LOGINหลังกลับจากกองถ่ายที่หน้าโรงแรมริมหาด ฉันก็ได้มีเวลาพักราวหนึ่งสัปดาห์ ในช่วงเวลานั้นพี่แทนก็มานอนกับฉันบ้าง ไม่สิ เกือบทุกวันเลยแหละ
ส่วนวันนี้ฉันคงต้องปฏิเสธเขาก่อน เพราะมีถ่ายละครซีนสุดท้ายแล้ว นั่นคือซีนปะทะกับนางเอกที่ยังคงค้างเติ่งไม่ได้ถ่ายทำสักที เพราะผู้กำกับกระซิบมาว่า นางเอกคนนี้เส้นสายใหญ่ จนทำกองวุ่นไปหมด กว่าจะเรียกมาถ่ายได้เรียกว่าวุ่นทั้งกอง แค่ฟังฉันก็สงสารทีมงานแล้วล่ะ
ฉันเดินทางมายังสตูถ่ายใจกลางเมืองตามเวลานัดหมายของกอง แถมยังแต่งหน้าแต่งตัวแล้วเสร็จก่อนใคร แต่เชื่อรึเปล่าว่าผ่านไปเป็นชั่วโมงฉันยังไม่ได้ถ่ายเลย นั่นเป็นเพราะ ‘นางเอกยังไม่มา’
ฉันนั่งงีบหลับอยู่ในห้องพักส่วนตัวนักแสดง ไม่รู้นานไปเท่าไหร่ จนสตาฟมาเรียกฉัน
“พี่มิ้นกองพร้อมแล้วค่ะ” ฉันได้ยินดังนั้นก็นั่งหายใจเข้าออกเรียกสมาธิกลับมา ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“ร้อนจัง ไปเอาน้ำดื่มมาให้ฉันหน่อยสิ ขอเป็นน้ำแร่ด้วย” เสียงของน้องนางเอกหน้าใหม่ ‘วาววา’ เอ่ยลั่นแบบไม่แคร์ทีมงานเลยสักนิด
อาจเพราะเธอเป็นลูกสาวของไฮโซชื่อดัง นั่นจึงทำให้เธอกล้าวางอำนาจมากกว่าใคร และตอนนี้ฉันเองก็กำลังจะเผชิญหน้าเหมือนกัน
ฉันเข้าฉากกับนางเอกอย่างวาววาเทคแล้วเทคเล่า พูดตามตรงน้องเขาเล่นแข็งมาก กว่าจะเสร็จหนึ่งฉากเรียกได้ว่ากินพลังไปพอสมควร
“คัต! พักเบรกห้านาที เดี๋ยวถ่ายฉากต่อไป” เสียงผู้กำกับดังขึ้นท่ามกลางเสียงถอนหายใจของใครหลาย ๆ คน
ฉันที่ยืนดื่มน้ำอยู่พลางแกว่งพัดลมพกพาในมือเบา ๆ เพื่อคลายร้อน จู่ ๆ เสียงคุ้นหูก็ดังขึ้นจากด้านหลังฉัน
“พี่มิ้นคะ! พี่เล่นฉากนั้นแรงเกินไปรึเปล่าคะ?” เสียงน้องนางเอกเอ่ยเรียบ ๆ แต่แฝงตำหนิ ฉันหันไปมองเธอ สบตากับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจของอีกฝ่าย
“ฉากเมื่อกี้เหรอคะ? ผู้กำกับเป็นคนบรีฟให้พี่เพิ่มอารมณ์ค่ะ” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ทราบค่ะ แต่กล้องมันจับพี่เยอะไปหน่อยไหม ทั้งที่ฉากนั้นน่าจะต้องเน้นฉัน พี่มิ้นควรรู้นะคะว่า..หนูเป็นนางเอก” เสียงรอบข้างเงียบลง ทีมงานบางคนเริ่มหลบสายตา บางคนแกล้งทำตัวยุ่ง เรื่องน่ารำคาญคงเกิดขึ้นกับฉันแล้วสินะ...เฮ้อ
“งั้นพี่ขอโทษนะ ถ้าพี่ทำอะไรแล้วมันไปบดบังหนู พี่ไม่ได้ตั้งใจเลยจริง ๆ พี่เล่นไปตามบทเท่านั้น”
“งั้นต่อไปช่วยอย่าดึงจังหวะของฉันตอนเข้าซีนนะคะ ฉันเล่นยาก” อีกฝ่ายหมุนตัวกลับไปเหมือนไม่อยากฟังคำอธิบาย ‘แทนที่ตัวเองจะพยายามเล่นให้ดีขึ้นดันมาบอกให้ฉันเล่นให้ห่วยลงเนี่ยนะ...เหลือจะเชื่อ’
“มิ้น เดี๋ยวฉากต่อไปขอแบบเมื่อกี้เลยนะ เล่นได้ดีมาก” ผู้กำกับเดินเข้ามาพูดกับฉันเสียงดัง ก่อนจะหันไปมองน้องนางเอก “วาววา เดี๋ยวจะเป็นฉากที่ต้องถ่ายคนเดียว หนูต้องส่งอารมณ์ให้ชัดขึ้นอีกนะครับ กล้องจับไม่ได้เลยตอนพูดประโยคนั้น” สีหน้าของน้องนางเอกซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากเม้มแน่น ขณะฉันทำได้เพียงพยักหน้าเล็ก ๆ
ฉากต่อไปของฉัน กับ วาววา เป็นฉากที่ต้องถ่ายเดี่ยว โดยเริ่มจากฉันก่อนที่ถ่ายในสตู เพียงเทคเดียวฉันก็ถ่ายเสร็จจนทีมงานปรมมือกันยกใหญ่ จากนั้นก็เริ่มขนย้ายอุปกรณ์และพร็อพไปยังนอกสตูเพื่อถ่ายซีนของนางเอกกลางแจ้ง
“โอเค พร้อมนะครับ วาววาแสดงอารมณ์ออกมาให้ดีล่ะฉากนี้ขออินสุด ๆ เลยนะ” ผู้กำกับเอ่ยเสียงเข้ม วาววาเริ่มมีสีหน้าโกรธจัด ทว่าจังหวะแรกที่เธอเอ่ยขึ้นในบทแรกนั้น
“เธอ...เธอมันไม่เคย...ไม่เคย...ไม่...เคย”
“คัท!” เสียงผู้กำกับสั่งเบรกกะทันหัน “วาววา หนูพูดติดขัดมาสามครั้งแล้ว เสียงก็ไม่ขึ้นอารมณ์ ขอใหม่นะ รอบนี้เอาให้เป๊ะ” สิ้นคำผู้กำกับ วาววาหันขวับไปมองผู้กำกับด้วยความไม่พอใจทันที
“ก็แดดมันร้อนจนพูดไม่ออกนี่คะ ใครมันเป็นคนคิดฉากกลางแดดเนี่ย!” เธอปรายตามองรอบ ๆ ทีมงานเงียบกันทั้งหมด หันมองหน้าอึ้งใส่กัน แม้แต่ผู้กำกับก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก แต่ก็พยายามพูดเสียงเรียบ
“ใจเย็น ๆ นะวาววา ฉากนี้สำคัญมาก ถ้าไม่ได้วันนี้จะกระทบคิววันถัดไปหมดเลยนะ” เธอเบะปากเหลือบมองมาทางฉันที่มองดูอยู่ไม่ไกล
“แล้วทำไมพี่มิ้นไม่ถ่ายกลางแดดเหมือนฉันบ้างล่ะคะ เห็นแต่ในร่ม หน้าสวย แสงดี แบบนี้ใครจะไปสู้” คำพูดโยนไฟให้ฉันชัด ๆ แต่ฉันก็ต้องอดทนยิ้มบาง ๆ เดินเข้าไปใกล้ด้วยเสียงที่กลั้นใจพูดที่สุด
“ถ้าน้องวาววาไม่ไหว เดี๋ยวพี่ขอคิวกลางแดดแทนก็ได้นะคะ พี่โอเค” เธอเบิกตากว้างมองฉัน
“ไม่ต้อง ฉันไม่ใช่เด็กจะงอแงแค่เรื่องเท่านี้” เธอปัดมือแรง ๆ ขวดน้ำตกกระเด็นไปโดนสคริปต์ทีมงาน สตาฟสาวก้มเก็บด้วยสีหน้าแย่ ส่วนทีมงานชายอีกคนก็พึมพำออกมา ‘นางเอกหรือคุณหนูวะ’
เรียกได้ว่ากว่าจะถ่ายฉากของน้องนางเอกเสร็จก็กินเวลาไปครึ่งวัน ฉันไม่เคยถ่ายละครเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนจริง ๆ
(เช้าวันใหม่)
‘Rrrrr’
“โอ๊ย! ปวดเนื้อปวดตัวไปหมด เหนื่อยชะมัด” ฉันตื่นนอนขึ้นมาด้วยอาการล้าไปทั้งตัว แถมเสียงมือถือก็ดังสนั่นหวั่นไหว จริง ๆ แล้ววันนี้ฉันกะจะนอนตื่นสายสักหน่อย แต่สุดท้ายก็บุญมีแต่กรรมบังล่ะนะ
“พี่กรีน” มือถือฉันที่ดังไม่หยุดหย่อน และเมื่อเปิดมันขึ้นมาดู ก็พบว่าคนจำนวนมากโทรมาหาฉัน ทั้งแม่บุญธรรม พี่เนย พี่กรีน พี่แทน ผู้กำกับ รวมไปถึงข้อความจากเหล่าสตาฟในกองเต็มไปหมด ฉันรู้สึกว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับงานแน่ ๆ ดังนั้นฉันจึงต้องโทรไปหาพี่กรีนก่อน
“ฮัลโหล พี่กรีนโทรหามิ้นมีอะไรด่วนรึเปล่าคะ”
“มิ้น เกิดเรื่องใหญ่แล้วดูในโซเชียลเลย”
“คะ?”
“ใครกันที่ทำกับมิ้นแบบนี้ พี่ต้องตามตัวให้ได้เลย น้องไม่ต้องกังวลนะ บริษัทจะช่วยเหลือและตามล่าคนปล่อยข่าวเต็มที่ งั้นแค่นี้ก่อนนะ พี่กำลังจะเข้าต้นสังกัด”
พี่กรีน ผู้จัดการส่วนตัวของฉันวางสายไป ฉันนั่งนิ่งสตั้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยกมือถือไถดูโซเชียลตามที่พี่กรีนบอก ฉันพบโพสต์ของแอคหลุมไม่ระบุตัวตนคนหนึ่งมีคนรีทวีตเกือบแสน
@truthforyouuu
“วงในบอกมาว่า ‘ซุปตาร์สายซอฟต์’ ปากบอกรับแต่บทตัวประกอบ ชอบตีเนียนว่าใจดี จริง ๆ แล้วกลั่นแกล้งดวงรุ่งจนร้องไห้ทุกวันในกอง...ใครจะคิดว่าเบื้องหลังรอยยิ้มคือนางมารร้าย”
คลิปประกอบ
(วาววากำลังร้องไห้ แล้วมีทีมงานหญิงคนหนึ่งเดินผ่านและมีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งแทรกมา ‘เธอทนอีกหน่อยไม่ได้รึเหรอ?’)
คนเมนต์เริ่มโยงว่าเสียงนั้นคือเสียงของฉัน แล้วที่น่าตกใจคือ #MintBully #Saveวาววา แท็กขึ้นเทรนด์อันดับสอง และสี่ในไม่ถึงชั่วโมง พร้อมกับทวีตมากมายจนทำให้ฉันแทบไม่อยากอ่านต่อ
‘ไม่คิดว่ามิ้นจะเป็นคนแบบนี้’
‘ไอดอลกูพังไปอีกคน’
‘เสียดายความรู้สึกที่เคยอวย’
ฉันวางมือถือลง ยืนสงบนิ่งหายใจให้เต็มปอด ‘ฉันต้องผ่านมันให้ได้’ ก่อนที่จะพยายามยิ้มออกมา
ฉันถูกเรียกให้เข้ากองเฉพาะกิจเพราะมีการรวมตัวประชุมด่วน เนื่องจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นส่งผลต่อภาพลักษณ์ของกองละคร ‘เมฆร้ายกลางฝน’ มาก ๆ
(ห้องประชุม)
เมื่อฉันมาถึง ทุกคนก็นั่งร่วมประชุมกันอย่างพร้อมหน้า ทั้งผู้กำกับ ตัวแทนผู้อำนวยการสร้าง ผู้จัดการส่วนตัว ทีมสื่อออนไลน์ของบริษัท และคนต้นเรื่องอย่างฉัน ขาดเพียงคนเดียวเท่านั้นนั่นคือนางเอกของเรื่องที่โทรมาแจ้งว่าป่วยกะทันหัน
“มิ้น เห็นเทรนด์ทวีตแล้วใช่ไหม” ฉันพยักหน้าก่อนจะตอบ
“เห็นแล้วค่ะ”
“เธอไม่ได้พูดแบบนั้นใช่ไหม” ตัวแทนผู้อำนวยการสร้างพูดด้วยน้ำเสียงเครียด
“ไม่ได้พูดค่ะ มิ้นไม่ได้ทำอะไรวาววาเลยจริง ๆ เอ่อ..เมื่อวานเธอมีปัญหาเล็กน้อยกับคิว มิ้นเลยแค่เสนอว่าจะสลับคิวให้”
“แต่ในคลิป เสียงมิ้นฟังดูเหมือน ประชดวาววาแรงมากนะ” ตัวแทนผู้อำนวยการยังคงพูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง
“ทุกคนก็รู้มิ้นไม่มีทางพูดแบบนั้นแน่ ๆ” ฉันยืนหยัดในคำตอบตัวเองหนักแน่น ยังไงซะ...ฉันเองก็ต้องปกป้องตัวเองบ้าง
“ขอโทษครับรองผอ. จากที่ผมดูคลิปนั้นในฐานะทีมสื่อออนไลน์ของบริษัท อยากช่วยยืนยันความบริสุทธิ์คุณมิ้นอยู่หนึ่งอย่างคือคลิปนั้นถูกตัดต่อแน่นอนครับ ตอนนี้ฝ่ายเรากำลังพยายามหาต้นต่อ และให้ทีมกล้องของละครค้นหาคลิปต้นฉบับอยู่ครับ” ตัวแทนฝ่ายสื่อเอ่ยปากขึ้น นั่นจึงทำให้ฉันเริ่มใจชื้นขึ้นมาหน่อย
“แต่กระแสมันเร็วมากนะ สื่อบางเจ้าก็เริ่มโทรถามกันแล้ว” รองผอ. กุมขมับตัวเอง เพราะละครเรื่องนี้ถูกตั้งความหวังไว้มาก
“มิ้นให้สัมภาษณ์ได้นะคะ หรือไม่ก็ให้มิ้นถอนตัวเพื่อกู้สถานการณ์ก็ยอม”
“ยัง!” “ไม่ได้!” ทุกฝ่ายตะโกนกันอย่างพร้อมเพรียง
“มิ้นไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นอยู่เฉย ๆ เดี๋ยวจะดูเหมือนเราร้อนตัว” พี่กรีนเอ่ย
“ให้ทีมเราจัดการก่อน อย่าได้กังวล พวกเราทุกคนในนี้ รู้อยู่แก่ใจว่าอะไรคือความจริง” ผู้กำกับเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นมาทางฉัน
ฉันกลับมาที่ห้องด้วยความรู้สึกวิตก แม้ทุกคนจะพยายามเพื่อฉันขนาดนี้ แต่แรงโซเชียลก็ยังถาโถมไม่หยุด แถมแอคหลุมนั้นไม่ยอมหยุดโจมตีฉันเลย
@truthforyouuu
น้องนางเอกคนนี้ถึงขั้นป่วยจิตจากการถูกพี่นางร้ายบูลลี่เลยนะคะ ขอโทษที่ต้องแฉ แต่มันไม่ไหวแล้วจริง ๆ อยากให้ทุกคนเซฟน้องวาววาด้วยค่ะ #MintBully #Saveวาววา
[รูปวาววาสีหน้าเศร้า ๆ ใบหน้าเหนื่อยล้าของเธอในช่วงพักเบรกจากกองละคร]
[รูปนอน ต้องให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลเพราะไม่สบาย]
“เดี๋ยวสิ! รูปนี้มันเป็นรูปที่น้องวาววาขอให้ทีมช่างแต่งหน้าให้ซีดกว่าปกติเพราะจะเอาถ่ายรูปไม่ใช่เหรอแล้วทำไม...แอคนี้ถึงมีรูปนี้ได้ล่ะ หรือว่า...” ฉันเริ่มเอะใจ แต่แล้วไงนั่นมันลูกสาวไฮโซชื่อดังเลยนะ
มันน่าแปลกที่ตอนนี้วาววาหายไปไม่แม้แต่จะออกมาแก้ข่าวใด ๆ และถ้าเป็นแบบที่ฉันคิดจริง ๆ ฉันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี นี่ขนาดฉันเล่นแค่บทนางร้ายไม่กี่ซีนจัดอยู่ในบทจำพวกตัวประกอบนะ น้องเขายัง...
ฉันเดินเตร็ดเตร่ออกไปนอกระเบียง นั่งรับลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านเข้ามา ตอนแรกคิดว่าไหว แต่ตอนนี้เริ่มไม่มั่นใจแล้วล่ะ ฉันเองก็มีมุมที่อ่อนแอเหมือนกันนะ
‘Rrrrr’
ฉันก้มหน้ามองมือถือในมือที่กำลังกำแน่น ‘พี่แทน’ ฉันลืมไปเลยเขาพยายามติดต่อฉันมาตั้งแต่เช้า แต่เพราะฉันวุ่นวายจนเกินกว่าจะนึกถึงเขาได้ นั่นจึงทำให้ฉันเริ่มรู้สึกผิด และรีบรับสายเอ่ยขอโทษไม่หยุด
“ฮัลโหล พี่แทนมิ้นขอโทษค่ะที่ไม่ได้โทรกลับหาพี่ หนูวุ่นวายกองละครจนหัวหมุนไปหมดเลยค่ะ ขอโทษนะพี่ พี่อย่าโกรธหนูนะ หนูไม่ได้ตั้งใจ หนู...”
“มิ้น ตอนนี้หนูโอเคไหมครับ” เสียงเขาทะลุมาจากปลายสาย แม้จะเป็นประโยคสั้น ๆ แต่นั่นก็ทำให้ฉันอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัย จนน้ำตาที่กลั้นมาตลอดทั้งวันไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ฮือ...ไม่ค่ะ หนูแย่มาก ๆ ฮือ...แต่หนูจะผ่านไปให้ได้ค่ะพี่”
“เดียวพี่จัดการให้” เขาตอบออกมาด้วยเสียงหนักแน่น ไม่รู้ฉันเข้าใจผิดรึเปล่า แต่น้ำเสียงเขาเหมือนแฝงด้วยความโกรธแต่เขากำลังเก็บมันไว้
“มะ..ไม่ต้องค่ะ หนูไม่อยากให้พี่เดือดร้อนเพราะหนู...ซิก” ฉันพูดพลางสะอื้นเล็ก ๆ เขาเงียบไปนิดก่อนเอ่ยออกมาเบา ๆ ว่า
“พี่ไม่เคยกลัว ใครที่ทำให้คนรักของพี่ร้องไห้ พี่จะเอาคืนมันให้สาสม อย่าร้องไห้เลยนะ วันนี้พี่คงไปหาหนูไม่ได้ ไว้พี่จัดการพวกมันเสร็จ แล้วพี่จะพาหนูไปพักผ่อนกัน”
“ค่ะพี่”
ฉันวางสายพี่แทนไป หัวใจจากที่หนักอึ้งก็รู้สึกเหมือนจะได้รับการเยียวยาขึ้นมาอีกครั้ง ฉันยกแขนปาดน้ำตาตัวเองแหงนมองขึ้นฟ้า หมู่ดาวนับรอยทอประกายในวันที่ฉันโดนมรสุม
‘ในวันที่แย่ ฉันก็ยังโชคดีที่มีแสงสว่างอยู่เคียงข้าง ดีจัง…’
ห้องรับรองหลังฉากในสตูดิโอรายการ ‘4 แซ่บบันเทิง’ แม้จะเย็นฉ่ำจากแอร์ แต่มันก็ไม่สามารถดับความประหม่าในใจฉันได้เลยสักนิด“พี่...แน่ใจเหรอ ว่าเราควรมานั่งให้สัมภาษณ์แบบนี้ มันจะไม่โหนกระแสไปหน่อยเหรอคะ” ฉันหันไปกระซิบถามพี่แทนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลางจับมือเขาแน่นจนชื้นเหงื่อ“แน่ใจสิครับ ไหน ๆ ก็เปิดตัวแล้ว เราก็ควรจะไปให้สุด” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างใจเย็นใจ ฉันพ่นลมหายใจยาวใช้หลังมืออีกข้างแตะหน้าผากตัวเองเบา ๆ ได้แต่ภาวนาให้ฉันอย่าหลุดพูดอะไรแปลก ๆ เลยเถอะ“อีกสิบนาที เตรียมตัวนะคะ” หนึ่งในทีมงานเดินเข้ามาแจ้ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเกร็งนะคะคุณมิ้น แฟน ๆ ตอนนี้ยอดคนดูรอแล้วกว่าแสนคน” ฉันพยักหน้ารับ ขณะที่พี่แทนหันมากระซิบข้างหูกันเบา ๆ“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่อยู่ตรงนี้ตลอด” แม้หัวใจฉันจะเต้นแรง แต่เพียงเขาพูดแค่นี้ก็ทำให้ฉันสงบลงได้ ใช่...ต่อจากนี้เราจะไม่ต้องแอบ ไม่ต้องหลบ และปิดบังอีกต่อไป(หน้าฉากสตูดิโอ รายการ 4 แซ่บบันเทิง)“ว้าว...ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้นั่งสัมภาษณ์สองคนนี้ในฐานะ ‘คู่รัก’ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับความรักครั้งนี้ด้วยนะคะ คุณแทนและคุณมิ้น”
นาฬิกาชีวิตปลุกให้ฉันตื่นขึ้นอัตโนมัติ กิจกรรมร่วมรักบนเตียงเมื่อคืนส่งผลให้ความปวดร้าว หนักหน่วงคืบคลานไปทั่วร่างแม้จะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ฉันก็ยังขยับตัวลำบาก เนื่องจากสองแขนแกร่งของคนนอนข้างกายยังคงรัดแน่นไม่ยอมปล่อยราวกับกลัวว่าฉันจะหนีหายไปพี่แทนยังคงหลับสนิท ฉันหันไปจ้องหน้าเขาชัด ๆ ยิ่งมองยิ่งรู้สึก...หล่อจนใจสั่น ไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่หัวใจที่เขามอบให้ฉันก็รับรู้ได้ทั้งหมดเขานอนตะแคงหันหน้ามาทางฉัน มือหนึ่งยังพาดอยู่บนเอวฉัน“โธ่เอ้ย...พอหลับแล้วไม่เห็นจะดูเจ้าเล่ห์เลยนะ” ฉันยิ้มพึมพำเบา ๆ ขณะใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าหล่อเขาให้เห็นเด่นชัดฉันเอี้ยวตัวอย่างเบามือ ให้ตัวแนบชิดกับเขามากกว่าเดิม ซบหน้าลงกับอกแกร่งฟังเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงอยู่“เมื่อวานที่หนูบอกว่า...ไม่อยากแพ้พี่” ฉันกระซิบเบา ๆ กับตัวเอง “ไม่ใช่เพราะหนูอยากเอาชนะ” ฉันยิ้มพลางขยับใบหน้าเบา ๆ เพื่อรับไออุ่นมากขึ้น “แต่หนูอยากให้พี่เห็นว่า หนูก็พร้อมมอบความรักให้พี่เช่นกันค่ะ”เขาขยับตัวเล็กน้อย มือที่กอดฉันไว้กระชับแน่นขึ้น ทำฉันสะดุ้งจนกระตุกวูบ“แกล้งหลับอยู่ใช่ไหมคะ...” ฉันแหงนหน้ามอ
ฉันยังชันเข่าอยู่ตรงหน้าเขาแบบนั้น แต่อารมณ์ในตอนนี้ไม่ใช่แค่นั่งเฉย ๆ อีกต่อไป สองเราลูบไล้และทอดนัยน์ตายั่วยวนกันและกัน โดยไม่มีใครยอมใครมือฉันแนบอยู่บนอกแกร่ง มือเขาแนบอยู่ที่แผ่นหลังฉัน พลางไล้นิ้วไปตามสันหลังก่อนจะหยุดตรงกลางหลังแล้วพยายามเร่งโน้มตัวฉันลงไปอีก แต่ฉันไม่ยอมหรอก“จะรีบร้อนทำไมคะ” ฉันกระซิบแหบพร่า พร้อมกดมือบนอกแกร่งเขาเบา ๆ จงใจถ่วงเวลาไว้พี่แทนยิ้มแฝงด้วยจิตวิญญาณนักล่าที่รู้ว่าคนตรงข้ามอย่างฉันกำลังเล่นเกมด้วยความรู้สึกเดียวกัน“ไม่ได้รีบร้อน แค่รู้สึกว่าถ้าพี่ปล่อยให้หนูคุมเกมมากกว่านี้ พี่อาจจะหมดแรงก่อนได้เริ่มจริง”“แปลว่าเริ่มกลัวหนูแล้วสินะ”“ไม่ได้กลัว...แค่ไม่ประมาทครับ” ฉันยกยิ้มมุมปากโน้มใบหน้าเข้าใกล้ใช้เรียวลิ้นร้อนไล้เลียไปตามแนวหลังใบหู สันกรามเบา ๆ ขณะที่มือฉันเริ่มเคลื่อนไปตามอารมณ์สอดเข้าในเรือนผมของเขาพลางขยุ้มเบา ๆเขาชะงักเล็กน้อยกับสัมผัสบางเบานี้“ถ้าเล่นแรงแบบนี้ พี่คงต้องเอาจริงแล้วนะครับ” ฉันยิ้มมุมปาก ขณะใช้มืออีกข้างลูบไปตามแนวแขนแกร่งเขา“ก็รออยู่นี่ไงคะ จะเอายังไงก็เชิญ พร้อมรับแรงกระแทกเสมอ” สิ้นคำสิ่งที่เขาตอบกลับมาคือการกดจูบอีก
“โอเคครับ กล้องพร้อม! ไฟพร้อม! แอคชั่น!” เสียงผู้กำกับดังขึ้นท่ามกลางกองถ่ายบ้านหรูปลีกวิเวกที่แสนสงบ เราสวมชุดนักแสดงเต็มยศ ฉันอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีฟ้าอ่อน พี่แทนอยู่ในชุดเชิ้ตขาวพับแขนกับกางเกงสแล็คเข้ารูปบรรกาศโดยรอบเงียบลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ของตน...ฉากที่เรากำลังจะถ่ายกันคือ ‘ฉากจูบแรก’ ของพระเอกและนางเอกในละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละครหลัก โดยก่อนหน้านี้มีแต่การปะทะอารมณ์และเข้าใจผิดมาโดยตลอด ‘ในการถ่ายทำชื่อตัวละครในเรื่อง คือชื่อพวกเราเลย แต่ในเมื่อคนเขียนบทอย่างพี่แทนเขียนมาแบบนั้น ฉันก็เออออไปตามนั้นแหละ’และตอนนี้ พี่แทนกำลังจะจูบฉัน“มิ้น...” เสียงเขาเรียกเบา ๆ ขณะยืนห่างฉันไม่ถึงฝ่ามือ นัยน์ตามีความลังเลปนกับความรู้สึกบางอย่าง“มิ้นรู้ไหม ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน พี่ไม่เคยหันไปมองใครอีกเลย” บทละครบอกให้ฉันต้องนิ่ง น้ำตาคลอ ตัวสั่นนิด ๆ และปล่อยให้เขาโน้มตัวเข้ามาช้า ๆ ฉันทำตามบททุกอย่างอย่างมืออาชีพ และที่สำคัญฉันใส่หัวใจตัวเองลงไปเล่นด้วยริมฝีปากของพี่แทนเคลื่อนเข้ามาใกล้ ใกล้จนฉันได้กลิ่นหอมจาง ๆ จา
หลังกลับมาจากการพักผ่อน ชีวิตนักแสดงสาวก็เข้าสู่วังวนการทำงานที่คุ้นเคย ตอนนี้ชื่อเสียงของฉันทวีคูณมากขึ้น ตั้งแต่ฉันเปิดใจว่าจะรับบท ‘นางเอก’ ก็มีผู้ผลิตละครหลายเจ้ายื่นเสนอมาให้พิจารณาบทเป็นกอง แต่...เรื่องพวกนั้นเอาไว้ทีหลังก่อน เพราะการกลับมาเล่นบทนำในครั้งนี้ ยังไงซะฉันก็ตัดสินใจจะเล่นให้กับละครที่แฟนของฉันเขียนขึ้นมาก่อนวันนี้เป็นวันแถลงข่าวเปิดตัวนักแสดงนำของละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง อย่างเป็นทางการ ฉันมาในชุดเดรสสีดำ ผมชมพูฟาร่าลอนสวย ชนิดที่เดินผ่านคนไหนก็ต้องเหลียวหันมามอง อาจเป็นเพราะก่อนหน้าฉันรับแต่บทตัวประกอบเวลามีงานแถลงข่าวก็ไม่ได้ถูกเชิญขึ้น“พี่กรีน พี่พอรู้รึเปล่าว่าเรื่องนี้ ใครรับบทพระเอก” ฉันหันไปถามผู้จัดการส่วนตัว เอาจริงนะ ฉันไม่รู้อะไรเลยว่าใครแสดงบ้าง บทจริงยังไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่เพราะมั่นใจในตัวพี่แทน ฉันเลยไม่ได้ซีเรียสอะไร“ไม่รู้สิ ผู้ผลิตเขาไม่ได้แจ้งอะไรเพิ่มเติมมาเลย ลึกลับมาก”“งั้นเหรอคะ” ฉันเลิกคิ้ว แต่สุดท้ายก็เลิกที่จะสนใจมันไปไม่นานนัก มีทีมงานเรียกให้ฉันเตรียมพร้อมรอขึ้นเวทีอยู่ด้านข้าง“เรียนสื่อมวลชนทุกท่าน กรุณาเตรียมกล้องให้พร้อมนะครับ เ
เสียงนกร้องเบา ๆ จากยอดไม้ข้างนอกดังลอดเข้ามาในเต็นท์ ทำให้เปลือกตาฉันที่หลับสนิทค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา วินาทีแรกที่ได้กลิ่นไอดินปะปนกับกลิ่นหญ้าเปียกหลังฝนจางเมื่อคืนที่ผ่านมา ความสดชื่นก็แผ่ไปทั่วร่างร่างฉันยังซุกแนบอยู่ในอ้อมกอดพี่แทน ใบหน้าแนบชิดกับอกแกร่งอย่างเคยใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่รินรดบนหัว เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกได้ว่าหลับสนิทมากเพียงใดฉันขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่กล้าเปลี่ยนท่าทางมาก เพราะกลัวจะรบกวนการนอนของเขา แต่ก็ได้แค่คิด...“หนาวเหรอ?” เสียงทุ้มงัวเงียกระซิบชิดข้างหูฉัน ฉันเงียบไปอึดใจก่อนจะส่ายหน้าเล็ก ๆ แล้วตอบกลับเบา ๆ“เปล่าค่ะ...แค่ยังไม่ชินปกตินอนคนเดียวมาตลอด” พี่แทนขยับตัวเล็กน้อยสองแขนกอดรัดฉันแน่นขึ้น“ก็ทำให้ชินสิครับ” เขาขยับหัวมาแนบแก้มนุ่มฉัน ริมฝีปากแตะหน้าผากอย่างแผ่วเบาก่อนพึมพำต่อ “ถ้าเราตื่นมาแบบนี้พร้อมกันทุกวันก็ได้นะ ถ้าหนูไม่เบื่อ”ฉันยิ้มมองใบหน้าคมที่ปรือตามองฉันเพราะเพิ่งตื่นนอน“หนูไม่เบื่อหรอกค่ะ แต่กลัวว่าจะเป็นพี่มากกว่าที่เบื่อก่อนหนูก็ได้” ฉันพูดจบเขาก็ลากนิ้วไล้กรอบหน้า ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากฉัน“ทั้งที่เพิ่







