공유

บทกวี

작가: Sanassetong
last update 최신 업데이트: 2025-09-29 15:40:42

หลังจากกินข้าวเสร็จชายชราก็พาเด็กน้อยลงไปด้านล่างเพื่อที่จะไปหาหนังสือตำหรับตำราเขาหยิบหนังสือออกมา แล้วไสคืนที่ ชายชราเดินหยิบไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็ได้ตำรามาสองเล่มและสมุดเปล่าอีกหนึ่งเล่ม ก่อนที่จะเดินหาผู้กันและหมึก

"ได้ของครบแล้วป่ะขึ้นไปเรียนด้านบนกันเถอะ"

ชายชรากล่าวขึ้นและพาเด็กน้อยขึ้นไปด้านบน เขาโบกมือหนึ่งครั้งทำให้โต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงกลางนั้นไหลมาอยู่ตรงริมจุดที่เด็กน้อยปีนขึ้นมา ชายชราไม่ได้ปีนขึ้นมาดั่งที่ตัวเองพูด เผลอแป๊บเดียวเขาก็ขึ้นมาข้างบนได้แล้ว เด็กน้อยหลินซือหยาได้แต่คิดในใจอีกสักกี่ปีนะ นางถึงจะสามารถเหาะขึ้นมาข้างบนได้แบบนี้

"มานั่งเถอะ ข้าต้องสอนหนังสือให้เจ้าก่อนให้เจ้าก่อน เจ้าจะได้รู้ตัวหนังสือแล้วเจ้าจะได้ศึกษาตำราด้วยตัวเอง"

ชายชรากล่าวขึ้น

"แบบนั้นท่านตาให้ข้าเขียนให้ดูก็ได้นะเจ้าคะเพราะว่านั้นก็ได้ร่ำเรียนมาด้วยตัวเองบ้าง ข้าเคยเอาตำราของพี่ชายของข้ามาฝึกฝน การเขียนอักษรบ้างแล้ว การเริ่มเขียนนั้นน่าจะไม่ค่อยจำเป็นสักเท่าไหร่ แต่ข้าอาจจะเขียนคำยากๆไม่ได้ และไม่รู้ความหมายของมันเท่านั้นเจ้าค่ะ"

เด็กน้อยกล่าวขึ้น ชายชราจึงนำสมุดเปล่าและก็นำหมึกมาวางให้นางลองเขียนอักษรต้นดูก่อน สักพักใหญ่ๆชายชรามาตรวจดูก็พบว่าโอเคเด็กผู้นี้เป็นหนังสือจริงๆด้วย แถมลายมือของนางนั้นสวยงามอีกต่างหาก ดีถ้าอย่างนั้นเจ้าเปิดตำราหัดเขียนหน้านี้เกียวกับบทกวีหน้าที่สิบสองแล้วลอกให้ข้าดูสักนิด ชายชราเปิดแล้วอ่านให้เด็กน้อยฟัง

"บทกวี

ลมพัดหวนผ่านฟ้าเวิ้งว้าง

ดวงจันทร์ส่องกลางธารามืดมิด

เงาดาบหนึ่งฟาดสะท้านสวรรค์

เลือดหยดเดียวสะเทือนภูผานับพัน

ใจผู้กล้าไร้พันธะเหนี่ยวรั้ง

ดั่งมังกรล่องลอยในห้วงหมอก

กระบี่มิใช่เพื่อเข่นฆ่า

หากเพื่อพิทักษ์ใต้หล้าสงบสุข

บทนี้ให้เจ้าลอกให้ครบทุกตัวอักษรเขียนสิบรอบ ในแต่ละรอบให้เจ้าสังเกตุและคิดตาม"

ชายชรากล่าวขึ้นและเหาะไปข้างล่างเพื่อให้เด็กน้อยฝึกเขียนด้วยตัวเอง กลอนบทนี้มีความหมายแฝง หากเด็กผู้นี้หัวทื่อจริงจะไม่มีวันเข้าใจ เขาก็จะให้นางเขียนทุกวันวันนี้เขียนสิบจบ หากนางกล่าวความหมายออกมาไม่โดนใจเขา วันพรุ่งนี้ก็ให้นางเขียนอีกสิบห้าจบ และวันต่อไปอีกยี่สิบจบ เพิ่มขึ้นอีกวันละห้าจบเรื่อยๆ เมื่อเด็กน้อยได้รับภารกิจมาว่าต้องคัดหนังสือให้ได้สิบจบก็เริ่มจะไม่พอใจเสียแล้วเนื่องจากว่าเด็กน้อยวัยห้าหนาวยังติดที่จะเล่นอยู่เลย วันแรกคัดได้สิบจบนางก็ใช้เวลาตั้งแต่เช้าจนถึงตอนเย็น เมื่อชายชรากลับมานางก็เสร็จแล้ว เมื่อมาถึงแล้วชายชรายังไม่ได้ตรวจงานทันทีพานางมาทำกับข้าว เขาสอนนางก่อไฟเป็นอันดับแรก ชายจะทำให้นางดูนั้นมันง่ายดายนิดเดียว แต่เอาเข้าจริงๆมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเนื่องจากว่านางไม่สามารถเสกไฟเหมือนเขาได้

"555+เจ้าทำไม่ได้เพราะยังไม่มีวรยุทธ แต่เราสามารถทำมันขึ้นมาด้วยมือป่าวได้"

ชายชรากล่าวขึ้น และโบกมือดับไฟที่เสกให้นางดู แล้วนำเศษไม้มาวาง ชายชราแบมือขึ้นก็มีหัวหินสองก้อนขนาดเล็กอยู่ในมือ เขาจึงเอาหินมากระทบกันสามครั้งประกายไฟก็เกิดขึ้นเขากระทบกันใกล้ๆกับเศษไม้ที่วางไว้ ทำให้มีไฟขึ้นเล็กน้อยแล้วเขาก็นำเศษไม้ขึ้นมาให้มันติดไฟแล้วก็นำถ่านไม้ที่อยู่ด้านล่างขึ้นมาแล้วก็วางไว้บนไฟสักพักใหญ่ๆถ่านไม้นั่นก็ติดไฟ

"ท่านตานี้มันหินอะไรกันจ๊ะทำไมมันติดไฟง่ายขนาดนั้น"

เด็กน้อยถามขึ้น

"ก็หินของตาไงนี่เอาไว้เจ้าต้องติดตัวไว้เผื่อเวลาเจ้าหุงหาอาหารเจ้าต้องใช้มัน"

ชายชรากล่าวขึ้นและยื่นหินให้เด็กสาว ชายชราชี้ไปที่อุปกรณ์ต่างๆแล้วบอกชื่อบอกนามและบอกว่ามันใช้ทำอะไรบ้างเครื่องปรุงมีอะไรบ้างให้รสชาติอย่างไร และวันนี้ชายชราก็ได้ปลามาสามตัว เขาก็เริ่มทำปลามีดใหญ่ไปที่อยู่ในมือเขาตวัดไปมาอย่างช่ำชองไม่นานก้างปลาก็ถูกเลาะออกชายชราต้มน้ำไว้ทั้งที่ยังไม่ใส่เครื่องปรุงอะไรลงไป พอน้ำเดือดเขาก็เอาเนื้อปลาลงไปทันทีไม่นานเครื่องปรุงแล้วเครื่องปรุงเล่าก็ลงไปเลยหม้อน้ำนั้น พร้อมกับผักอีกหนึ่งชามใหญ่ๆก็ลงไปแล้วก็ปิดหม้อ

"ท่านตาไม่ชิมก่อนหรือเจ้าค่ะ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าอร่อยหรือไม่"

เด็กน้อยสงสัย

"เจ้าไม่เห็นข้าทำหรอกหรือ ข้าใช้หลักความจะไม่ใช้หลักการชิม เดี๋ยวสักครู่ก็เสร็จแล้วจะได้รู้ว่าอร่อยหรือไม่"

ชายชรากล่าวขึ้น ไม่นานเนื่อปลากับผักที่อยู่ในหม้อก็ส่งกลิ่นหอมออกมาไม่นานน้ำแกงปลาก็สุกแล้ว ทั้งสองคนมานั่งกินอาหารกัน

"วันนี้เจ้าเขียนบทกวีเป็นอย่างไรบ้าง"

ชายชราถามขึ้น

"ข้าเขียนครบสิบรอบแล้วเจ้าคะ"

เด็กน้อยตอบขึ้น

"อ้าหากครบแล้ว ความหมายของมันล่ะเจ้าให้ความหมายของมันว่าอะไร"

ชายชราถามขึ้นเด็กเราก็ไม่สามารถตอบได้นางพยายามอ่านและสังเกตดูแล้วก็ยังไม่รู้ความหมายของมันอยู่ดี เนื่องจากว่านางเองเป็นเด็กเพียงวัยห้าหนาวจะรู้อะไรมากมายขนาดนั้น

"อ้าไม่เป็นไร พรุ่งนี้เจ้าเขียนเพิ่มอีกห้าจบเป็นสิบห้าจบ ข้าเชื่อว่าต้องมีสักครั้งที่เจ้าจะรู้ความหมายของมัน"

ชายชรากล่าวขึ้น ทำให้เด็กน้อยรู้สึกว่ามันหนักหนาไปสำหรับตัวเอง นางแสดงออกทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด

"อะไรกันไหนเจ้าว่าเจ้าจะอดทนเรียนคัมภีร์กับข้า แล้วดูนี้สิขนาดเรียนบทกวีเล็กๆขนาดนี้เจ้ายังอดทนกับมันไม่ได้ เจ้ายังไม่พยายามหาความหมายของมัน แล้วคำภีร์ที่พูดเราพูดคุยกันนั้นเจ้าจะได้เรื่องหรือไม่เล่า"

ชายชรากล่าวขึ้น

"ได้เจ้าคะท่านตา พรุ่งนี้ข้าจะเขียนอีก"

เด็กน้อยกล่าวขึ้นและกินข้าวเสร็จนางก็ไต่ลงไปด้านล่างและอาบน้ำเตรียมที่จะนอนแต่นางก็เอาบทกวีนี้มาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าในวันต่อมานางก็หุงหาอาหารเสร็จก็เริ่มเขียนบทกวีสิบห้าจบแต่นางก็ยังไม่สามารถบอกความหมายของมันวันต่อมาน้ำก็เขียนอีกยี่สิบจบก็ยังไม่สามารถบอกความหมายที่แท้จริงของมัน จนชายชราเริ่งหนักใจว่านางจะไปได้รอดหรือไม่ เขาพยายามไม่สอบถามมาแต่นางก็จะมาอธิบายให้เขาฟังซึ่งมันยังไม่ตรงประเด็นมาก เจ็ดวันผ่านไปชายชราคิดว่านี้จะให้โอกาสนางเป็นครั้งสุดท้ายถ้าไม่ได้ก็จะต้องหาบทใหม่ให้นางศึกษา จะต้องหาบทที่ง่ายกว่านี้ ในค่ำวันนั้นนางเขียนบทกวี่ไปแล้วสี่สิบจบ นางวางบทกวีที่เขียนภายในวันนี้ให้ท่านอาจารย์ดูและก็พูดความหมายให้เขาฟัง

"บทกวีนี้สื่อถึง ผู้กล้าในยุทธภพ ผู้มีพลังยิ่งใหญ่แต่ไม่ยึดติดกับอำนาจหรือชื่อเสียง เขาใช้กระบี่ไม่ใช่เพื่อเข่นฆ่า หากเพื่อพิทักษ์โลกให้สงบสุข เปรียบเหมือน มังกรผู้โดดเดี่ยวในฟ้าเวิ้งว้าง ที่ดำรงอยู่เหนือความมืดมิดและความวุ่นวาย"

นางกล่าวจบชายชราก็ยิ้มเขาดีใจมากนางตีความหมายได้สำเร็จแล้ว

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ขัดเกาจิตใจ

    เด็กน้อยหลินซือหยาเมื่อเห็นชายชรานั้นยิ้มตอบ ตนก็รู้แล้วว่าตนตอบคำถามได้ถูกต้องตามที่ชายชราปรารถนา เด็กน้อยคุกเข่าลงและคำนับท่านผู้เฒ่าสามครั้ง "ข้าขอกราบท่านตาเป็นอาจารย์นะเจ้าคะ เพราะในตำราบอกว่าถ้ามีอาจารย์จะทำให้ข้าเข้าใจในบทความทุกบทความได้เร็วขึ้น"เด็กน้อยหลินซือหยากล่าวขึ้น เจ็ดวันที่ผ่านมาเขาไม่ใช่แค่จดบทกวีและดูความหมายของมันเท่านั้น เขายังมองไปดูหน้าอื่นๆเผื่อหน้าอื่นๆจะซ่อนความหมายของบทกวีนี้ และหนังสือหน้าอื่นๆก็แสดงให้เรารู้เพียงว่าหากเป็นศิษย์มีครูย่อมประสบผลสำเร็จได้เร็วขึ้น เด็กน้อยผู้นี้ก็นับถือชายชราผู้นี้อยู่แล้ว ยกให้เขาเป็นครูได้เลย"เจ้าเด็กผู้นี้รู้จักพูดดีนัก ได้ข้าจะรับเจ้าไว้เป็นศิษย์เพียงผู้เดียว555 มาข้าจะตีความหมายแต่ละตอนให้ฟัง วันนี้คำตอบของเจ้านั้นโดนใจและตรงใจและตรงประเด็นมาก"บทแรก ลมพัดหวนผ่านฟ้าเวิ้งว้าง ดวงจันทร์ส่องกลางธารามืดมิดมักก็คือบรรยากาศแห่งความเวิ้งว้างว่างเปล่า สะท้อนถึงโลกที่เต็มไปด้วยความมืด ความทุกข์ หรือความไม่แน่นอน แต่ยังมีแสงจันทร์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง ความจริง และความสว่าง ที่คอยนำทางบทที่สองเงาดาบหนึ่งฟาดสะท้านส

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   บทกวี

    หลังจากกินข้าวเสร็จชายชราก็พาเด็กน้อยลงไปด้านล่างเพื่อที่จะไปหาหนังสือตำหรับตำราเขาหยิบหนังสือออกมา แล้วไสคืนที่ ชายชราเดินหยิบไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็ได้ตำรามาสองเล่มและสมุดเปล่าอีกหนึ่งเล่ม ก่อนที่จะเดินหาผู้กันและหมึก"ได้ของครบแล้วป่ะขึ้นไปเรียนด้านบนกันเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้นและพาเด็กน้อยขึ้นไปด้านบน เขาโบกมือหนึ่งครั้งทำให้โต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงกลางนั้นไหลมาอยู่ตรงริมจุดที่เด็กน้อยปีนขึ้นมา ชายชราไม่ได้ปีนขึ้นมาดั่งที่ตัวเองพูด เผลอแป๊บเดียวเขาก็ขึ้นมาข้างบนได้แล้ว เด็กน้อยหลินซือหยาได้แต่คิดในใจอีกสักกี่ปีนะ นางถึงจะสามารถเหาะขึ้นมาข้างบนได้แบบนี้"มานั่งเถอะ ข้าต้องสอนหนังสือให้เจ้าก่อนให้เจ้าก่อน เจ้าจะได้รู้ตัวหนังสือแล้วเจ้าจะได้ศึกษาตำราด้วยตัวเอง"ชายชรากล่าวขึ้น"แบบนั้นท่านตาให้ข้าเขียนให้ดูก็ได้นะเจ้าคะเพราะว่านั้นก็ได้ร่ำเรียนมาด้วยตัวเองบ้าง ข้าเคยเอาตำราของพี่ชายของข้ามาฝึกฝน การเขียนอักษรบ้างแล้ว การเริ่มเขียนนั้นน่าจะไม่ค่อยจำเป็นสักเท่าไหร่ แต่ข้าอาจจะเขียนคำยากๆไม่ได้ และไม่รู้ความหมายของมันเท่านั้นเจ้าค่ะ"เด็กน้อยกล่าวขึ้น ชายชราจึงนำสมุดเปล่าและก็นำหมึกมาวางให้นางลองเ

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ชั้นบนของกระต๊อบ

    เช้าวันรุ่งขึ้นเด็กน้อยตื่นมาด้วยความหอมกลิ่นกรุ่น เหมือนจะเป็นไก่ย่างที่ลอยเข้ามาปลุกนางในยามเช้า จากนั้นนางก็อ้าปากหาวหนึ่งครั้งแล้วมองไปทุกที่ก็ไม่เห็นว่าจะมีที่ทำอาหารที่ไหนเลย เด็กน้อยเปิดประตูออกไป ท่ามกลางม่านหมอกบาง ๆ แสงอาทิตย์แรกของวันลอดผ่านกิ่งไม้ใหญ่ ส่องกระทบกระต๊อบเล็กหลังนี้ ที่ตั้งอยู่กลางสวนเขียวชอุ่ม กระต๊อบไม้เรียบง่ายมุงหลังคาฟางดูอบอุ่นดั่งอ้อมกอดของธรรมชาติหน้ากระต๊อบเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ทั้งกุหลาบสีแดงสด ดอกเดซี่สีขาวสะอาด ดอกลาเวนเดอร์หอมหวานที่ส่งกลิ่นอบอวลไปทั่ว และดอกไม้ป่าหลากสีที่ชูช่อรับแสงตะวัน เกสรเล็ก ๆ พลิ้วตามลมบางเบา กลิ่นหอมอ่อนหวานลอยเคล้าไปกับเสียงนกร้อง เสมือนบทเพลงที่ต้อนรับวันใหม่ เด็หน้อยสูดหายใจเย็นเข้าไป หยดน้ำค้างที่เกาะบนกลีบดอกส่องประกายระยิบระยับราวอัญมณีเล็ก ๆ แสงอาทิตย์อุ่นละมุนตกกระทบผนังไม้ของกระต๊อบ ทำให้ทุกสิ่งรอบตัวดูอ่อนโยนและมีชีวิตชีวา บรรยากาศเต็มไปด้วยความสงบและความสดใสของรุ่งอรุณ เด็กน้อยยืนชมความงามได้สักพักก็จำได้ว่าตัวเองนั้นตามกลิ่นของไก่ย่างออกไปพอมองไปรอบๆก็ไม่เห็นมีไก่ย่างเลย"เด็กน้อยเจ้าตื่นแล้วจะฝึกเลยหรือ

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   กระต๊อบไม้หลังเล็ก

    พวกเขาทั้สองเดินไปเรื่อยๆ เสียงก้าวเดินแผ่วเบาดังก้องไปพร้อมกับเสียงใบไม้ไหว เสียงน้ำหยดจากกิ่งไม้สูงตกลงใส่พื้นอย่างแผ่วพร่า บางคราวมีเสียงนกประหลาดร้องยาวคล้ายท่วงทำนองสวดสรรเสริญ ก้องสะท้อนในหุบเขา ละม้ายเสียงเพลงจากโลกอื่น ทำให้ผู้เดินทางต้องหยุดฟังราวกับถูกสะกด เสียงนั้นพาให้ใจว่างเปล่า ลอยคว้างอยู่ในภวังค์ เด็กน้อยซือหยาหยุดเดินเป็นช่วงๆคอยฟังเสียงต่างๆ "เจ้าเหมือนจะสนใจสิ่งรอบข้างมากมายนะ รอให้เจ้าฝึกฝนให้ได้เสียก่อน ข้าจะปล่อยให้เจ้าเดินผจญภัยในป่าแห่งนี้ บอกเลยว่าสนุกเลยทีเดียว ป่าแห่งนี้มีทั้งสมุนไพรมากมาย แถมมีของหายากอีกเยอะแยะ แล้วยังมีสัตว์วิเศษที่รอให้เจ้าเป็นเจ้าของอยู่ แต่มันต้องรอให้ถึงเวลาของมันเสียก่อน"ชายชรากล่าวขึ้น เพราะเห็นเด็กผู้นี้เดินไปด้วยหยุดไปด้วยและบางครั้งก็เหมือนกับนางอินกับเสียงนกร้องเสียงกา"จริงเหรอจ๊ะท่านตาข้าจะได้มาเที่ยวในป่านี้อีกครั้งด้วยหรือ แต่เราสองคนจะเดินนานแค่ไหนล่ะถึงจะถึงที่ที่ท่านตาอยู่"เด็กหลินซือหยากล่าวขึ้น"ก็เดินทั้งวันแหละวันนี้พอตกค่ำปุ๊บก็ถึงที่พักของข้าทันทีเจ้านิใจร้อนไปได้ ทีเดินป่ามาตั้ง เจ็ดแปดวันยังไม่เห็นจะรีบร้อนเลย"

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ใบไม้ยักษ์

    ขนาดพวกเขาใช้ใบไม้ยักษ์ในการเดินทางยังใช้เวลาไปตั้งนาน แรกๆหลินซือหยายังมองไปข้างล่างอย่างสนใจ เด็กน้อยตื่นเต้นมากต้นไม้ใบสีเขียวแก่เขียวอ่อนสลับกันไป บางต้นก็มีดอกมีผลด้วย นางมองด้วยความเสียดายถ้าใบไม้นี้บินต่ำกว่านี้ก็คงจะเก็บผลไม้มาไว้กินได้ ผลไม้แล้วผลไม้เล่าผ่านใต้ท้องพวกเขาไปอย่างนาเสียดาย หลินซือหยาชะเง้อไปมองผลไม้ที่ผ่านไป"ผลไม้ในป่านี้ตอนนี้มันลูกเล็กอยู่ถ้าหากอยู่ใกล้ๆบนเขานู้นจะลูกใหญ่กว่านี้ หรือว่าเจ้าหิวแล้วหรือถึงมองผลไม้ขนาดนั้น"ชายชรากล่าวถาม"ผลไม้มีลูกใหญ่กว่านี้อีกหรือจ๊ะท่านตา ไหนท่านบอกว่าท่านเป็นนักยุทธพเนจรแล้วทำไมรู้จักสถานที่นี้ดีจังเลยนะท่านตา"เด็กน้อยถามด้วยความสงสัย"เจ้าไม่รู้หรอกหรือที่ที่อยูห่างไกลผู้คนนั่นแหละที่จะมีอะไรดีๆเด็ดๆ และที่ข้าบอกว่านักยุทธพเนจรก็ไม่ได้บอกว่าไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากมายนี่เจ้ายังเด็กมากนัก สถานที่นี้ก็ได้มาบำเพ็ญแล้วไม่ต่ำกว่าห้าครั้งทุกๆสี่ห้าปีข้าก็จะมาหนึ่งครั้ง เพราะข้างบนนั้นมันมีไอวิเศษที่เข้มข้นเหมาะกับการฝึกยุท"ชายชรากล่าวขึ้น "จริงหรือจ๊ะท่านตา แล้วท่านว่าบิดาของข้าจะรู้หรือไม่ว่าข้างบนนี้มีไอวิเศษเข้มข้น"เด็กหลิ

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   นักยุทพเนจร

    เมื่อชายชราผู้นี้ลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เห็นเด็กสาวผู้นี้นอนอยู่ ตอนนี้พลังของเขากลับมาเหมือนเดิมแล้ว พิษที่ได้รับก็หายไปหมดแล้ว สมุนไพรในป่านี้ช่างวิเศษเสียเหลือเกิน ตั้งนานเด็กน้อยผู้นั้นก็ลืมตาตื่นขึ้นมา เขามองชายชรานั่งอยู่ใกล้ๆแล้วก็รู้สึกอับอายที่ตัวเองนั้นเผลอหลับไป"เด็กน้อยเจ้ามีความเป็นมาอย่างไรทำไมถึงมาอยู่ในป่าลึกคนเดียวแบบนี้"ชายชราถามขึ้น หลินซือหยาไม่รู้ว่าจะพูดออกมาได้ไหม หากว่าพูดว่าตัวเองถูกไล่จากหมู่บ้านเพราะว่าไม่มีเส้นลมปราณฝึกวรยุทธก็กลัวว่าชายชราผู้นี้จะรังเกียจตน แต่คิดไปคิดมาหากชายชราผู้นี้จะรังเกียจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทุกๆคนในหมู่บ้านก็รู้ว่านางไม่มีเส้นลมปราณฝึกวรยุทธ อาจจะมีคนรู้เพิ่มอีกสักคนคงไม่เป็นไรกะมัง"ท่านตาเจ้าค่ะข้ามันคนไร้ค่า ข้าถูกไล่ออกจากหมู่บ้านเพราะว่าข้าไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแท่งตรวจเส้นลมปราณให้มีสีได้ คนในหมู่บ้านบอกว่าข้าเป็นคนไร้ค่าและไม่อยากให้ข้าอยู่ในหมู่บ้านนั้นเจ้าค่ะ ข้าจึงต้องมาอยู่ในป่าแห่งนี้ และทิศทางที่ข้าจะไปนั้นก็คือภูเขาเจ้าคะข้าต้องขึ้นไปอยู่บนภูเขานั้น"เด็กน้อยหลินซือหยากล่าวขึ้น"โธ่เด็กน้อยแล้วเจ้ามีนามว่าอะไรหรือ แล้ว

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status