LOGINหลังอาหารเช้าวันต่อมา พ่อแม่ออกไปที่ไร่เพื่อบอกแม่ทัพน้อยว่าหลังจากนี้จะไม่ทำงานแลกแต้มแล้ว เพราะลูกสะใภ้เป็นห่วงสุขภาพ ฉางเซียงจูก็ไปโรงเรียนก่อนนานแล้วเช่นกัน ฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินก็ขึ้นเขาไปพร้อมกัน
ซูเมี่ยวจินช่วยฉางเล่ยเก็บเหยื่อที่ติดกับดักอย่างรวดเร็ว ถึงแม้เหยื่อที่เก็บได้จะตายเสียแล้วก็ไม่เป็นอะไร ยังดีที่พวกเขามาก่อนที่เหยื่อจะเน่าเสีย ทั้งสองช่วยกันล้างทำความสะอาดและเชือดเอาแต่เนื้อกระต่ายกับไก่ใส่ตะกร้าสะพายหลังไว้ จากนั้นจึงนั่งกินข้าวเที่ยงก่อนจะขึ้นเขาต่อไปตามที่ซูเมี่ยวจินชวน
คราวนี้ซูเมี่ยวจินเลือกเส้นทางที่ยังไม่เคยสำรวจมาก่อน เธอคิดว่าที่นั่นจะต้องมีสัตว์ป่าให้เธอล่าบ้างแน่ ๆ ตอนนี้เธอถือหน้าไม้ของฉางเล่ยเอาไว้ในมือ และเดินนำหน้าฉางเล่ยไปอย่างเงียบ ๆ ระบบของเธอยังคอยบอกว่าในรัศมีห้ากิโลเมตรรอบตัวเธอมีสิ่งของอะไรบ้างที่พอจะขายเป็นเงินได้ แต่ซูเมี่ยวจินเห็นว่าของพวกนี้ไม่คุ้มค่าให้เธอเก็บจึงไม่ได้เก็บไป
จนกระทั่งซูเมี่ยวจินเดินเข้าไปในป่าลึกบนภูเขา แสงแดดในป่านี้แ
ตำรวจหลายนายมาถึงที่เกิดเหตุก็ต้องตกใจกับสภาพที่เห็น ในลานจอดรถเต็มไปด้วยรอยกระสุนปืนและร่างของคนสามคนนอนอยู่ ส่วนอีกคนหนึ่งที่ยังไม่ตายก็ถูกผู้ชายสองคนหิ้วปีกมา“สวัสดีครับ พวกเราเป็นทหารจากค่ายนอกเมือง คนร้ายพวกนี้พยายามจะปล้นหินดิบของคุณผู้หญิง เราได้รับคำสั่งให้มาคุ้มกันเธอกับสามีครับ” ซ่งเซียวทำความเคารพตำรวจตามมารยาทและยื่นบัตรทหารในกระเป๋าส่งให้เขาตรวจสอบ“สวัสดีครับ ต้องรบกวนผู้หมวดเล่ารายละเอียดให้เราฟังด้วยนะครับ” หัวหน้าตำรวจที่เข้าเวรวันนี้รีบทำความเคารพกลับเมื่อเห็นว่าทหารตรงหน้ามียศสูงกว่า“ซ่งเซียว คุณจัดการเรื่องหลังจากนี้แล้วกลับไปพักผ่อนได้เลยนะ พรุ่งนี้ตอนบ่ายฉันถึงจะออกไปข้างนอก” ซูเมี่ยวจินไม่สนใจตำรวจที่มองเธอเป็นตาเดียวกัน เธอสั่งการซ่งเซียวเสร็จก็เดินถือหน้าไม้กลับเข้าโรงแรมไป“ทราบแล้วครับคุณซู” ซ่งเซียวรับคำแล้วหันไปบอกให้ลูกน้องส่งตัวคนร้ายตำรวจที่มาด
กลุ่มคนของต้วนมู่ชิงต่างเฝ้ารออยู่นอกโรงแรม พวกเขาหาอะไรง่าย ๆ กินระหว่างรอให้ถึงกลางดึก หัวหน้ากลุ่มส่งลูกน้องไปตามหาที่จอดรถของซูเมี่ยวจินก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาจึงไม่ได้รีบร้อนที่จะลงมือทหารสองนายที่เฝ้ารถอยู่กินอาหารเสร็จก็คอยอยู่ที่รถอย่างระมัดระวัง พวกเขาเตรียมอาวุธประจำกายไว้ให้พร้อมตามที่ซ่งเซียวกำชับไว้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคนร้ายมีอาวุธจริงหรือไม่ก็ตาม การปกป้องรถคันนี้ก็เป็นหน้าที่ของพวกเขากลางดึกคืนนั้น ซ่งเซียวกับทหารอีกนายที่พักผ่อนก่อนหน้านี้ลงมาเปลี่ยนเวรยามตามที่นัดหมายเอาไว้ ซูเมี่ยวจินเห็นว่าฉางเล่ยหลับลึกแล้ว เธอจึงยกแขนของเขาออกจากเอวเบา ๆ เมื่อมองแล้วว่าฉางเล่ยคงไม่ตื่นขึ้นมาในเร็ว ๆ นี้ เธอก็รีบเปลี่ยนชุดพร้อมนำหน้าไม้และลูกดอกจำนวนมากออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วกลุ่มคนของต้วนมู่ชิงเองก็พากันไปซุ่มอยู่ในที่จอดรถได้พักใหญ่แล้ว พวกเขารอคอยให้ถึงเวลาสับเปลี่ยนเวรอย่างใจจดใจจ่อ เพราะรู้ดีว่าระหว่างการสับเปลี่ยนเวรคนพวกนั้นคงไม่ทันระวังตัว อาวุธปืนในมือของพวกเขาเตรียมพ
เมื่อไปถึงห้องของโจวอู่หมิง พวกเขาทักทายกันเล็กน้อยและนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้าโต๊ะทำงานของโจวอู่หมิง“พวกคุณมาหาผมคงมีธุระอะไรสักอย่างหรือเปล่าครับ มีอะไรก็บอกมาตรง ๆ ได้”“ใช่ค่ะ ฉันกับสามีต้องการจ้างทหารคุ้มกันสักสี่คน ไม่ทราบว่าคุณสามารถจัดหาให้ได้หรือเปล่าคะ ฉันจะให้พวกเขาดูแลเราจนกว่าจะเดินทางไปถึงเมืองไคหยวน”“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ พวกคุณเล่าให้ผมฟังก่อนได้ไหมครับ”“เราไปซื้อหินดิบที่ตลาดแล้วถูกคนตามมาตลอดทางเลยค่ะ เพราะฉันไม่ยอมขายหยกที่ผ่าได้ให้กับคนคนหนึ่ง พวกที่ตามมาน่าจะเป็นคนของเขาค่ะ”“อืม… เรื่องนี้ผมเคยได้ยินมาบ้าง ที่เถิงซงเกิดการฆาตกรรมเพราะเรื่องหินหยกบ่อยครั้ง ผมได้รับมอบหมายให้มาสืบสวนเรื่องนี้โดยตรง ถ้าอย่างนั้นผมจะส่งซ่งเซียวกับลูกน้องอีกสามคนคอยดูแลคุณก็แล้วกันนะครับ”“นี่เป็นค่าเหนื่อยของพวกเขาค่
“ผมขอซื้อต่อในราคาห้าหมื่นหยวน” ต้วนมู่ชิงรีบเอ่ยปากหลังจากเห็นหยก“ผมขอซื้อต่อแปดหมื่นหยวน” ชุ่ยฟ่านที่ยืนดูอยู่ด้วยเพิ่มราคาขึ้นอีก เขาอยากได้หยกก้อนนี้มากจริง ๆ หากนำไปทำกำไลหรือแหวนก็ยังทำได้หลายอัน กำไรที่เขาจะได้จากการขายหยกหลังเจียระไนจะเพิ่มขึ้นนับสิบเท่า“ผมขอซื้อต่อหนึ่งแสนหยวน” จ้าวเหวินซิงยอมทุ่มสุดตัว เขามีร้านค้าของตัวเองอยู่ที่เมืองหลวง ถึงแม้ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนของต้วนมู่ชิงและชุ่ยฟ่าน แต่ก็นับว่ายืนหยัดมาได้นับร้อยปีแล้วเสียงเพิ่มราคาดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งราคาไปหยุดอยู่ที่สามแสนหยวน โดยผู้ที่เสนอราคาสูงสุดยังคงเป็นต้วนมู่ชิง“สามแสนหนึ่งหมื่นหยวน” เสียงชุ่ยฟ่านดังขึ้นต่อ เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่“ชุ่ยฟ่าน คุณไม่คิดจะให้คนอื่นเขาได้ทำเงินบ้างหรือยังไง อย่าคิดว่าเป็นตระกูลใหญ่แล้วผมจะกลัวคุณนะ” ต้วนมู่ชิงพูดอย่างไม่พอใจ&
ต้วนมู่ชิงที่เพิ่งมาถึงตลาดค้าหินรีบเดินเข้าไปหาคนของเขาเพื่อสอบถามถึงคนที่เขาต้องการตัว“เจอคนน่าสงสัยบ้างไหม”“ผมเห็นแค่คู่สามีภรรยาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้นครับเจ้านาย แต่พวกเขาไม่ได้เปิดหินนะครับ พวกเขาซื้อแค่หินดิบ”“แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน” ต้วนมู่ชิงอยากรู้ว่าจะใช่คนที่เขาตามหาหรือเปล่า“อ่า… พวกเขาเดินมาโน่นแล้วครับเจ้านาย” บอดี้การ์ดหันไปเห็นซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยกำลังเดินออกมาพร้อมรถเข็นหินดิบหลายก้อนก็ชี้บอกเจ้านายทันทีต้วนมู่ชิงมองตามไปก็เห็นหญิงสาวสวยจัดสายตาเย็นชากำลังเดินอยู่ข้างผู้ชายร่างใหญ่ที่กำลังเข็นรถเข็นซึ่งในนั้นเต็มไปด้วยหินดิบจนแทบล้นออกมา“สองคนนั้นน่าจะเพิ่งเคยมาครั้งแรกจริง ๆ ฉันไม่คุ้นหน้าเลย” ต้วนมู่ชิงขมวดคิ้วพูด“เจ้านายจะให้ผมทำยังไงกับพวกเขาครับ”
เก้าโมงเช้าหลังกินอาหารเสร็จ พวกเขาก็มาถึงตลาดค้าหิน อาจเพราะมากันเช้าเกินไป ที่ลานจอดรถจึงมีเพียงรถยนต์สองสามคันเท่านั้น ฉางเล่ยขับไปจอดในแถวหน้าของลานจอดรถ วันนี้พวกเขาคงไม่ต้องเดินไกลกันเหมือนเมื่อวานนี้“ภรรยา วันนี้คุณจะผ่าหินหรือเปล่าครับ” ฉางเล่ยถามอย่างตื่นเต้น การลุ้นหินตอนผ่าเปิดทำให้เขารู้สึกสนุกมากจริง ๆ ยิ่งเวลาที่เห็นหยกด้านใน หัวใจของเขาก็รู้สึกปลาบปลื้มที่ภรรยาคนสวยดวงดีจนได้หินหยกเนื้อดีมากมาย“ไม่ผ่าค่ะ เราเลือกแค่หินดิบแล้วหาซื้อเครื่องมือผ่าหินไปทำเองดีกว่านะคะ ฉันไม่อยากถูกคนอื่นจับตามอง” ซูเมี่ยวจินที่ยังไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาถูกคนหลายกลุ่มเฝ้ามองอยู่ตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว เหล่าบอดี้การ์ดของเศรษฐีในเมืองหลวงต่างคอยเฝ้ามองตลาดค้าหินกันตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อตามหาคนดวงดีที่เปิดหินหยกเนื้อดีได้เมื่อวานนี้“ตกลงครับ ถ้าอย่างนั้นเราซื้อหินดิบกลับไปเปิดกันที่บ้านดีไหม ผมกลัวว่าถ้าเปิดที่นี่แล้วจะถูกปล้นเอากลางทางน่ะครับ” ฉางเล่ยยังคงกังวลเรื่องโจรระหว่างทาง“ได้ค่ะ คุณอย่าลืมย้ายแกลลอนน้ำมันมาไว้ใกล้ท้ายกระบะนะคะ ส่วนหินดิบก็วางไว้ด้านใน เวลาเติมน้ำมันระหว่างทางเราจะได้ไม่






