LOGINเสียงทุ้มนุ่มกระซิบชิดข้างหู ทำให้ฉันถึงกับตัวแข็งทื่อ เพราะหัวใจเต้นแรงตึกตักไปหมด พี่แทนไม่ได้ก้มจูบ ไม่ได้เร่งรุกหรือทำอะไรฉัน เขาแค่กอดฉันแน่นอยู่ตรงหน้า หันมามองฉันด้วยแววตาที่นิ่งสงบ เป็นฉันเองที่ตอนนี้รู้สึกสั่นไปทั้งทรวง จนกลืนน้ำลายไปหลายอึก ฝืนยิ้มกลบความร้อนวูบวาบที่ร้อนผ่าวไปทั้งหน้า
“พี่คะ มันแค่บทในละครเองนะคะ พี่อย่าใส่ใจนักสิ”
“อืม” เขาพยักหน้าช้า ๆ มือยังคงลูบเบา ๆ บนไหล่ฉัน จนชุดนอนแสนบางหลุดไปกองตรงข้อแขน “พี่รู้ว่ามันคือบท แต่...ตอนที่เขาแตะมือหนูตอนซ้อม พี่เห็นหนูยิ้มนะครับ เหมือนเขาทำให้หนูเขินได้จริง ๆ พี่ไม่พอใจครับ”
“พี่แทน...” ฉันถอนหายใจ พยายามบอกตัวเองว่าเขาแค่พูดล้อเล่น “มันคือการแสดง พี่เองก็เคยบอกหนูไม่ใช่เหรอ
ว่าให้เล่นให้สุด เล่นให้เข้าถึงบทบาท เล่นให้คนดูเชื่อ ไงคะ”
“ใช่พี่บอกแบบนั้น” เสียงเขายังอ่อนโยนเหมือนเดิม แต่กลับพูดอะไรที่แฝงความหมายบางอย่าง
“พี่รู้ครับว่าหนูทำตามบท แต่พี่ยังไม่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าหนูคนนั้น เขาเล่นตามบทหรือคิดจริง”
ฉันขยับตัวถอยเล็กน้อยด้วยความงุนงง แต่เขากลับรั้งเอวฉันแน่นให้แนบชิดอีกครั้ง มืออุ่น ๆ นั้นค่อย ๆ เลื่อนเข้าใต้สาบเสื้อจับแผ่นหลังของฉัน สัมผัสร้อนจากฝ่ามือเขาทำให้ฉันตัวกระตุกวาปจนเด้งชิดเขาไปอีก
“พี่ไม่ได้ห้ามหนูทำงาน หรือเล่นบทแรง ๆ หรอกนะครับ” เขาก้มลงสบตาฉันจนหน้าผากเราสัมผัสกัน “แต่พี่แค่อยากให้รู้ว่า ต่อให้โลกจะเห็นหนูในจอคู่กับใคร แต่ข้างหลังฉาก ‘หนูเป็นของพี่คนเดียว’ เข้าใจไหม” เสียงเขาไม่ได้ดุ ไม่ได้รู้สึกเหมือนโดนคำสั่ง แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าฉันต้องฟังเขา จนฉันยังไม่รู้ตัวเลยว่าได้พยักหน้าเล็ก ๆ ไปแล้ว
ฉันเบือนหน้าหนีช้า ๆ เพราะรู้ดีว่าหากยังสบตาเขานานกว่านี้ ฉันต้องละลายเหลวเป็นน้ำแน่ ๆ
พี่แทนไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่นั่งนิ่ง ๆ ข้าง ๆ ปลายนิ้วเรียวยาวค่อย ๆ เลื่อนมาที่หลังมือฉัน ลูบอย่างแผ่วเบา และเขาก็ขยับตัวเล็กน้อย ค่อย ๆ เข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
ริมฝีปากร้อนของพี่แทนบรรจงสัมผัสเข้าแก้มนุ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหอมย้ำ ๆ จนรู้สึกแก้มร้อนฉ่าไปหมด ฉันหลับตาลงอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกเหมือนตัวเองค่อย ๆ จมหายไปในวังวนความเคลิบเคลิ้มที่เขามอบให้
มือของพี่แทนประคองใบหน้าฉัน อย่างนุ่มนวลพลางใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไปมาจนรู้สึกถึงความวาบหวาม
“พี่แทน” ฉันพึมพำเสียงแผ่ว แต่เขาไม่ได้ตอบกลับ แค่เลื่อนจูบมาตามแนวแก้มนุ่มเนียน จนมาหยุดที่ปลายคางของฉัน
สายตาเขายังคงจับจ้อง มองลึกเข้ามาในดวงตาใสของฉันเหมือนจะรู้หมดทุกอย่างว่าฉันคิดอะไรอยู่ และในช่วงเวลานั้นเอง ฉันรู้ว่าเขากำลังจะพูดอะไรออกมา
“ตรงนี้...” เสียงของเขาแหบพร่าแต่ยังชัดเจนอยู่ มือหนาข้างหนึ่งเลื่อนมาแตะที่หัวใจฉัน ก่อนเอ่ยบางคำออกมา“ของพี่...”
ฉันเผลอยิ้มออกมา และก่อนที่ฉันจะพูดตอบอะไรเขาไป ริมฝีปากของเขาก็ทาบลงมาแล้ว เขางับริมฝีปากฉันอย่างอ่อนโยน ทั้งเม้ม ดูด ดึงจนรู้สึกริมฝีปากฉันเผยอและหลุบเข้าไปในวงปากเขา ก่อนที่เขาจะคลายจูบแล้วจ้องเข้ามาในตาฉันอีกครั้ง
“หนูกลัวพี่รึเปล่า” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม
“จะกลัวทำไมคะ คนเคย ๆ นี่ แต่ว่า...ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดีค่ะ” ฉันเผลอตัวตอบออกไปตรง ๆ พอฉุกคิดได้ก็เล่นทำเอาอยากเบือนหน้าหนี แต่คนตรงหน้าก็ใช้มือหนาล็อกหน้าฉันไว้
“พี่ถอดได้ไหม” พอเขาเอ่ยขอตรง ๆ แบบนี้มันรู้สึกจั๊กจี้จนรู้สึกน้ำเดินไปหมด ทำเอาพูดไม่ออก แต่ก็พยักหน้าออกไป
พี่แทนยกยิ้มมุมปาก สองมือหนาเลื่อนจากกุมหน้ามาจับชายเสื้อชุดนอนซีทรูตัวบางถอดออกไป แน่นอนว่าฉันไม่ได้ใส่เสื้อชั้นในเวลานอนอยู่แล้ว ทำให้ก้อนเนื้อนิ่มทั้งสองของฉันตระหง่านตรงหน้า วินาทีนั้นจู่ ๆ ฉันก็อายขึ้นมาดื้อ ๆ และกำลังจะยกมือปิดด้วยความเขิน แต่พี่แทนกลับใช้มือหนานั่นจับมือฉันไว้ไม่ยอมให้ฉันปกปิดมัน
“พี่อยากเห็นหนูครับ ไม่ใช่แค่ตัว แต่หัวใจด้วย” ฉันกลืนน้ำลายลอบมองนัยน์ตาหยาดเยิ้มของเขาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ราคะคุกรุ่น
“ก็เห็นอยู่ไม่ใช่เหรอคะ หนูยอมให้หมดทั้งตัวอยู่แล้วนี่นา” เขาชะงัก เงยหน้ามองฉันตรง ๆ
“พูดแบบนี้ เดี๋ยวพี่จะยิ่งหวงมากกว่าเดิมนะ รู้ไหมพี่เป็นคนขี้หึงแค่ไหน”
“ไม่ต้องหวงหรอกค่ะ หนูไม่ได้ให้ใครง่าย ๆ”
“พี่รู้...และเพราะรู้พี่ถึงอยากจำทุกอย่างของหนูไว้ให้หมดไง” พูดจบ ฉันก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ แตะลงกลางอก ก่อนจะพึมพำคำที่ทำให้ฉันเสียววาบไปทั้งตัว “สวย...น่าดูด น่าเลียมากครับ”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ หนูเขิน” ฉันหลุบตาลงมองต่ำ แต่เขาไม่ให้ฉันหนี และใช้ปลายนิ้วเชยคางฉันขึ้น
“อย่าเขินเลย หนูรู้ตัวไหม ตอนนี้หนูน่ารักมากเลยนะ” ยิ่งเขาพูดหัวใจฉันยิ่งเต้นรัว
“พี่แทนก็...”
“พี่จะไม่เร่ง ไม่รีบร้อน แต่พี่จะค่อย ๆ รักหนู จนหนูหนีพี่ไปไหนไม่ได้ อย่างเช่นคืนนี้ทั้งคืน...”
ริมฝีปากร้อนเขางับใบหนูฉัน ผสานกับลมหายใจที่รดถี่จนตัวฉันกระตุกวาบ ปลายนิ้วเขาที่วางอยู่บนไหล่เริ่มค่อย ๆ เลื่อนขึ้นลูบไล้ข้างแก้ม ผ่านกรอบหน้าลงมาแนวคอระหงอย่างเบามือ อ่อนโยน แต่ความรู้สึกฉันชัดเจนทุกสัมผัสนั้น
“พี่รักหนูนะครับ” แสงแหบพร่าเอื้อนเอ่ย
“...” ฉันไม่ได้ตอบ แต่กลับใช้มือที่จับต้นแขนค่อย ๆ เลื่อนไปคล้องคอเขาแทนคำพูด
และเป็นฉันเองที่ค่อย ๆ ยืดตัวเริ่มจูบเขาก่อนอย่างตั้งใจ ริมฝีปากบางของฉันพยายามสู้กลับเขา อยากเป็นฝ่ายครอบครองเขาเบา จึงจูบเท่าที่ฉันจะสู้ได้
แต่...แรงฉันจะไปสู้เขาได้ยังไงกัน เพียงแค่เขาดุนดันลิ้นร้อนสู้กลับ ลิ้นฉันก็แทบจะหดกลับไปอยู่ในพื้นที่ของตัวเองแล้วล่ะ
จูบนั้นเนิ่นนานเริ่มหายใจไม่ทัน จนฉันต้องยกมือเกาะบ่าเขาไว้แน่น
‘แฮ่ก...แฮ่ก’ ฉันถอนจูบออกมาหายใจแรงถี่ นัยน์ตาจ้องเขา แต่เขาไม่ได้หยุดปล่อยให้ฉันอยู่นิ่ง เขาใช้เรียวลิ้นร้อนแตะลากไปตามกรอบหน้าไปยังหลังใบหู ความชื้นแฉะนั้นทำให้ผิวฉันเย็นวาบเมื่อกระทบกับลมแอร์ มันเสียวจนซ่านไปทั้งตัว
‘เขาทำให้ใบหูฉันเปียกชื้นจากเรียวลิ้นร้อน แล้วทำไมตรงนั้นของฉันถึงรู้สึกเปียกแฉะไปด้วย...ร้ายกาจชะมัดพี่แทน’
ห้องรับรองหลังฉากในสตูดิโอรายการ ‘4 แซ่บบันเทิง’ แม้จะเย็นฉ่ำจากแอร์ แต่มันก็ไม่สามารถดับความประหม่าในใจฉันได้เลยสักนิด“พี่...แน่ใจเหรอ ว่าเราควรมานั่งให้สัมภาษณ์แบบนี้ มันจะไม่โหนกระแสไปหน่อยเหรอคะ” ฉันหันไปกระซิบถามพี่แทนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลางจับมือเขาแน่นจนชื้นเหงื่อ“แน่ใจสิครับ ไหน ๆ ก็เปิดตัวแล้ว เราก็ควรจะไปให้สุด” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างใจเย็นใจ ฉันพ่นลมหายใจยาวใช้หลังมืออีกข้างแตะหน้าผากตัวเองเบา ๆ ได้แต่ภาวนาให้ฉันอย่าหลุดพูดอะไรแปลก ๆ เลยเถอะ“อีกสิบนาที เตรียมตัวนะคะ” หนึ่งในทีมงานเดินเข้ามาแจ้ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเกร็งนะคะคุณมิ้น แฟน ๆ ตอนนี้ยอดคนดูรอแล้วกว่าแสนคน” ฉันพยักหน้ารับ ขณะที่พี่แทนหันมากระซิบข้างหูกันเบา ๆ“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่อยู่ตรงนี้ตลอด” แม้หัวใจฉันจะเต้นแรง แต่เพียงเขาพูดแค่นี้ก็ทำให้ฉันสงบลงได้ ใช่...ต่อจากนี้เราจะไม่ต้องแอบ ไม่ต้องหลบ และปิดบังอีกต่อไป(หน้าฉากสตูดิโอ รายการ 4 แซ่บบันเทิง)“ว้าว...ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้นั่งสัมภาษณ์สองคนนี้ในฐานะ ‘คู่รัก’ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับความรักครั้งนี้ด้วยนะคะ คุณแทนและคุณมิ้น”
นาฬิกาชีวิตปลุกให้ฉันตื่นขึ้นอัตโนมัติ กิจกรรมร่วมรักบนเตียงเมื่อคืนส่งผลให้ความปวดร้าว หนักหน่วงคืบคลานไปทั่วร่างแม้จะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ฉันก็ยังขยับตัวลำบาก เนื่องจากสองแขนแกร่งของคนนอนข้างกายยังคงรัดแน่นไม่ยอมปล่อยราวกับกลัวว่าฉันจะหนีหายไปพี่แทนยังคงหลับสนิท ฉันหันไปจ้องหน้าเขาชัด ๆ ยิ่งมองยิ่งรู้สึก...หล่อจนใจสั่น ไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่หัวใจที่เขามอบให้ฉันก็รับรู้ได้ทั้งหมดเขานอนตะแคงหันหน้ามาทางฉัน มือหนึ่งยังพาดอยู่บนเอวฉัน“โธ่เอ้ย...พอหลับแล้วไม่เห็นจะดูเจ้าเล่ห์เลยนะ” ฉันยิ้มพึมพำเบา ๆ ขณะใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าหล่อเขาให้เห็นเด่นชัดฉันเอี้ยวตัวอย่างเบามือ ให้ตัวแนบชิดกับเขามากกว่าเดิม ซบหน้าลงกับอกแกร่งฟังเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงอยู่“เมื่อวานที่หนูบอกว่า...ไม่อยากแพ้พี่” ฉันกระซิบเบา ๆ กับตัวเอง “ไม่ใช่เพราะหนูอยากเอาชนะ” ฉันยิ้มพลางขยับใบหน้าเบา ๆ เพื่อรับไออุ่นมากขึ้น “แต่หนูอยากให้พี่เห็นว่า หนูก็พร้อมมอบความรักให้พี่เช่นกันค่ะ”เขาขยับตัวเล็กน้อย มือที่กอดฉันไว้กระชับแน่นขึ้น ทำฉันสะดุ้งจนกระตุกวูบ“แกล้งหลับอยู่ใช่ไหมคะ...” ฉันแหงนหน้ามอ
ฉันยังชันเข่าอยู่ตรงหน้าเขาแบบนั้น แต่อารมณ์ในตอนนี้ไม่ใช่แค่นั่งเฉย ๆ อีกต่อไป สองเราลูบไล้และทอดนัยน์ตายั่วยวนกันและกัน โดยไม่มีใครยอมใครมือฉันแนบอยู่บนอกแกร่ง มือเขาแนบอยู่ที่แผ่นหลังฉัน พลางไล้นิ้วไปตามสันหลังก่อนจะหยุดตรงกลางหลังแล้วพยายามเร่งโน้มตัวฉันลงไปอีก แต่ฉันไม่ยอมหรอก“จะรีบร้อนทำไมคะ” ฉันกระซิบแหบพร่า พร้อมกดมือบนอกแกร่งเขาเบา ๆ จงใจถ่วงเวลาไว้พี่แทนยิ้มแฝงด้วยจิตวิญญาณนักล่าที่รู้ว่าคนตรงข้ามอย่างฉันกำลังเล่นเกมด้วยความรู้สึกเดียวกัน“ไม่ได้รีบร้อน แค่รู้สึกว่าถ้าพี่ปล่อยให้หนูคุมเกมมากกว่านี้ พี่อาจจะหมดแรงก่อนได้เริ่มจริง”“แปลว่าเริ่มกลัวหนูแล้วสินะ”“ไม่ได้กลัว...แค่ไม่ประมาทครับ” ฉันยกยิ้มมุมปากโน้มใบหน้าเข้าใกล้ใช้เรียวลิ้นร้อนไล้เลียไปตามแนวหลังใบหู สันกรามเบา ๆ ขณะที่มือฉันเริ่มเคลื่อนไปตามอารมณ์สอดเข้าในเรือนผมของเขาพลางขยุ้มเบา ๆเขาชะงักเล็กน้อยกับสัมผัสบางเบานี้“ถ้าเล่นแรงแบบนี้ พี่คงต้องเอาจริงแล้วนะครับ” ฉันยิ้มมุมปาก ขณะใช้มืออีกข้างลูบไปตามแนวแขนแกร่งเขา“ก็รออยู่นี่ไงคะ จะเอายังไงก็เชิญ พร้อมรับแรงกระแทกเสมอ” สิ้นคำสิ่งที่เขาตอบกลับมาคือการกดจูบอีก
“โอเคครับ กล้องพร้อม! ไฟพร้อม! แอคชั่น!” เสียงผู้กำกับดังขึ้นท่ามกลางกองถ่ายบ้านหรูปลีกวิเวกที่แสนสงบ เราสวมชุดนักแสดงเต็มยศ ฉันอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีฟ้าอ่อน พี่แทนอยู่ในชุดเชิ้ตขาวพับแขนกับกางเกงสแล็คเข้ารูปบรรกาศโดยรอบเงียบลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ของตน...ฉากที่เรากำลังจะถ่ายกันคือ ‘ฉากจูบแรก’ ของพระเอกและนางเอกในละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละครหลัก โดยก่อนหน้านี้มีแต่การปะทะอารมณ์และเข้าใจผิดมาโดยตลอด ‘ในการถ่ายทำชื่อตัวละครในเรื่อง คือชื่อพวกเราเลย แต่ในเมื่อคนเขียนบทอย่างพี่แทนเขียนมาแบบนั้น ฉันก็เออออไปตามนั้นแหละ’และตอนนี้ พี่แทนกำลังจะจูบฉัน“มิ้น...” เสียงเขาเรียกเบา ๆ ขณะยืนห่างฉันไม่ถึงฝ่ามือ นัยน์ตามีความลังเลปนกับความรู้สึกบางอย่าง“มิ้นรู้ไหม ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน พี่ไม่เคยหันไปมองใครอีกเลย” บทละครบอกให้ฉันต้องนิ่ง น้ำตาคลอ ตัวสั่นนิด ๆ และปล่อยให้เขาโน้มตัวเข้ามาช้า ๆ ฉันทำตามบททุกอย่างอย่างมืออาชีพ และที่สำคัญฉันใส่หัวใจตัวเองลงไปเล่นด้วยริมฝีปากของพี่แทนเคลื่อนเข้ามาใกล้ ใกล้จนฉันได้กลิ่นหอมจาง ๆ จา
หลังกลับมาจากการพักผ่อน ชีวิตนักแสดงสาวก็เข้าสู่วังวนการทำงานที่คุ้นเคย ตอนนี้ชื่อเสียงของฉันทวีคูณมากขึ้น ตั้งแต่ฉันเปิดใจว่าจะรับบท ‘นางเอก’ ก็มีผู้ผลิตละครหลายเจ้ายื่นเสนอมาให้พิจารณาบทเป็นกอง แต่...เรื่องพวกนั้นเอาไว้ทีหลังก่อน เพราะการกลับมาเล่นบทนำในครั้งนี้ ยังไงซะฉันก็ตัดสินใจจะเล่นให้กับละครที่แฟนของฉันเขียนขึ้นมาก่อนวันนี้เป็นวันแถลงข่าวเปิดตัวนักแสดงนำของละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง อย่างเป็นทางการ ฉันมาในชุดเดรสสีดำ ผมชมพูฟาร่าลอนสวย ชนิดที่เดินผ่านคนไหนก็ต้องเหลียวหันมามอง อาจเป็นเพราะก่อนหน้าฉันรับแต่บทตัวประกอบเวลามีงานแถลงข่าวก็ไม่ได้ถูกเชิญขึ้น“พี่กรีน พี่พอรู้รึเปล่าว่าเรื่องนี้ ใครรับบทพระเอก” ฉันหันไปถามผู้จัดการส่วนตัว เอาจริงนะ ฉันไม่รู้อะไรเลยว่าใครแสดงบ้าง บทจริงยังไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่เพราะมั่นใจในตัวพี่แทน ฉันเลยไม่ได้ซีเรียสอะไร“ไม่รู้สิ ผู้ผลิตเขาไม่ได้แจ้งอะไรเพิ่มเติมมาเลย ลึกลับมาก”“งั้นเหรอคะ” ฉันเลิกคิ้ว แต่สุดท้ายก็เลิกที่จะสนใจมันไปไม่นานนัก มีทีมงานเรียกให้ฉันเตรียมพร้อมรอขึ้นเวทีอยู่ด้านข้าง“เรียนสื่อมวลชนทุกท่าน กรุณาเตรียมกล้องให้พร้อมนะครับ เ
เสียงนกร้องเบา ๆ จากยอดไม้ข้างนอกดังลอดเข้ามาในเต็นท์ ทำให้เปลือกตาฉันที่หลับสนิทค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา วินาทีแรกที่ได้กลิ่นไอดินปะปนกับกลิ่นหญ้าเปียกหลังฝนจางเมื่อคืนที่ผ่านมา ความสดชื่นก็แผ่ไปทั่วร่างร่างฉันยังซุกแนบอยู่ในอ้อมกอดพี่แทน ใบหน้าแนบชิดกับอกแกร่งอย่างเคยใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่รินรดบนหัว เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกได้ว่าหลับสนิทมากเพียงใดฉันขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่กล้าเปลี่ยนท่าทางมาก เพราะกลัวจะรบกวนการนอนของเขา แต่ก็ได้แค่คิด...“หนาวเหรอ?” เสียงทุ้มงัวเงียกระซิบชิดข้างหูฉัน ฉันเงียบไปอึดใจก่อนจะส่ายหน้าเล็ก ๆ แล้วตอบกลับเบา ๆ“เปล่าค่ะ...แค่ยังไม่ชินปกตินอนคนเดียวมาตลอด” พี่แทนขยับตัวเล็กน้อยสองแขนกอดรัดฉันแน่นขึ้น“ก็ทำให้ชินสิครับ” เขาขยับหัวมาแนบแก้มนุ่มฉัน ริมฝีปากแตะหน้าผากอย่างแผ่วเบาก่อนพึมพำต่อ “ถ้าเราตื่นมาแบบนี้พร้อมกันทุกวันก็ได้นะ ถ้าหนูไม่เบื่อ”ฉันยิ้มมองใบหน้าคมที่ปรือตามองฉันเพราะเพิ่งตื่นนอน“หนูไม่เบื่อหรอกค่ะ แต่กลัวว่าจะเป็นพี่มากกว่าที่เบื่อก่อนหนูก็ได้” ฉันพูดจบเขาก็ลากนิ้วไล้กรอบหน้า ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากฉัน“ทั้งที่เพิ่







