ตั้งแต่มีอัญชันเข้าอินทรีย์ก็ไม่เหงาอีกเลยบางคืนอินทรีย์ก็จะเข้าไปนอนในห้องของอัญชัน จนอัญชันรู้สึกชินและก็รู้สึกดีที่ได้นอนในอ้อมกอดของผู้มีพระคุณอย่างอินทรีย์ อย่างเช่นคืนนี้ก็เป็นอย่างทุกคืน
อินทรีย์ที่อาบน้ำเสร็จตั้งแต่หัวค่ำ ถือวิสาสะเดินเข้ามารออัญชันอยู่ในห้องนอน ด้วยกันสวมผ้ากางเกงเพียงตัวเดียว โชว์ท่อนบนเปลือยเปล่า ส่วนอัญชันก็ลงไปเล่นน้ำกับชมพู่ที่ท่าน้ำยังไม่ยอมขึ้น "อัญชันนี่เหลวไหล จนจะโพล้เพล้พลบค่ำอยู่แล้วก็ยังไม่ยอมเลิกเล่นน้ำกัน สงสัยต้องลงไปตามเสียกะมัง"อินทรีย์รู้สึกหงุดหงิดที่ยังไม่เห็นอัญชันขึ้นเดินเสียทีห่วงแต่เล่นน้ำกับชมพู่เลยตัดสินใจเดินลงไปตาม "ชมพู่อย่าแกล้ง ดูสิเนี่ยตัวข้างตัวอัญชันแดงหมดแล้ว"อัญชันทำหน้ากะเง้ากะงอดที่โดนชมพู่แกล้ง "ก็ได้เจ้าค่ะ บ่าวไม่แกล้งแล้ว งั้นเรามาว่ายน้ำแข่งกันไหม ว่าใครจะว่ายข้ามกลับมานี้ได้ก่อนกัน"ทั้งสองคนก็พากันว่ายน้ำแข่งกันอยู่ภายใต้สายตาของอินทรีย์ที่ยืนมองเด็กทั้งสองเล่นน้ำเงียบๆ อัญชันกับชมพู่สาวน้อยในวัย 17 ปี ที่สวยงามประดุจดอกไม้งาม แม้จะยังไม่สะพรั่งเต็มที่ก็เป็นสิ่งที่เปรียบเสมือนดอกไม้ที่ล่อลวงแมลงตัวผู้ทั้งหลายให้มาดอมดม ความเลื่องลือในความสวยของอัญชันดังไปทั่วหมู่บ้านใคร ๆ ก็อยากดูโฉมที่เลื่องลือ "ชมพู่ อัญชันเหนื่อยแล้วไม่ไหวแล้วนะ"สองคนที่ว่ายน้ำไปกลับอย่างสนุกสนานก็หมดแรง "ก็ได้จ้ะ งั้นเรามาขัดเนื้อขัดตัวกันเถอะ วันนี้ชมพู่เตรียมมะขามเปียกกับขมิ้นชันมาด้วยนะเดี๋ยวชมพู่ขัดตัวให้คุณหนูอัญชันเองเจ้าค่ะ" "เอาสิ อัญชันก็อยากขัดตัวเหมือนกัน" สองสาวที่นั่งอยู่ริมน้ำ บนสะพานท่าน้ำก็นุ่งกระโจมอกผลัดกันถูหลังถูตัวอยู่นั่นไม่ยอมขึ้นเสียที ภายใต้สายตาของอินทรีย์ก็เฝ้ามองดูอยู่ห่าง ๆ แต่มีบางอย่างสั่นไหวหลังพุ่มไม้ข้างบ่อน้ำ อินทรีย์กกวาดสายตาเพ่งมองไปที่ข้างบ่อน้ำเขาสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว เหมือนมีอะไรซุ่มอยู่ "เอ๊ะ....!" อินทรีย์รู้สึกเอะใจจึงได้ลักลอบเดินไปทางด้านหลังบ่อน้ำ พร้อมกับจับปืนพกคู่ใจที่เหน็บเอวแล้วย่องไปอย่างเงียบ ๆ มึง...!!!! ปัง...!! เพียงชั่วอึดใจอินทรีย์ก็ยิงปืนนัดหนึ่งเข้าที่ต้นขาของชายปริศนา ที่กำลังซุ่มดูสองสาวอยู่ตรงพุ่มไม้ใหญ่ข้างบ่อ "กรี๊ด..!!"ทำอัญชันและชมพู่ตะโกนกรี๊ดดังลั่น เสียงโอดครวญทั้งเสียงกรี๊ดตะเบ็งขึ้นพร้อมกันเพราะสองสาวตกใจกับเสียงปืน "โอ๊ย.....!!!' ข้ากลัวแล้วพ่อคุ้มอินทรีย์ เสียงชายแปลกหน้าที่นอนกุมขาจมกองเลือด เสียงปืนที่ดังมาจากบ้านของอินทรีย์ทำให้ลูกสมุนที่อยู่บริเวณลานฝึกไอ้สนกับไอ้กล้าและผู้ติดตามอีก 5-6 คนรีบรถหน้าวิ่งมาที่บ้านของอินทรีย์อย่างไม่ต้องคิดมาก "เฮ้ย..!เสียงปืนดังมาจากบ้านพี่อินทรีย์นี่หว่า พวกมึงเตรียมอาวุธให้พร้อม รีบไปบ้านพี่อินทรีย์เดี๋ยวนี้"เสียงไอ้สนที่สั่งลูกสมุนที่ติดตาม "ได้จ้ะพี่" ลูกสมุนไพร 5-6 คนจึงรีบติดตามไอ้สนและไอ้กล้าไปที่บ้านของอินทรีย์ ถึงจะอยู่ไม่ห่างไกลกันมากแต่ก็ใช้เวลาเกือบ 5 นาที "กูถามว่ามึงเป็นใคร ทำไมถึงกล้าเข้ามาในบ้านของกู ที่นี่เป็นที่ของกู"อินทรีย์จ่อปืนที่กลางกบาลของชายแปลกหน้า "ข้า ข้า แค่ผ่านมาจ้ะ ข้าเอาของป่ามาขายในตลาด แล้วเดินลัดเลาะมาแล้วได้ยินเสียงผู้หญิงสองคนนั้นเลยซุ่มดูจ้ะ" ชายแปลกหน้าถึงกับร้องลั่นเมื่ออินทรีย์เอาปืนตบเข้าไปที่หน้าพร้อมกับใช้เท้าใหญ่ ๆ เหยียบไปที่แผลที่เขาได้ยิงเอาไว้ "กูเตือนมึงครั้งนี้ครั้งเดียว ครั้งหน้ากระสุนจะไม่ได้ฝังที่ขาของมึง แต่กระสุนจากฝันที่กบาลของมึงแทน!" อินทรีย์ถีบชายแปลกหน้าจนหงายหลัง ใบหน้าเรียบนิ่งบวกกับน้ำเสียงที่ดุเข้มเย็นชาจนดูเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ ทำให้ชายตรงหน้าต้องกราบชาวอินทรีย์เพื่อร้องขอชีวิตเลยทีเดียว สองสาวพี่รีบนุ่งผ้าผ่อนจนเรียบร้อยก็วิ่งตามมาดูจากต้นเสียง จึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด สองสาวก็วิ่งมาหลบอยู่หลังอินทรีย์ แล้วก็เห็นชายแปลกหน้านอนจมกองเลือดอยู่ ส่วนลูกน้องที่มาถึงก็รู้สึกเฉยๆเพราะพี่อินทรีย์ปกติไม่ไว้ชีวิตใครง่าย ๆ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของอัญชันแทบจะไม่เคยรอด "จ๊ะฉันสัญญาจ๊ะ ฉันขอโทษนะจ๊ะ" ชายแปลกหน้าก้มกราบกรานอินทรีย์ลนลานเหมือนคนสติแตก "ไป..ไปให้พ้นเรือนของกู..!!'อินทรีย์ตะคอกเสียงดังลั่น เหล่าลูกน้องที่ยืนอยู่ห่าง ๆ พากันขนลุกเกรียว ชายแปลกหน้ารีบลุกลากสังขารตัวเองอย่างทุลักทุเลออกจากพุ่มไม้ใช้มืออุดแผลของตนแล้วรีบเดินจนหายลับไป "อัญชันกลับขึ้นเรือนเดี๋ยวนี้!"อินทรีย์สั่งเสียงเข้มพร้อมกับโอบกอดอัญชันให้เดินกลับขึ้นเรือน ชมพู่ถึงกับตัวสั่นกับภาพที่เห็นชมพู่ไม่เคยคิดว่าพ่อคุ้มจะเด็ดขาดขนาดนี้ "ส่วนพวกมึงขอบใจมากที่มา ตามไปดูว่ามันเป็นคนของใคร อย่าเพิ่งกระโตกกระตากเป็นไปไม่ได้ที่มันจะมาเพียงขายของ หรือซุ่มดูสองสาวแน่นอน"อินทรีย์พูดจบก็ประคองอัญชันแนบกายขึ้นเรือน "ได้จ้ะพี่เดี๋ยวข้าจะตามมันไป"ไอ้สนรับปากพร้อมกับลูกน้อง 5-6 คนเดินตรวจตรารอบเดือนของอินทรีย์อีกครั้งก่อนจากไป "เป็นอะไรหรือเปล่า ตกใจหรือ"อินทรีย์ที่เห็นอัญชันไม่ยอมพูดจาตั้งแต่กลับขึ้นมาบนเรือน "อัญชันแค่รู้สึกตกใจนะจ๊ะ พ่อคุ้มจะต้องอยู่กับปืนผาหน้าไม้แบบนี้ตลอดเลยหรือจ๊ะ"อัญชันที่นั่งรับลมอยู่บนเรือนกับอินทรีย์หันไปถามพร้อมกับเงยหน้ามองฉายแววตาเป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง "ทำไมทำหน้าเช่นนั้นเล่าอัญชัน"อินทรีย์ถามเพราะอยากจะรู้ความในใจของเด็กน้อยตรงหน้า "อัญชันกลัวจะเสียพ่อคุ้มอินทรีย์ไป อัญชันไม่มีใครอีกแล้วนอกจากพ่อคุมอินทรีย์และตาเขียว"อัญชันถูกวงแขนแกร่งของอินทรีย์โอบรัดเอาไว้แน่นแนบกระชับตัว "เอ็งไม่ต้องกลัวว่าข้าจะทิ้งเอ็งไปไหนหรอก ข้าก็อยู่กับเอ็งที่นี่ ตลอดชีวิตของข้านั่นแหละ ข้าก็ไม่เคยอยากคิดจะเสียเอ็งไปเช่นกันอัญชัน ตั้งแต่วันที่ข้าพบเอ็ง เอ็งก็มีความสำคัญกับชีวิตข้าไม่น้อย"อัญชันซุกอกแกร่งด้วยความอบอุ่นหัวใจ "เอาอย่างนี้ได้ไหมจ๊ะ พรุ่งนี้อัญชันขอพ่อคุ้มสอนให้ยิงปืนหน่อยได้ไหมจ๊ะ อัญชันอยากเรียน"อัญชันเอาหัวเล็ก ๆ ถูไถไปที่อกแกร่งเหมือนลูกแมวมีหรือว่าอินทรีย์จะไม่ยอมใจอ่อน "ก็ได้ ก็ดีเหมือนกัน ข้าจะสอนไว้ให้เองป้องกันตัวหากวันใดมีเหตุด่วน จะได้ดูแลตัวเองได้"อินทรีย์ก็เป็นห่วงอัญชันไม่ใช่น้อย หากวันหนึ่งเขาต้องออกไปดูพวกโจรปล้นควายหรือต้องปะทะกับโจรป่าสุดท้ายถ้าเกิดพลาดพลั้งอัญชันยังได้ดูแลตัวเอง "ขอบคุณนะจ๊ะ พ่อคุ้มใจดีที่สุดในโลกเลย อัญชันรักพ่อคุณที่สุด" อัญชันไม่รู้ตัวเลยว่าคำว่ารักของอัญชันกำลังเริ่มก่อเป็นข้อผูกมัดพันธนาการภายใต้จิตใจของอินทรีย์ ส่วนอินทรีย์ก็คิดแค่ว่าตัวเองรู้สึกถูกชะตากับอัญชันมากเป็นพิเศษ เขาไม่เคยคิดอยากจะได้เด็กคนนี้มาทำไม่ดีไม่ร้าย เขาเพียงแค่อยากปกป้องชีวิตเล็กๆชีวิตหนึ่งให้มีความสุขและปลอดภัย.... ภายใต้การกระทำทุกอย่างของอัญชันและอินทรีย์ถูกคนคนหนึ่งเฝ้ามองอยู่ไม่ห่างด้วยความอิจฉาตาร้อนจนเกิดเป็นไฟริษยาสูงอยู่ในทรวงใน อีจวงที่ได้ยินเหตุการณ์มาจากนางชมพู่จึงได้รีบวิ่งจั้นขึ้นมาบนเรือนแอบดูอินทรีย์และอัญชัน "อีเด็กเหลือขอ มึงแย่งความรักจากพ่อคุ้มอินทรีย์ไปจากกูจนหมดสิ้น" อีจวงที่คิดเข้าข้างตัวเองเป็นตุเป็นตะคิดว่าอัญชันเข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งสองตั้งแต่มีอัญชันเข้าอินทรีย์ก็ไม่เหงาอีกเลยบางคืนอินทรีย์ก็จะเข้าไปนอนในห้องของอัญชัน จนอัญชันรู้สึกชินและก็รู้สึกดีที่ได้นอนในอ้อมกอดของผู้มีพระคุณอย่างอินทรีย์ อย่างเช่นคืนนี้ก็เป็นอย่างทุกคืนอินทรีย์ที่อาบน้ำเสร็จตั้งแต่หัวค่ำ ถือวิสาสะเดินเข้ามารออัญชันอยู่ในห้องนอน ด้วยกันสวมผ้ากางเกงเพียงตัวเดียว โชว์ท่อนบนเปลือยเปล่า ส่วนอัญชันก็ลงไปเล่นน้ำกับชมพู่ที่ท่าน้ำยังไม่ยอมขึ้น"อัญชันนี่เหลวไหล จนจะโพล้เพล้พลบค่ำอยู่แล้วก็ยังไม่ยอมเลิกเล่นน้ำกัน สงสัยต้องลงไปตามเสียกะมัง"อินทรีย์รู้สึกหงุดหงิดที่ยังไม่เห็นอัญชันขึ้นเดินเสียทีห่วงแต่เล่นน้ำกับชมพู่เลยตัดสินใจเดินลงไปตาม"ชมพู่อย่าแกล้ง ดูสิเนี่ยตัวข้างตัวอัญชันแดงหมดแล้ว"อัญชันทำหน้ากะเง้ากะงอดที่โดนชมพู่แกล้ง"ก็ได้เจ้าค่ะ บ่าวไม่แกล้งแล้ว งั้นเรามาว่ายน้ำแข่งกันไหม ว่าใครจะว่ายข้ามกลับมานี้ได้ก่อนกัน"ทั้งสองคนก็พากันว่ายน้ำแข่งกันอยู่ภายใต้สายตาของอินทรีย์ที่ยืนมองเด็กทั้งสองเล่นน้ำเงียบๆอัญชันกับชมพู่สาวน้อยในวัย 17 ปี ที่สวยงามประดุจดอกไม้งาม แม้จะยังไม่สะพรั่งเต็มที่ก็เป็นสิ่งที่เปรียบเสมือนดอกไม้ที่ล่อลวงแมลงตัวผู้ทั้งหลายให้มาด
อัญชันที่นั่งดูการฝึกอาวุธอยู่ด้านหลังของอินทรีย์ วันนั้นทั้งวันตลอดบ่าย เหล่าบรรดาชายหนุ่มต่างพากันยิ้มกริ่ม อย่างมีกำลังใจเพราะไม่ได้เห็นแต่ใบหน้าเหี้ยมเกรียมของอินทรีย์แต่กลับเห็นใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มที่ส่งยิ้มให้กับอินทรีย์ทำให้พวกเขาที่ฝึกอาวุธอยู่ก็ยิ้มตามไปด้วย"พวกมึงยิ้มห่าอะไรกัน..! ฝึกกันไปสิวะ..!!"อินทรีย์ยืนเอามือไพล่หลัง เดินวนไปวนมาจ้องเราลูกสมุนตาเขม็งอินทรีย์รู้สึกทนไม่ไหวจึงบอกให้ไอ้สนมาคุมการฝึกแทนเขา เพื่อจะพาอัญชันกับเรือนเขารู้สึกรำคาญสายตาทุกคู่ที่จ้องมองอัญชันอย่างไม่วางตาก่อนที่เขาจะควบคุมอารมณ์เอาไว้"ไอ้สน มึงคุมการฝึกให้ดี ฝึกพวกมันให้หนักโทษฐานที่มองอัญชันของกู"อินทรีย์หันไปพูดกับไอ้สน"ฉิบหาย งานหยาบแล้วพวกมึง เหนื่อยเอวเคล็ดแน่!"ไอ้บุญมาลูกน้องลูกกระจ๊อกที่รองมือรองเท้าของไอ้สนและไอ้กล้าเอ่ยขึ้นเสียงดัง"แน่นอนพี่อินทรีย์ เดี๋ยวข้าจะคุมการฝึกให้พี่เอง พี่พาคุณหนูอัญชันกับเรือนไปเถอะไ"อ้สนที่รู้ใจผู้เป็นลูกพี่ยิ่งกว่าใครอัญชันที่นั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนมิรู้หนาว อยู่บนแคร่เห็นหน้าบึ้งตึงของพ่อคุ้มอินทรีย์ก็รีบเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยตามประสา"ไป
ไอ้ทองอินเดินโซซัดโซเซ ตั้งใจจะเอาชีวิตไปตายเอาดาบหน้า ไอ้ทองอินเหลือแต่ชีวิตของมัน และไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นลูกหรือเมียและญาติคนสุดท้ายมันรู้สึกสิ้นไร้ไม้ตอก จึงเดินตุ้มปัดตุ้มเป๋ไปในป่าโดยไร้จุดหมาย"อย่าให้กูฟื้นตัวมาได้นะ..!ไอ้อินทรีย์ ตาเขียว กูจะมาเอาคืนให้หมดทุกคนเลย ที่ทิ้งกู"ไอ้ทองอินกับเคียดแค้นให้กับลุงแท้ ๆ อย่างตาเขียวที่ไล่ตะเพิดมันออกจากบ้านและคนที่ซื้อลูกสาวมันไปอย่างพ่อคุ้มอินทรีย์ก็ยังจะมาซ้ำมันให้ออกจากหมู่บ้านอีกนับจากวันนั้นเป็นต้นมา วันแล้ววันเล่าชีวิตของอัญชันดูราบรื่นและสวยงาม อัญชันบัดนี้อายุเข้า 17 ปีดูสวยงามสง่า ความเป็นกุลสตรีที่อ่อนโยนยิ่งผูกมัดใจของอินทรีย์เข้าไปทุกวัน"ยายปริกจ๋า วันนี้อัญชันขอไปลานฝึกอาวุธได้ไหมจ๊ะอยากจะเอาปลาสามรสไปฝากพ่อคุ้ม"อัญชันที่ยิ้ม หวานขอยายปริกให้ใจอ่อน"ก็ได้คุณหนูอัญชัน ยายให้ไปแต่คุณหนูอัญชันจะต้องไม่ไปก่อความวุ่นวายให้กับพ่อคุ้ม ต้องลำบากใจรู้หรือไม่"ยายปริกรู้ว่าอัญชันเองก็เป็นเด็กดีน่ารักแต่ก็มีความแสบอยู่ไม่น้อย"อัญชันสัญญากับยายปริกว่าจะไม่สร้างความวุ่นวายเด็ดขาด อัญชันจะรีบไปรีบกลับ ขอเอาข้าวไปส่งให้กับ
อีจวงที่วิ่งหน้าตั้งไปตามไอ้สนและไอ้กล้าที่อยู่ร้าน น้ำชาข้างตลาด ไม่ไกลจากบ้านของพ่อคุ้มอินทรีย์มากนัก เมื่อมาถึงอีจวงจึงรีบตะโกนเรียกคนทั้งสอง"พี่สน พี่กล้า พ่อคุ้มหัวอินทรีย์เรียกหาที่เรือนมีเรื่องรีบกลับไปที่เรือนทันที"อีจวงที่ยืนหอบแฮ่กๆแต่ก็ยังบอกทุกความของพ่อคุ้มอินทรีย์ไม่มีตกหล่น"เกิดเรื่องอะไรวะ"ไอ้สนและไอ้ต้นกล้าหันไปพูดกับ อีจวงพร้อมกัน"ก็พ่ออีนางเด็กอัญชันน่ะ มันมาอาละวาดที่เรือนจะเอาอีอัญชันกลับ"อีจวงที่ไม่ชอบอัญชันก็เรียกจิกหัว ทันทีสองคนที่ได้ยินดังนั้น"นังจวงพูดจาอะไรให้มันดี ๆ หน่อยเถอะ แม่อัญชันก็เป็นคนสำคัญของที่เรือนของพ่อคุ้มอินทรีย์"ไอ้สนหันไปเอ็ดอีจวง"ช่างมันเถอะพวกพี่รีบไปเที่ยวเรือนก่อน"อีจวงที่ไม่สนใจเสียงบ่นกรนด่าของไอ้สนไอ้ทองอินที่อยู่ใต้ถุนเรือน ก็ยังคงโวยวายลั่นทำ ท่าทางจะขึ้นมาบนเรือนของอินทรีย์ให้ได้ แต่อินทรีย์ยืนขวางแม้แต่บันไดขั้นเดียวก็ไม่ให้ขึ้นเหยียบ"เอ็งมาทำแบบนี้ได้ยังไงวะ ข้าอยากจะเอาลูกสาวข้าคืน เอ็งก็คืนมาสิ ข้าเป็นพ่อของมันนะ"ไอ้ทองอินทำเป็นทองไม่รู้ร้อนทั้งที่รับเ
สภาพของไอ้ทองอิน ที่โดนซ้อมจนใบหน้าปูดบวมบิดเบี้ยว กว่ามันจะลุกขึ้นมาได้ก็เล่นเอาช้ำใน เจ็บตัวไป 3-4 วัน เงินที่เหลือติดตัวอยู่ยี่สิบบาทบาทสุดท้ายในสมัยนั้นเป็นเงินที่มากอยู่พอจะให้ตั้งตัวได้เลยแต่สุดท้ายไอ้ทองอินก็ยังหอบสภาพสังขารด้วยใบหน้าที่ปูดบวมไปเล่นการพนันในบ่อนท้ายหมู่บ้านจนสิ้นเนื้อประดาตัวไอ้อินที่โดนเอามาทิ้งใกล้ ๆ กับโรงหมอ ก็ได้หมอใจดีช่วยรักษาจนหาย แต่คนอย่างไอ้ทองอินก็เปรียบเสมือนงูพิษมันพร้อมจะชกกัดกับทุกคน"หมอข้าขอยาแก้ปวดหน่อยสิ ข้าปวดเนื้อปวดตัวไปหมด"ใบหน้าที่ปูดบวมเขียวช้ำ ของไอ้ทองอินก็ยังไม่ดีขึ้น มันก็เริ่มจะแผลงฤทธิ์ได้อีกแล้ว"ข้าก็เพิ่งจะให้เอ็งกินไปไม่ถึงชั่วยาม เอ็งก็ต้องรอหน่อยสิวะ มันก็ต้องปวดเป็นธรรมดาสมุนไพรยังไม่ออกฤทธิ์"คนเป็นหมอถึงกับส่ายหัว กับคนไข้อย่าง ไอ้ทองอิน แม้แต่เงินสตางค์แดงเดียวไอ้ทองอินก็ไม่จ่าย"โธ่เว้ย..! ทำไมข้าต้องมาทนเจ็บปวดด้วยวะ หมอยังเองนี่มันไม่ได้เรื่อง"ไอ้ทองอินลุกขึ้น โซซัดโซเซ สีหน้าชี้หนาด่าทอหมอที่ช่วยชีวิตมันเอาไว้"ถ้าเอ็งพูดอย่างนี้ เอ็งก็ออกไปจากโรงหมอของข้าเสีย แล้วอย่าย้อนกลับมาอีก"คนเป็นหมอถึงกับโมโหเลือดขึ้นหน
ไอ้กล้ากับไอ้สนถือวิสาสะพาตาเขียวเดินขึ้นไปบนเรือนของอินทรีย์ เพื่อไปพบกับอินทรีย์ที่นั่งอยู่กลางเรือน นั่งดูอัญชันฝึกร้อยมาลัยอยู่กับยายปริกที่พื้นด้านล่างตรงหน้าของเขา"พ่อคุ้มอินทรีย์ ดูสิจ๊ะ มาลัยของอัญชันบูดเบี้ยวไม่สวยเหมือนของยายปริกเลย"อัญชันทำหน้างอเป็นม้าหมากรุกรู้สึกน้อยใจในฝีมือของตัวเองยายปริกจึงพูดปลอบใจอัญชันว่า "ตอนที่ยายฝึกทำครั้งแรกโย้เย้กว่าของเอ็งเยอะเลย อัญชันเนี่ยถือว่าเก่งแล้ว เอ็งต้องฝึกฝีมือมาก ๆ นะ'ยายปริกเอ่ยบอกให้อัญชันได้รู้สึกดีขึ้น"จริงหรอจ๊ะ"อัญชันหันไปถามยายปริกพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ"จริงสิ ยายจะหลอกเอ็งทำไมล่ะ กว่ายายร้อยมาลัยเก่ง สวยขนาดนี้ ยายก็ฝึกจนเข็มแทงนิ้วไม่รู้กี่พันรอบ"ยายปริกรู้สึกเหมือนมีหลานสาวตัวเล็ก ๆ ทำให้เรือนนี้ดูมีชีวิตชีวาตาเขียวที่ยืนมองดูหลานสาว อยู่ตรงหัวกระได รู้สึกมีความสุขที่ เห็นหลานสาวมีรอยยิ้มและดูหน้าตาสดใสเพียงแค่เวลาวันสองวันเท่านั้นเอง แต่ตาเขียวก็อยากจะไปคุยกับพ่อคุ้มอินทรีย์ให้รู้เรื่องเพื่อความปลอดภัยของหลานอินทรีย์หันไปตามเสียงก๊อกแก๊กที่ตรงหัวบันไดบ้านก็รู้สึกแปลกใจที่ไอ้สนกับไอ้กล้า จูงใครคนนึงมาบนบ้านของเขาโ
ไอ้ทองอินที่ได้เงินสามร้อยห้าสิบบาทเป็นเงินที่ขายลูกสาวกิน มันเอาไปถลุงในบ่อนพนันเพียงคืนเดียวก็เหลือติดตัวเพียงยี่สิบบาท มันจึงรีบล่าถอยกลับไปหาลุงของมันที่เรือน"ลุงเขียวจ๊ะ ข้าขอโทษจ้ะ"ไอ้ทองอินก้มลงไปกราบ ลุงเขียว เพื่อขอขมาลาโทษ ที่ทำให้ลุงได้รับบาดเจ็บตาเขียวที่เห็นหลานชายหัวแก้วหัวแหวนมาทำท่าทางขอขมาลาโทษก็รู้สึกใจอ่อน แต่ก็ไม่ได้รับคำขอโทษแต่อย่างใด"แล้วหลานสาวกูอยู่ที่ไหน มึงเอาแม่อัญชันไปขัดดอกจริงๆ ใช่ไหม"ตาเขียวเค้นถามหลานชายหัวแก้ว หัวแหวน ตาเขียวถามหาหลานสาวสุดที่รักอย่างอัญชันเมื่อวานแกพยายามจะวิ่งตามแต่ด้วยความบาดเจ็บของคนแก่จึงทำอะไรไม่ได้"ฉันขายนางอัญชันให้กับผู้ชายคนนึงไปแล้วฉันได้เงินมานิดหน่อย แต่ตอนนี้ เหลือติดตัวอยู่ยี่สิบบาท" ตาเขียวโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ที่ไอ้ทองอินขายลูกกินอย่างไม่รู้สึกผิด แกจึงใช้ไม้ตะพดฟาดไปที่หัวของ ไอ้ทองอินจนแตก พร้อมกับตวาดลั่นบ้าน แกเอ่ยไล่ไอ้ทองอินทร์ให้ออกจากบ้านไป"มึงนี่มันไม่ใช่คนจริง ๆ ขนาดลูกหมาลูกแมว มันยังรักลูกของตัวเอง แต่นั่นลูกสาวมึงแท้ ๆ มึงยังกล้าขายให้กับคนที่มึงไม่รู้จัก มึงใช้สมองหรือหัวแม่โป้งตีนคิดไว่ะ..?"
วันนี้เป็นวันแรก ที่อัญชันได้ใช้ชีวิตในแบบที่ควรเป็นเย็นวันนี้อัญชันที่ฝึกทำปลาสามรสกับยายปริกและน้ำพริกกะปิผักต้มให้กับพ่อคุ้มอินทรีย์เป็นครั้งแรกอัญชันรีบช่วยยายปริกยกข้าวเย็นขึ้นมาบนเรือน"เอ็งทำอันใดให้ข้ากินหรืออัญชัน"พ่อคุ้มอินทรีย์ที่พึ่งอาบน้ำผัดเสื้อผ้าก็เดินออกมา"อัญชันทำเมนูปลาสามรส น้ำพริกกะปิแล้วก็ผักต้มให้กับพ่อคุ้มอินทรีย์ ลองกินดูจ๊ะ"อัญชันยิ้มหวานเนื้อตัวยังมีแต่กลิ่นกับข้าวพ่อคุ้มอินทรีย์เดินเข้าไปหาอัญชัน โอบกอดร่างเล็ก ๆ พร้อมกับหอมแก้มเบาๆ ดังฟอด..!"พ่อคุ้ม...!!!"อัญชันเรียกอินทรีย์เสียงดังเพราะแอบตกใจที่อยู่ดีๆก็โดนขโมยหอมแก้ม"ทำไม มึงเป็นคนของกูแล้ว กูบอกมึงแล้วไง ไม่ต้องตกใจหรอก ต่อไปนี้ทุกอย่างบนตัวมึงเป็นของกูแต่เพียงผู้เดียว"อินทรีย์พูดไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาทั้งนั้น"อัญชันแม้จะไม่เคยได้รับความรักจากพ่อแบบที่พ่อคุ้มทำ ก็ยิ่งรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อยเพราะพ่อคุ้มอินทรีย์ไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของตน"ขอบใจเอ็งมาก เอ็งก็มากินข้าวพร้อมข้าเลยแล้วกัน"อินทรีย์ที่จุงมือเล็ก ๆ ให้เดินตามมาด้วยอีจวงที่เดินขึ้นมาพร้อมกับโถข้าว แทบจะทำโถข้าวหลุดมือ เมื่อเห็นภาพพ่อคุ้มอินทรีย์
อินทรีย์จ้องมองลูกน้องทั้งสองตาเขม็งด้วยความไม่พอใจที่สอดรู้สอดเห็น เรื่องของเขาไปเสียทุกเรื่อง ถึงแม้พวกมันจะดูทะเล้นตึงตังไปบ้าง แต่ยามที่สู้รบปรบมือ พวกมันก็ไม่เคยถอยและไม่เคยทิ้งอินทรีย์เลยแม้แต่ครั้งเดียวเป็นตายแทนเขาได้เสมอ"ช่างสอดรู้สอดเห็นเสียจริงพวกมึง อัญชันเป็นคนของกู นับจากวันนี้เป็นต้นไป ผู้ใดก็ห้ามแตะต้อง"อินทรีย์ใช้น้ำเสียงที่ดูอ่อยโยนทำให้อัญชันไม่รู้สึกกลัว"แม่อัญชันจ๊ะฉันชื่อไอ้กล้า ส่วนเนี่ยไอ้สน แม่อัญชันอย่าได้กลัวฉันสองคนเลยนะ ฉันเป็นลูกน้องของพ่อคุ้มอินทรีย์"ไอ้กล้าที่มันก็กล้าสมชื่อได้พูดขึ้นไอ้สนใช้มือตบไปที่เพื่อนเบา ๆ ให้หยุดพูดเสียทีเดี๋ยวจะปากพาซวยกันทั้งคู่แต่ไอ้กล้าก็ไม่ได้ฟังอัญชันหันมองคนทั้งสองพร้อมกับผงกหัวรับอย่างว่าง่าย คนตัวเล็กอย่างอัญชันทำอะไรก็ดูน่ารักไปเสียหมดในสายตาของอินทรีย์ อินทรีย์ค่อย ๆ อุ้มอัญชันออกจากตัก ให้นั่งอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับใช้วงแขนแกร่งโอบกอดเอาไว้"ไหน ไหน ก็ไหน ไหนแล้ว ทำความรู้จักไว้เสียสิอัญชัน อันนั้นไอ้สนหน้าตามันจะดูรูปทั่วตัวดำแต่มันเป็นคนจิตใจดี""ส่วนคนนั้นไอ้กล้าปากหมาพาซวยถึงแม้มันจะดีดดิ้งไปบ้างไม่ค่อยเชื่อฟังคำ