ก็เปิดตัวแล้ว เราก็ควรจะไปให้สุด” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างใจเย็นใจ ฉันพ่นลมหายใจยาวใช้หลังมืออีกข้างแตะหน้าผากตัวเองเบา ๆ ได้แต่ภาวนาให้ฉันอย่าหลุดพูดอะไรแปลก ๆ เลยเถอะ“อีกสิบนาที เตรียมตัวนะคะ” หนึ่งในทีมงานเดินเข้ามาแจ้ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเกร็งนะคะคุณมิ้น แฟน ๆ ตอนนี้ยอดคนดูรอแล้วกว่าแสนคน” ฉันพยักหน้ารับ ขณะที่พี่แทนหันมากระซิบข้างหูกันเบา ๆ“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่อยู่ตรงนี้ตลอด” แม้หัวใจฉันจะเต้นแรง แต่เพียงเขาพูดแค่นี้ก็ทำให้ฉันสงบลงได้ ใช่...ต่อจากนี้เราจะไม่ต้องแอบ ไม่ต้องหลบ และปิดบังอีกต่อไป(หน้าฉากสตูดิโอ รายการ 4 แซ่บบันเทิง)“ว้าว...ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้นั่งสัมภาษณ์สองคนนี้ในฐานะ ‘คู่รัก’ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับความรักครั้งนี้ด้วยนะคะ คุณแทนและคุณมิ้น”
นาฬิกาชีวิตปลุกให้ฉันตื่นขึ้นอัตโนมัติ กิจกรรมร่วมรักบนเตียงเมื่อคืนส่งผลให้ความปวดร้าว หนักหน่วงคืบคลานไปทั่วร่างแม้จะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ฉันก็ยังขยับตัวลำบาก เนื่องจากสองแขนแกร่งของคนนอนข้างกายยังคงรัดแน่นไม่ยอมปล่อยราวกับกลัวว่าฉันจะหนีหายไปพี่แทนยังคงหลับสนิท ฉันหันไปจ้องหน้าเขาชัด ๆ ยิ่งมองยิ่งรู้สึก...หล่อจนใจสั่น ไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่หัวใจที่เขามอบให้ฉันก็รับรู้ได้ทั้งหมดเขานอนตะแคงหันหน้ามาทางฉัน มือหนึ่งยังพาดอยู่บนเอวฉัน“โธ่เอ้ย...พอหลับแล้วไม่เห็นจะดูเจ้าเล่ห์เลยนะ” ฉันยิ้มพึมพำเบา ๆ ขณะใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าหล่อเขาให้เห็นเด่นชัดฉันเอี้ยวตัวอย่างเบามือ ให้ตัวแนบชิดกับเขามากกว่าเดิม ซบหน้าลงกับอกแกร่งฟังเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงอยู่“เมื่อวานที่หนูบอกว่า...ไม่อยากแพ้พี่” ฉันกระซิบเบา ๆ กับตัวเอง “ไม่ใช่เพราะหนูอยากเอาชนะ” ฉันยิ้มพลางขยับใบหน้าเบา ๆ เพื่อรับไออุ่นมากขึ้น “แต่หนูอยากให้พี่เห็นว่า หนูก็พร้อมมอบความรักให้พี่เช่นกันค่ะ”เขาขยับตัวเล็กน้อย มือที่กอดฉันไว้กระชับแน่นขึ้น ทำฉันสะดุ้งจนกระตุกวูบ“แกล้งหลับอยู่ใช่ไหมคะ...” ฉันแหงนหน้ามอ
ฉันยังชันเข่าอยู่ตรงหน้าเขาแบบนั้น แต่อารมณ์ในตอนนี้ไม่ใช่แค่นั่งเฉย ๆ อีกต่อไป สองเราลูบไล้และทอดนัยน์ตายั่วยวนกันและกัน โดยไม่มีใครยอมใครมือฉันแนบอยู่บนอกแกร่ง มือเขาแนบอยู่ที่แผ่นหลังฉัน พลางไล้นิ้วไปตามสันหลังก่อนจะหยุดตรงกลางหลังแล้วพยายามเร่งโน้มตัวฉันลงไปอีก แต่ฉันไม่ยอมหรอก“จะรีบร้อนทำไมคะ” ฉันกระซิบแหบพร่า พร้อมกดมือบนอกแกร่งเขาเบา ๆ จงใจถ่วงเวลาไว้พี่แทนยิ้มแฝงด้วยจิตวิญญาณนักล่าที่รู้ว่าคนตรงข้ามอย่างฉันกำลังเล่นเกมด้วยความรู้สึกเดียวกัน“ไม่ได้รีบร้อน แค่รู้สึกว่าถ้าพี่ปล่อยให้หนูคุมเกมมากกว่านี้ พี่อาจจะหมดแรงก่อนได้เริ่มจริง”“แปลว่าเริ่มกลัวหนูแล้วสินะ”“ไม่ได้กลัว...แค่ไม่ประมาทครับ” ฉันยกยิ้มมุมปากโน้มใบหน้าเข้าใกล้ใช้เรียวลิ้นร้อนไล้เลียไปตามแนวหลังใบหู สันกรามเบา ๆ ขณะที่มือฉันเริ่มเคลื่อนไปตามอารมณ์สอดเข้าในเรือนผมของเขาพลางขยุ้มเบา ๆเขาชะงักเล็กน้อยกับสัมผัสบางเบานี้“ถ้าเล่นแรงแบบนี้ พี่คงต้องเอาจริงแล้วนะครับ” ฉันยิ้มมุมปาก ขณะใช้มืออีกข้างลูบไปตามแนวแขนแกร่งเขา“ก็รออยู่นี่ไงคะ จะเอายังไงก็เชิญ พร้อมรับแรงกระแทกเสมอ” สิ้นคำสิ่งที่เขาตอบกลับมาคือการกดจูบอีก
“โอเคครับ กล้องพร้อม! ไฟพร้อม! แอคชั่น!” เสียงผู้กำกับดังขึ้นท่ามกลางกองถ่ายบ้านหรูปลีกวิเวกที่แสนสงบ เราสวมชุดนักแสดงเต็มยศ ฉันอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีฟ้าอ่อน พี่แทนอยู่ในชุดเชิ้ตขาวพับแขนกับกางเกงสแล็คเข้ารูปบรรกาศโดยรอบเงียบลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ของตน...ฉากที่เรากำลังจะถ่ายกันคือ ‘ฉากจูบแรก’ ของพระเอกและนางเอกในละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละครหลัก โดยก่อนหน้านี้มีแต่การปะทะอารมณ์และเข้าใจผิดมาโดยตลอด ‘ในการถ่ายทำชื่อตัวละครในเรื่อง คือชื่อพวกเราเลย แต่ในเมื่อคนเขียนบทอย่างพี่แทนเขียนมาแบบนั้น ฉันก็เออออไปตามนั้นแหละ’และตอนนี้ พี่แทนกำลังจะจูบฉัน“มิ้น...” เสียงเขาเรียกเบา ๆ ขณะยืนห่างฉันไม่ถึงฝ่ามือ นัยน์ตามีความลังเลปนกับความรู้สึกบางอย่าง“มิ้นรู้ไหม ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน พี่ไม่เคยหันไปมองใครอีกเลย” บทละครบอกให้ฉันต้องนิ่ง น้ำตาคลอ ตัวสั่นนิด ๆ และปล่อยให้เขาโน้มตัวเข้ามาช้า ๆ ฉันทำตามบททุกอย่างอย่างมืออาชีพ และที่สำคัญฉันใส่หัวใจตัวเองลงไปเล่นด้วยริมฝีปากของพี่แทนเคลื่อนเข้ามาใกล้ ใกล้จนฉันได้กลิ่นหอมจาง ๆ จา
หลังกลับมาจากการพักผ่อน ชีวิตนักแสดงสาวก็เข้าสู่วังวนการทำงานที่คุ้นเคย ตอนนี้ชื่อเสียงของฉันทวีคูณมากขึ้น ตั้งแต่ฉันเปิดใจว่าจะรับบท ‘นางเอก’ ก็มีผู้ผลิตละครหลายเจ้ายื่นเสนอมาให้พิจารณาบทเป็นกอง แต่...เรื่องพวกนั้นเอาไว้ทีหลังก่อน เพราะการกลับมาเล่นบทนำในครั้งนี้ ยังไงซะฉันก็ตัดสินใจจะเล่นให้กับละครที่แฟนของฉันเขียนขึ้นมาก่อนวันนี้เป็นวันแถลงข่าวเปิดตัวนักแสดงนำของละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง อย่างเป็นทางการ ฉันมาในชุดเดรสสีดำ ผมชมพูฟาร่าลอนสวย ชนิดที่เดินผ่านคนไหนก็ต้องเหลียวหันมามอง อาจเป็นเพราะก่อนหน้าฉันรับแต่บทตัวประกอบเวลามีงานแถลงข่าวก็ไม่ได้ถูกเชิญขึ้น“พี่กรีน พี่พอรู้รึเปล่าว่าเรื่องนี้ ใครรับบทพระเอก” ฉันหันไปถามผู้จัดการส่วนตัว เอาจริงนะ ฉันไม่รู้อะไรเลยว่าใครแสดงบ้าง บทจริงยังไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่เพราะมั่นใจในตัวพี่แทน ฉันเลยไม่ได้ซีเรียสอะไร“ไม่รู้สิ ผู้ผลิตเขาไม่ได้แจ้งอะไรเพิ่มเติมมาเลย ลึกลับมาก”“งั้นเหรอคะ” ฉันเลิกคิ้ว แต่สุดท้ายก็เลิกที่จะสนใจมันไปไม่นานนัก มีทีมงานเรียกให้ฉันเตรียมพร้อมรอขึ้นเวทีอยู่ด้านข้าง“เรียนสื่อมวลชนทุกท่าน กรุณาเตรียมกล้องให้พร้อมนะครับ เ
เสียงนกร้องเบา ๆ จากยอดไม้ข้างนอกดังลอดเข้ามาในเต็นท์ ทำให้เปลือกตาฉันที่หลับสนิทค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา วินาทีแรกที่ได้กลิ่นไอดินปะปนกับกลิ่นหญ้าเปียกหลังฝนจางเมื่อคืนที่ผ่านมา ความสดชื่นก็แผ่ไปทั่วร่างร่างฉันยังซุกแนบอยู่ในอ้อมกอดพี่แทน ใบหน้าแนบชิดกับอกแกร่งอย่างเคยใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่รินรดบนหัว เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกได้ว่าหลับสนิทมากเพียงใดฉันขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่กล้าเปลี่ยนท่าทางมาก เพราะกลัวจะรบกวนการนอนของเขา แต่ก็ได้แค่คิด...“หนาวเหรอ?” เสียงทุ้มงัวเงียกระซิบชิดข้างหูฉัน ฉันเงียบไปอึดใจก่อนจะส่ายหน้าเล็ก ๆ แล้วตอบกลับเบา ๆ“เปล่าค่ะ...แค่ยังไม่ชินปกตินอนคนเดียวมาตลอด” พี่แทนขยับตัวเล็กน้อยสองแขนกอดรัดฉันแน่นขึ้น“ก็ทำให้ชินสิครับ” เขาขยับหัวมาแนบแก้มนุ่มฉัน ริมฝีปากแตะหน้าผากอย่างแผ่วเบาก่อนพึมพำต่อ “ถ้าเราตื่นมาแบบนี้พร้อมกันทุกวันก็ได้นะ ถ้าหนูไม่เบื่อ”ฉันยิ้มมองใบหน้าคมที่ปรือตามองฉันเพราะเพิ่งตื่นนอน“หนูไม่เบื่อหรอกค่ะ แต่กลัวว่าจะเป็นพี่มากกว่าที่เบื่อก่อนหนูก็ได้” ฉันพูดจบเขาก็ลากนิ้วไล้กรอบหน้า ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากฉัน“ทั้งที่เพิ่







