LOGINแสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามา ฉันที่ไม่รู้ว่าคืนที่ผ่านมาหลับไปตอนไหน บรรยากาศที่ควรสดชื่น กลับยังอบอวลไปด้วยกลิ่นอายความอบอุ่นจากร่างกายเราสอง
แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ฉันตื่นขึ้นมาด้วยร่างกายที่ปวดร้าวและล้าไปทั้งตัวมากกว่าครั้งก่อนหลายเท่า ความหนักของแขนแกร่งที่โอบรอบเอว เสียงลมหายใจรดถี่จรดท้ายทอย พานทำให้ฉันแทบไม่กล้าขยับตัว
“ตื่นเช้าจังครับ” เสียงทุ้มแหบกระซิบข้างหูฉัน พร้อมสัมผัสปลายจมูกที่แตะลงมาเบา ๆ ตรงท้ายทอยอย่างอ่อนโยน ฉันขยับตัวเล็ก ๆ แต่ไม่กล้าหันกลับไปมองตรง ๆ เพราะตอนนี้เขากำลังใช้ริมฝีปากคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอ และนั่นทำให้ลมหายใจฉันสะดุด
“พี่แทน! พอได้แล้ว เช้าแล้วนะ” แม้คำพูดฉันเหมือนคำตะโกน แต่จริง ๆ มันก็เบาแทบไม่เป็นเสียง
“เช้าแล้วก็จริงครับ แต่ใจพี่ยังอยู่ที่เมื่อคืนน่ะ” เสียงเขาเหมือนแฝงคำหยอกล้อ แต่ปลายนิ้วกลับไล้ผิวเบา ๆ จากเอวขึ้นมาตามแนวสันหลังของฉัน มันอ่อนโยนจนฉันเผลอเกร็งไหล่
‘ฉันจะปล่อยให้เขาทำอะไรกับร่างกายฉันตามใจชอบแบบนี้ไม่ได้’
ฉันหันกลับไปหาเขา แววตาคู่นั้นยังคงเต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่ดูไม่น้อยไปกว่าเมื่อคืนเลย และฉันก็รู้ว่า...ถ้าปล่อยให้เขามองแบบนี้ ฉันคงเละตุ้มเป๊ะคาห้องแน่
“เมื่อคืน พี่ยังไม่เหนื่อยอีกเหรอคะ” ฉันถามเบา ๆ เพื่อเบี่ยงประเด็น แต่เขากลับเลื่อนตัวขึ้นมาแนบหน้าฉัน พร้อมกระซิบว่า
“เหนื่อยครับ แต่มันยังไม่พอ”
“ฮ่า...แต่มิ้นไม่ไหวแล้วค่ะ ทั้งเหนียวตัว ทั้งหิวข้าว” ฉันหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะซบใบหน้าเข้ากับอกเขา พี่แทนโอบฉันไว้แน่น แล้วหอมหัวราวกับต้องการปลอบประโลมและครอบครองไปพร้อมกัน
“งั้นไปอาบน้ำกันครับ”
“เฮ้ย! เดี๋ยวสิพี่แทน” เขาอุ้มฉันลุกขึ้นจากเตียง แม้ฉันจะพยายามดิ้นเบา ๆ ด้วยความเขิน แต่เขาก็เพิ่มแรงแขนรัดตัวฉันแน่น พาฉันตรงไปยังห้องน้ำโดยไม่ยอมให้ฉันหลุดออกจากอ้อมแขนเขาแม้แต่น้อย
เมื่อมาถึงในห้องน้ำ เขาวางฉันลงในอ่างอาบน้ำก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“พี่อาบให้ครับ” เขาพูดสั้น ๆ ขณะเปิดน้ำอุ่น ๆ จากฝักบัว พี่แทนคุกเข่าข้างอ่าง ใช้มือรองน้ำขึ้นลูบไปตามผิวฉันเบา ๆ จนฉันแทบกลั้นหายใจ ฟองสบู่ถูกพอกไปตามตัวด้วยมือหนาของเขา ปลายนิ้วเขาปาดผ่านอย่างนุ่มนวล ละมุน จนฉันรู้สึกผ่อนคลาย
“ไม่เคยคิดเลยนะว่าพี่จะถนัดอะไรแบบนี้ สบายตัวจัง” ฉันแซวแก้เขิน ทำเอาพี่แทนหัวเราะเบา ๆ
“อาบน้ำให้คนที่ชอบ ก็เลยอยากทำให้ดีที่สุดครับ” เสียงหัวใจของฉันเหมือนจะดังเกินกว่าจะซ่อนไว้ภายใน ทำไมคำพูดเขาแพรวพราวมากขนาดนี้
เสียงน้ำไหลผ่าน ดังกลบความเงียบในห้องน้ำ กลิ่นสบู่ลอยอวลในอากาศ หลังจากที่พี่แทนฟอกสบู่ให้ฉันเสร็จ
ตอนนี้ฉันเปลี่ยนมานั่งพิงอยู่ขอบอ่างใต้ฝักบัว มือสองข้างกอดเข่าตัวเองไว้ แก้มสองข้างร้อนผ่าว เพราะนัยน์ตาของเขาเอาแต่จ้องมองฉันไม่กะพริบตา ราวกับโลกนี้มีฉันคนเดียว
‘ฉันไม่ได้มโนนะ มันรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ อ่ะ’
พี่แทนทรุดตัวลงนั่งด้านหลังฉัน มือใหญ่นุ่มแนบลงบนหัวอย่างระมัดระวัง
“เงยหน้าหน่อยครับ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ย ฉันเองก็ทำตามอย่างว่าง่าย เงยหน้าขึ้นนิด รู้สึกถึงปลายนิ้วของเขาที่สอดเข้ามาในเส้นผม หลังชโลมแชมพูกลิ่นหอมที่ฉันใช้ประจำ เขาลูบไล้อย่างอ่อนโยนเนิบช้าอย่างเบามือ
“เส้นผมของหนู นุ่มกว่าที่คิดนะครับ” เขาพึมพำออกมา แน่ล่ะว่าเส้นผมก็เป็นส่วนหนึ่งที่ฉันภูมิใจมาก ไม่งั้นจะรับงานโฆษณาแชมพูชื่อดังได้ไงล่ะ อิอิ
“แน่นอนสิคะ มิ้นใช้แชมพูและครีมนวดบำรุงอย่างดีมาตลอดเลยนะ” ฉันตอบไปตามจริง แต่เขากลับหัวเราะยิ้มมุมปากเฉย ทำเอางง
“ไม่ใช่แค่แชมพูครีมนวดหรอก เพราะมิ้นดูแลตัวเองดีมากต่างหาก มันจึงนุ่มทั้งข้างนอกและข้างใน”
“พี่แทน พี่พูดผิดแล้วค่ะ ต้องพูดว่า มันจึงนุ่มทั้งภายนอกและภายใน พูดแบบนั้นสื่อความหมายผิดได้นะ”
“ไม่ผิดหรอกครับ พี่พูดจริง ๆ ก็เมื่อคืนพี่ก็สัมผัสมันมาแล้ว ข้างในมันก็นุ่มและแน่นจริง ๆ”
“พี่แทน!” ไม่อยากจะคิดเลยว่าแค่ผ่านคืนเดือดมาแปบเดียว พี่แทนจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ เขาพูดทำเอาฉัน อยากจะซ่อนตัวมุดอยู่ในอ่างน้ำให้มันจบ ๆ แทนที่ต้องมานั่งฟังประโยคที่ทำให้คิดไปไกลแบบนี้
เขาใช้นิ้วมือสางผมฉันอย่างตั้งใจ ชำนาญราวกับเคยทำมาเป็นร้อยครั้ง ทั้งที่ฉันมั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนจะมาสระผมให้คนอื่นง่าย ๆ แน่ ๆ
ละอองน้ำอุ่นไหลชะล้างเส้นผมของฉันที่เต็มไปด้วยฟอง ฝ่ามือใหญ่ของเขาลูบเบา ๆ ไปตามเส้นผมแต่ละฝั่ง ทำให้ฉันอยากจะหลับตาอยู่ตรงนี้อีกนาน ๆ จัง เพราะมันสบายสุด ๆ ยิ่งกว่าเข้าไปสระผมที่ร้านอีก
“พี่” ฉันเผลอเรียกชื่อเขาด้วยเสียงแผ่วเบา
“หืม? ว่าไงครับ” เขาขานรับ แต่ฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ได้แต่ส่ายหน้าช้า ๆ พานให้พี่แทนสับสน
เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ ๆ มือที่กำลังลูบเส้นผมหยุดนิ่ง ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะประทับลงหัวฉันเบา ๆ
ฉันเงยหน้าขึ้นช้า ๆ เพื่อสบตากับเขา วินาทีที่เห็นประกายนัยน์ตาคู่นั้น ฉันก็รู้สึกเหมือนเวลารอบตัวได้หยุดนิ่ง ลมหายใจเขารินรดแก้มฉันเบา ๆ ก่อนที่มือของเขาจะเลื่อนจากหัวลงมาที่ท้ายทอย อย่างรู้จังหวะว่าฉันจะสะดุ้ง เพื่อไม่ให้ฉันถอยหนี
‘ใช่ค่ะ...ฉันก็ไม่ได้ขยับหนีเลยแม้แต่นิดเดียวเช่นกัน’
ริมฝีปากเขาจ่ออยู่ตรงหน้า ฉันมองนัยน์ตาคมที่ทอดมองมาเหมือนจะกลืนกินกันในวินาทีนั้น
“ขอจูบได้ไหม” เขาถามเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงไม่เร่งเร้า แต่กลับเม้มปากเย้ายวนให้ได้เห็น จนฉันเผลอกลั้นหายใจ ฉันไม่ได้ตอบ...แต่กลับพยักหน้าไปตามความรู้สึกแทน รอยยิ้มมุมปากของเขาฉายเด่นชัด ก่อนจะค่อย ๆ โน้มตัวลงมาทาบริมฝีปากอย่างตั้งใจ
‘อาจดูจูบบ่อย แต่ฉันชอบรสจูบเขามากนะ’
เขาจูบฉันช้า ๆ ราวกับเวลาทั้งหมดในโลกถูกชะลอไว้ให้เราสองคน เสียงน้ำจากฝักบัวไหลลงชโลมร่างสองเรา ฉันหลับตา ปล่อยให้อารมณ์ไหลไปตามแรงดึงดูดที่อ่อนโยนแต่ดุดัน
ฉันรู้สึกถึงมือเขาค่อย ๆ กอบกุมหน้าด้วยความทะนุถนอม และอีกมือที่ประคองแผ่นหลังราวกับกลัวว่าฉันจะหลุดหายไปจากอ้อมแขน
“พี่” ฉันพึมพำเบา ๆ ตอนริมฝีปากเขาผละออกไปนิดเพื่อให้เราหายใจ แต่เขากลับทาบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง คราวนี้ลึกซึ้งขึ้น ลิ้นสากของเขาดุนดันผ่านเข้ามากวัดเกี่ยวลิ้นบางของฉันอย่างรุกล้ำ ปลายนิ้วของเขาไม่นิ่งเฉยลูบไล้ตามแนวเรียวหน้า ไล่ลงมาถึงลำคออย่างนุ่มนวล แล้วไหล่ของฉันก็ถูกดึงเข้าหาอกเขาช้า ๆ ตัวเราเปียกปอนแนบชิดอุณหภูมิน้ำแม้จะเย็นสบาย แต่ความร้อนจากร่างกายเราก็กลบมันหมด
“พี่ไม่อยากให้มิ้นคิดว่าพี่เป็นเกย์เลยนะ” เขากระซิบข้างหูฉัน เสียงนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ที่แฝงไปด้วยความสุข ฉันกลั้นลมหายใจ แล้วจับเอวเขาไว้แน่น
“แล้วทำไมพี่ไม่บอกมิ้นละคะ ว่าไม่ได้เป็นเกย์ ทำไมถึงปล่อยให้มิ้นเข้าใจผิดอยู่แบบนั้น” เขาหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วพูดต่อทั้งที่หน้าผากเรายังแนบชิดกัน
“เพราะพี่กลัวว่าถ้าบอกไป มิ้นจะหนีพี่ จะระวังตัวกับพี่ครับ”
“จะหนีได้ไงกัน นี่ขนาดคิดว่าพี่เป็นเกย์มิ้นยังยอมกระโจนเข้าหาพี่ขนาดนี้ ถ้าพี่บอกว่าพี่ไม่ใช่เกย์แต่แรก อาจจะเป็นมิ้นนี่แหละที่จะตะครุบพี่ก่อน” สิ้นคำเขาก็จับฉันจูบอีกครั้ง คราวนี้ไม่อ่อนโยนมีเพียงความรุนแรง ร้อนแรง หนักหน่วง บดเบียดขนาดที่เรียวปากแทบถูกกลืนกิน แต่คนอย่างยัยมิ้นที่เผ็ดไม่แพ้กันจะยอมแพ้ได้ไง โดนรุกมาก็รุกกลับสิคะ ของดีมาให้ประเคนซะขนาดนี้จริงไหม
เมื่อจูบแล้วจูบอีกจนพอใจ ‘แทบปากเปื่อย’ เขาก็หยิบผ้าขนหนูพันตัวฉัน แขนแกร่งค่อย ๆ สอดใต้เข่าฉันกับแผ่นหลัง แล้วช้อนขึ้นทั้งร่างอย่างมั่นคง ความเย็นเล็ก ๆ ของอากาศยามเช้าด้านนอกพาดผ่านผิว ทำเอาขนลุกชันจนฉันเผลอกำเสื้อคลุมของเขาไว้แน่น พยายามซ่อนใบหน้าร้อนผ่าวไว้กับไหล่เขา
“พี่จะอุ้มมิ้นทำไมคะ ห้องน้ำแค่นี้เดินเองก็ได้” เสียงฉันสั่นเล็กน้อยเพราะมันน่าอายจะตาย ที่ต้องทำตัวอ่อนแอปานฟ้าให้เขาดูแลราวคนป่วยแบบนี้
พี่แทนหัวเราะไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพรมจูบ...จูบ...แล้วก็จูบไปทั่วหน้าฉัน ในขณะเดินไปทางเตียงด้วยอย่างมั่นคง
เขาวางฉันบนเตียงอย่างเบามือ เสียงลมหายใจเขายังคงรดใกล้ใบหน้าฉัน จนฉันไม่กล้าลืมตามอง
“ยังกลัวพี่อยู่ไหม” เขากระซิบใกล้ ๆ ฉันส่ายหน้าเบา ๆ
“ไม่กลัวแล้วค่ะแถมยังอยากเข้าใกล้พี่ให้มากขึ้นอีกต่างหาก” ฉันพูดออกไปด้วยความใจกล้า ก็มันมาจากใจฉันนี่นา สองมือเขาบีบแก้มฉันเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยว
“พี่กลัวว่าหนูจะกลัวพี่มากนะ เพราะพี่รุกแรงขนาดนี้” เขายิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยนอีกครั้งก่อนจะพูดต่อ “พี่อยากให้หนูรู้ว่า...ทุกครั้งที่พี่สัมผัสหนู มันไม่ใช่เพียงอารมณ์ชั่ววูบ แต่มันคือความรักที่พี่ควบคุมไม่ได้ต่างหาก” เสียงเขาแผ่วลง แต่กลับดังสะท้อนอยู่ในอกฉันจนแทบคลั่ง
ฉันยันกายลุกขึ้นไปนั่งบนตักเขาทั้งที่ยังมีแค่ผ้าเช็ดตัวพันรอบ สองมือโอบรั้งคอเขาไว้ มองหน้าเขาที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ
“ถ้าพี่ยังทำให้มิ้นหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้ พี่ต้องรับผิดชอบนะ” น้ำเสียงฉันเหมือนหยอกปนยั่ว แต่นัยน์ตาฉันกลับแน่วแน่จริงจังมากนะ
“รับผิดชอบแน่นอนครับ” เขากระซิบด้วยเสียงนุ่มละมุน พร้อมดึงมือฉันหนึ่งข้างมาจูบ “และพี่ตั้งใจจะทำให้หนูรักพี่หลงพี่มากกว่านี้ด้วย”
ห้องรับรองหลังฉากในสตูดิโอรายการ ‘4 แซ่บบันเทิง’ แม้จะเย็นฉ่ำจากแอร์ แต่มันก็ไม่สามารถดับความประหม่าในใจฉันได้เลยสักนิด“พี่...แน่ใจเหรอ ว่าเราควรมานั่งให้สัมภาษณ์แบบนี้ มันจะไม่โหนกระแสไปหน่อยเหรอคะ” ฉันหันไปกระซิบถามพี่แทนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลางจับมือเขาแน่นจนชื้นเหงื่อ“แน่ใจสิครับ ไหน ๆ ก็เปิดตัวแล้ว เราก็ควรจะไปให้สุด” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างใจเย็นใจ ฉันพ่นลมหายใจยาวใช้หลังมืออีกข้างแตะหน้าผากตัวเองเบา ๆ ได้แต่ภาวนาให้ฉันอย่าหลุดพูดอะไรแปลก ๆ เลยเถอะ“อีกสิบนาที เตรียมตัวนะคะ” หนึ่งในทีมงานเดินเข้ามาแจ้ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเกร็งนะคะคุณมิ้น แฟน ๆ ตอนนี้ยอดคนดูรอแล้วกว่าแสนคน” ฉันพยักหน้ารับ ขณะที่พี่แทนหันมากระซิบข้างหูกันเบา ๆ“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่อยู่ตรงนี้ตลอด” แม้หัวใจฉันจะเต้นแรง แต่เพียงเขาพูดแค่นี้ก็ทำให้ฉันสงบลงได้ ใช่...ต่อจากนี้เราจะไม่ต้องแอบ ไม่ต้องหลบ และปิดบังอีกต่อไป(หน้าฉากสตูดิโอ รายการ 4 แซ่บบันเทิง)“ว้าว...ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้นั่งสัมภาษณ์สองคนนี้ในฐานะ ‘คู่รัก’ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับความรักครั้งนี้ด้วยนะคะ คุณแทนและคุณมิ้น”
นาฬิกาชีวิตปลุกให้ฉันตื่นขึ้นอัตโนมัติ กิจกรรมร่วมรักบนเตียงเมื่อคืนส่งผลให้ความปวดร้าว หนักหน่วงคืบคลานไปทั่วร่างแม้จะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ฉันก็ยังขยับตัวลำบาก เนื่องจากสองแขนแกร่งของคนนอนข้างกายยังคงรัดแน่นไม่ยอมปล่อยราวกับกลัวว่าฉันจะหนีหายไปพี่แทนยังคงหลับสนิท ฉันหันไปจ้องหน้าเขาชัด ๆ ยิ่งมองยิ่งรู้สึก...หล่อจนใจสั่น ไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่หัวใจที่เขามอบให้ฉันก็รับรู้ได้ทั้งหมดเขานอนตะแคงหันหน้ามาทางฉัน มือหนึ่งยังพาดอยู่บนเอวฉัน“โธ่เอ้ย...พอหลับแล้วไม่เห็นจะดูเจ้าเล่ห์เลยนะ” ฉันยิ้มพึมพำเบา ๆ ขณะใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าหล่อเขาให้เห็นเด่นชัดฉันเอี้ยวตัวอย่างเบามือ ให้ตัวแนบชิดกับเขามากกว่าเดิม ซบหน้าลงกับอกแกร่งฟังเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงอยู่“เมื่อวานที่หนูบอกว่า...ไม่อยากแพ้พี่” ฉันกระซิบเบา ๆ กับตัวเอง “ไม่ใช่เพราะหนูอยากเอาชนะ” ฉันยิ้มพลางขยับใบหน้าเบา ๆ เพื่อรับไออุ่นมากขึ้น “แต่หนูอยากให้พี่เห็นว่า หนูก็พร้อมมอบความรักให้พี่เช่นกันค่ะ”เขาขยับตัวเล็กน้อย มือที่กอดฉันไว้กระชับแน่นขึ้น ทำฉันสะดุ้งจนกระตุกวูบ“แกล้งหลับอยู่ใช่ไหมคะ...” ฉันแหงนหน้ามอ
ฉันยังชันเข่าอยู่ตรงหน้าเขาแบบนั้น แต่อารมณ์ในตอนนี้ไม่ใช่แค่นั่งเฉย ๆ อีกต่อไป สองเราลูบไล้และทอดนัยน์ตายั่วยวนกันและกัน โดยไม่มีใครยอมใครมือฉันแนบอยู่บนอกแกร่ง มือเขาแนบอยู่ที่แผ่นหลังฉัน พลางไล้นิ้วไปตามสันหลังก่อนจะหยุดตรงกลางหลังแล้วพยายามเร่งโน้มตัวฉันลงไปอีก แต่ฉันไม่ยอมหรอก“จะรีบร้อนทำไมคะ” ฉันกระซิบแหบพร่า พร้อมกดมือบนอกแกร่งเขาเบา ๆ จงใจถ่วงเวลาไว้พี่แทนยิ้มแฝงด้วยจิตวิญญาณนักล่าที่รู้ว่าคนตรงข้ามอย่างฉันกำลังเล่นเกมด้วยความรู้สึกเดียวกัน“ไม่ได้รีบร้อน แค่รู้สึกว่าถ้าพี่ปล่อยให้หนูคุมเกมมากกว่านี้ พี่อาจจะหมดแรงก่อนได้เริ่มจริง”“แปลว่าเริ่มกลัวหนูแล้วสินะ”“ไม่ได้กลัว...แค่ไม่ประมาทครับ” ฉันยกยิ้มมุมปากโน้มใบหน้าเข้าใกล้ใช้เรียวลิ้นร้อนไล้เลียไปตามแนวหลังใบหู สันกรามเบา ๆ ขณะที่มือฉันเริ่มเคลื่อนไปตามอารมณ์สอดเข้าในเรือนผมของเขาพลางขยุ้มเบา ๆเขาชะงักเล็กน้อยกับสัมผัสบางเบานี้“ถ้าเล่นแรงแบบนี้ พี่คงต้องเอาจริงแล้วนะครับ” ฉันยิ้มมุมปาก ขณะใช้มืออีกข้างลูบไปตามแนวแขนแกร่งเขา“ก็รออยู่นี่ไงคะ จะเอายังไงก็เชิญ พร้อมรับแรงกระแทกเสมอ” สิ้นคำสิ่งที่เขาตอบกลับมาคือการกดจูบอีก
“โอเคครับ กล้องพร้อม! ไฟพร้อม! แอคชั่น!” เสียงผู้กำกับดังขึ้นท่ามกลางกองถ่ายบ้านหรูปลีกวิเวกที่แสนสงบ เราสวมชุดนักแสดงเต็มยศ ฉันอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีฟ้าอ่อน พี่แทนอยู่ในชุดเชิ้ตขาวพับแขนกับกางเกงสแล็คเข้ารูปบรรกาศโดยรอบเงียบลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ของตน...ฉากที่เรากำลังจะถ่ายกันคือ ‘ฉากจูบแรก’ ของพระเอกและนางเอกในละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละครหลัก โดยก่อนหน้านี้มีแต่การปะทะอารมณ์และเข้าใจผิดมาโดยตลอด ‘ในการถ่ายทำชื่อตัวละครในเรื่อง คือชื่อพวกเราเลย แต่ในเมื่อคนเขียนบทอย่างพี่แทนเขียนมาแบบนั้น ฉันก็เออออไปตามนั้นแหละ’และตอนนี้ พี่แทนกำลังจะจูบฉัน“มิ้น...” เสียงเขาเรียกเบา ๆ ขณะยืนห่างฉันไม่ถึงฝ่ามือ นัยน์ตามีความลังเลปนกับความรู้สึกบางอย่าง“มิ้นรู้ไหม ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน พี่ไม่เคยหันไปมองใครอีกเลย” บทละครบอกให้ฉันต้องนิ่ง น้ำตาคลอ ตัวสั่นนิด ๆ และปล่อยให้เขาโน้มตัวเข้ามาช้า ๆ ฉันทำตามบททุกอย่างอย่างมืออาชีพ และที่สำคัญฉันใส่หัวใจตัวเองลงไปเล่นด้วยริมฝีปากของพี่แทนเคลื่อนเข้ามาใกล้ ใกล้จนฉันได้กลิ่นหอมจาง ๆ จา
หลังกลับมาจากการพักผ่อน ชีวิตนักแสดงสาวก็เข้าสู่วังวนการทำงานที่คุ้นเคย ตอนนี้ชื่อเสียงของฉันทวีคูณมากขึ้น ตั้งแต่ฉันเปิดใจว่าจะรับบท ‘นางเอก’ ก็มีผู้ผลิตละครหลายเจ้ายื่นเสนอมาให้พิจารณาบทเป็นกอง แต่...เรื่องพวกนั้นเอาไว้ทีหลังก่อน เพราะการกลับมาเล่นบทนำในครั้งนี้ ยังไงซะฉันก็ตัดสินใจจะเล่นให้กับละครที่แฟนของฉันเขียนขึ้นมาก่อนวันนี้เป็นวันแถลงข่าวเปิดตัวนักแสดงนำของละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง อย่างเป็นทางการ ฉันมาในชุดเดรสสีดำ ผมชมพูฟาร่าลอนสวย ชนิดที่เดินผ่านคนไหนก็ต้องเหลียวหันมามอง อาจเป็นเพราะก่อนหน้าฉันรับแต่บทตัวประกอบเวลามีงานแถลงข่าวก็ไม่ได้ถูกเชิญขึ้น“พี่กรีน พี่พอรู้รึเปล่าว่าเรื่องนี้ ใครรับบทพระเอก” ฉันหันไปถามผู้จัดการส่วนตัว เอาจริงนะ ฉันไม่รู้อะไรเลยว่าใครแสดงบ้าง บทจริงยังไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่เพราะมั่นใจในตัวพี่แทน ฉันเลยไม่ได้ซีเรียสอะไร“ไม่รู้สิ ผู้ผลิตเขาไม่ได้แจ้งอะไรเพิ่มเติมมาเลย ลึกลับมาก”“งั้นเหรอคะ” ฉันเลิกคิ้ว แต่สุดท้ายก็เลิกที่จะสนใจมันไปไม่นานนัก มีทีมงานเรียกให้ฉันเตรียมพร้อมรอขึ้นเวทีอยู่ด้านข้าง“เรียนสื่อมวลชนทุกท่าน กรุณาเตรียมกล้องให้พร้อมนะครับ เ
เสียงนกร้องเบา ๆ จากยอดไม้ข้างนอกดังลอดเข้ามาในเต็นท์ ทำให้เปลือกตาฉันที่หลับสนิทค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา วินาทีแรกที่ได้กลิ่นไอดินปะปนกับกลิ่นหญ้าเปียกหลังฝนจางเมื่อคืนที่ผ่านมา ความสดชื่นก็แผ่ไปทั่วร่างร่างฉันยังซุกแนบอยู่ในอ้อมกอดพี่แทน ใบหน้าแนบชิดกับอกแกร่งอย่างเคยใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่รินรดบนหัว เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกได้ว่าหลับสนิทมากเพียงใดฉันขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่กล้าเปลี่ยนท่าทางมาก เพราะกลัวจะรบกวนการนอนของเขา แต่ก็ได้แค่คิด...“หนาวเหรอ?” เสียงทุ้มงัวเงียกระซิบชิดข้างหูฉัน ฉันเงียบไปอึดใจก่อนจะส่ายหน้าเล็ก ๆ แล้วตอบกลับเบา ๆ“เปล่าค่ะ...แค่ยังไม่ชินปกตินอนคนเดียวมาตลอด” พี่แทนขยับตัวเล็กน้อยสองแขนกอดรัดฉันแน่นขึ้น“ก็ทำให้ชินสิครับ” เขาขยับหัวมาแนบแก้มนุ่มฉัน ริมฝีปากแตะหน้าผากอย่างแผ่วเบาก่อนพึมพำต่อ “ถ้าเราตื่นมาแบบนี้พร้อมกันทุกวันก็ได้นะ ถ้าหนูไม่เบื่อ”ฉันยิ้มมองใบหน้าคมที่ปรือตามองฉันเพราะเพิ่งตื่นนอน“หนูไม่เบื่อหรอกค่ะ แต่กลัวว่าจะเป็นพี่มากกว่าที่เบื่อก่อนหนูก็ได้” ฉันพูดจบเขาก็ลากนิ้วไล้กรอบหน้า ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากฉัน“ทั้งที่เพิ่







