Share

4

Author: Champeehom
last update Last Updated: 2024-12-04 20:06:18

ลู่อี่บังคับให้เสี่ยวถงนั่งลงร่วมรับประทานน้ำชาด้วย ทั้ง 4 คนคุยกันอย่างเพลิดเพลินจนเย็น ส่วนพยัคฆ์ดำได้เนื้อสดก้อนใหญ่ที่เสี่ยวถงไปนำมาให้นอนพุงป่องอยู่ด้านข้าง

"นี่ก็ใกล้เวลาเริ่มงานเลี้ยงแล้วพระชายามิต้องไปเตรียมตัวก่อนหรือกระหม่อม" โจวหงเจินรู้สึกตัวก่อนว่าใกล้ถึงเวลางานเลี้ยง

"ข้าไม่อยากไป" ฟ่านลู่อี่ปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด

"งั้นก็ไม่ต้องไป เรากลับแคว้นเจี๋ยกันเลยเถอะ" ซือเย่ามองฟ่านลู่อี่

"นั่นอาจจะเป็นความคิดที่ดีก็ได้ งานเลี้ยงนั่นพวกเขาจัดกันก็ให้เขาสนุกกันเองก็แล้วกัน" ฟ่านลู่อี่ยิ้มออกมาได้

"ให้ข้าไปช่วยพระชายาขนสัมภาระเถิดกระหม่อม" ซือเย่าออกปาก

"รบกวนท่านแล้ว" ฟ่านลู่อี่พยักหน้า

"ข้าจะไปช่วยเสี่ยวถง" โจวหงเจินแยกไปกับเสี่ยวถง ปล่อยให้ซือเย่าตามลู่อี่ไป

ลู่อี่กวาดตามองรอบๆห้องนอน เขาผ่านอะไรมามากเหลือเกินจนรู้สึกว่าตัวเองแก่ชรากว่าอายุจริง ถึงแม้ไม่มีเรื่องดีๆให้จดจำมากนักแต่พอจะไปจริงๆก็อดอาลัยมิได้

ซือเย่ากวาดตามองไปรอบๆ ทั้งที่เห็นห้องนี้แล้วเมื่อครั้งที่ลอบเข้ามา แต่เมื่อดูอย่างเปิดเผยอีกครั้งก็พบว่าห้องนี้แทบไม่มีอะไรเลย

"เราไปกันเถอะ" เสียงลู่อี่ปลุกซือเย่าจากภวังค์ เขาถือห่อผ้าเล็กๆไว้ด้วยมือซ้าย

"ของอย่างอื่นเล่าพ่ะย่ะค่ะ" ซือเย่าถามทั้งที่รู้

"ข้ามิมีสิ่งใดอีก" ฟ่านลู่อี่ส่ายหน้าปฏิเสธ

ซือเย่ามิปริปากสิ่งใด มือรับห่อผ้าจากลู่อี่เดินตามหลังมาเงียบๆ

"ข้าเก็บของเสร็จแล้วขอรับคุณชาย รอเพียงเสบียงจากเถ้าแก่จางก็สามารถออกเดินทางได้แล้วขอรับ" เสี่ยวถงกล่าวอย่างกระตือรือร้น เขาดูมีความสุขมากขึ้น

"เจ้าได้สั่งเผื่อทหารหรือไม่" ฟ่านลู่อี่ถาม

"ข้าได้แจ้งไปยังเถ้าแก่จางแล้วขอรับ ทางเถ้าแก่ขอเวลาอีกครึ่งชั่วยามจะนำอาหารมาส่งขอรับ" เสี่ยวถงตอบ

สองนายบ่าวมัวแต่คุยกันจึงมิได้สังเกตเห็นสายตาสองคู่ที่สบกัน

"ข้าคิดว่าพวกเราออกเดินทางตอนนี้เลยจะดีกว่า ข้าสามารถทิ้งทหารไว้จำนวนหนึ่งสำหรับรอรับอาหารจากเถ้าแก่จางและเร่งติดตามไปได้" ซือเย่าออกความเห็น

"แต่นี่ค่ำแล้วเราจะออกจากประตูเมืองกันได้อย่างไรหรือ" ฟ่านลู่อี่ไม่ค่อยได้ไปไหนนอกจากจวนและร้านน้ำชา เขาทราบโลกภายนอกจากตำราและนักเดินทางที่แวะมาจิบชาที่ร้านเท่านั้น

"มิมีผู้ใดกล้าขวางกองกำลังพยัคฆ์ดำ" โจวหงเจินแสดงท่าทางองอาจของทหารหาญ เสี่ยวถงยังลอบมองอย่างชื่นชม

"เราไปกันเถอะ" ฟานลู่อี่เดินหลังตรงงามสง่าออกจากเรือนอย่างหมดความอาลัย ต่อไปเขาจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ทิ้งความทุกข์ไว้เบื้องหลัง พยัคฆ์ดำเดินเยื้องมาด้านหลัง

"คารวะพระชายา" กองกำลังพยัคฆ์ดำยืนเข้าแถวหน้าจวนอย่างองอาจน่าเกรงขาม มีชาวเมืองมายืนดูอย่างสนใจ เมื่อเหล่าทหารเห็นลู่อี่ต่างพากันคุกเข่าแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม เปล่งเสียงถวายความเคารพดังกระหึ่ม ถึงกับทำให้ชาวเมืองขวัญอ่อนบางคนตกใจจนถอยหลัง

"ไม่ต้องมากพิธี จากนี้ข้าต้องพึ่งพาพวกท่านแล้ว" ลู่อี่เอ่ยปากไม่กี่คำแต่แสดงถึงความพอดีระหว่างความองอาจและความอ่อนน้อม ทำให้เหล่าทหารเกิดความนิยมในตัวเขา ซือเย่าเปิดประตูรถม้ารอ

"เชิญพระชายาเสด็จ"

คนรอจะจับมือลู่อี่พยุงขึ้นรถม้า คนงามใช้ผ้าแพรบางเบารองมือก่อนที่จะวางมือบนมือซือเย่าแล้วก้าวขึ้นรถม้า สร้างความรู้สึกวาบหวามในใจทหารหนุ่มสายหนึ่ง

"ถึงอย่างไรข้าเป็นคนมีสามีแล้ว ท่านอ๋องของท่านให้เกียรติข้าสมควรที่ข้าต้องวางตัวให้ดี" เสียงนุ่มของคนงามเอ่ยมาจากด้านในรถม้า เสี่ยวถงโดดตามขึ้นไป จึงไม่เห็นซือเย่าฉีกยิ้มกว้างจนทำให้ทหารที่พบเห็นขวัญผวา

"อาหลาน เจ้าจะไปอย่างไร" โจวหงเจินถามพยัคฆ์ดำ มันโดดตามเสี่ยวถงเข้าไปในรถม้าแทนคำตอบ เขาได้แต่ปิดประตูตามหลัง

ทั้งหมดรอจนซือเย่าขึ้นม้าเรียบร้อยจึงขึ้นม้าตาม โจวหงเจินแบ่งทหารจำนวนหนึ่งไปรับอาหารจากเถ้าแก่ที่ร้านชา อีกชุดไปส่งสาส์นที่วัง จากนั้นก็เคลื่อนขบวนไปยังประตูเมือง

เหล่าทหารเฝ้าประตูเมื่อเห็นกองกำลังพยัคฆ์ดำมิกล้าชักช้าแม้แต่น้อย รีบเปิดประตูให้ขบวนผ่านออกไปอย่างง่ายดาย

เมื่อขบวนทั้งหมดผ่านพ้นประตูเมือง มีเสียงนุ่มจากในรถม้าสั่งขึ้น

"หยุดขบวนก่อน"

ซือเย่าที่ได้ยินเสียงนุ่มสั่งหน้าตาบึ้งตึงแต่คนยังยอมหยุดขบวนลง เขาลงจากหลังม้าแต่ยังไม่ทันประตูรถม้าที่เปิดออก เสี่ยวถงกระโดดลงมาประคองลู่อี่ลงจากรถ อาหลานเยื้องย่างตามมาติดๆ ไม่มีใครสนใจซือเย่าที่ยืนหน้าตาเขียวคล้ำ

ฟ่านลู่อี่เดินห่างรถม้าสายตาจับจ้องกำแพงเมืองแล้วคุกเข่าลง ทหารทั้งหมดรีบลงจากหลังม้าหมอบอยู่ข้างหลังมิมีผู้ใดกล้าอยู่สูงกว่า

"จากไปคราวนี้ไม่ทราบว่าเมื่อใดจึงได้กลับมาอีกขอให้ท่านพ่อถนอมตัว ข้าใช้ชีวิตเป็นหมากตัวหนึ่งให้ท่านถือว่าทดแทนบุญคุณแล้ว จากนี้ข้ามิใช่คนตระกูลฟ่านอีก ข้าเพียงชีวิตเดียวรักษาชีวิตผู้คนมากมายชั่วระยะเวลาหนึ่งย่อมทดแทนคุณแผ่นดิน จากนี้ข้าหมดวาสนากับแคว้นเสิ่งขอเป็นคนของแคว้นเจี๋ย"

ลู่อี่โขกศีรษะสามครั้ง เสี่ยวถงน้ำตานองหน้า ซือเย่ารีบมาประคองลู่อี่แต่เขาส่งมือให้เสี่ยวถง อาหลานเอาศีรษะมาดุนมือคนงามเป็นเชิงปลอบ สองนายบ่าวเดินกลับขึ้นรถม้าตามด้วยอาหลาน มองแผ่นหลังดูบอบบางน่าใจหาย

ซือเย่ากำมือขบกรามแน่น โจวหงเจินมองตามไปด้วยความสงสาร

"วันใดที่ท่านอ๋องเบื่อพระชายาข้าขอรับไปดูแลนะพ่ะย่ะค่ะ มารดาของข้าย่อมยินดีที่ข้าจะมีน้องชายเพิ่มขึ้น"

"เจ้าจะไม่มีทางเห็นวันนั้น" ซือเย่ามองรถม้า สายตาที่ปกติคมกล้าอ่อนแสงลง

"ไป" คนขึ้นหลังม้าสั่งเดินทางต่อ เหล่าทหารรับคำอย่างพร้อมเพรียงเสียงเข้มแข็งดังกังวาลถึงเหล่าทหารที่เฝ้าประตูเมือง เกิดเป็นตำนานเรื่องวีรบุรุษผู้เสียสละตัวเองหยุดยั้งสงครามเล่าสืบต่อกันมาชั่วลูกชั่วหลาน

ขบวนของลู่อี่เดินทางมาสมทบกับกองกำลังพยัคฆ์ดำอีกส่วนที่ไม่ได้เข้าเมืองที่ชายป่า ลู่อี่เปิดม่านดูเมื่อเห็นรถม้าชะลอความเร็วลง

"เรามาสมทบกับกองทหารพ่ะย่ะค่ะ" โจวหงเจินที่ขี่ม้าอยู่ข้างรถม้าก้มหน้าบอก

"แล้วอาหารที่ข้าสั่งจะพอหรือไม่" ลู่อี่ขมวดคิ้ว

"กระหม่อมสั่งให้ทหารที่ไปรับอาหารจากเถ้าแก่แจ้งจำนวนคนแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระชายาไม่ต้องกังวล"

"ขอบคุณท่าน" ลู่อี่ยิ้มอย่างโล่งใจ แต่มีคนตกถังน้ำส้มปล่อยรังสีอำมหิตใส่โจวหงเจินแบบไม่ยั้ง ทำเอาทหารนิ่งเกร็งกันไปหมด

รถม้าหยุดยั้งลงชั่วครู่ รอจนเหล่าทหารปรับขบวนเข้าที่แล้วจึงเดินทางต่อ ผ่านมาอีกหนึ่งชั่วยามขบวนจึงได้หยุดยั้งลง

"เราจะหยุดพักรับประทานอาหารกันชั่วครู่ ขอเชิญพระชายาเสด็จลงจากรถเถิดพ่ะย่ะค่ะ" โจวหงเจินเปิดประตูรถม้ารอ อาหลานโดดลงมาก่อน ตามด้วยเสี่ยวถงที่รอรับฟ่านลู่อี่

คนงามก้าวลงมาช้าๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ แสงจากกองไฟไล้ใบหน้างามให้ดูนุ่มนวล ฟ่านลู่อี่ยิ้มบางให้ทั่วๆ คนมองมองจนลืมหายใจ เสียงหายใจหนักๆดังมาจากทหาร พลันมีแรงกดดันจนทหารหายใจติดขัด

"เชิญพระชายาทางนี้พ่ะย่ะค่ะ" โจวหงเจินรีบเชิญฟ่านลู่อี่มานั่งข้างกองไฟ ก่อนที่แรงกดดันจะทำทหารบอบช้ำจนรบไม่ไหว

ฟ่านลู่อี่เดินมานั่งยังพรมขนสัตว์ที่ปูไว้ข้างกองไฟ อาหลานเดินหายไปในความมืดของราวป่า เสี่ยวถงกับโจวหงเจินเลี่ยงไปช่วยทหารจัดสำรับอาหาร เหลือเพียงซือเย่านั่งลงง่ายๆที่ก้อนหินด้านข้าง

"หลังรับประทานอาหาร เราจะเดินทางต่อหรือพักกันที่นี่" ฟ่านลู่อี่ถามเมื่อไม่เห็นทหารมีทีท่าจะจัดที่พัก

"เราจะเดินทางต่อพ่ะย่ะค่ะ จะหยุดพักช่วงสั้นๆสำหรับรับประทานอาหารและให้น้ำแก่ม้าเท่านั้น เราควรจะถึงเมืองกังก่อนเย็นพรุ่งนี้"

"เราเดินทางได้ไกลถึงเพียงนั้นเลยหรือ แล้วพวกทหารและม้าจะเป็นอะไรหรือไม่" คนงามแสดงความเป็นห่วง

"ย่อมไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ กองกำลังพยัคฆ์ดำเคยชินกับการเดินทางไกลโดยไม่หยุดพัก ระยะทางแค่นี้ไม่ลำบากสำหรับพวกเขาแน่ แต่พระชายาอาจจะต้องทนลำบากบ้าง" ซือเย่ามองลู่อี่อย่างเป็นห่วง

"ข้าเป็นบุรุษย่อมอดทนได้"

ซือเย่ามองคนอวดอ้างว่าเป็นบุรุษ นอกจากหน้าอกที่แบนราบแล้วก็ไม่มีสิ่งใดเลยที่บ่งบอกว่าคนผู้นี้คือบุรุษไม่ว่าใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตาหงษ์ขนตายาวเป็นแพ ดวงหน้าเนียนนวลผ่องปากบางจิ้มลิ้มสีชมพูระเรื่อ เรือนผมอันยาวสลวยที่รวบครึ่งศรีษะไว้ด้วยผ้าสีเขียวอ่อนปราศจากเครื่องประดับใดๆ แม้ไร้เครื่องประทินโฉมแต่ก็ยังงดงามกว่าสตรีใดที่เขาเคยเห็นมา

"คุณชายอาหารมาแล้วขอรับ" เสี่ยวถงยกอาหารมาให้ ลู่อี่รับมาแล้วเอ่ยปากไล่เสี่ยวถง

"เจ้าไม่ต้องมารอปรนนิบัติข้าหรอก ไปรับประทานอาหารเสีย เดี๋ยวเราจะต้องออกเดินทางต่อ"

"แต่ว่า..."

"ไปเถอะ ท่านซือเย่าก็อยู่ ข้าไม่เป็นไรหรอก"

เสี่ยวถงจำต้องเดินไปตามแรงลากจูงของรองแม่ทัพ

"ท่านรองแม่ทัพ กรุณาปล่อยมือข้าเถิดขอรับ" เสี่ยวถงกระตุกมือที่ถูกโจวหงเจินกุมไว้

"ตามข้ามา ข้าจะขุนเจ้าให้อ้วนๆ จวนเจ้ากรมคลังเลี้ยงดูเจ้าอดๆอยากๆหรืออย่างไร" น้ำคำหยาบกระด้างแต่เสี่ยวถงต้องพยายามเม้มปากมิให้ยกยิ้ม

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   20.2

    "ผิดละ ข้าปล่อยปละละเลยพวกเจ้าสองคนพี่น้องมากเกินไปต่างหาก พวกเจ้าจึงคิดแผนการชั่วร้ายนี้ขึ้นมาได้ ออกไป แล้วอย่ามาให้ข้าเห็นหน้า" "แต่ว่าหยุนมู่.." เสียงคนยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงโครมดังขึ้นประดุจห้องทลาย ฟ่านลู่อี่ที่อยากจะลืมตาดูแต่ก็ลืมไม่ขึ้นได้แต่นอนน้ำตาไหลเงียบๆ เขาเป็นได้แค่ตัวหมากกระนั้นหรือ คนที่เขาเริ่มมีใจให้กลับเห็นเขาเป็นหมากตัวหนึ่ง เขาตั้งใจว่าจะร้องไห้เป็นครั้งสุดท้าย ... จะต้องหลุดพ้นจากวังวนนี้ให้ได้"พี่หยุนมู่ ข้าขออยู่เฝ้าลู่อี่เถอะนะ" อ๋องพยัคฆ์อ้อนวอน แต่กลับมีเสียงโครมใหญ่อีกครั้งแทน มีเพียงสุ่ยเซียนเท่านั้นที่เป็นพยานว่าฮ่องเต้และอ๋องพยัคฆ์ถูกฮองเฮาเตะกระเด็นทะลุประตูออกจากห้องไปอัดเสาฝั่งตรงข้าม "ทหาร!" หยุนมู่ตะโกนเรียก เหล่าทหารยามวิ่งมารวมแถวอย่างเป็นระเบียบต่อหน้าหยุนมู่ "พ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮา" "ถ่ายทอดคำสั่ง ปิดตำหนักห้ามฮ่องเต้และอ๋องพยัคฆ์เข้ามาเด็ดขาด แม้แต่คนของพวกเขาก็ห้าม เข้าใจหรือไม่" "พ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮา" "ดี ผู้ใดขัดคำสั่งข้า" หยุนมู่ทำมือปาดคอตัวเอง ใครจะกล้าขัดคำสั่งพวกเขายังรักชีวิตตัวเองอยู่นะ ไม่มีใครสนใจสองพี่น้องที่ยืนหน้าละห้อยอยู่ "

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   20.1

    อ๋องพยัคฆ์แทบจะวิ่ง ขันทีนำทางคงรู้อารมณ์เขาจึงเร่งฝีเท้านำเขาไป เปิดประตูห้องให้ พอเข้าไปได้อ๋องพยัคฆ์ก็พุ่งตัวไปหาฟ่านลู่อี่ที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง มือหนาลูบใบหน้างามอย่างทะนุถนอม คนป่วยยังซีดเซียวอยู่ แต่ก็ดูดีขึ้น "เจ้าไม่คิดจะทักพี่สาวคนนี้เลยรึ" เสียงสตรีดังขึ้น อ๋องพยัคฆ์จึงเพิ่งรู้สึกว่ามีผู้อื่นอยู่ในห้องด้วย "คารวะพี่หยุนมู่ พี่สุ่ยเซียน" อ๋องพยัคฆ์คารวะเร็ว "อาการของเขาเป็นอย่างไรบ้าง" เขานั่งลงข้างเตียง หยิบมือเย็นมาแนบแก้มสากด้วยหนวดที่ขึ้นไรครึ้ม "ป้อนยาที่ข้าปรุงทุกหนึ่งชั่วยามกับให้แช่น้ำร้อน เสริมด้วยปราณกรุยจุดชีพจรอีกวันละสองรอบ ข้าคิดว่าอาการน่าจะหายในเจ็ดวันนะ" สุ่ยเซียนตอบยิ้มๆ "เจ้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อนเถิด พวกเราเพิ่งป้อนยาน้องสะใภ้ไปไม่นาน เจ้าค่อยกลับมาก็ได้" หยุนมู่พูดอย่างใจดี คนที่อ๋องพยัคฆ์เชื่อฟังมากที่สุดคือหยุนมู่นี่เอง สำหรับฮ่องเต้ เชื่อฟังนั้นก็เชื่ออยู่ แต่ก็ตีกันบ่อยเช่นกัน อ๋องพยัคฆ์เดินสวนกับอาหลาน มันเดินขึ้นเตียงไปนอนข้างฟ่านลู่อี่แต่ถูกสุ่ยเซียนดุ "อาหลาน ตัวเจ้ามีแต่กลิ่นคาวเลือดไปให้เทียนเฉินอาบน้ำให้เลยนะ ไม่อย่างนั้นข

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   19.2

    ฮ่องเต้หลิวเทียนจินเป็นองค์ชายรองในรัชกาลก่อน หลังจากองค์ชายใหญ่ก่อกบฏ องค์ชายรอง องค์ชายห้าและองค์ชายแปดหนีตายไปหาแม่ทัพติงผู้เฒ่าผู้เป็นบิดาของแม่ทัพติงคนปัจจุบันที่ยามนั้นเป็นรองแม่ทัพอยู่กองทัพเดียวกับบิดา แม่ทัพติงยามนั้นเฝ้ารักษาชายแดนทางตะวันออกของแคว้นเจี๋ย เขาเป็นคนที่จงรักภักดีมากจึงได้รับความไว้วางพระทัยให้ไปรักษาชายแดน โดยหลานสาวของเขาติงสุ่ยเซียนที่อายุน้อยกว่าองค์ชายรองสองปีก็ได้หมั้นหมายกับองค์ชายรองตั้งแต่เด็ก ทั้งคู่เจอหน้ากันปีละครั้งยามแม่ทัพติงเข้ามาอวยพรวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ เด็กทั้งคู่นับว่ามีไมตรีที่ดีต่อกัน ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เสกสมรสกันก็เกิดกบฏขึ้นเสียก่อน แม่ทัพติงอยู่ชายแดนห่างไกลยกทัพมาช่วยไม่ทัน จึงแยกตัวออกจากราชสำนักรวบรวมกำลังคนเตรียมกลับไปช่วยฮ่องเต้พระบิดาขององค์ชายรอง เหล่าองค์ชายที่หนีตายมาพึ่งพาแม่ทัพติงมิได้ปล่อยเวลาสูญเปล่า พวกเขาถูกเคี่ยวกรำให้ฝึกการต่อสู้อย่างหนัก แม่ทัพติงทั้งคู่ มิได้อ่อนข้อให้พวกเขาแม้แต่น้อย พวกเขามีติงหยุนมู่พี่ชายของติงสุ่ยเซียนเป็นพี่เลี้ยง เขาแก่กว่าองค์ชายรองสองปีจึงสนิทสนมกันมาก ด้วยความที่ติงหยุนมู่แก่กว่า

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   19.1

    ฮ่องเต้นำกองทัพไปล้อมจับเจ้าเมืองโหย่วกวาน ได้ตัวตอนกำลังหลบหนีออกทางหลังจวน ขุนนางละโมบพยายามขนทรัพย์สินเงินทองไปด้วยจำนวนมากทำให้หนีไม่พ้น ไห่เสียงเตะมันล้มกลิ้งมาถึงหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ "เราเลี้ยงดูขุนนางไม่ดีรึ เจ้าจึงคิดกบฏ" ฮ่องเต้ถามทั้งที่ใบหน้ายังยิ้มอยู่แต่รอยยิ้มไปไม่ถึงแววตา "โปรดเมตตาด้วย กระหม่อมผิดไปแล้ว" คนโขกหัวจนหน้าผากแตกน้ำมูกน้ำตาไหลด้วยความกลัว"หึ" ฮ่องเต้ยิ้มหยัน คืนนั้นขุนนางที่อยู่ในรายชื่อว่าสมคบกับพวกกบฏของเมืองโหย่วกวานถูกฉุดกระชากลงมาจากเตียงยามดึก ครอบครัวบ่าวไพร่ถูกต้อนไปรวมกันที่หน้าศาลาว่าการประจำเมือง ชาวบ้านต่างพากันแตกตื่นตกใจ คบไฟถูกจุดสว่างไปทั้งเมือง ดุจดั่งกลางวัน เสียงซัดทอดความผิดดังระงม ฮ่องเต้เรียกหัวหน้ากองธงมาสองคน มอบหมายให้สอบสวนครอบครัวและบ่าวไพร่ของขุนนางเหล่านั้น ส่วนพวกคนในจวนเจ้าเมืองเป็นอีกสองกองธงจัดการสอบสวน ตัวเจ้าเมืองถูกล่ามขื่อทั้งที่โลหิตไหลท่วมหน้า "เงียบ!" ราชองครักษ์ผู้หนึ่งตวาด เกิดความเงียบครู่เดียวก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นอีก อาหลานคงทนไม่ไหว มันกระโดดขึ้นไปยืนบนหลังกำแพงส่งเสียงขู่คำรามอันทรงพลังก้องไปทั้งเน

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   18.2

    อ๋องพยัคฆ์สำรวจรอบๆ ด้วยสายตา ที่นี่คงเป็นค่ายของพวกกบฏ ไม่คิดเลยว่าจะอยู่ใกล้เมืองหลวงมากขนาดนี้ พวกมันคงจะรู้ตัวแล้วจึงถอนค่ายหนีอย่างรีบร้อนเช่นนี้ "ไม่เหลือสิ่งใดเลยพ่ะย่ะค่ะนอกจากเตาหลอม พวกมันน่าจะลักลอบผลิตอาวุธกันในถ้ำ" "มีรอยเกวียนมุ่งหน้าไปในป่า รอยล้อกดลึกบ่งบอกว่าบรรทุกของหนัก พ่ะย่ะค่ะ" นายกองอีกผู้หนึ่งรายงาน "ตามไปดูว่ารอยเกวียนนั้นสิ้นสุดลงที่ใด ส่งผู้หนึ่งไปแจ้งฮ่องเต้ให้เคลื่อนทัพต่อไป บอกให้สังเกตทางเกวียนทางด้านขวาที่ออกจากป่า ข้าคาดว่าถ้าเราไปตามทางน่าจะไปบรรจบกันด้านหน้า" เหล่าทหารที่ฝึกมาอย่างดีแยกกันไปทำตามคำสั่ง พวกเขาตามรอยมาจนยามซวี หรือประมาณหนึ่งทุ่มถึงสามทุ่ม จึงได้ตามทัน เส้นทางเกวียนนำมาถึงเชิงเขาของเมืองโหย่วกวาน เสียงดาบกระทบกันดังมาจากด้านหน้า อ๋องพยัคฆ์เห็นเหล่าทหารม้าของเขาสู้อยู่กับกองกำลังของถางจินเข่อ ทหารม้ามีจำนวนคนน้อยกว่ามากจึงเริ่มเพลี่ยงพล้ำ "วางดาบคนเป็น จับดาบคนตาย!" อ๋องพยัคฆ์ชูดาบตะโกนก้อง ตามด้วยเสียงคำรามของอาหลานทำให้กองกำลังของถางจินเข่อที่ได้ยินก็ขวัญเสีย พวกมันเข้าร่วมเป็นกบฏด้วยเห็นแก่ลาภยศเมื่อมาได้เจออ๋องพยัคฆ์ตัวจริ

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   18.1

    "มาช้านะท่านพี่" อ๋องพยัคฆ์แสยะยิ้มชักม้าออกจากที่กำบัง ผู้มาใหม่คืออดีตองค์ชายรองหรือฮ่องเต้ของแคว้นเจี๋ยหลิวเทียนจินนั่นเอง "ข้าต้องรอหมอหลวงต้มยา แถมกว่าจะเด็ดผลมังกรอัคคีได้ข้าถึงกับถูกน้ำในธารเดือดกระเด็นใส่เป็นรอยพุพองทีเดียวนะ" คนพูดคลำแขนตัวเองเหมือนเจ็บมากแต่ถูกคนที่มาด้วยขัดคอ "รอยพองเท่าเหรียญอีแปะถึงกับอาบน้ำเองมิได้ยกตะเกียบมิไหวต้องให้ข้าป้อนข้าวอยู่หลายมื้อเยี่ยงนั้นรึ" เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ใบหน้าเนียน คิ้วเฉียง ดวงตาแฝงความทระนงองอาจ แม้มิได้บึกบึนเช่นทหารส่วนใหญ่แต่ร่างกายแฝงด้วยกล้ามเนื้องดงามสมส่วน "เจ้าดูพี่สะใภ้เจ้าสิ ปรนนิบัติสามีนิดหน่อยก็บ่น" คนพูดทำปากยื่น "ยา" อ๋องพยัคฆ์พูดแค่คำเดียว ฟ่านลู่อี่ของเขาอาการหนักมากแล้ว คนพวกนี้ยังมาเล่นปาหี่ให้เขาดูอีก "เจ้าน้องคนนี้นี่ไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย ข้าหวังจะได้เห็นใบหน้าอื่นของเจ้าแท้ๆ เจ้าส่งน้องสะใภ้ให้ฮองเฮาเถอะ เขาจำเป็นต้องกลับไปแช่น้ำร้อนที่วัง ข้าเตรียมคนและรถม้าไว้ให้แล้ว ส่วนเจ้าต้องไปจับมุสิกกับข้า" คนสั่งแฝงอำนาจของผู้นำทำให้อ๋องพยัคฆ์จนใจ เรื่องบ้านเมืองก็สำคัญ เขาจำใจส่งฟ่านลู่อี่ให้บุรุษอี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status