LOGIN“พี่แทน เดี๋ยวมิ้นต้องออกกองแล้วค่ะ” ฉันหันไปพูด เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะโอบกอดฉันแน่นขึ้น
“พี่ก็มีประชุมช่วงบ่ายเหมือนกัน เฮ้อ...ไม่อยากให้หนูไปเลย อยากกักหนูไว้ทั้งวันทั้งคืน”
“พี่แทน ถ้าทำแบบนั้น คนเขาจะลือกันน่ะสิคะ ว่าดาราสาวสวยหายตัวไปจากกองพร้อมกับนักเขียนบทชื่อดัง” ฉันกลั้วหัวเราะร่า แต่ภายในใจแอบเศร้านะ เพราะสุดท้ายพวกเราก็ต้องพยายามปกปิดความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งนี้ต่ออยู่ดี
“แล้วจะกลับคอนโดวันไหนครับ”
“พรุ่งนี้ค่ะ ต้องอยู่ร่วมกับทีมงานคืนนี้ก่อน”
“งั้นคืนพรุ่งนี้พี่ไปหานะ” เขาพูดพลางจูบหน้าผากฉันอย่างแผ่วเบา
“ได้อยู่แล้วค่ะ...จะให้ปั๊มกุญแจสำรองให้เข้าออกตลอดก็ย่อมได้ค่ะ” ฉันยิ้มจนตาหยี ทำเอาพี่แทนมันเขี้ยวบีบแก้มฉันทั้งสองข้าง
“ไม่ระวังตัวจากผู้ชายเลยนะเรา”
“ระวังค่ะ แต่กับพี่ขอปล่อยเนื้อปล่อยตัวแล้วกัน ฮี่ฮี่...”
เขายีหัวฉันจนยุ่ง อาจเพราะได้ฟังคำที่ฉันพ่นออกมาอย่างไม่อายนั่นแหละ เอาเถอะได้เป็นฝ่ายทำให้คนตัวโตสั่นประสาทบ้างก็มีความสุขดี
ฉันรีบลุกไปอาบน้ำ แต่งตัวให้เรียบร้อย และแน่นอนว่า พอเขาอยู่ด้วยชุดที่ฉันต้องใส่คือเสื้อแขนยาวรัดรูปกับกางเกงยีนต์สีขาว เขาไม่ยอมให้ฉันใส่สุดโชว์หลังเลยแม้แต่น้อย หวงจริง ๆ แฮะ
เขาคว้าเสื้อคลุมของตัวเองพร้อมจะกลับ แต่ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เขาหันหน้ามาหาฉันอีกครั้งพร้อมกับกุมมือ
“จำไว้นะครับ อย่าให้ใครจับมือหนูนานเกินไป อย่าปล่อยให้ใครมองตานานกว่าที่พี่จ้อง” น้ำเสียงนุ่มแต่คม แสดงความเป็นเจ้าของชัดเจน จนรู้สึกถึงแรงบีบเบา ๆ ที่มือฉัน
“รู้แล้วน่า...รีบไปเถอะค่ะ กว่าจะขับรถถึงที่ทำงาน เดี๋ยวประชุมสายนะคะ” ฉันกอดเขาตอบ ก่อนจะถอยออกไปผลักเขาเดินออกจากห้อง
“งั้นพี่ไปนะ”
“ค่า ไว้หนูจะโทรหา” ฉันยืนโบกมือให้เขาจนลับตา ก่อนจะปิดประตูห้อง แต่งหน้าอีกสักหน่อย เฮ้อ...พอเขากลับแล้ว ห้องนี้ก็เหงาขึ้นมาทันที
(ชายหาดหน้าโรงแรม)
แม้วันนี้ฉันจะไม่มีซีนถ่ายทำแล้ว แต่จะให้ฉันอยู่เฉย ๆ ก็กะไรอยู่ ฉันจึงเลือกที่จะไปนั่งดูพวกตัวหลักเขาถ่ายทำ ซึ่งได้เริ่มถ่ายไปตั้งแต่ช่วงเช้า เผื่อได้ร่วมออกความคิดเห็นกับทีมงาน ยังไงซะฉันก็สนิทกับทุกคนพอควร
ฉันนั่งลงเก้าอี้ชายหาด ทอดสายตามองไปยังทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกตา พร้อมทั้งทีมงานและนักแสดงทุกคนที่ตั้งใจกันเต็มที่ แต่...
คลื่นทะเลเริ่มซัดแรงผิดปกติ ท้องฟ้าเริ่มมืดทึบ แรงลมกรรโชกเริ่มปะทะหน้าฉัน แถมใบไม้ก็ปลิวว่อนไม่หยุด
“เร็ว รีบเก็บกล้องก่อนพายุจะเข้า” เสียงตะโกนจากหัวหน้าทีมเทคนิคตะโกนลั่น ความวุ่นวายเกิดขึ้นทันตา
แผงไฟ เครื่องเสียง กล้องหลักยังค้างอยู่บนทรายริมหาด ขาตั้งทยอยจมลึกเพราะน้ำขึ้น ในขณะที่เหล่านักแสดงกรู่วิ่งกันเข้าโรงแรม ฉันที่นอนดูพวกเขาที่เก้าอี้ชายหาดเลือกที่จะถอดรองเท้าแล้ววิ่งเข้าไปหากลุ่มทีมงานโดยไม่ลังเล
“ให้ฉันช่วยเก็บอะไรได้บ้าง” ฉันเอ่ยถามทีมงาน เพราะของบางอย่างต้องใช้ความชำนาญการในการเก็บ
“เดี๋ยวอุปกรณ์นี้ผมยกไปเองครับ พี่ช่วยเก็บพวกสายไฟก็พอ ระวังเปียกด้วยนะครับ!” ฉันพยักหน้ารับ พลางย่อตัวลงเก็บสายไฟยาวเฟื้อย แล้วลากให้มันพ้นคลื่นที่เริ่มซัด
เสียงฟ้าร้องดังใกล้เข้ามา แต่ทีมงานไม่มีใครหยุดมือเลย ทุกคนรู้ว่าอุปกรณ์พังคือความเสียหายมหาศาล บางตัวราคาแรงกว่าค่าจ้างนักแสดงชื่อดังเสียอีก
ฉันเห็นทีมงานคนหนึ่งพยายามลากขาตั้งไฟออกจากทราย แต่ยกไม่ขึ้น จึงปรี่เข้าไปช่วย
“มาค่ะ! พี่ช่วย เราดึงพร้อมกันนะ...หนึ่ง...สอง...สาม!”
ฝนเริ่มลงเม็ด ผมที่ถูกรวบตึงไว้อย่างเรียบร้อยปลิวกระจาย น้ำฝนซัดเข้าหน้า เสื้อที่ใส่ก็เปียกแนบไปกับลำตัวจนหนาวสั่น แต่ฉันไม่หยุดช่วยหรอก ดีนะที่พี่แทนบังคับให้ฉันใส่ชุดแขนยาวสีทึบ แม้มันจะรัดรูป แต่มันก็ไม่ได้บางจนเห็นทรวดทรงด้านใน
“พี่มิ้นคะ! เดี๋ยวไม่สบายเอานะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่จะช่วยให้เสร็จ” ฉันและเหล่าทีมงานร่วมใจกันขนย้ายอุปกรณ์ แม้จะเปียกแค่ไหนทุกคนก็ไม่หวั่น จนเมื่อทุกอย่างถูกลากขึ้นรถไปทีละชิ้น เสียงขอใครคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้น
“อุปกรณ์เก็บหมดแล้วครับ” เสียงปรบมือดังขึ้นท่ามกลางสายฝน คนในทีมเริ่มหันมามองฉัน บ้างก็หัวเราะเบา ๆ พร้อมยื่นผ้าขนหนูให้
“ขอบคุณพี่มิ้นมากนะครับ ถ้าไม่ได้พี่ช่วยเราคงเก็บไม่ทันแน่”
“ไม่หรอกค่ะ ทุกคนเหนื่อยเหมือน ๆ กัน ถ้าอุปกรณ์พัง นักแสดงอย่างมิ้นจะได้อยู่หน้ากล้องไหมล่ะ ถูกไหม”
พอฝนเริ่มซา แสงแดดเริ่มปรากฏ ฉันยืนหอบอยู่ข้าง ๆ รถตู้เก็บอุปกรณ์ และกำลังใช้ผ้าขนหนูที่ได้รับเช็ดเนื้อเช็ดตัวอยู่ แต่แล้วฉันก็ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งพูดคุยกัน
“ตัวจริงเธอแม่ง...ยิ่งกว่านางเอกอีกว่ะ”
“นั่นสิ นางเอกวิ่งแจ้นไปหลบในโรงแรม แต่นางร้ายวิ่งมาช่วยทีมงาน ฉันเริ่มรู้สึกแล้วว่าทำไมคนเขียนบทหรือผู้กำกับหลายคนถึงอยากร่วมงานกับเขา แม้จะเป็นบทไหนก็ตามก็อยากให้พี่มิ้นอยู่ในละคร”
“เสียดาย ทำไมเขาไม่ให้เธอเป็นนางเอกวะ”
“ฉันได้ยินมาน่ะสิ ว่าเขารับแค่บทตัวประกอบ”
“อยากรู้เหตุผลเลยเว้ย สวยก็สวย หุ่นก็งาม จิตใจก็ดี นี่มันนางเอกตัวจริงเสียงจริงเลย”
“พวกเราก็คงได้แค่หวังว่าสักวัน เขาจะกลับมารับบทนางเอกอย่างเคยละนะ คราวนั้นแหละฉันจะนั่งปั่นวิวละครให้เธอเลย”
“เออฉันด้วย ประทับใจว่ะ”
ฉันที่อยู่ด้านหลังโดยมีรถกั้น แอบยิ้มอยู่ในใจ และก็เกิดความรู้สึกมากมายกับการสนทนานี้ หรือว่า...
‘ถึงเวลาที่ฉันจะรับพิจารณาบทนำอีกครั้งเสียที’
[TAN PART]
ผมที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างจังหวัด และประชุมเพิ่งเสร็จเมื่อสักครู่นั้น ในขณะที่ผมเดินกลับมาถึงห้องทำงานของตน นัทผู้ช่วยส่วนตัวของผมก็วิ่งหอบเข้ามาหา
“คุณแทนครับ! แฮ่ก...แฮ่ก..” ผมคลายเนกไท วางปากกาลง ก่อนจะนั่งเก้าอี้เงยหน้ามองผู้ช่วยของตนพลางขมวดคิ้ว
“มีอะไร” ผมตอบเสียงเรียบ
“นักแสดงในเครือเรา เป็นข่าวในโซเชียลอีกแล้วครับ” นัทพูดไปหอบไป
“ใครอีกแล้ว ต้องให้ทีมกฎหมายจัดการอะไรไหม” ผมกอดอกมองผู้ช่วยอย่างเคร่งขรึม
“คือ...งี้ครับ คุณแทนดูเองดีกว่า” นัทยื่นมือถือของตัวเองให้ผม ก่อนที่ผมจะรับมันมาดู ภายในจอนั้นเป็นแจ้งเตือนจากแอ็กเคานต์แฟนคลับละครขึ้นมาเด่นชัดบนจอมือถือ เพียงเห็นชื่อคลิปก็ทำให้อุทานชื่อเธอออกมา “มิ้น...”
‘ดูคลิปนี้แล้วจะรัก มิ้น ณิชารัน มากขึ้นไปอีก!’
ผมกดเปิดดูคลิปอย่างไม่รอรี แต่เพียงวินาทีแรกที่เห็นร่างบางในชุดที่พบกันตอนเช้าวิ่งฝ่าสายฝนช่วยทีมงานเก็บอุปกรณ์บนหาด ผมก็ขมวดคิ้วทันที
“ฝนตกขนาดนั้น ทำไมเธอไม่หลบ”
ผมยังคงตั้งใจดูต่อ คลิปไม่ชัดนักเพราะลมแรง แต่ภาพทุกอย่างชัดเจน มิ้นถอดรองเท้าลากเก็บสายไฟ วิ่งเข้าไปช่วยพยุงขาตั้งไฟกับทีมเทคนิค ถ้าไม่บอกว่าเธอคือนักแสดงชื่อดัง ใคร ๆ ก็คงคิดว่าเธอเป็นเพียงหนึ่งในทีมงานด้วยซ้ำ
‘พี่มิ้นคะ! เดี๋ยวไม่สบายเอานะคะ’
‘ไม่เป็นไรค่ะ พี่จะช่วยให้เสร็จก่อน’
เสียงของเธอในคลิปทำให้ผมนิ่งงันชั่วครู่ แล้วพ่นลมหายใจยาว ออกมาช้า ๆ มือกำมือถือแน่น
“ดื้อ...เอาแต่ใจชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย...แต่เพราะแบบนี้เลยน่ารักไปหมด” ผมพูดพลางเลื่อนอ่านคอมเมนต์ด้านล่าง ทั้งทีมงาน เพจตะลุยกองถ่าย แฟนคลับต่างชื่นชมในความทุ่มเทของมิ้น
นัยน์ตาของผมจากเรียบนิ่ง กลับเผยแววตาอบอุ่นปนห่วงใยอย่างไม่ปิดบัง
ผมลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวหันมองออกไปทางหน้าต่างบานกระจกใหญ่ นัทผู้ช่วยเลิกคิ้วเอ่ยถาม
“คุณแทนครับ แล้วจะให้ผมจัดการยังไงดีครับ”
“จัดการอะไรเรื่องดี ๆ ไม่ใช่เหรอ”
“แต่ว่า...กระแสมันจะกลบนางเอกของเรื่องรึเปล่าครับ” นัทพูดถึงสิ่งที่อาจจะทำให้เกิดขึ้นตามหลัง ผมหันกลับมามองผู้ช่วยของตนอีกครั้ง
“ไม่ต้องจัดการอะไรหรอก กระแสที่เกิด ก็มาจากตัวนักแสดงเอง ถ้านางเอกจะรอแต่ให้เราป้อนกระแสให้ เรื่องหน้าก็ไม่ต้องมาแสดงเป็นบทนำแล้ว ให้คนดูเขาตัดสินจากละครที่ออนแอร์เอาแล้วกัน ส่วนมิ้นเดี๋ยวผมคุยกับเธอส่วนตัวเอง” นัทยืนเกาหัวหงึก ๆ เอ่ยถามผมอย่างไม่ปิดบัง
“คุณแทนดูสนิทกับคุณมิ้นนะครับ ผมก็พอรู้ว่าคุณมิ้นเป็นรุ่นน้องมหาลัยของคุณแทน แต่ไม่คิดว่าคุณแทนจะสนิทกับเธอมากขนาดนี้ หายากจริง ๆ”
“หึ...ไม่มีงานทำแล้วเหรอ คุณนัท” ผมทำเสียเรียบนิ่งมองไปที่นัท จนทำให้เจ้าตัวสะดุ้ง
“ขอโทษครับหัวหน้าผมไปทำงานแล้วครับ” เมื่อนัทเดินออกไปแล้ว ผมก็กอดอกหันกลับไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง พร้อมกับพึมพำออกมา
“รุ่นน้องเหรอ...หึ...ว่าที่เมียต่างหาก”
[END TAN PART]
ห้องรับรองหลังฉากในสตูดิโอรายการ ‘4 แซ่บบันเทิง’ แม้จะเย็นฉ่ำจากแอร์ แต่มันก็ไม่สามารถดับความประหม่าในใจฉันได้เลยสักนิด“พี่...แน่ใจเหรอ ว่าเราควรมานั่งให้สัมภาษณ์แบบนี้ มันจะไม่โหนกระแสไปหน่อยเหรอคะ” ฉันหันไปกระซิบถามพี่แทนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลางจับมือเขาแน่นจนชื้นเหงื่อ“แน่ใจสิครับ ไหน ๆ ก็เปิดตัวแล้ว เราก็ควรจะไปให้สุด” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างใจเย็นใจ ฉันพ่นลมหายใจยาวใช้หลังมืออีกข้างแตะหน้าผากตัวเองเบา ๆ ได้แต่ภาวนาให้ฉันอย่าหลุดพูดอะไรแปลก ๆ เลยเถอะ“อีกสิบนาที เตรียมตัวนะคะ” หนึ่งในทีมงานเดินเข้ามาแจ้ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเกร็งนะคะคุณมิ้น แฟน ๆ ตอนนี้ยอดคนดูรอแล้วกว่าแสนคน” ฉันพยักหน้ารับ ขณะที่พี่แทนหันมากระซิบข้างหูกันเบา ๆ“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่อยู่ตรงนี้ตลอด” แม้หัวใจฉันจะเต้นแรง แต่เพียงเขาพูดแค่นี้ก็ทำให้ฉันสงบลงได้ ใช่...ต่อจากนี้เราจะไม่ต้องแอบ ไม่ต้องหลบ และปิดบังอีกต่อไป(หน้าฉากสตูดิโอ รายการ 4 แซ่บบันเทิง)“ว้าว...ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้นั่งสัมภาษณ์สองคนนี้ในฐานะ ‘คู่รัก’ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับความรักครั้งนี้ด้วยนะคะ คุณแทนและคุณมิ้น”
นาฬิกาชีวิตปลุกให้ฉันตื่นขึ้นอัตโนมัติ กิจกรรมร่วมรักบนเตียงเมื่อคืนส่งผลให้ความปวดร้าว หนักหน่วงคืบคลานไปทั่วร่างแม้จะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ฉันก็ยังขยับตัวลำบาก เนื่องจากสองแขนแกร่งของคนนอนข้างกายยังคงรัดแน่นไม่ยอมปล่อยราวกับกลัวว่าฉันจะหนีหายไปพี่แทนยังคงหลับสนิท ฉันหันไปจ้องหน้าเขาชัด ๆ ยิ่งมองยิ่งรู้สึก...หล่อจนใจสั่น ไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่หัวใจที่เขามอบให้ฉันก็รับรู้ได้ทั้งหมดเขานอนตะแคงหันหน้ามาทางฉัน มือหนึ่งยังพาดอยู่บนเอวฉัน“โธ่เอ้ย...พอหลับแล้วไม่เห็นจะดูเจ้าเล่ห์เลยนะ” ฉันยิ้มพึมพำเบา ๆ ขณะใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าหล่อเขาให้เห็นเด่นชัดฉันเอี้ยวตัวอย่างเบามือ ให้ตัวแนบชิดกับเขามากกว่าเดิม ซบหน้าลงกับอกแกร่งฟังเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงอยู่“เมื่อวานที่หนูบอกว่า...ไม่อยากแพ้พี่” ฉันกระซิบเบา ๆ กับตัวเอง “ไม่ใช่เพราะหนูอยากเอาชนะ” ฉันยิ้มพลางขยับใบหน้าเบา ๆ เพื่อรับไออุ่นมากขึ้น “แต่หนูอยากให้พี่เห็นว่า หนูก็พร้อมมอบความรักให้พี่เช่นกันค่ะ”เขาขยับตัวเล็กน้อย มือที่กอดฉันไว้กระชับแน่นขึ้น ทำฉันสะดุ้งจนกระตุกวูบ“แกล้งหลับอยู่ใช่ไหมคะ...” ฉันแหงนหน้ามอ
ฉันยังชันเข่าอยู่ตรงหน้าเขาแบบนั้น แต่อารมณ์ในตอนนี้ไม่ใช่แค่นั่งเฉย ๆ อีกต่อไป สองเราลูบไล้และทอดนัยน์ตายั่วยวนกันและกัน โดยไม่มีใครยอมใครมือฉันแนบอยู่บนอกแกร่ง มือเขาแนบอยู่ที่แผ่นหลังฉัน พลางไล้นิ้วไปตามสันหลังก่อนจะหยุดตรงกลางหลังแล้วพยายามเร่งโน้มตัวฉันลงไปอีก แต่ฉันไม่ยอมหรอก“จะรีบร้อนทำไมคะ” ฉันกระซิบแหบพร่า พร้อมกดมือบนอกแกร่งเขาเบา ๆ จงใจถ่วงเวลาไว้พี่แทนยิ้มแฝงด้วยจิตวิญญาณนักล่าที่รู้ว่าคนตรงข้ามอย่างฉันกำลังเล่นเกมด้วยความรู้สึกเดียวกัน“ไม่ได้รีบร้อน แค่รู้สึกว่าถ้าพี่ปล่อยให้หนูคุมเกมมากกว่านี้ พี่อาจจะหมดแรงก่อนได้เริ่มจริง”“แปลว่าเริ่มกลัวหนูแล้วสินะ”“ไม่ได้กลัว...แค่ไม่ประมาทครับ” ฉันยกยิ้มมุมปากโน้มใบหน้าเข้าใกล้ใช้เรียวลิ้นร้อนไล้เลียไปตามแนวหลังใบหู สันกรามเบา ๆ ขณะที่มือฉันเริ่มเคลื่อนไปตามอารมณ์สอดเข้าในเรือนผมของเขาพลางขยุ้มเบา ๆเขาชะงักเล็กน้อยกับสัมผัสบางเบานี้“ถ้าเล่นแรงแบบนี้ พี่คงต้องเอาจริงแล้วนะครับ” ฉันยิ้มมุมปาก ขณะใช้มืออีกข้างลูบไปตามแนวแขนแกร่งเขา“ก็รออยู่นี่ไงคะ จะเอายังไงก็เชิญ พร้อมรับแรงกระแทกเสมอ” สิ้นคำสิ่งที่เขาตอบกลับมาคือการกดจูบอีก
“โอเคครับ กล้องพร้อม! ไฟพร้อม! แอคชั่น!” เสียงผู้กำกับดังขึ้นท่ามกลางกองถ่ายบ้านหรูปลีกวิเวกที่แสนสงบ เราสวมชุดนักแสดงเต็มยศ ฉันอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีฟ้าอ่อน พี่แทนอยู่ในชุดเชิ้ตขาวพับแขนกับกางเกงสแล็คเข้ารูปบรรกาศโดยรอบเงียบลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ของตน...ฉากที่เรากำลังจะถ่ายกันคือ ‘ฉากจูบแรก’ ของพระเอกและนางเอกในละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละครหลัก โดยก่อนหน้านี้มีแต่การปะทะอารมณ์และเข้าใจผิดมาโดยตลอด ‘ในการถ่ายทำชื่อตัวละครในเรื่อง คือชื่อพวกเราเลย แต่ในเมื่อคนเขียนบทอย่างพี่แทนเขียนมาแบบนั้น ฉันก็เออออไปตามนั้นแหละ’และตอนนี้ พี่แทนกำลังจะจูบฉัน“มิ้น...” เสียงเขาเรียกเบา ๆ ขณะยืนห่างฉันไม่ถึงฝ่ามือ นัยน์ตามีความลังเลปนกับความรู้สึกบางอย่าง“มิ้นรู้ไหม ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน พี่ไม่เคยหันไปมองใครอีกเลย” บทละครบอกให้ฉันต้องนิ่ง น้ำตาคลอ ตัวสั่นนิด ๆ และปล่อยให้เขาโน้มตัวเข้ามาช้า ๆ ฉันทำตามบททุกอย่างอย่างมืออาชีพ และที่สำคัญฉันใส่หัวใจตัวเองลงไปเล่นด้วยริมฝีปากของพี่แทนเคลื่อนเข้ามาใกล้ ใกล้จนฉันได้กลิ่นหอมจาง ๆ จา
หลังกลับมาจากการพักผ่อน ชีวิตนักแสดงสาวก็เข้าสู่วังวนการทำงานที่คุ้นเคย ตอนนี้ชื่อเสียงของฉันทวีคูณมากขึ้น ตั้งแต่ฉันเปิดใจว่าจะรับบท ‘นางเอก’ ก็มีผู้ผลิตละครหลายเจ้ายื่นเสนอมาให้พิจารณาบทเป็นกอง แต่...เรื่องพวกนั้นเอาไว้ทีหลังก่อน เพราะการกลับมาเล่นบทนำในครั้งนี้ ยังไงซะฉันก็ตัดสินใจจะเล่นให้กับละครที่แฟนของฉันเขียนขึ้นมาก่อนวันนี้เป็นวันแถลงข่าวเปิดตัวนักแสดงนำของละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง อย่างเป็นทางการ ฉันมาในชุดเดรสสีดำ ผมชมพูฟาร่าลอนสวย ชนิดที่เดินผ่านคนไหนก็ต้องเหลียวหันมามอง อาจเป็นเพราะก่อนหน้าฉันรับแต่บทตัวประกอบเวลามีงานแถลงข่าวก็ไม่ได้ถูกเชิญขึ้น“พี่กรีน พี่พอรู้รึเปล่าว่าเรื่องนี้ ใครรับบทพระเอก” ฉันหันไปถามผู้จัดการส่วนตัว เอาจริงนะ ฉันไม่รู้อะไรเลยว่าใครแสดงบ้าง บทจริงยังไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่เพราะมั่นใจในตัวพี่แทน ฉันเลยไม่ได้ซีเรียสอะไร“ไม่รู้สิ ผู้ผลิตเขาไม่ได้แจ้งอะไรเพิ่มเติมมาเลย ลึกลับมาก”“งั้นเหรอคะ” ฉันเลิกคิ้ว แต่สุดท้ายก็เลิกที่จะสนใจมันไปไม่นานนัก มีทีมงานเรียกให้ฉันเตรียมพร้อมรอขึ้นเวทีอยู่ด้านข้าง“เรียนสื่อมวลชนทุกท่าน กรุณาเตรียมกล้องให้พร้อมนะครับ เ
เสียงนกร้องเบา ๆ จากยอดไม้ข้างนอกดังลอดเข้ามาในเต็นท์ ทำให้เปลือกตาฉันที่หลับสนิทค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา วินาทีแรกที่ได้กลิ่นไอดินปะปนกับกลิ่นหญ้าเปียกหลังฝนจางเมื่อคืนที่ผ่านมา ความสดชื่นก็แผ่ไปทั่วร่างร่างฉันยังซุกแนบอยู่ในอ้อมกอดพี่แทน ใบหน้าแนบชิดกับอกแกร่งอย่างเคยใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่รินรดบนหัว เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกได้ว่าหลับสนิทมากเพียงใดฉันขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่กล้าเปลี่ยนท่าทางมาก เพราะกลัวจะรบกวนการนอนของเขา แต่ก็ได้แค่คิด...“หนาวเหรอ?” เสียงทุ้มงัวเงียกระซิบชิดข้างหูฉัน ฉันเงียบไปอึดใจก่อนจะส่ายหน้าเล็ก ๆ แล้วตอบกลับเบา ๆ“เปล่าค่ะ...แค่ยังไม่ชินปกตินอนคนเดียวมาตลอด” พี่แทนขยับตัวเล็กน้อยสองแขนกอดรัดฉันแน่นขึ้น“ก็ทำให้ชินสิครับ” เขาขยับหัวมาแนบแก้มนุ่มฉัน ริมฝีปากแตะหน้าผากอย่างแผ่วเบาก่อนพึมพำต่อ “ถ้าเราตื่นมาแบบนี้พร้อมกันทุกวันก็ได้นะ ถ้าหนูไม่เบื่อ”ฉันยิ้มมองใบหน้าคมที่ปรือตามองฉันเพราะเพิ่งตื่นนอน“หนูไม่เบื่อหรอกค่ะ แต่กลัวว่าจะเป็นพี่มากกว่าที่เบื่อก่อนหนูก็ได้” ฉันพูดจบเขาก็ลากนิ้วไล้กรอบหน้า ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากฉัน“ทั้งที่เพิ่







