นิญาดารวบช้อน แล้วรีบกลืนไอติมให้ละลายลงคอ แล้วกรอกตามด้วยน้ำเปล่า
“หนูขอตัว ไปดูความเรียบร้อยในห้องประชุมก่อนนะคะ”
หล่อนขออนุญาตพี่เกด ก่อนวิ่งตามอาจารย์ออกไป
ภีมมองตามหญิงสาวที่วิ่งออกไปแล้วหันมาสบตากับสาวใหญ่ยิ้ม ๆ อย่าง “รู้กัน”
แผนการขั้นต่อไปของนิญาดา คือ ต้องปรากฏตัวให้เป้าหมายรู้จัก ! นิญาดาแกล้งเดินเฉียดใกล้กลุ่มของอาจารย์เตชินด้วยใจระทึก
“เดี๋ยวสิ คุณนิ”
หนึ่งในแก๊งหนุ่ม ๆ อาจารย์วิศวกรรมศาสตร์ร้องเรียก
‘Yes!!! เป็นไปตามแผน!!’
นิญาดายิ้มน้อย ๆ อย่างลิงโลดในใจก่อนหันไปยังผู้เรียก พร้อมกับแววตาใสซื่อที่สุดเท่าที่เธอเคยกระทำมา
“คะ?”
“ทำไมถึงได้จัดงานอบรมนี้ขึ้นล่ะครับ?”
อาจารย์หนุ่มหนึ่งในกลุ่มนั้นถามขึ้น
“คือ อยากจะเติมไฟให้อาจารย์ค่ะ เชิญศาสตราจารย์เก่ง ๆ มาพูดให้ฟัง เผื่อว่าจะได้พลังใจดี ๆ กลับไปค่ะ”
แววตาผู้ตอบฉายแววมุ่งมั่น ย้ำว่าสิ่งที่เธอพูดและทำมาจากความตั้งใจจริง ๆ
“แล้ว ทำไมถึงได้เชิญพวกผมล่ะครับ?”
หล่อนเหลือบมองหัวหน้าภาควิชาไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ ตามด้วยรองหัวหน้าภาควิชา ไล่ไปจนถึงอาจารย์ทุกคนของภาควิชาไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มารวมตัวอยู่ที่นี่เกินกว่าครึ่งของภาควิชา! เป็นภาพที่หล่อนอยากจะบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเสียจริง !
ภาพตรงหน้าทำให้หญิงสาวยิ้มน้อย ๆ เพราะความจริงที่ว่า “อาจารย์ทุกคนถูกเชิญมาอบรมท่ามกลางป่าเขาแห่งนี้ ก็เพราะอาจารย์เตชินคนเดียว! แต่นั่นเป็นความจริงที่เอ่ยไม่ได้ นิญาดาจึงเลี่ยงตอบว่า
“เพราะหนูเชื่อว่า อาจารย์ทุกท่านจะได้เป็นศาสตราจารย์ในอนาคตค่ะ”
ฮ่า ๆ
อาจารย์ทุกคนหลุดขำกร๊าก กับคำตอบที่มั่นใจสุด ๆ ของนิญาดา เล่นเอาสาวมั่นหน้าเล่อหลาไปชั่วขณะ
อาจารย์เตชินหัวเราะ หึ ๆ ในลำคอ แต่ยังรักษาท่าทีเฉยเมย ใบหน้าของคนขี้เก๊กเย็นชาเหมือนเคย
“น่าจะเชิญศาสตราจารย์ ไปพูดที่มหาวิทยาลัยด้วยนะ”
“ใช่ ให้ไปบรรยายให้ผู้บริหารฟังสักวัน เผื่อได้ไอเดียดี ๆ”
“เห็นด้วย ต้องบอกรองวิจัยฯ แล้วของบจัด”
ในขณะที่เหล่าอาจารย์กำลังสนทนากันอย่างออกรสชาติ
นิญาดาค่อย ๆ ชะลอฝีเท้าเพื่อให้อยู่ในระยะใกล้ ๆ เป้าหมาย ชายหนุ่มผู้เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นหัวหน้า
“ได้ยินมาว่า เขาจะเปลี่ยนรองวิจัยฯ คนใหม่”
เสียงทุ้มของเป้าหมายเอ่ยขึ้นทันทีที่นิญาดาเดินเคียงข้างในระยะใกล้
สาวสวยหันไปสบตาคมล้ำลึก พร้อมกับโปรยรอยยิ้มหวาน ๆ แล้วเอ่ยอย่างมั่นใจในข้อมูลที่ตนมีเต็มเปี่ยมว่า
“ใช่ค่ะ! ท่านรองวิจัยฯ คนเดิมจะเกษียณราชการกันยานี้”
คนขี้เก๊กยังคงนิ่งเฉย เฉยจนคนข้าง ๆ ที่เอาแต่เจื้อยแจ้วเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาฟังที่หล่อนพูดหรือไม่
แววตาซุกซนของหญิงสาว มองเรื่อยมาที่ริมฝีปากบางชมพูได้รูปตัดกับใบหน้าขาว ๆ เรื่อยมาจนถึงแผงอกกว้างที่หล่อนซบกอดเมื่อเช้า เมื่อหวนคิดถึงความใกล้ชิด เนื้อแนบเนื้อ ทำให้ใจมันเริ่มเต้นโครมคราม สมองเริ่มไม่ทำงาน !
อาการแปลก ๆ เริ่มครอบงำหญิงสาวทุกขณะจนทำให้คนที่เคยมั่นใจในตนเองอย่างนิญาดาต้องเฉมองไปข้างหน้า แล้วเอ่ยต่อว่า
“ตอนแรก ได้ยินว่า รองท่านเดิม ทาบทาม อาจารย์จากคณะวิทย์ฯ ขึ้นมาแทน แต่ปรากฏว่า คุณสมบัติยังไม่ผ่าน ก็เลยเป็นอันตกไปค่ะ”
“อืม รองวิจัยคนใหม่ อาจจะเป็นอาจารย์จากคณะวิศวะ ก็ได้นะ”
เสียงทุ้มกล่าวอย่างคนรู้มากกว่า ปากได้รูปยกขึ้นนิด ๆ ราวกับจะยิ้มเยาะ คนรู้จริงมักพูดน้อย คนรู้ไม่มากมักขยายความ เขาคือ คนจริง
“ใครคะ?”
“ไม่บอก ลองสืบดูสิ?”
อาจารย์หนุ่มยิ้มยั่วอย่างผู้เหนือกว่า แล้วเดินจากไป จะเป็นเพราะรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ หรือ เพราะคำพูดที่แสนกำกวมกันแน่นะ!!! ที่ทำให้หัวใจของหล่อนเต้นแรงขนาดนี้!!
นิญาดาสะบัดหัวเพื่อเรียกสติกลับมา
‘ไม่นะ!! เราจะต้องไม่หลงเสน่ห์ ตัวท็อปของวิศวะเด็ดขาด!!!’
การบรรยายในช่วงบ่าย ของ ศาสตราจารย์ดำรงค์ จบลงอย่างงดงาม ภีมสาวน้อยในร่างหนุ่ม ออกไอเดียจัดมื้อเย็นให้เป็นค่ำคืนแห่งความทรงจำ
ระเบียงลานดอกลั่นทมบนยอดภูเขาสูงถูกเนรมิตให้เป็นโต๊ะดินเนอร์สุดแสนโรแมนติก ทุกโต๊ะประดับด้วยเชิงเทียนและดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนพร้อมกับเสียงเพลงคลอเบา ๆ
เมื่อตรวจตราความเรียบร้อยแล้ว นิญาดาฝากให้พี่เกดและน้องภีมคอยดูแลทีมวิทยากรและอาจารย์ไปก่อน ส่วนตัวเธอจะขอปลีกตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะเหงื่อจากการวิ่งหน้าวิ่งหลังประสานงานนั้นท่วมตัว มันเริ่มจะส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวแล้ว
ค่ำคืนนี้เป็นคืนเดือนแรมไร้หมอกเมฆ ดาวพร่างพรายพราวระยิบระยับทอแสงดาษนภา
ดาวใดฤา จักเปล่งประกาย สู้ผิวนวล
ดาวใดฤา จักงาม สู้อรชรยามเยื้องย่าง
ดาวใดฤา จักหวานหยด สู้เจ้ายามแย้มยิ้ม
ดาวใดฤา จักสะกดใจชาย ให้หลงใหลเมื่อชายตา
ร่างบางระหงในชุดเดรสแขนกุดสีขาว ด้านหลังเว้าลงเกือบถึงกลางหลังโชว์ผิวขาวเนียนละเอียด กระโปรงสั้นเหนือเข่าถูกทาบทับด้วยผ้าขาวโปร่งบางอวดเรียวขาคู่งามให้วาบหวามยามก้าวเดิน สายตาทุกคู่เผลอมองผู้มาใหม่อย่างลืมตัวโดยเฉพาะบรรดาหนุ่ม ๆ
“พี่สาว ทางนี้จ้า”
ร่างบอบบางของหนุ่มน้อยแต่ใจเป็นหญิงลุกขึ้นกวักมือเรียกหญิงสาว
นิญาดาโบกมือกลับเป็นเชิงรับรู้ ระหว่างทางหล่อนเอ่ยทักทายผู้เข้าร่วมอบรมเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งมาถึงโต๊ะที่น้องชายสุดสวยเตรียมไว้ให้เป็นพิเศษสำหรับหล่อนในคืนนี้
“ขออนุญาตนั่งด้วยคนนะคะ”
เสียงหวานหยดย้อยจากหญิงสาวผู้มาใหม่ เอ่ยขณะที่เลื่อนเก้าอี้ข้างอาจารย์หนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้ม
เขาเหลือบมองหญิงสาวเป็นจังหวะเดียวกับที่หล่อนเอียงตัวลงนั่ง สายตาคมเข้มแลสบอกเนียนกลมกลึงสองลูกรำไร มันเบียดอัดแน่นถูกห่อหุ้มด้วยผ้าลูกไม้สีขาว วางไว้ใต้เดรสขาวของร่างอรชรอย่างลงตัว
แม้เห็นเพียงรำไรแต่ก็ทำเอาเลือดบุรุษสูบฉีดขึ้นหน้าอย่างฉับพลัน สันชาตญาณดิบถูกกระตุ้นให้ตื่น จนเขาต้องรีบถอนสายตาเฉมองไปอีกทาง พลางยกแก้วเบียร์เย็นฉ่ำจรดริมฝีปากกรอกลงท้องเพื่อดับความร้อนรุ่ม
ผู้หญิงคนนี้มีอิทธิพลต่อบุรุษเพศเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงเขาด้วย แม้ว่าจะอยู่ในวัยกลางคนและผ่านประสบการณ์มามากมาย แต่แค่ได้ใกล้ชิดผู้หญิงคนนี้เพียงไม่กี่นาที กลับทำให้เขาสั่นไหวไปทั้งสรรพางค์ ไม่ว่าเขาจะพยายามเฉมองไปทางใดก็ตาม แต่ทุกครั้งสายตาของเขาก็มักจะหยุดที่ใบหน้าสวยเปื้อนยิ้มสว่างไสวนั่นทุกครั้งไป
“ทะ ทำสัญญา ยังไงคะ?”กายแกร่งขึ้นทาบทับร่างบางที่แสนนุ่ม เนื้อเนียนกลมกลึงได้สัดส่วน จนหญิงสาวสัมผัสไอร้อนในทุกอณูของร่างแกร่งมือแกร่งทั้งสองข้างประสานกับมือเล็กกดไว้เหนือศีรษะ ก่อนกระซิบตอบแนบปาก“ประทับสัญญา ให้นิ เป็นของพี่เพียงคนเดียว”สิ้นเสียงกระซิบระโหย ปากบางก็ประทับลงบนปากอิ่มหล่อนเผยอปากรับ ให้ปลายลิ้นร้ายของเขาซุกซอนเข้าไปตอดรัดลิ้นเล็ก ดูดกินน้ำหวานจากโพรงปากอุ่น“อืม อะ อ่า”ลิ้นร้อนฉ่าของเขาดุนดัน ซอกซอนในขณะที่กายหล่อนหลอมละลาย ขาเรียวของหล่อนค่อย ๆ แยกออกเพื่อตอบรับแก่นกายกำยำที่แข็งขึงแนบชิดตรงหน้าท้อง“อืม..”ทั้งเขาและเธอครางออกมาเบา ๆชายหนุ่มละจูบ เลื่อนปากไล้มาที่ซอกคอขาวผ่อง กดฟันครูดเบา ๆ พร้อมกับดูด ขบเม้มจนเกิดรอยแดงในเนื้อนวล“โอ อืม”ปากอิ่มเผยอครางออกมาด้วยความซ่านสยิว ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปตามเนื้อลออทั่วทั้งร่างบางมีกลีบซากุระที่ติดมาจากบ่อออนเซ็นประปราย จมูกโด่งฝังลงกับเนื้อเนียนสูดเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ ราวซากุระของเนื้อสาวเข้าเต็มปอด กลิ่นกายสาวเย้ายวนจนเขาแทบอยากจะกลืนกินหล่อนเข้าไปเสียเดี๋ยวนั้น“งามเหลือเกิน”ปากเขาคลอเคลียอยู่แถว ๆ ทรวงอกสล้าง ปล
“ผมทำตัวผมเองต่างหากครับ! เพราะผมเข้าใจคุณนิญาดาผิด แล้วเมาจนเกิดอุบัติเหตุ”“นี่ลื้อปกป้องมัน! ลื้อมีคู่หมายอยู่แล้ว อานุชเขาก็ดูแลลื้ออย่างดี ลื้อจะทิ้งอีไปหานางผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นได้รึ!”ผู้เป็นมารดาตวาดด้วยความโกรธ นางรักลูกชายคนเล็กมาก มากจนตามใจเขาเสียทุกเรื่อง เว้นแต่เรื่องหมั้นหมายนี้!“ม้าครับ ผมรักนิญาดา ผมรักใครไม่ได้อีกแล้วจริง ๆ”ผู้เป็นลูกคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เป็นมารดา เรี่ยวแรงที่เพิ่งจะฟื้นจากอาการป่วยแทบจะไม่มี เสียงร้องขอจึงพร่าแปร่งคนเป็นแม่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นสายตาเว้าวอนของบุตรชายที่รักยิ่ง ใจหนึ่งนางก็อยากจะตามใจเขา แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าลูกชายจะเสียใจเพราะผู้หญิงซ้ำสอง อีกใจหนึ่งนางก็รักและเอ็นดูอรนุชที่หมายหมั้นให้มาเป็นลูกสะใภ้ อีกทั้งเป็นลูกสาวของเพื่อนเก่า ก็กลัวว่าความเป็นมิตรของทั้งสองตระกูลจะขาดสะบั้นลง“ม้าคะ! หนูขอถอนหมั้นค่ะ!”เสียงเด็ดเดี่ยวของอรนุชดังขึ้นทำลายความเงียบระหว่างสองแม่ลูก พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินมานั่งลงข้าง ๆ นางวัลลี ผู้เป็นมารดาของคู่หมั้นตน“ลื้อพูดอะไรอานุช!”นางวัลลีผวาเข้ากุมมือว่าที่ลูกสะใภ้อย่างตกใจ ในขณะที่อาจาร
“อือ ยะ อย่า ค่ะ”ร่างบางครางแหบพร่า ความซ่านเสียวแปลบปลาบพุ่งปราดไปทั่วร่าง มือแกร่งของเขาสอดเข้าใต้สะโพกหนั่นเนื้อ บีบเคล้นเคล้าคลึงตามเพลิงสวาทที่ลุกโชนจนยากจะห้ามไหวเขายกสะโพกงามขึ้นลง หญิงสาวรู้สึกถึงความแข็งขึงร้อนระอุของแก่นกายชายที่เสียดสีกับจุดวาบหวามจนชุ่มฉ่ำหล่อนแอ่นหยัดเผยอแยกขาให้แนบชิดยิ่งขึ้น เมื่อความรัญจวนซ่านสวาทระลอกใหญ่พุ่งปราดไปทั่วสรรพางค์ สติที่มีอยู่อันน้อยนิดปลิวหายไปกับแสงสว่างอันพร่างพราว“อ่าซ์”“บอกสิ.. คุณรักผมมากแค่ไหน”เขากระซิบเสียงพร่าแนบอกสล้าง แก่นกายกำยำของเขาอัดแน่นด้วยพลังบุรุษจนรวดร้าว เมื่อสัมผัสกับกายน้อยที่ชุ่มฉ่ำจนเหมาะแก่การโจนทะยานเข้าใส่แค่ไหน“พูดสินิ”เสียงเว้าวอนของเขากระซิบสั่งขณะที่มือประคองขยับสะโพกงามให้ยกขึ้นรับเอาแก่นกายร้อนฉ่าอันแข็งแกร่งของเขา แล้วค่อย ๆ ดันมันสู่กายสาวจนสุดลำ“อะ อือ”หล่อนครางกระสัน หายใจถี่ หัวใจเต้นระรัว เธอจำบทรักอันแสนเร่าร้อนของเขาในวันเก่าได้ดี ใจดวงน้อยที่เต้นระรัวมันร่ำร้องเพรียกหาอยากได้ความเร่าร้อนนั้นมาขับไล่ความทรมานที่รวดร้าวไปทั้งกาย อยากพุ่งทะยานไปสู่ชั้นฟ้าล่องลอยจนลืมสิ้นทุกอย่าง“พูดสิ
นิญาดามองกลีบซากุระสีชมพูอ่อน ๆ ลอยปะปนกับฟองน้ำสีขาวหอมกรุ่น หล่อนค่อย ๆ เอนกายลงเพื่อทิ้งความเหนื่อยล้าให้ละลายหายไปกับสายน้ำ มองกลีบซากุระล่องลอยตามผิวน้ำที่ไหลวนคลอเคลียรอบกายสาวชวนให้นึกถึงใครบางคนที่เคยบอกกับหล่อนไว้-หากอยากเห็นซากุระในเดือนห้า ให้ไปที่ซัปโปโร-บัดนี้คนที่บอกเธอ เขาจะหายดีหรือยังหนอ? เขาจะคิดถึงหล่อนบ้างไหม? หรือหล่อนได้ตายไปจากหัวใจของเขาแล้ว เพียงแค่คิดถึงเขา น้ำตาก็พลันไหลออกมาเงียบ ๆซู่!จอกกกก!เสียงน้ำล้นออกจากอ่าง น้ำกระเซ็นแตกกระจายตามการทิ้งกายลงนั่งเบียดร่างอรชรในอ่างออนเซ็น คนที่นอนอยู่ในอ่างลืมตาโพลงขึ้น เมื่อตากลมของหญิงสาวสบกับตาคมดุอันคุ้นเคย กระแสไฟฟ้าก็วิ่งปราดเข้าจู่โจมหัวใจทำให้ใจดวงน้อยกระตุกวูบลามไปจนถึงหน้าท้องในขณะที่หญิงสาวกำลังอ้าปากค้าง กายแกร่งก็เบียดเข้าชิดร่างอรชรอย่างโหยหา สติสัมปชัญญะของหญิงสาวพยายามอย่างหนักเพื่อพิจารณาว่า คนข้าง ๆ เธอ คือ เรื่องจริงหรือความฝัน แล้วท้ายที่สุด หล่อนก็อุทานชื่อคนข้างกายด้วยความตกใจ“อาจารย์เตชิน!”“ครับ”เสียงทุ้มของชายหนุ่มขานรับ เรียวปากชมพูบางเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าหล่อเหลา
อาจารย์เตชินนอนลืมตาโพลงมองฝ้าเพดานที่มีโคมไฟเป็นดอกบัวสีขาวห้อยลงมา สมองกับหัวใจของเขากำลังทบทวนกับตัวเองหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเก็บตัวอยู่ในห้องหนังสือทั้งวัน เพื่อพักใจและเพื่อหลบหน้าผู้เป็นมารดาและคู่หมั้น เพราะเขาไม่อยากตอบคำถามเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งไม่อยากรับรู้เรื่องงานแต่งที่กำลังจะจัดขึ้นในเมื่อหัวใจของเขามันแตกสลายไปอีกครั้ง และครั้งนี้มันเจ็บปวดมากกว่าครั้งไหน ๆ มันเจ็บจนเขาไม่อยากเคลื่อนไหว จนกระทั่งเพื่อนสนิทมาพบเขาในวันนี้ ราวกับลมที่พัดพาเอาดวงใจที่แตกลงไปแล้วให้ประกอบเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาใหม่โดยเสมือนมีความหวังเป็นกาวประสานรอยร้าวในใจมือเรียวจับโทรศัพท์ขึ้นดู คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มือกำโทรศัพท์บีบแน่นแล้วคลายออก ทำซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นราวกับว่ากำลังตัดสินใจบางอย่างความอยากรู้ กับความช้ำใจมันกำลังห้ำหั่นกันใจที่ช้ำ ก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วใจที่ยังคงมีเยื่อใย ก็อยากรู้ว่าผู้หญิงที่รักเป็นเช่นไรและแล้วเยื่อใยที่ยังเหลืออยู่ก็ชนะเขากดเข้าไลน์เพื่อเปิดดู คลิปวิดีโอที่ ดร. พงษ์ ส่งให้ในคลิปเป็นภาพตั้งแต่นิญาดาเข้ามานั่งข้าง ๆ เตียง เขาได้ยินเสียงหล่อ
ดร. พงษ์ ขอตัวเลี่ยงออกมา เพื่อตัดบทการสนทนา เขารักและเคารพนางวัลลี เหมือนแม่คนหนึ่งจึงไม่อยากชี้แจงเรื่องของนิญาดากับอาจารย์เตชิน เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นการโต้เถียงและไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ และเพราะเป็นเรื่องที่เจ้าตัวควรจะต้องมาชี้แจงด้วยตนเอง เขาเป็นคนนอกอย่างไรเสีย คำพูดก็คงไม่มีน้ำหนักพอที่จะคัดค้านสิ่งที่ผู้เป็นมารดาได้ปักใจเชื่อไปแล้วดร. พงษ์ ขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านเขารู้ว่าห้องหนังสืออยู่ที่ไหนเพราะคุ้นเคยบ้านหลังนี้เป็นอย่างดีเมื่อผลักประตูเข้าไปภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตา คือ.....ชายหนุ่มผิวขาวซีดเอนตัวบนเก้าอี้นวมสีขาว แม้บนหน้าผากจะมีรอยแผลที่เพิ่งจะหายแต่ยังคงความหล่อคมเช่นเดิม... มือเรียวถือหนังสือเล่มหนาเอาไว้ แต่ทว่าดวงตาเข้มคู่นั้นกลับเหม่อมองทะลุหน้าต่างออกไปด้านนอกดร. พงษ์ ปิดประตูห้องตามหลังค่อนข้างดัง แต่เจ้าของห้องไม่มีทีท่าว่าจะขยับ เขาจึงแกล้งไอ ก่อนเอ่ยทักเสียงดังมากกว่าปกติ“อะ.. แฮ่ม ไง? ไอ้หุ่นยนต์”ได้ผล... หุ่นยนต์เริ่มเคลื่อนไหว... วางหนังสือลง หลับตาลงแล้วขยับตัวเอนลงบนเก้าอี้นวมยิ่งกว่าเดิมคล้ายกับว่าไม่อยากให้ใครรบกวน“อ้าว! เฮ้ย! กูอุตส่าห์ขับรถมาหา ดันจะ