ดอกไม้ข้างทาง
“นายครับ จะกลับขึ้นเรือ หรือเข้าฝั่งกลับเพ้นท์เฮ้าส์ดีครับ” พายุมือขวาของมาเฟียหนุ่มเอ่ยถาม หลังจากช่วยผู้เป็นนายและหญิงสาวขึ้นจากทะเล “ไป Win Club!!” วินเนอร์สั่งลูกน้องคนสนิท “นายจะพาเธอไปด้วยหรอครับ?” พายุเอ่ยถาม เพราะ Win Club เป็นทั้งบ่อนคาสิโน ทั้งผับ ทั้งสถานบันเทิง ทั้งโรงแรมที่ให้ความสุขแก่แขกในวงการสีเทาแบบครบวงจร ตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัวของวินเนอร์ ที่นายของเขายังไม่เคยพาผู้หญิงเข้าไปยังสถานที่แห่งนี้เลยสักคน นอกจากพนักงานหญิงที่เมื่อเข้ามาทำงานที่นี่แล้วจะไม่มีโอกาศได้ออกไปนอกเกาะ จะได้ออกไปอีกครั้งก็ต่อเมื่อไม่ได้ทำงานที่เกาะแห่งนี้อีกแล้วนั่นเอง “กูจะไปเช็คของกับพวกไอ้คาร์โก้ ไม่อยากเสียเวลา” “ครับ” พายุรับคำสั่งและออกเรือมุ่งหน้าไปยังที่หมายตามคำสั่งโดยไม่ถามอะไรมาก เพราะเขาเป็นเพียงลูกน้องที่มีหน้าที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น ชายหนุ่มยืนมองหญิงสาวที่นอนตัวเปียกสวมเพียงเสื้อเชิ้ตของเขากับแพนตี้ตัวจิ๋วอยู่บนที่นั่งบนเรือยอร์ช เสื้อสีขาวเมื่อเปียกแล้วทำให้บางและแนบติดลำตัวจนเห็นเป็นตรูปร่าง ทรวดทรง เอวคอดได้อย่างชัดเจน หญิงสาวแค่ผล็อยหลับไปเท่านั้น หลังจากที่เขาช่วยเธอขึ้นจากทะเลได้แล้วจึงปฐมพยาบาลให้เธอฟื้น แต่เพราะความเพลียจากการนอนน้อยและหมดแรงจากการว่ายน้ำเอาตัวรอด เสื้อเปียกๆ ของเธอทำให้เห็นทุกอย่างบนเรือนร่าง ถึงแม้ในเรือจะมีแค่เขา พายุ และลูกน้องอีกไม่กี่คน แต่ทั้งหมดก็เป็นผู้ชาย ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดไม่อยากให้ใครได้เห็นนอกจากเขาคนเดียว “พายุ มึงถอดเสื้อออกมา” มาเฟียหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ “ห๊ะ!!!นายจะดูซิกแพ๕ผมหรอ? คิดอะไรกับผมหรือเปล่าเนี่ย?” “ไอ้พายุ!!มึงจะถอดดีๆ ไหม?” เขาหันไปมองลูกน้องคนสนิทแวบหนึ่ง แล้วดึงสายตากลับมายังจุดเดิม “หื้อออ นาย! อยากดูหัวนมผมก็ไม่บอกตรงๆ” พายุพูดแกมหยอกผู้เป็นนาย แต่มือก็ทำการปลดกระดุม ถอดเสื้อส่งให้มาเฟียหนุ่ม ที่เขาสามารถพูดเล่นกับวินเนอร์ได้เพราะทั้งเขา วินเนอร์ และดิน คนสนิทของมาเฟียหนุ่มอีกคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของพายุและดินเป็นลูกน้องคนสนิทของเวนอล มาเฟียรุ่นใหญ่ พ่อของวินเนอร์ เขาทั้งสองจึงเป็นทั้งลูกน้องและเพื่อนของมาเฟียหนุ่ม มาเฟียหนุ่มรับเสื้อมาจากลูกน้องคนสนิทและนำไปคลุมให้คนตัวเล็กที่หลับไม่รู้เรื่อง เขาเองก็ไม่เข้าใจในความรู้สึกแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นกับคนตัวเล็ก ทั้งๆ ที่เขาเองก็เพิ่งจะรู้จักเธอแค่คืนเดียว ชื่อก็ไม่รู้จัก แต่เดาได้ว่าเธอน่าจะชื่อ ‘เซ’ เพราะได้ยินเธอแทนตัวเองในคืนนั้น “กูอยากได้ประวัติเธอ” เขาเอ่ยขึ้นกับพายุ หลังจากรับเสื้อมาคลุมให้เธอ “ได้ครับนาย ผมจะบอกให้ไอ้ดินจัดการ แล้วค่อยตามไปสมทบที่ Win Club” พายุรับคำสั่งก่อนยกมือถือกดโทรไปหาบุคคลที่เขาพูดถึงเพื่อมอบหมายหน้าที่ที่ได้รับคำสั่งมา “เร็วที่สุด!!” มาเฟียหนุ่มย้ำอีกครั้ง เขาอยากรู้เรื่องของเธอทั้งหมดและเร็วที่สุด “ครับ” พายุรับคำสั่ง “นายครับ คุณคาร์โก้ คุณเจคอร์ป คุณมังกร อยู่ที่คลับแล้วนะครับ” มาเฟียหนุ่มฟังรายงานจากลูกน้อง แต่ไม่ได้ตอบรับใดๆ ชื่อบุคคลที่ลูกน้องของเขาพูดถึงนั้น คือ เหล่าเพื่อนของเขาที่นัดเช็คสินค้ากันที่คลับของเขาในคืนนี้ และที่แน่ๆ คือ เพื่อนของเขาก็เป็นมาเฟียด้วยเช่นกัน เขามองออกไปยังเส้นทางเรือด้านหน้าที่กกำลังมุ่งไปยังเกาะที่ตั้งคลับของเขา เขาคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่นะที่พาตัวหญิงสาวคนนี้ไปในที่แบบนั้นด้วย… WIN CLUB ภายในห้อง VIP ของผับที่เป็น 1 ในสถานบริการใน วินคลับ มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอยู่ 4 คนและหญิงสาวพนักงานอีก 2 คนที่กำลังทำหน้าที่บริการเครื่องดื่มและดูแลเหล่าบรรดามาเฟียหนุ่ม “พวกมึงมาคุยงานกับกู หรือมาหาที่ระบายความอยาก?” วินเนอร์พูดขึ้นทำลายความเบื่อหน่าย เขาคุ้นชินกับภาพตรงหน้าที่เพื่อนของเขามักจะนัวเนียอยู่กับสาวๆ เพราะในกลุ่มของพวกเขานั้นยังไม่มีใครมีเมียเป็นตัวเป็นตน หรือแม้แต่จะคิดจริงจังเลยแม้แต่คนเดียว “ก็คุยดวะ คุยด้วย สนุกด้วย” เจคอร์ปเอ่ยขึ้นแล้วหันไปจูบดูดดื่มกับพนักงานสาวต่อ “สินค้าล็อตนี้มีมีดสั้นกับปืนสั้นแบบพกพา ที่กูเป็นคนออกแบบเอง ทั้งรูปลักษณ์และการใช้งานที่ง่ายแต่ใช้ได้ดี เหมาะสำหรับผู้หญิงมากๆ” คาร์โก้พูดขึ้นพร้อมทั้งอธิบายสินค้าที่พวกเขาร่วมกันผลิตในล็อตนี้ “มึงตั้งใจตีตลาดผู้หญิงหรอวะ?” มังกรเอ่ยถาม “เออ!! ตอนนี้เหล่าบรรดานักธุรกิจรายใหญ่ๆ ให้ความสำคัญกับลูกและเมียมากขึ้น เพราะวงการนี้เมื่อเอาตัวเข้ามาแล้วไม่มีคำว่าปลอดภัย มีแต่คำว่าลอบกัดได้ให้รีบลอบกัด พวกมันเลยต้องหาคนมาป้องกันคนสำคัญของมันและก็ต้องให้คนของพวกมันป้องกันตัวเองด้วย” “อืม…ความคิดดี” วินเนอร์กล่าว และกระดกวิสกี้ขึ้นเบาๆ “วันนี้กูเอาแค่สินค้าตัวอย่างมาให้มึงดูและทดลอง พรุ่งนี้สินค้าทั้งหมดจะมาถึงที่เกาะนี้” เจคอร์ปพูดขึ้นในขณะที่กำลังสารวนอยู่กับสาวอกโต วินเนอร์เบนสายมองไปยังเพื่อนของเขา ก่อนดึงสายตากลับมาที่วิสกี้ตรงหน้าดังเดิม คล้ายกับว่าวิสกี้สำคัญกว่าคำพูดของเพื่อนเขา พายุเปิดประตูห้องเข้ามา กระซิบกับผู้เป็นนาย “นายครับ เธอฟื้นแล้วครับ” มาเฟียหนุ่มพยักหน้า แล้วดันตัวลุกขึ้น “มึงจะกลับแล้วหรอ?” มังกรเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนลุกขึ้นยืน “เออ!!กูอยากพักผ่อน ไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อวาน” “เออๆ อย่าลืมมารับของ เช็คของกับพวกกูพรุ่งนี้ด้วยล่ะ ไม่ใช่ส่งแต่ไอ้พายุกับไอ้ดินมา หัดทำงานบ้างมึงอ่ะ” วินเนอร์มองเพื่อนด้วยหางตา ก่อนเหมุนตัวเตรียมเดินออกจากห้อง “พรุ่งนี้กูจะถอนหุ้นออกจากธุรกิจของพวกมึง” วินเนอร์พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องไป “เอ๊า!!ไอ้นี่ กูสงสัยจริงๆ มันรอดตีนจนโตมาขนาดนี้ได้ไงวะ? ไม่ค่อยพูด แต่เวลาพูดมาทีหนึ่งกูอยากเอามีดสับปากชิบ!!” เจคอร์ปพูดอย่างหมั่นใส้ในคำพูดของคนเย็นชา วินเนอร์กลับมาที่เพ้นท์เฮ้าส์ส่วนตัวขนาดย่อมที่เขาสร้างไว้บนเกาะเพื่อเอาไว้พักเวลามาดูกิจการ เกาะส่วนตัวแห่งนี้ที่เขาเป็นเจ้าของ มีทุกสิ่งทุกอย่าง คล้ายเป็นหมู่บ้านเล็กๆ หมู่บ้านหนึ่ง ที่เอาไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวนั่นเอง เขาเปิดประตูเพ้นท์เฮ้าส์เข้ามา พบกับห้องโถงเป็นห้องแรก มีโซฟา และเครื่องอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ด้านหน้าห้องโถงเป็นกระจกที่มีวิวเมื่อมองออกไปเป็นทะเลสุดลูกหูลูกตา เขาเดินตรงเข้าไปด้านในเป็นห้องนอนที่ตอนนี้เขาพาหญิงสาวมานอนพักที่นี่ เมื่อเปิดประตูเข้าไปยังคงพบกับคนตัวเล็กยังนอนอยู่บนที่นอน ‘ไหนไอ้พายุบอกว่าฟื้นแล้ว?’ เขาเดินตรงไปยังเตียงหนา เพื่อจะดึงตัวเธอลุกขึ้นจากเตียง ลูกน้องของเขาบอกว่าเธอฟื้นแล้ว เขาคิดว่าเธออาจจะแกล้งทำเป็นหลับเพื่อหลีกเลี่ยงกาพูดคุยกับเขาเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเขาแตะถูกตัวเธอกลับพบว่าตัวหญิงสาวร้อนจี๋เพราะพิษไข้ ‘ไข้ขึ้น’ “ผู้หญิงนี่อ่อนแอจังวะ?” เขาพึมพำ ก่อนล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ต่อสายหาลูกน้อง “ไอ้พายุ ตัวเธอร้อน” ‘เธอน่าจะมีไข้ครับนาย คงเพราะตัวเปียกเป็นเวลานาน’ “ต้องทำยังไง” เขาถามสั้นๆ ‘ต้องเช็ดตัว ทำให้ตัวเธอเย็นเพื่อให้ไข้ลดลงครับ’ “มึงมาจัดการ เช็ดตัวให้เธอ เอายามาด้วย” ‘ผมเอายาไปให้ได้ครับ แต่เช็ดตัวนายต้องทำเอง เพราะถ้าให้ผมทำ ผมต้องถอดเสื้อผ้าเธอออกทุกชิ้นนะครับ’ พายุส่งเสียงมาตามสายแอบอมยิ้มน้อยๆ เขาคิดว่านายของเขาต้องไม่ยอมแน่ๆ ปลายสายเงียบไปพักหนึ่งก่อนพูดสั่งขึ้น “เอาอุปกรณ์กับยามาให้กู บอกวิธีทำด้วย” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ‘ครับ’ พายุรับคำสั่งด้วยรอยยิ้มปนขำในการกระทำของเจ้านายตัวเอง สงสัยงานนี้เขาคงมีนายหญิงก่อนคนอื่นในแก๊งค์มาเฟียหนุ่มแน่ๆ มาเฟียหนุ่มรับอุปกรณ์มาจากลูกน้อง ยืนมองคนตัวเล็กอยู่ครู่หนึ่ง ถึงแม้จะฟังวิธีการทำมาจากพายุแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี “ฮืออออ คุณแม่ขา คุณพ่อขา ฮึก ฮึก ฮืออ~ ~อย่าปกป้องหนู อย่างทิ้งหนูไป…” คนตัวเล็กละเมอเพราะพิษไข้ ยกมือขึ้นโบกสะเปะสะปะเหมือนกำลังไขว่คว้าหาอะไรบางอย่างอยู่กลางอากาศ และก็สามารถคว้าชายเสื้อของมาเฟียหนุ่มไว้ได้ เธอกำไว้แน่นเหมือนกับว่ากลัวมันจะหลุดหายไป เหงื่อมากมายผุดขึ้นเต็มหน้าผากมน เขาได้แต่ยืนมองและพยายามจับใจความคำพูดของคนตัวเล็กท่ะลเมอออกมา แต่ก็ไม้สามารถเข้าใจได้ ‘ทำไมฉันถึงต้องมาทำอะไรแบบนี้กับคนที่ไม่รู้จัก ทำไมฉันต้องมาอยากรู้เบื้องลึกของชีวิตเธอด้วยนะ? ทั้งๆ ที่เธอเองก็เป็นแค่เพียงดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ข้างทางแล้วฉันบังเอิญเด็ดเธอมา แค่นั้นเอง…’special happiness ดวงตากลมใสค่อยๆเปิดเปลือกตาลืมขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิด กระพริบถี่ๆเพื่อปรับรับแสงที่สาดส่องรอดผ่านกระจกบานใสเข้ามาภายในห้องที่ดูคุ้นตามาตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่เธอคลอดลูกสาวมา นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ แต่เป็นห้องเลี้ยงเด็กอ่อนที่วินเนอร์ทำขึ้นเอาไว้เธอและพี่เลี้ยงคอยเลี้ยงลูกสาว ห้องค่อนข้างโปร่ง ภายในห้องเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ของเด็กทั้งยังมีกลิ่นบางอย่างที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์นั่นก็คือ กลิ่นนม กลิ่นแป้งเด็ก เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ฉายเข้ามาในความคิด เซรินเผลอหลับไประหว่างที่มองพี่เลี้ยงกำลังนั่งเล่นกับเด็กน้อยอย่างเพลินๆจนเผลอหลับไปเมื่อไรไม่รู้ตัว รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เพราะเสียงเด็กที่ร้องอ้อแอ้ข้างหูกับพร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายคนหนึ่งที่คล้ายกำลังหยอกล้อกันอยู่ เซรินจำเสียงนี้ได้ดี เมื่อตอนได้ยินเสียงนั้นครั้งแรกในห้องคลอด แม้จะเป็นเสียงร้องไห้ของเด็กแรกเกิด แต่เสียงนี้กลับกลายเป็นน้ำชะโลมหัวใจของเธอให้ชุ่มชื่นมากขึ้น แต่การเลี้ยงเด็กอ่อนไม่ใช่เรื่องสบาย แม้เธอจะมีพี่เลี้ยงคอยช่วยอยู่ก็ตาม ความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาจึงทำให้ร่างบางเผลอหลับไป
แต่งงานกันนะ "ขึ้นมาสิ" วินเนอร์จูงมือของเซรินขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือสำราญ เรือลำที่เขสและเธอพบเจอกันครั้งแรก สถานที่ต้นกำเนิดความรักของพวกเขาทั้งสองคน "มีอะไรหรือเปล่าคะเฮีย ทำไมต้องพาเซมาที่นี่ด้วย?" เซรินยังไม่ยอมเดินตามการจับจูงของคนตัวใหญ่ เพราะเธอรู้สึกว่าวันนี้วินเนอร์มีท่าทางแปลกไป ดูลุกลี้ลุกลนและพูดมากผิดปกติ ที่ผ่านมาจะพูดจะคุยกับเธอแต่ละคำราวกับกลัวดอกพิกุลจะร่วง "ขึ้นมาเถอะ" เขาบอกกับเธออีกรอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอมองหน้าและสบตากับเขา พบกับสายตาวิบวับของคนตัวใหญ่ เซรินเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามีอะไรอยู่บนดาดฟ้าเรือกันแน่ทำไมเขาถึงอยากให้เธอขึ้นไปนัก สุดท้ายเธอก็ทนต่อสายตาอ้อนๆของเขาไม่ไหว จึงยอมเดินตามการจับจูงของเขาขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือ เมื่อเซรินก้าวขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ เธอก็เห็นโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางดาดฟ้า มันถูกปูด้วยผ้าสีขาวดูสะอาดตา ตรงกลางโต๊ะมีแจกันใบโตวางอยู่ และในแจกันก็มีดอกทานตะวันดอกใหญ่หนึ่งดอกเสียบอยู่ในนั้น ดอกทานตะวันสีเหลืองทอง ดอกใหญ่ดูเด่นอยู่กลางโต๊ะ ทำให้เป็นที่ดึงดูดสายตาของเธอเหลือเกิน เก้าอี้สองตัวถูกวางไว้ข้าง ๆ โต๊ะ เซรินมองหน้าเขาด้
ต่อแขน ต่อขา เซรินกลับมาบริหารบริษัทของพ่อกับแม่ที่เหลือทิ้งไว้ให้เธอ ก่อนหน้านี้ตกไปอยู่ในมือของผู้เป็นอา บริหารจนบริษัทเกือบล้มละลาย ตอนนี้เธอกลับมากอบกู้มันขึ้นมาโดยมีวินเนอร์ มาเฟียผู้เป็นสามีคอยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาและเอาบริษัทของตัวเองมาร่วมลงทุนกับบริษัทของเธอด้วย อีกทั้งยังมีบริษัทคู่ค้าด้วยอีกหลายบริษัทที่้ป็นบริษัทของเจคอร์ป พี่ชายบุญธรรมของเธอและเหล่าเพื่อนของวินเนอร์ที่ให้การสนับสนุนซัพพอร์ตเธอเป็นอย่างดี ทำให้บริษัทของเธอฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ทุกอย่างกำลังลงตัว ทางครอบครัวของผู้เป็นอา ทั้งภรรยาและลูกของอา เซรินก็ไม่เอาผิดเพราะเขาไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการกระทำของอาเธอเลย บ้านที่ทั้ฃสองอาศัยอยู่ ทั้งรถ เธอก็ยกให้ พร้อมทั้งให้เงินก้อนจำนวนหนึ่งที่พอจะให้ทั้งสองตั้งตัว มีอยู่มีกิน มีใช้ต่อไปได้สักพักใหญ่ๆ ถ้ารู้จักอดออม ประหยัดและหาเงินเข้ามาใช้จ่ายได้เพิ่มเอง ส่วนเรื่องผู้เป็นอา เธอให้คำตอบกับสองแม่ลูกเพียงแค่ว่า อาหายไปโดยที่ไม่มีใครรู้ ผู้เป็นภรรยาของเขาก็ไม่สงสัย ติดใจอะไรเพราะรู้ดีว่าผู้เป็นสามีของตนนั้น เป็นคนเช่นไร มีศัตรูเยอะเพียงใด หายไปก็คงเพราะศัตรูค
จบที่เรา เบาที่สุด ในห้องพักคนป่วยที่เงียบสงัดจนได้ยินแค่เสียงหายใจของหนุ่มสาวสองคนที่อยู่ภายในห้อง หลังจากวินเนอร์และเพื่อนๆ ของเขาเดินออกจากห้องไปตามคำขอของเซริน เพื่อปล่อยให้เธอและเจคอร์ปได้เคลียร์ใจกันเพียงลำพัง เพราะเขาเชื่อใจผู้หญิงของเขาที่จะต้องหาทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่ายได้แน่ๆ และเขาก็ไว้ใจเพื่อนของเขาที่รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร และจะหาบทสรุปให้กับเหตุการณ์นี้ได้เช่นกัน "พี่เจค เจ็บตรงไหนไหมคะ?" เซรินเป็นฝ่ายทำลายความเงียบเริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน "พี่ปลอดภัยแล้ว น้องรินไม่ต้องห่วง และไม่ต้องกังวลว่าที่พี่เป็นแบบนี้เพราะตัวน้องริน" เขารู้ว่าหญิงสาวเป็นห่วงและกังวลใจว่าตัวเองจะเป็นสาเหตุให้เขาต้องบาดเจ็บ และด้วยปมที่ติดอยู่ในใจของหญิงสาวยิ่งทำให้เขาเองเกิดความกังวลไปด้วยว่าหญิงสาวจะเป็นเช่นไรหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เขาเอาตัวเองบังกระสุนแทนเธอ และพูดว่าจะ ‘ปกป้อง’ ซึ่งเป็นคำต้องห้าม แต่กลับกัน หญิงสาวตัวเล็กไม่เป็นอะไรเลย ไม่คลุ้มคลั่งอีกต่อไปแล้ว เพราะความทรงจำของเธอกลับมา และอาการแพนิค คลุ้มคลั่งบังคับตัวเองไม่ได้ก็หายไปด้วยเนื่องจากเธอรู้ความจริงและมีสติอยู่กับตัวเ
พี่ชาย...ใช่ไหม? ภายในห้องพักผู้ป่วย ห้องพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ห้องพิเศษที่ไม่มีคนนอกได้มีโอกาสเข้ามาใช้บริการ เนื่องจากทั้งชั้นในชั้นนี้เป็นห้องพักผู้ป่วยส่วนตัวของเจ้าของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นของตระกูลใหญ่ที่มีทั้งหมอส่วนตัว โรงพยาบาลเอกชน มีชั้นรักษา มีชั้นพักฟื้นส่วนตัว ภายในห้องพักกว้าง ตกแต่งเรียบง่ายแต่มีครบทุกเครื่องอำนวยความสะดวก และครบทุกเครื่องมือแพทย์ คนป่วยนอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย รายล้อมไปด้วยผู้คนหลากหลายอิริยาบท ประมาณ5-6 คน “กูคิดว่ามึงจะไม่ตื่นขึ้นมาดูโลกอันสดใสอีกครั้งซะแล้ว 555” คาร์โก้เปิดฉากบทสนทนาด้วยน้ำเสียงขบขันแกมหยอกล้อเพื่อนสนิท “พวกมึงก็ไปช่วยกูช้าจริง” คนบนเตียงสวนกลับในทันที แม้จะไม่เต็มเสียงมากนัก เพราะเขาเองก็เพิ่งจะฟื้นและออกมาจากห้อง ICU เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “สำออยจริง มึงออกมาได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ ทำไมมึงไม่ลุยออกมาวะ?” มังกรปิดท้ายประโยคด้วยคำถาม เขาเองรู้จักฝีมือเพื่อนดี สถานการณ์หนักกว่านี้เขาก็หนีออกมาได้ เขาก็จัดการได้ แต่นี่เขาไม่ทำ มันเกิดอะไรขึ้น เหตุผลอะไรที่ทำให้เพื่อนของเขายอมเอาตัวเองไปตกอยู่ในอันตราย “น้องริน...”
เกิดใหม่... แพขนตาหนา ค่อยๆ ขยับ เปลือกตาบางเปิดขึ้น พร้อมกระพริบถี่เพื่อปรับรับแสงสว่างที่กระทบเข้ามาที่สายตา เพราะหลับตาเป็นเวลานานจึงต้องใช้เวลาในการปรับสภาพอยู่สักพักหนึ่ง เมื่อปรับได้แล้ว หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบๆ ภายในห้องเงียบกริบเหมือนกับว่าไม่มีคนอยู่ แต่จริงๆ แล้วมีร่างหนานั่งอยู่ข้างเตียง ซบหน้าหลับกับแขนของเธอ ‘ทำไมไม่ไปนอนดีๆ นะ’ เซรินคิดในใจ อยากจะขยับตัวให้คนร่างใหญ่รู้สึกตัว่าเธอตื่นแล้ว แต่ก็กลัวจะรบกวนเวลานอนของเขา ซึ่งคิดดูแล้วช่วงที่เธอยังไม่ตื่นเขาน่าจะไม่ได้พักผ่อนไม่ได้นอนแน่ๆ เพราะไม่งั้นเขาคงไม่มานั่งหลับตรงนี้หรอก ‘จะปลุกหรือจะแกล้งดีนะ ทำโทษคนโกหก’ หญิงสาวปิดเปลือกตาลง ลองแกล้งขยับแขนที่ทำให้ดูเหมือนจะฟื้นแต่ยังไม่ฟื้น พอให้คนข้างๆ รู้สึกตัว และก็ดูเหมือนจะได้ผล คนข้างๆ ค่อยๆ ขยับตัวตื่นขึ้น “เซ ฟื้นแล้วหรอ ตื่นแล้วใช่ไหม” วินเนอร์ลุกขึ้นยืน เขารู้สึกเหมือนร่างบางเริ่มขยับ เขาคิดว่าเธอคงฟื้นแล้ว แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวยังคงนอนนิ่ง อยู่บนเตียง เปลือกตาบางยังปิดสนิท มีแพขนตาปกคลุมหนาเป็นแพสวยงามแม้ยามไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางค์บนใบหน้า ‘เซ