Home / แฟนตาซี / ดอกหญ้าทะยานฟ้า / ชั้นบนของกระต๊อบ

Share

ชั้นบนของกระต๊อบ

Author: Sanassetong
last update Last Updated: 2025-09-29 15:39:07

เช้าวันรุ่งขึ้นเด็กน้อยตื่นมาด้วยความหอมกลิ่นกรุ่น เหมือนจะเป็นไก่ย่างที่ลอยเข้ามาปลุกนางในยามเช้า จากนั้นนางก็อ้าปากหาวหนึ่งครั้งแล้วมองไปทุกที่ก็ไม่เห็นว่าจะมีที่ทำอาหารที่ไหนเลย เด็กน้อยเปิดประตูออกไป ท่ามกลางม่านหมอกบาง ๆ แสงอาทิตย์แรกของวันลอดผ่านกิ่งไม้ใหญ่ ส่องกระทบกระต๊อบเล็กหลังนี้ ที่ตั้งอยู่กลางสวนเขียวชอุ่ม กระต๊อบไม้เรียบง่ายมุงหลังคาฟางดูอบอุ่นดั่งอ้อมกอดของธรรมชาติหน้ากระต๊อบเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ทั้งกุหลาบสีแดงสด ดอกเดซี่สีขาวสะอาด ดอกลาเวนเดอร์หอมหวานที่ส่งกลิ่นอบอวลไปทั่ว และดอกไม้ป่าหลากสีที่ชูช่อรับแสงตะวัน เกสรเล็ก ๆ พลิ้วตามลมบางเบา กลิ่นหอมอ่อนหวานลอยเคล้าไปกับเสียงนกร้อง เสมือนบทเพลงที่ต้อนรับวันใหม่ เด็หน้อยสูดหายใจเย็นเข้าไป หยดน้ำค้างที่เกาะบนกลีบดอกส่องประกายระยิบระยับราวอัญมณีเล็ก ๆ แสงอาทิตย์อุ่นละมุนตกกระทบผนังไม้ของกระต๊อบ ทำให้ทุกสิ่งรอบตัวดูอ่อนโยนและมีชีวิตชีวา บรรยากาศเต็มไปด้วยความสงบและความสดใสของรุ่งอรุณ เด็กน้อยยืนชมความงามได้สักพักก็จำได้ว่าตัวเองนั้นตามกลิ่นของไก่ย่างออกไปพอมองไปรอบๆก็ไม่เห็นมีไก่ย่างเลย

"เด็กน้อยเจ้าตื่นแล้วจะฝึกเลยหรือ ไม่กินอ่ะไรก่อนหรือ"

เสียงชายชรากล่าวขึ้น เสียงเขานั้นดังมาจากข้างบนเด็กน้อยจึงออกไปนอกกระต๊อบแล้วมองขึ้นไปก็พบว่าชายชรากำลังนั่งอยู่ข้างบน กลิ่นไก่ย่างก็อยู่บนนั้นเองและกลิ่นหอมของใบชาอ่อนๆนั้นก็ลอยมาจากด้านบน ชายชราผู้นั้นชี้มือไปทางยังด้านหลังของตัวกระต๊อบเด็กน้อยจึงเดินตามและเห็นทางขึ้นเป็นบันไดขนาดเล็กที่ตีติดไว้กับผนังของกระต๊อบซึ่งเดินขึ้นอย่างยากลำบากเด็กน้อยพยายามปีนขึ้นไปด้านบน ก็ต้องตกตลึงอีกครั้งในชีวิตนี้เขาไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนตอบที่มองว่าหลังเล็กนั้นข้างบนยังมีอีก 1 ชั้นซึ่งเป็นหลังคาฟางที่มุมออกมาประมาณครึ่งของอะตอมแล้วข้างล่างจะเป็นพื้นร่องมองเข้าไปยังใต้ฝั่งนั้นจะมีประตูที่แท้ผู้เฒ่าผู้นี้ก็นอนอยู่ชั้นนี้นี่เองข้างๆยังมีที่วางอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือนอีกด้วย และชายชราผู้นั้นก็นั่งอยู่ตรงกลาง โต๊ะข้างหน้าของเขาก็มีนกย่างประมาณสามตัวที่หั่นเป็นชิ้นแล้ว มีถ้วยผักหลายหลายชนิดที่ดองไว้ และในจานนั้นก็เหมือนกับผัดอะไรสักอย่าง แต่ในมือของชายชราคือถ้วยชาที่ส่งกลิ่นหอมลงไปด้านล่างนั่นเอง ที่แท้กระต๊อบเล็กๆของชายชราไม่ได้เล็กเลย แอบมีสองชั้น และชั้นบนมองดูแล้วก็น่าอยู่ไม่แพ้ด้านล่างเลย มีของที่ครบครัน เด็กน้อยมองดูขอใช้ในครัวเรือนทีมีพร้อม หม้อต้มยังอยู่บนเตาไฟที่ไฟนั้นกับแล้ว เด็กน้อยจึงคิดถึงเห็ดที่นางเห็นตอนเดินทางมาแต่นางไม่ได้เก็บเพราะว่านางไม่สามารถก่อไฟได้ นางมองดูแล้วอยากอยู่ที่นี่ หากอยู่ที่นี่ได้ตลอดก็คงจะดีถึงแม้ว่าไม่มีเส้นลมปราณฝึกวรยุทธแต่ถ้ามีชีวิตดีเพียบพร้อมแบบนี้แล้ว และไม่มีใครอื่นนอกจากเขาและชายชราก็คงจะดี

"เจ้าคิดอะไรละเด็กน้อย ข้าวอยู่บนเตาไปตักมากิน สถานที่นี้ให้เจ้าอยู่ชั่วคราวเท่านั้นและอย่าพึ่งอินไปกับมันมากนัก ตั้งแต่เจ้ามาเข้าก็เหมือนจะชอบมันมากแล้ว แต่ชีวิตของคนเราต้องเดินไปข้างหน้าเจ้าต้องโตเป็นผู้ใหญ่ ในการที่อยู่แบบนี้มันไม่ได้ปลอดภัยกับเจ้าไปตลอดหรอก ณ เวลานี้มีข้าอยู่ที่แห่งนี้มันคือที่ปลอดภัย แต่ถ้าหากวันใดที่ข้าไม่อยู่แล้ว เจ้าก็ต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง ตอนนี้เรามากินข้าวกันก่อนเดี๋ยวถ้าจะแนะนำและสอนเจ้าหุงหาอาหารเองด้วย"

ชายชรากล่าวขึ้น เด็กน้อยก็เดินเข้ามาแวะหาถ้วยและตักข้าวอย่างว่าง่าย นางตกมาสองถ้วยเพราะว่าตรงหน้าของชายฉลาดพวกนั้นไม่ได้มีถ้วยข้าวแต่มีเพียงแค่น้ำชาเท่านั้น เมื่อนางวางข้าวไว้ต่อหน้าชายชราและหน้าของตัวเองนั้นก็นั่งลง

"ท่านตาเจ้าคะข้างบนนี้ก็สวยงามทำไมท่านตาไม่ให้ข้ามาอยู่ข้างบนนี้ละเจ้าคะในเมื่อท่านตาก็แก่ชราในการปีนขึ้นมาก็ลำบาก"

เด็กน้อยกล่าวขึ้น

"จะให้เจ้ามาอยู่ข้างบนนี้ได้อย่างไรกันล่ะเจ้าจะอยู่เหนือผู้ใหญ่และอีกอย่างนะข้างบนนี้ยามร้อนก็ร้อนยามหนาวก็หนาว ส่วนตัวเจ้าเองยังไม่สามารถทนอุณหภูมิพวกนี้ได้ หากเจ้าอยู่ข้างในนั้นยามหนาวเจ้าก็ยังมีเตาผิงไฟ ส่วนข้าเจ้าก็รู้ว่าข้ามีวรยุทสามารถปรับเปลี่ยนอุณหภูมิได้ และเวลาขึ้นเจ้าเองก็ไม่ต้องเป็นห่วงข้าขนาดนั้น ข้าไม่จำเป็นต้องปีนบันใดเลยก็ได้เจ้าก็คงจะดูดี"

ชายชรากล่าวขึ้นและครีบเนื้อไก่หนึ่งชิ้นไปใส่ในชามของเด็กน้อย เด็กน้อยมองไปยังรอบข้าง ต้นไม้เล็กใหญ่มากหน้าหลายตา บางต้นถูกปกคลุมไปด้วยเถาของไม้เลื่อยและออกดอกบานสะพรั่ง มองดูหลังคาที่ยื่นออกมาจากห้องที่ท่านผู้เฒ่านอนแต่ไม่สุดกับพื้นที่ข้างบนตัวบ้าน

"แล้วหลังคายื่นไม่สุดแบบนี้เวลาฝนตกจะทำอย่างไรหรือเจ้าคะท่านตา"

เด็กน้อยถามด่วยความสงสัย พลางชี้ไปยังพื้นที่ที่ไม่มีหลังคาปกคลุม

"หากฝนตกก็เปียกสิ ตรงนั้นเป็นจุดใช้สำหรับฝึกยุทที่เจ้าขึ้นมานั่นเห็นไหม ที่ตรงนั้นจะเป็นที่ของเจ้าใช้เส้นยืดสายในเวลาเช้าของทุกๆวัน แต่หลังจากที่เจ้าตื่นนอน เจ้าก็ต้องปีนขึ้นมาแล้วทำอาหารสำหรับตัวเองและข้าด้วย เมื่อทำเสร็จเจ้าก็ต้องไปยืดเส้นยืดสาย รอข้าลุกขึ้นมากินข้าว"

ชายชรากล่าวขึ้น หลินซือหยาก็คีบอาหารเข้าปากและเคียวไปหนึ่งคำ

"ท่านตาเจ้าค่ะในการทำอาหาร ข้าเองยังไม่รู้วิธีจุดไฟด้วยซ้ำแล้วข้าจะทำได้เช่นไรเจ้าค่ะ"

เด็กน้อยถามขึ้น

"5555ทุกอย่างมันอยู่ในตำรา หนูน้อยเจ้าต้องได้เรียนก่อนถึงที่จะรู้ว่าทำได้อย่างไร ในตำราของข้ามันมีทั้งวิธีพุงหาอาหาร วิธีล่าสัตว์ขนาดเล็กมาทำอาหาร เจ้าของจะอ่านหนังสือได้ใช่หรือไม่"

ชายชราถามขึ้น

"ข้าก็เพิ่งจะเริ่มหัดอ่านเริ่มหัดเขียนจ๊ะท่านตา ยังไม่ค่อยเก่งสักเท่าไร"

เด็กน้อยตอบชายชรา

"ของทุกอย่างมันต้องเรียนรู้ดังนั้นก่อนที่จะฝึกอย่างอื่นเจ้าก็ต้องฝึกมันเขียนให้ได้เสียก่อนและทำกับข้าวข้าจะเป็นคนสอนเจ้าเอง"

ชายชรากล่าวขึ้นทั้งสองก็กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เตรียมพร้อมที่จะร่ำเรียนกัน ชายชรากลับมากระต๊อบครั้งนี้น่าจะอยู่ได้นานเพราะเขาต้องสอนให้เด็กผู้นี้ใช้ชีวิตให้ได้เสียก่อน เด็กน้อยวัยห้าหนาวจะประสีประสาอะไรเอาเข้าจริงๆเมื่อไหร่จะเริ่มเข้าบทเรียนคัมภีก็คงจะสอนให้นางรู้ในหลายๆอย่างแล้วอาจจะเป็นปีหรือสองปีก็ได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ผจญป่าฝึกใจ

    แสงอรุณแรกสาดลอดหมู่ไม้ ทาบเงาทาบพื้นดินเป็นริ้วทองอ่อนเสียงลมพัดผ่านยอดไม้ดัง “ซู่ซู่” คล้ายเสียงกระซิบจากวิญญาณโบราณในหุบเขาหนทางเบื้องหน้าเต็มไปด้วยหมอกขาวบาง ลึกลับราวม่านแห่งสวรรค์ที่กั้นระหว่างคนกับพลังลมปราณ หลินซื้อหยาย่างเท้าเข้าขึ้นอีกครั้งหลังจากพักผ่อนไปได้เล็กน้อย มือกำดาบไม้แน่น ในหัวใจไม่มีสิ่งใด นอกจากคำอาจารย์ที่ว่า“หากเจ้ามิอาจฝึกจิตให้สงบในหมู่ความวิเวก เจ้าก็ไม่มีวันก้าวข้ามขอบเขตวรยุทธได้”ทุกย่างก้าว นางต้องเผชิญทั้งความเงียบ ความหิว และความกลัวบางคืน เสียงสัตว์คำรามดังก้องในหุบเขาบางยาม ลมเย็นพัดผ่านจนเหมือนมีเงาผู้คนเดินตามอยู่ข้างหลัง แต่เมื่อหลับตาและปล่อยใจเข้าสู่สมาธิ นางกลับสัมผัสได้ถึงจังหวะของลมหายใจที่ผสานกับเสียงป่า ใบไม้ไหว คือการเต้นของพลังชีวิตสายน้ำที่ไหล คือการหมุนเวียนแห่งลมปราณและในที่สุด นางก็เข้าใจว่า “วรยุทธ มิได้อยู่ในคัมภีร์ แต่อยู่ในหัวใจผู้ไม่ยอมแพ้”ในป่า จากเด็กสาวที่กลัวเสียงสัตว์กลายเป็นนักยุทธที่ยืนหยัดได้กลางพายุฝนมือขวาจับดาบนิ่งสงบ ดวงตาแน่วแน่พลังภายในพลุ่งพล่านเหมือนสายน้ำที่ไหลกลับสู่ต้นธาร ราตรีนั้น ฟ้าปิดเงียบไร้ดา

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ก้าวแรกสู่ความกล้า

    เช้าวันต่อมาสองคนอาจารย์กับลูกศิษย์เมื่อกินข้าวกันเสร็จ ก็เตรียมตัวที่จะออกไปเดินป่าปกติเด็กน้อยจะไม่ค่อยได้ออกไปเดินป่าสักเท่าไหร่เพราะว่าในป่านั้นมันอันตรายชายชราจึงไม่อยากให้นางได้ไป แต่วันนี้นางมีวรยุทธถึงขั้นหนึ่งแล้ว นางจึงจำเป็นที่จะต้องหาประสบการณ์บ้าง ชายชราเพียงส่งเด็กน้อยไว้ในป่าที่เขาสามารถควบคุมได้และกลับไปยังเรือนของตัวเอง ยามที่เด็กน้อยผู้นี้ประสบภัยในป่านี้เขาก็จะได้รับรู้เป็นผู้แรกและจะมาช่วยนางได้ทันแน่นอน เมื่อนางเดินเพียงลำพังนางก็ขวัญคิดเมื่อนั้นทุกข์ได้ออกจากบ้านครั้งแรกตอนนั้นนางรู้สึกกลัวได้แต่เดินอยู่ในป่าแต่ณเวลานี้นางรู้สึกว่านางไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้วเพราะท่านอาจารย์บอกว่านางต้องหาประสบการณ์ในป่าต้องสู้กับสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร อาจารย์จะมารับในอีกสามวัน นางจะได้เผชิญโลกกว้างด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกนางรู้สึกตื่นเต้นมากๆ นางไม่รู้เลยว่าอยู่เฉยๆตัวเองจะมีวรยุทธ์ลำดับหนึ่งขึ้นมาได้อย่างไร แต่เอาเข้าจริงๆนางก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เพราะในความที่นางฝันนั้นมันเหมือนจริงมากๆ นางทรมานมากๆแล้วเป็นเวลานานเสียด้วย แต่ถ้าหากให้นางฝึกยุทแล้วทรมานขนาดนี้ แล้วมีวรยุทธ์เพียง

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ปักปิ่น

    ชายชราลงเขาเพื่อไปหาเครื่องประดับสำหรับสตรีสำหรับเขาแล้วไม่เคยชินสำหรับการสรรค์หาสักเท่าไหร่ หมู่บ้านเล็กๆที่มีของขายมากมายส่วนมากจะเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ไปจับจ่ายซื้อของที่ได้มาจากเขา นายพรานชอบล่าสัตว์ป่าบางประเภทที่หายากมาขาย แร่ธาตุต่างๆที่เหมาะสมสำหรับฝึกวรยุทธ์ รวมไปถึงส่วนใดส่วนหนึ่งของสัตว์ เช่นงาสัตว์และเขาสัตว์ที่หายากอีกต่างหาก เขาเดินเที่ยวหาเครื่องประดับสตรีอยู่ตั้งนาน"อ้า ไป๋อีเฟิงเจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะหาอะไรอยู่หรือเปล่า แต่ที่เจ้าหานั้นเป็นของสตรีนี่เจ้าจะหาไปให้ผู้ใดกันหรือ"เสียงชายชราผู้หนึ่งดังขึ้น มาแต่ไกลชายชราผู้นี้จึงมองไปที่เขา"อ่า เจ้าหม่าเหิง เป็นยังไงล่ะวันนี้ถึงมาเดินตลาดได้นะ"ชายชรากล่าวขึ้นเมื่อเห็นสหายเก่าเดินมาแต่ไกล"เขาว่าช่วงนี้มีหางยูนิคอร์นขายข้าเลยมาเดินดูเสียหน่อยเผื่อจะได้สักเส้น ว่าจะเอาไปต่อกระดูกเจ้าล่ะมาหาอะไรเห็นด้อมๆมองๆกับของพวกสตรีเหล่านี้ "ชายชราอีกคนถามขึ้น"ช่วงนี้ลูกศิษย์ของข้าจะมีอายุครบสิบห้าหนาวแล้ว ข้าจึงต้องทำพิธีปักปิ่นให้นางน่ะ ข้าจึงมาหาปิ่น เพราะเจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีปิ่น"ชายชรากล่าวขึ้น"เฮ้ เจ้ามีลูกศิษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก่อ

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ตื่นแล้ว

    ภาพนี้หยุดนิ่งอยู่เนินนานเลือดที่ออกจากทวารทั้งเจ็ดนั้นไม่ได้แห้งเหือดไปเหมือนไหลอยู่ตลอดเวลา ชายชราไม่ดื่มไม่กินยืนเฝ้าเด็กสาวผู้นี้และคอยฟังเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาตลอด พอถึงเช้าวันที่แปดเหมือนสีหน้าของเด็กสาวผู้นั้นจะดีขึ้นและเลือดเริ่มหยุดไหลแล้ว ลมหายใจของนางเร็วและถี่ขึ้นเหงื่อนั้นท่วมใบหน้า บางครั้งมีเส้นเลือดปูดวิ่งไปวิ่งมาตามตัว ชายชรามองด้วยความเห็นใจเด็กคนนี้กำลังจะต่อสู้กับดวงดาวที่ตนเลือกแล้ว ทางด้านเด็กน้อยกำลังลังเลว่าจะเลือกดาวดวงใดแต่อยู่ๆเหมือนสติก็ดับวูบลงไปพอได้สติอีกครั้งเหมือนแขนขาของเขาถูกตึงไว้ผิวหนังของนางร้อนระอุราวกับถูกไฟลวก อุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่าปกติ เลือดในกายขับเคลื่อนรวดเร็วราวน้ำเดือด ดวงตาร้อนฉานเหมือนเปลวเพลิงเผา ลมปราณถูกเร่งเร้าเกินขีดจำกัด คล้ายเชื้อไฟที่ถูกเติมไม่หยุด ทำให้เส้นลมปราณบางส่วนเหมือนจะถูฉีกแตกได้ หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกจากอก เสียงเลือดสูบฉีดดังสะท้อนในโสตประสาท รู้สึกเหมือนร่างกายถูกเผาจากด้านใน เลือดค่อย ๆ แห้งเหือด เป็นความทุกข์ที่ทรมานยิ่งนัก เหมือนว่ามันจะไม่รู้จักจบสิ้น เด็กน้อยพยายามฝืนทนกับความรู้สึกนี้ มันเหมือนจะก

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   เลือกดวงดาว

    เหมือนว่าแรกๆนางจะไปได้ไวมากแต่เหมือนตอนนี้ว่านางเริ่มจะชะงักแล้วชายชราจึงมองออกถึงปัญหาของนางว่าตอนนี้นางยังไม่สามารถที่จะสัมผัสกับดวงดาวได้ ตอนนี้นางแค่สัมผัสกับใจของตัวเองเพื่อไม่ให้จินตนาการไปให้เกิดความกลัวตอนนี้ใจนางบริสุทธิ์ก็จริง แต่ยังไม่สามารถรับพลังของดวงดาวได้ อาจจะเป็นเพราะว่านางกังวลเรื่องที่จะเลือกดวงดาวก็มีส่วน"คืนนี้ในการนั่งสมาธิเจ้าเงยหน้าไปมองดูดวงดาวนับร้อยนับพันพวกนั้นให้เจ้าจดจำสิ่งที่มันกระพริบให้ดีราวๆครึ่งคืนให้เจ้าหลับตาลงสู่สมาธิเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะเลือกดาวผิดหรือถูกตอนนี้เจ้าเป็นกังวลอยู่จึงทำให้ตัวเจ้าเองนั้นไม่มีความก้าวหน้า เจ้าจงคิดเสียว่าชีวิตเจ้ามาถึงขนาดนี้ได้มันดีแค่ไหนแล้ว การเลือกดวงดาวนั้นมันก็เป็นจังหวะของชีวิต มันจะมีดาวดวงหนึ่งที่สีสวยที่เจ้ามองแล้วก็ชอบนั่นแหละมันคือจังหวะชีวิตของเจ้าหากเจ้าเลือกมันมาแล้วมันเป็นดาวมรณะเจ้าก็ต้องทำใจว่าเจ้าต้องยอมตรงนี้ก่อน หากเจ้าไม่คิดที่จะเปลี่ยนเจ้ายังคิดกลัว เจ้าเองก็ไม่มีวันที่จะก้าวหน้า"ชายชรากล่าวกับเด็กน้อยวัยเจ็ดหนาว เด็กน้อยทำหน้าตาราวกับฟ้าจะถล่ม มันเป็นความรู้สึกกลัวจริงๆ จิตใจของนางก็กล

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   จิตนาการ

    "ท่านอาจารย์เจ้าคะแล้วคัมภีร์ที่ท่านอาจารย์ให้ข้าศึกษานั้นมันมีทั้งหมดกี่เล่มหรือเจ้าคะ แล้วข้าต้องไปหาจากที่ใด"เด็กน้อยถามขึ้นด้วยความสงสัย"มันจะมีกี่เล่มหรือไปหาที่ใดนั้นท่านอาจารย์ไม่สามารถรับรู้ได้ หากเจ้ามีบุญวาสนาเกี่ยวกับมันเจ้าก่อจะได้สัมผัสกับมันเอง บางครั้งอาจจะเป็นคัมภีร์เล่มๆแบบนี้หรือเจ้าอาจจะสัมผัสด้วยตัวของเจ้าเอง แล้วเจ้าก็จะได้เห็นวิชามันมาในรูปแบบต่างๆเอง อาเป็นว่าตอนนี้เราเริ่มบทเรียนบทแรกเพื่อที่จะให้เจ้าได้เปิดเส้นลมปราณฝึกวรยุทธ์เสียก่อนเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น"จะฝึกได้อย่างไรหรือเจ้าคะในเมื่อเขาให้ฝึกตอนกลางคืน ให้ไปนั่งสมาธิรับแสงดวงดาวเพื่อที่จะให้แสงแห่งพลังข้ามาในร่างกายให้มันมากๆ"เด็กน้อยกล่าวขึ้น"ใช่แล้วแหละเขาให้เจ้ามานั่งสมาธิเพื่อที่จะรับแสงจากดวงดาวแต่ตอนกลางวันนั้นเจ้าก็ยังต้องฝึกร่างกายเหมือนเดิมนั่นก็คือยืนขาข้างเดียวให้มั่นคงเสียก่อนไปเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น เด็กน้อยก็ทำตาม ณ เวลานี้นางเริ่มที่จะยืนขาเดียวได้แบบไม่เซแล้วเล็กน้อยแต่ใช้เวลาไม่นานนางก็ต้องเปลี่ยนใช้ขาอีกข้างนึงสลับกันไปในหนึ่งวัน นางก็รู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว แต่นี้ท่านอาจารย์ยังจะให้นั่ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status