Share

บทกวี

Author: Sanassetong
last update Last Updated: 2025-09-29 15:40:42

หลังจากกินข้าวเสร็จชายชราก็พาเด็กน้อยลงไปด้านล่างเพื่อที่จะไปหาหนังสือตำหรับตำราเขาหยิบหนังสือออกมา แล้วไสคืนที่ ชายชราเดินหยิบไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็ได้ตำรามาสองเล่มและสมุดเปล่าอีกหนึ่งเล่ม ก่อนที่จะเดินหาผู้กันและหมึก

"ได้ของครบแล้วป่ะขึ้นไปเรียนด้านบนกันเถอะ"

ชายชรากล่าวขึ้นและพาเด็กน้อยขึ้นไปด้านบน เขาโบกมือหนึ่งครั้งทำให้โต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงกลางนั้นไหลมาอยู่ตรงริมจุดที่เด็กน้อยปีนขึ้นมา ชายชราไม่ได้ปีนขึ้นมาดั่งที่ตัวเองพูด เผลอแป๊บเดียวเขาก็ขึ้นมาข้างบนได้แล้ว เด็กน้อยหลินซือหยาได้แต่คิดในใจอีกสักกี่ปีนะ นางถึงจะสามารถเหาะขึ้นมาข้างบนได้แบบนี้

"มานั่งเถอะ ข้าต้องสอนหนังสือให้เจ้าก่อนให้เจ้าก่อน เจ้าจะได้รู้ตัวหนังสือแล้วเจ้าจะได้ศึกษาตำราด้วยตัวเอง"

ชายชรากล่าวขึ้น

"แบบนั้นท่านตาให้ข้าเขียนให้ดูก็ได้นะเจ้าคะเพราะว่านั้นก็ได้ร่ำเรียนมาด้วยตัวเองบ้าง ข้าเคยเอาตำราของพี่ชายของข้ามาฝึกฝน การเขียนอักษรบ้างแล้ว การเริ่มเขียนนั้นน่าจะไม่ค่อยจำเป็นสักเท่าไหร่ แต่ข้าอาจจะเขียนคำยากๆไม่ได้ และไม่รู้ความหมายของมันเท่านั้นเจ้าค่ะ"

เด็กน้อยกล่าวขึ้น ชายชราจึงนำสมุดเปล่าและก็นำหมึกมาวางให้นางลองเขียนอักษรต้นดูก่อน สักพักใหญ่ๆชายชรามาตรวจดูก็พบว่าโอเคเด็กผู้นี้เป็นหนังสือจริงๆด้วย แถมลายมือของนางนั้นสวยงามอีกต่างหาก ดีถ้าอย่างนั้นเจ้าเปิดตำราหัดเขียนหน้านี้เกียวกับบทกวีหน้าที่สิบสองแล้วลอกให้ข้าดูสักนิด ชายชราเปิดแล้วอ่านให้เด็กน้อยฟัง

"บทกวี

ลมพัดหวนผ่านฟ้าเวิ้งว้าง

ดวงจันทร์ส่องกลางธารามืดมิด

เงาดาบหนึ่งฟาดสะท้านสวรรค์

เลือดหยดเดียวสะเทือนภูผานับพัน

ใจผู้กล้าไร้พันธะเหนี่ยวรั้ง

ดั่งมังกรล่องลอยในห้วงหมอก

กระบี่มิใช่เพื่อเข่นฆ่า

หากเพื่อพิทักษ์ใต้หล้าสงบสุข

บทนี้ให้เจ้าลอกให้ครบทุกตัวอักษรเขียนสิบรอบ ในแต่ละรอบให้เจ้าสังเกตุและคิดตาม"

ชายชรากล่าวขึ้นและเหาะไปข้างล่างเพื่อให้เด็กน้อยฝึกเขียนด้วยตัวเอง กลอนบทนี้มีความหมายแฝง หากเด็กผู้นี้หัวทื่อจริงจะไม่มีวันเข้าใจ เขาก็จะให้นางเขียนทุกวันวันนี้เขียนสิบจบ หากนางกล่าวความหมายออกมาไม่โดนใจเขา วันพรุ่งนี้ก็ให้นางเขียนอีกสิบห้าจบ และวันต่อไปอีกยี่สิบจบ เพิ่มขึ้นอีกวันละห้าจบเรื่อยๆ เมื่อเด็กน้อยได้รับภารกิจมาว่าต้องคัดหนังสือให้ได้สิบจบก็เริ่มจะไม่พอใจเสียแล้วเนื่องจากว่าเด็กน้อยวัยห้าหนาวยังติดที่จะเล่นอยู่เลย วันแรกคัดได้สิบจบนางก็ใช้เวลาตั้งแต่เช้าจนถึงตอนเย็น เมื่อชายชรากลับมานางก็เสร็จแล้ว เมื่อมาถึงแล้วชายชรายังไม่ได้ตรวจงานทันทีพานางมาทำกับข้าว เขาสอนนางก่อไฟเป็นอันดับแรก ชายจะทำให้นางดูนั้นมันง่ายดายนิดเดียว แต่เอาเข้าจริงๆมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเนื่องจากว่านางไม่สามารถเสกไฟเหมือนเขาได้

"555+เจ้าทำไม่ได้เพราะยังไม่มีวรยุทธ แต่เราสามารถทำมันขึ้นมาด้วยมือป่าวได้"

ชายชรากล่าวขึ้น และโบกมือดับไฟที่เสกให้นางดู แล้วนำเศษไม้มาวาง ชายชราแบมือขึ้นก็มีหัวหินสองก้อนขนาดเล็กอยู่ในมือ เขาจึงเอาหินมากระทบกันสามครั้งประกายไฟก็เกิดขึ้นเขากระทบกันใกล้ๆกับเศษไม้ที่วางไว้ ทำให้มีไฟขึ้นเล็กน้อยแล้วเขาก็นำเศษไม้ขึ้นมาให้มันติดไฟแล้วก็นำถ่านไม้ที่อยู่ด้านล่างขึ้นมาแล้วก็วางไว้บนไฟสักพักใหญ่ๆถ่านไม้นั่นก็ติดไฟ

"ท่านตานี้มันหินอะไรกันจ๊ะทำไมมันติดไฟง่ายขนาดนั้น"

เด็กน้อยถามขึ้น

"ก็หินของตาไงนี่เอาไว้เจ้าต้องติดตัวไว้เผื่อเวลาเจ้าหุงหาอาหารเจ้าต้องใช้มัน"

ชายชรากล่าวขึ้นและยื่นหินให้เด็กสาว ชายชราชี้ไปที่อุปกรณ์ต่างๆแล้วบอกชื่อบอกนามและบอกว่ามันใช้ทำอะไรบ้างเครื่องปรุงมีอะไรบ้างให้รสชาติอย่างไร และวันนี้ชายชราก็ได้ปลามาสามตัว เขาก็เริ่มทำปลามีดใหญ่ไปที่อยู่ในมือเขาตวัดไปมาอย่างช่ำชองไม่นานก้างปลาก็ถูกเลาะออกชายชราต้มน้ำไว้ทั้งที่ยังไม่ใส่เครื่องปรุงอะไรลงไป พอน้ำเดือดเขาก็เอาเนื้อปลาลงไปทันทีไม่นานเครื่องปรุงแล้วเครื่องปรุงเล่าก็ลงไปเลยหม้อน้ำนั้น พร้อมกับผักอีกหนึ่งชามใหญ่ๆก็ลงไปแล้วก็ปิดหม้อ

"ท่านตาไม่ชิมก่อนหรือเจ้าค่ะ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าอร่อยหรือไม่"

เด็กน้อยสงสัย

"เจ้าไม่เห็นข้าทำหรอกหรือ ข้าใช้หลักความจะไม่ใช้หลักการชิม เดี๋ยวสักครู่ก็เสร็จแล้วจะได้รู้ว่าอร่อยหรือไม่"

ชายชรากล่าวขึ้น ไม่นานเนื่อปลากับผักที่อยู่ในหม้อก็ส่งกลิ่นหอมออกมาไม่นานน้ำแกงปลาก็สุกแล้ว ทั้งสองคนมานั่งกินอาหารกัน

"วันนี้เจ้าเขียนบทกวีเป็นอย่างไรบ้าง"

ชายชราถามขึ้น

"ข้าเขียนครบสิบรอบแล้วเจ้าคะ"

เด็กน้อยตอบขึ้น

"อ้าหากครบแล้ว ความหมายของมันล่ะเจ้าให้ความหมายของมันว่าอะไร"

ชายชราถามขึ้นเด็กเราก็ไม่สามารถตอบได้นางพยายามอ่านและสังเกตดูแล้วก็ยังไม่รู้ความหมายของมันอยู่ดี เนื่องจากว่านางเองเป็นเด็กเพียงวัยห้าหนาวจะรู้อะไรมากมายขนาดนั้น

"อ้าไม่เป็นไร พรุ่งนี้เจ้าเขียนเพิ่มอีกห้าจบเป็นสิบห้าจบ ข้าเชื่อว่าต้องมีสักครั้งที่เจ้าจะรู้ความหมายของมัน"

ชายชรากล่าวขึ้น ทำให้เด็กน้อยรู้สึกว่ามันหนักหนาไปสำหรับตัวเอง นางแสดงออกทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด

"อะไรกันไหนเจ้าว่าเจ้าจะอดทนเรียนคัมภีร์กับข้า แล้วดูนี้สิขนาดเรียนบทกวีเล็กๆขนาดนี้เจ้ายังอดทนกับมันไม่ได้ เจ้ายังไม่พยายามหาความหมายของมัน แล้วคำภีร์ที่พูดเราพูดคุยกันนั้นเจ้าจะได้เรื่องหรือไม่เล่า"

ชายชรากล่าวขึ้น

"ได้เจ้าคะท่านตา พรุ่งนี้ข้าจะเขียนอีก"

เด็กน้อยกล่าวขึ้นและกินข้าวเสร็จนางก็ไต่ลงไปด้านล่างและอาบน้ำเตรียมที่จะนอนแต่นางก็เอาบทกวีนี้มาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าในวันต่อมานางก็หุงหาอาหารเสร็จก็เริ่มเขียนบทกวีสิบห้าจบแต่นางก็ยังไม่สามารถบอกความหมายของมันวันต่อมาน้ำก็เขียนอีกยี่สิบจบก็ยังไม่สามารถบอกความหมายที่แท้จริงของมัน จนชายชราเริ่งหนักใจว่านางจะไปได้รอดหรือไม่ เขาพยายามไม่สอบถามมาแต่นางก็จะมาอธิบายให้เขาฟังซึ่งมันยังไม่ตรงประเด็นมาก เจ็ดวันผ่านไปชายชราคิดว่านี้จะให้โอกาสนางเป็นครั้งสุดท้ายถ้าไม่ได้ก็จะต้องหาบทใหม่ให้นางศึกษา จะต้องหาบทที่ง่ายกว่านี้ ในค่ำวันนั้นนางเขียนบทกวี่ไปแล้วสี่สิบจบ นางวางบทกวีที่เขียนภายในวันนี้ให้ท่านอาจารย์ดูและก็พูดความหมายให้เขาฟัง

"บทกวีนี้สื่อถึง ผู้กล้าในยุทธภพ ผู้มีพลังยิ่งใหญ่แต่ไม่ยึดติดกับอำนาจหรือชื่อเสียง เขาใช้กระบี่ไม่ใช่เพื่อเข่นฆ่า หากเพื่อพิทักษ์โลกให้สงบสุข เปรียบเหมือน มังกรผู้โดดเดี่ยวในฟ้าเวิ้งว้าง ที่ดำรงอยู่เหนือความมืดมิดและความวุ่นวาย"

นางกล่าวจบชายชราก็ยิ้มเขาดีใจมากนางตีความหมายได้สำเร็จแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ผจญป่าฝึกใจ

    แสงอรุณแรกสาดลอดหมู่ไม้ ทาบเงาทาบพื้นดินเป็นริ้วทองอ่อนเสียงลมพัดผ่านยอดไม้ดัง “ซู่ซู่” คล้ายเสียงกระซิบจากวิญญาณโบราณในหุบเขาหนทางเบื้องหน้าเต็มไปด้วยหมอกขาวบาง ลึกลับราวม่านแห่งสวรรค์ที่กั้นระหว่างคนกับพลังลมปราณ หลินซื้อหยาย่างเท้าเข้าขึ้นอีกครั้งหลังจากพักผ่อนไปได้เล็กน้อย มือกำดาบไม้แน่น ในหัวใจไม่มีสิ่งใด นอกจากคำอาจารย์ที่ว่า“หากเจ้ามิอาจฝึกจิตให้สงบในหมู่ความวิเวก เจ้าก็ไม่มีวันก้าวข้ามขอบเขตวรยุทธได้”ทุกย่างก้าว นางต้องเผชิญทั้งความเงียบ ความหิว และความกลัวบางคืน เสียงสัตว์คำรามดังก้องในหุบเขาบางยาม ลมเย็นพัดผ่านจนเหมือนมีเงาผู้คนเดินตามอยู่ข้างหลัง แต่เมื่อหลับตาและปล่อยใจเข้าสู่สมาธิ นางกลับสัมผัสได้ถึงจังหวะของลมหายใจที่ผสานกับเสียงป่า ใบไม้ไหว คือการเต้นของพลังชีวิตสายน้ำที่ไหล คือการหมุนเวียนแห่งลมปราณและในที่สุด นางก็เข้าใจว่า “วรยุทธ มิได้อยู่ในคัมภีร์ แต่อยู่ในหัวใจผู้ไม่ยอมแพ้”ในป่า จากเด็กสาวที่กลัวเสียงสัตว์กลายเป็นนักยุทธที่ยืนหยัดได้กลางพายุฝนมือขวาจับดาบนิ่งสงบ ดวงตาแน่วแน่พลังภายในพลุ่งพล่านเหมือนสายน้ำที่ไหลกลับสู่ต้นธาร ราตรีนั้น ฟ้าปิดเงียบไร้ดา

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ก้าวแรกสู่ความกล้า

    เช้าวันต่อมาสองคนอาจารย์กับลูกศิษย์เมื่อกินข้าวกันเสร็จ ก็เตรียมตัวที่จะออกไปเดินป่าปกติเด็กน้อยจะไม่ค่อยได้ออกไปเดินป่าสักเท่าไหร่เพราะว่าในป่านั้นมันอันตรายชายชราจึงไม่อยากให้นางได้ไป แต่วันนี้นางมีวรยุทธถึงขั้นหนึ่งแล้ว นางจึงจำเป็นที่จะต้องหาประสบการณ์บ้าง ชายชราเพียงส่งเด็กน้อยไว้ในป่าที่เขาสามารถควบคุมได้และกลับไปยังเรือนของตัวเอง ยามที่เด็กน้อยผู้นี้ประสบภัยในป่านี้เขาก็จะได้รับรู้เป็นผู้แรกและจะมาช่วยนางได้ทันแน่นอน เมื่อนางเดินเพียงลำพังนางก็ขวัญคิดเมื่อนั้นทุกข์ได้ออกจากบ้านครั้งแรกตอนนั้นนางรู้สึกกลัวได้แต่เดินอยู่ในป่าแต่ณเวลานี้นางรู้สึกว่านางไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้วเพราะท่านอาจารย์บอกว่านางต้องหาประสบการณ์ในป่าต้องสู้กับสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร อาจารย์จะมารับในอีกสามวัน นางจะได้เผชิญโลกกว้างด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกนางรู้สึกตื่นเต้นมากๆ นางไม่รู้เลยว่าอยู่เฉยๆตัวเองจะมีวรยุทธ์ลำดับหนึ่งขึ้นมาได้อย่างไร แต่เอาเข้าจริงๆนางก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เพราะในความที่นางฝันนั้นมันเหมือนจริงมากๆ นางทรมานมากๆแล้วเป็นเวลานานเสียด้วย แต่ถ้าหากให้นางฝึกยุทแล้วทรมานขนาดนี้ แล้วมีวรยุทธ์เพียง

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ปักปิ่น

    ชายชราลงเขาเพื่อไปหาเครื่องประดับสำหรับสตรีสำหรับเขาแล้วไม่เคยชินสำหรับการสรรค์หาสักเท่าไหร่ หมู่บ้านเล็กๆที่มีของขายมากมายส่วนมากจะเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ไปจับจ่ายซื้อของที่ได้มาจากเขา นายพรานชอบล่าสัตว์ป่าบางประเภทที่หายากมาขาย แร่ธาตุต่างๆที่เหมาะสมสำหรับฝึกวรยุทธ์ รวมไปถึงส่วนใดส่วนหนึ่งของสัตว์ เช่นงาสัตว์และเขาสัตว์ที่หายากอีกต่างหาก เขาเดินเที่ยวหาเครื่องประดับสตรีอยู่ตั้งนาน"อ้า ไป๋อีเฟิงเจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะหาอะไรอยู่หรือเปล่า แต่ที่เจ้าหานั้นเป็นของสตรีนี่เจ้าจะหาไปให้ผู้ใดกันหรือ"เสียงชายชราผู้หนึ่งดังขึ้น มาแต่ไกลชายชราผู้นี้จึงมองไปที่เขา"อ่า เจ้าหม่าเหิง เป็นยังไงล่ะวันนี้ถึงมาเดินตลาดได้นะ"ชายชรากล่าวขึ้นเมื่อเห็นสหายเก่าเดินมาแต่ไกล"เขาว่าช่วงนี้มีหางยูนิคอร์นขายข้าเลยมาเดินดูเสียหน่อยเผื่อจะได้สักเส้น ว่าจะเอาไปต่อกระดูกเจ้าล่ะมาหาอะไรเห็นด้อมๆมองๆกับของพวกสตรีเหล่านี้ "ชายชราอีกคนถามขึ้น"ช่วงนี้ลูกศิษย์ของข้าจะมีอายุครบสิบห้าหนาวแล้ว ข้าจึงต้องทำพิธีปักปิ่นให้นางน่ะ ข้าจึงมาหาปิ่น เพราะเจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีปิ่น"ชายชรากล่าวขึ้น"เฮ้ เจ้ามีลูกศิษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก่อ

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ตื่นแล้ว

    ภาพนี้หยุดนิ่งอยู่เนินนานเลือดที่ออกจากทวารทั้งเจ็ดนั้นไม่ได้แห้งเหือดไปเหมือนไหลอยู่ตลอดเวลา ชายชราไม่ดื่มไม่กินยืนเฝ้าเด็กสาวผู้นี้และคอยฟังเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาตลอด พอถึงเช้าวันที่แปดเหมือนสีหน้าของเด็กสาวผู้นั้นจะดีขึ้นและเลือดเริ่มหยุดไหลแล้ว ลมหายใจของนางเร็วและถี่ขึ้นเหงื่อนั้นท่วมใบหน้า บางครั้งมีเส้นเลือดปูดวิ่งไปวิ่งมาตามตัว ชายชรามองด้วยความเห็นใจเด็กคนนี้กำลังจะต่อสู้กับดวงดาวที่ตนเลือกแล้ว ทางด้านเด็กน้อยกำลังลังเลว่าจะเลือกดาวดวงใดแต่อยู่ๆเหมือนสติก็ดับวูบลงไปพอได้สติอีกครั้งเหมือนแขนขาของเขาถูกตึงไว้ผิวหนังของนางร้อนระอุราวกับถูกไฟลวก อุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่าปกติ เลือดในกายขับเคลื่อนรวดเร็วราวน้ำเดือด ดวงตาร้อนฉานเหมือนเปลวเพลิงเผา ลมปราณถูกเร่งเร้าเกินขีดจำกัด คล้ายเชื้อไฟที่ถูกเติมไม่หยุด ทำให้เส้นลมปราณบางส่วนเหมือนจะถูฉีกแตกได้ หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกจากอก เสียงเลือดสูบฉีดดังสะท้อนในโสตประสาท รู้สึกเหมือนร่างกายถูกเผาจากด้านใน เลือดค่อย ๆ แห้งเหือด เป็นความทุกข์ที่ทรมานยิ่งนัก เหมือนว่ามันจะไม่รู้จักจบสิ้น เด็กน้อยพยายามฝืนทนกับความรู้สึกนี้ มันเหมือนจะก

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   เลือกดวงดาว

    เหมือนว่าแรกๆนางจะไปได้ไวมากแต่เหมือนตอนนี้ว่านางเริ่มจะชะงักแล้วชายชราจึงมองออกถึงปัญหาของนางว่าตอนนี้นางยังไม่สามารถที่จะสัมผัสกับดวงดาวได้ ตอนนี้นางแค่สัมผัสกับใจของตัวเองเพื่อไม่ให้จินตนาการไปให้เกิดความกลัวตอนนี้ใจนางบริสุทธิ์ก็จริง แต่ยังไม่สามารถรับพลังของดวงดาวได้ อาจจะเป็นเพราะว่านางกังวลเรื่องที่จะเลือกดวงดาวก็มีส่วน"คืนนี้ในการนั่งสมาธิเจ้าเงยหน้าไปมองดูดวงดาวนับร้อยนับพันพวกนั้นให้เจ้าจดจำสิ่งที่มันกระพริบให้ดีราวๆครึ่งคืนให้เจ้าหลับตาลงสู่สมาธิเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะเลือกดาวผิดหรือถูกตอนนี้เจ้าเป็นกังวลอยู่จึงทำให้ตัวเจ้าเองนั้นไม่มีความก้าวหน้า เจ้าจงคิดเสียว่าชีวิตเจ้ามาถึงขนาดนี้ได้มันดีแค่ไหนแล้ว การเลือกดวงดาวนั้นมันก็เป็นจังหวะของชีวิต มันจะมีดาวดวงหนึ่งที่สีสวยที่เจ้ามองแล้วก็ชอบนั่นแหละมันคือจังหวะชีวิตของเจ้าหากเจ้าเลือกมันมาแล้วมันเป็นดาวมรณะเจ้าก็ต้องทำใจว่าเจ้าต้องยอมตรงนี้ก่อน หากเจ้าไม่คิดที่จะเปลี่ยนเจ้ายังคิดกลัว เจ้าเองก็ไม่มีวันที่จะก้าวหน้า"ชายชรากล่าวกับเด็กน้อยวัยเจ็ดหนาว เด็กน้อยทำหน้าตาราวกับฟ้าจะถล่ม มันเป็นความรู้สึกกลัวจริงๆ จิตใจของนางก็กล

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   จิตนาการ

    "ท่านอาจารย์เจ้าคะแล้วคัมภีร์ที่ท่านอาจารย์ให้ข้าศึกษานั้นมันมีทั้งหมดกี่เล่มหรือเจ้าคะ แล้วข้าต้องไปหาจากที่ใด"เด็กน้อยถามขึ้นด้วยความสงสัย"มันจะมีกี่เล่มหรือไปหาที่ใดนั้นท่านอาจารย์ไม่สามารถรับรู้ได้ หากเจ้ามีบุญวาสนาเกี่ยวกับมันเจ้าก่อจะได้สัมผัสกับมันเอง บางครั้งอาจจะเป็นคัมภีร์เล่มๆแบบนี้หรือเจ้าอาจจะสัมผัสด้วยตัวของเจ้าเอง แล้วเจ้าก็จะได้เห็นวิชามันมาในรูปแบบต่างๆเอง อาเป็นว่าตอนนี้เราเริ่มบทเรียนบทแรกเพื่อที่จะให้เจ้าได้เปิดเส้นลมปราณฝึกวรยุทธ์เสียก่อนเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น"จะฝึกได้อย่างไรหรือเจ้าคะในเมื่อเขาให้ฝึกตอนกลางคืน ให้ไปนั่งสมาธิรับแสงดวงดาวเพื่อที่จะให้แสงแห่งพลังข้ามาในร่างกายให้มันมากๆ"เด็กน้อยกล่าวขึ้น"ใช่แล้วแหละเขาให้เจ้ามานั่งสมาธิเพื่อที่จะรับแสงจากดวงดาวแต่ตอนกลางวันนั้นเจ้าก็ยังต้องฝึกร่างกายเหมือนเดิมนั่นก็คือยืนขาข้างเดียวให้มั่นคงเสียก่อนไปเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น เด็กน้อยก็ทำตาม ณ เวลานี้นางเริ่มที่จะยืนขาเดียวได้แบบไม่เซแล้วเล็กน้อยแต่ใช้เวลาไม่นานนางก็ต้องเปลี่ยนใช้ขาอีกข้างนึงสลับกันไปในหนึ่งวัน นางก็รู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว แต่นี้ท่านอาจารย์ยังจะให้นั่ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status