เข้าสู่ระบบบทที่ 11 แต่งงานกันให้เร็วที่สุด
ภายในรถเงียบสนิท หลังจากอุณากรรณบอกทางไปคอนโดมิเนียมซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำงาน ตัวเธอเองนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา หันหน้าหนีคนร่างโตไปนอกรถ มองรถบนถนนที่ยังหนาตาแม้ว่าดึกแล้วก็ตาม
“พรุ่งนี้ไปทานข้าวกลางวันกัน”
จู่ ๆ อัคคีเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในรถ อุณากรรณไม่ตอบยังนั่งหันหน้าออกไปนอกรถ
“เลน่า ยังงอนอยู่อีกเหรอครับ”
“ใครงอนกันคะ แพรเปล่าสะหน่อย แค่ง่วง”
เสียงหวานนุ่มขึ้นเสียงสูงเล็กน้อยไม่รู้ตัว ตอบทั้งที่ไม่หันหน้ามองคนร่างโตด้ายข้างแม้แต่น้อย จนเขาเองถอนหายใจ
“ต่อไปพี่จะไม่พบกับเกรซอีก”
“ก็แล้วแต่บอสสิคะ”
“พี่จะไม่ติดต่อกับผู้หญิงคนอื่นอีก”
ผู้หญิงคนอื่น? คงมีหลายคนสินะ
คราวนี้อุณากรรณไม่นั่งนิ่งเงียบ เอี้ยวหน้ากลับไปหาอัคคีทันควันเมื่อได้ยิน สีหน้าแสดงอารมณ์โกรธแต่ยังไม่รู้ตัวจนคนร่างสูงจ้องมองอย่างเผลอไผล
“ก็แล้วแต่บอสสิคะ ไม่ใช่ธุระของแพร ไม่ต้องบอกแพรก็ได้ค่ะ”
ดวงตากลมโตวิบวับแพรวระยับขณะที่พูดน้ำเสียงกระแทกเล็กน้อย จ้องตอบนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มออกดำไม่ลดละ แต่เพราะอัคคีเองไม่ปิดบังความปรารถนา แววตาจึงล้ำลึกขึ้นจนเป็นอุณากรรณต้องเบือนหน้าหนีพ่วงแก้มแดงซ่าน
“ก็เลน่ากำลังจะแต่งงานกับพี่ พี่เลยอยากให้เลน่ารับรู้ไว้ พี่เป็นคนรักษาสัจจะเสมอ เลน่าวางใจได้เลยว่าพี่จะไม่นอกใจ”
คนบ้า! เอะอะก็พูดเรื่องแต่งงาน เรื่องหมั้น เชิญคิดเองเออเองไปคนเดียวเถอะ
อุณากรรณเลือกที่จะไม่ตอบนั่งนิ่งกระทั่งรถเลี้ยวเข้าบริเวณของคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่
“ชุมพล ไปจอดลานจอดรถ”
“ครับบอส”
คนขับรถวนไปจอดที่ลานแล้วลงจากรถไม่ดับเครื่องยนต์ เพื่อให้เจ้านายทั้งสองได้มีเวลาส่วนตัว
“ไหน ค่ำนี้โกรธอะไรพี่ หันมาพูดกันสิ”
“ไม่ได้โกรธค่ะ แพรจะลงแล้ว พี่ให้คนขับรถปลดล็อกประตูเถอะค่ะ”
อัคคีขยับเข้าไปใกล้เมื่อเห็นว่าอุณากรรณยังไม่ยอมคลายความดื้อรั้น มือใหญ่คว้าเอวเล็กไว้จนอุณากรรณสะดุ้งตกใจ
“บอสทำอะไรน่ะ!!”
“ก็จูบราตรีสวัสดิ์ไงครับ เราก็จูบกันแบบนี้ทุกครั้ง”
“จูบราตรีสวัสดิ์!! จูบทุกครั้ง! หมายความว่ายังไงคะ?”
“ทำไมเลน่าความจำสั้นจังเลยครับ เมื่อวันก่อนเรายังจูบกันอยู่เลย”
“วันก่อน?”
อุณากรรณเอียงคอมองอย่างสงสัย มือยันหน้าอกแกร่งแน่นไว้ขณะที่เขากำลังดึงร่างโปร่งของเธอเข้าไปใกล้
“มานี่ก่อนคนดี”
“ม่ะ ไม่ บอส ไม่ได้ อื้อ”
แรงชายของอัคคีดึงร่างของอุณากรรณขึ้นบนตักกดเอวไว้แน่นไม่ยอมให้เธอขยับเคลื่อนลงได้ อีกมือกดท้ายทอยไว้ดันลงกระทั่งลมหายใจอุ่นกระทบกันและกัน
“อย่าคะ อย่า”
“งั้นเรียกพี่เพลิงก่อนสิครับ”
อุณากรรณมองริมฝีปากหนาที่ใกล้เข้ามาทีละน้อย ใจดวงเล็กเต้นแรงรัวดั่งกลอง แม้ได้ยินว่าอัคคีเคยจูบกับพี่สาวฝาแฝดมาแล้วแต่ตัวเธอเองยังต้องการสิ่งนี้ สมองสั่งห้ามแต่หัวใจไม่ฟังเสียง เผยอปากรอไม่อาจห้ามตัวเองได้
อัคคีมองปากกระจับสวย ปากที่เขาเฝ้ามองตลอดทั้งวันอย่างถวิลหา ความต้องการครอบครองร้องลั่นอยู่ภายใน ดันจนอุณากรรณแนบสนิทไร้ช่องว่างแล้วประกบปากอุ่นร้อนจัดเข้าสู่ความหวานล้ำ
ร่างเล็กกว่าสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออัคคีลงปากหนักหน่วงดุดันผิดไปจากน้ำเสียงนุ่มนวลยามพูดจา เขากดแน่นแทรกลิ้นบังคับให้เธอเปิดปากรับเขาเข้าไป
ลิ้นหนากวาดไล้กระหวัดเกี่ยวเร่าร้อน ร่างบอบบางสะท้านขึ้นไม่อาจสู้แรงอารมณ์ดิบเถื่อนของชายร่างโตที่ส่งมอบให้ได้ เขาดันร่างจนเธอแอ่นโค้ง มือร้อนไม่ได้จับท้ายทอยเธอไว้แล้ว หากแต่ลูบไล้ไปทั่วกายสาว
มือใหญ่หนาปัดผมเปิดลำคอแล้วประกบลงสูดดมความหอมหวานของกลิ่นสาวตรงซอกคอ มือเลื่อนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีอ่อนด้วยความชำนาญเปิดกว้างออก ไล่พรมจูบลงกระทั่งถึงเนินทรวง
“หยุดก่อน อย่าคะ บอส!!”
อัคคีผงกศีรษะขึ้นส่งสายตาคมกล้าดุดันใส่จนคราวนี้อุณากรรณเองไม่กล้า
“เออ พะ พี่เพลิง หยุดก่อนนะคะ”
น้ำเสียงหวานออดอ้อนมองอัคคีด้วยดวงตาหยาดเยิ้มจากฤทธิ์เสน่หาที่เขาปลุกขึ้นมา มือเล็กเกาะบ่าแกร่งไว้แน่นเกร็งตัว
อัคคีมองเห็นความหวั่นกลัวและหวั่นไหวในดวงตา อุณากรรณมีดวงตาไม่ปกปิดอารมณ์ เธอมักปล่อยให้มันแสดงออกมาทางสายตา และคราวนี้ดวงตาดั่งกวางหวาดหวั่น
“ไม่ต้องกลัวคนดี เราจะรีบแต่งงานกันให้เร็วที่สุด”
“แต่งงาน? เร็วที่สุด? พี่เพลิงหมายความว่ายังไงคะ”
อุณากรรณก้มมองมือใหญ่กำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้เธออย่างตั้งใจแม้ว่าจะช้าสักหน่อยเพราะแวะหอมเนินทรวงผ่านเนื้อผ้า
“เราต้องแต่งงานกันแล้วคนดี พี่รอไม่ไหวหรอก”
“รออะไรไม่ไหวคะ?”
อุณากรรณปีนลงจากตักกว้างเมื่ออัคคียอมปล่อยมือ แล้วถัดตัวไปจนชิดมองเขาหวาดระแวง
“จากเมื่อกี้ พี่ว่าเราคงเข้ากันได้ดี ฉะนั้นเราคงต้องแต่งงานกันแล้วน่ะสิเด็กดี”
“ทำไมต้องแต่งด้วยคะ แค่จูบเดียวเอง เราแค่จูบกันเท่านั้น ว้าย! พี่เพลิง!!”
เสียงหวานร้องลั่นเมื่อมือใหญ่ดึงข้อมือเธอกระชากกลับไปหาอย่างแรง
“หมายความว่ายังไงแค่จูบ เลน่าจูบกับคนอื่นบ่อยงั้นหรือ หรือว่าไม่ใช่แค่จูบ”
“พะ พี่เพลิง กะ ก็ แพรเป็นคนสมัยใหม่นะคะ ไม่ได้หัวโบราณ แพรย่อมเคยมีแฟนเป็นธรรมดา พี่จะมาโมโหอดีตแพรไม่ได้”
ร่างใหญ่ดึงอุณากรรณเข้ามาอีก อัคคีค้นพบว่าตัวเองกำลังหึงขนาดหนัก ลูกไฟในท้องวิ่งวนไปยังทรวงอกเมื่อนึกภาพอุณากรรณกำลังทำแบบนี้กับคนอื่น
“ถ้างั้น ยิ่งต้องรีบแต่งงาน เลน่าจะได้ไม่ไปจูบกับผู้ชายคนอื่นอีก ส่วนที่เคยนอนกับใครมาก่อนหรือไม่พี่ไม่แคร์ เพราะพี่เองก็ไม่ได้บริสุทธิ์”
“พะ พี่เพลิง เดี๋ยวก่อน แพรว่ารอก่อนอีกสักหน่อยดีไหมคะ ว้าย!”
ร่างโปร่งบางถูกกระชากลับไปหาร่างแกร่งอีกครั้งจนอุณากรรณร้องตกใจ เสียงกร้าวกระด้างกว่าเดิมกดต่ำลงจนอุณากรรณสัมผัสได้ว่าเธอได้ปลุกอสูรร้ายออกมา
“เลิกเรียกตัวเองว่าแพรได้แล้ว แทนตัวเองว่าเลน่า พี่จะโทรบอกพ่อกับแม่เรื่องนี้เอง ให้ท่านหาฤกษ์เร็วที่สุด”
“พี่เพลิง!!”
“หรือว่าเราจะนอนกันก่อนก็ได้แล้วค่อยแต่ง พี่เองจะได้ไม่ต้องทนอดกลั้น รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำให้พี่อยากเอามากขนาดไหน”
อุณากรรณอ้าปากค้าง ร่างแกร่งใบหน้าเข้มปากเม้มตึง ดวงตาวาวโรจน์จนน่ากลัว เธอค่อยดึงตัวเองเบา ๆ
“งะ งั้นปล่อยแพร เอ้ย เลน่าก่อนนะคะ เราค่อยปรึกษากันดีไหมคะ”
เสียงหวานพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบส่งสายอ้อนคล้ายเด็กน้อยในร่างสาว มือเกาะแผงอกด้านหน้าขยุกขยิกเล็กน้อยจนคนร่างโตคันในหัวใจ จนเขาต้องคลายมือออกแต่ยังไม่ยอมปล่อย
“เดือนนี้เดือนสิบ กว่าจะได้ฤกษ์พิมพ์การ์ดแจกการ์ดคงราวเดือนสิบสอง เร็วที่สุดพี่คงเร่งได้แค่นี้”
เดือนสิบสอง!! นั่นมันอีกไม่เกินสามเดือน
“พี่เพลิง!!”
“สรุปตามนี้ เลน่าไม่ต้องทำอะไร พี่จะจัดการเอง ไปลองชุดแต่งงานก็พอ”
“พี่เพลิง!!”
ก๊อก ก๊อก!!
อัคคียกมือเคาะกระจกเรียกชุมพล แล้วมองร่างระหงข้างตัวยังนั่งมองเขาอย่างมึนงง
“อีกเรื่อง พี่ชอบรองเท้าคู่นี้มาก พี่อยากเห็นเลน่าใส่บนเตียงของเรา”
หน้าหวานสะบัดกลับไปมองตกตะลึง ตอนนี้เธอพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว คำว่า ‘ใส่บนเตียง’ คงไม่ได้หมายถึงให้เธอไปเดินบนเตียง แต่ให้เธอสวมไว้ขณะที่กำลังร่วมรักกันต่างหาก
แย่แน่ ๆ คราวนี้ เราจะบอกแพรยังไงดี
บทที่ 13 หนีเที่ยว“พลอย จะออกไปข้างนอกเหรอ”บุษบาที่นั่งอยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่นเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ เอ่ยทักเมื่อเห็นอุณากรรณแต่งตัวจัดเต็มในชุดรัดรูปสีดำตัวสั้น ตัวเสื้อควานลึกยังดีที่มีเสื้อคลุมตัวเล็กพอให้ปกปิดบ้าง รองเท้าส้นสูงสีดำสานไขว้ประดับคริสตัลคู่เก่งราคาแพง ดัดผมลอนเล็กน้อยเป็นคลื่นสยายลงกลางหลัง แต่งหน้าสโมคกี้อายแต่ไม่เข้มมาก ริมฝีปากสีแดงสด“ใช่แล้ว นุ้ยกับติซ่าชวนไปเที่ยวผับเปิดใหม่”“ใครกัน?”“โธ่เอ้ย! แพร ก็เพื่อนร่วมงานยังไงล่ะ แพรไปทำงานเป็นอาทิตย์นี่ไม่รู้จักใครเลยเหรอไง”อุณากรรณพูดพรางหมุนดูตัวเองในกระจกหน้าต่างบานใหญ่ที่สะท้อนหน้าหวานซึ้งเพื่อสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง“แล้วนี่พี่เพลิงรู้หรือเปล่า”“เกี่ยวอะไรกับพี่เพลิงด้วยแพร”อุณากรรณคว้ากระเป๋าหนังแกะสีดำทรงสี่เหลี่ยมขนาดเก้านิ้วขึ้นสะพายไหล่ เอี้ยวหน้ามองบุษบาฝาแฝดที่เหมือนตัวเองดั่งเงาในกระจก แต่นิสัยผิดแผกแตกต่างราวฟ้ากับดิน“อ้าว ก็พี่เพลิงเขาโทรหาทุกวันไม่ใช่เหรอ ถ้าพี่เพลิงโทรมาหาจะทำยังไง”นึกไปถึงอัคคี อย่างที่บุษบาบอกเขาโทรศัพท์มาจากสิงคโปร์ทุกวันจริง ๆ แต่โทรไม่นาน แค่ถามว่าทำอะไร กินข้าวห
บทที่ 12 พี่ชอบกินเด็กครับปัง!เสียงปิดประตูทำให้บุษบาเดินออกมาจากห้องนอน มองเห็นน้องสาวฝาแฝดใบหน้าดูไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะคิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น ทั้งริมฝีปากเม้มตึง“เป็นอะไรพลอย”เฮือก!! อุณากรรณสะดุ้งทันทีเพราะมัวแต่คิดเรื่องบนรถจนไม่ได้ยินเสียงพี่สาวฝาแฝดเดินออกมาจากห้องนอน“ไม่มีอะไร”รีบแสร้งเดินไปรินน้ำในครัวเพื่อปรับสีหน้า“อย่ามาโกหกเลย เราเป็นฝาแฝดกันนะ แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่ามีเรื่อง”อุณากรรณยกน้ำขึ้นดื่มแล้วเดินออกจากห้องครัวตรงไปทางโถงนั่งเล่นของคอนโดมิเนียมขนาดกว้างพอสมควรขณะเดินไปพยายามคิดหาคำพูดบอกพี่สาว ตอนนี้เธอทำเรื่องยุ่งยากกว่าเดิม บุษบาต้องใจเสียแน่เมื่อได้ยินตุบ!หลังจากทิ้งร่างบนโซฟาแล้ววางแก้วน้ำลง จึงหันไปมองพี่สาวฝาแฝดตรง ๆ ตัดสินใจพูดความจริงออกไปดีกว่า“พี่เพลิงจะให้พ่อกับแม่ไปหาฤกษ์แล้ว”“ห๊า!! อะไรนะ ไหน ๆ พลอยบอกมีวิธี แล้ว แล้วนี่แค่พลอยไปทำงานวันเดียว ทำไมกลายเป็นแบบนี้”“ใจเย็น ๆ สิแพร พลอยเองก็ไม่เข้าใจ ตามที่แพรเล่ามา พี่เพลิงก็ดูไม่ได้ชอบอะไรแพร ซ้ำยังยืดเวลาขอดูใจออกไปอีก แต่ค่ำนี้หลังจากกลับจากทานข้าวกับลูกค้า ก่อนลงจากรถพี่เพลิงก็บอกจะให้พ่อก
บทที่ 11 แต่งงานกันให้เร็วที่สุดภายในรถเงียบสนิท หลังจากอุณากรรณบอกทางไปคอนโดมิเนียมซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำงาน ตัวเธอเองนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา หันหน้าหนีคนร่างโตไปนอกรถ มองรถบนถนนที่ยังหนาตาแม้ว่าดึกแล้วก็ตาม“พรุ่งนี้ไปทานข้าวกลางวันกัน”จู่ ๆ อัคคีเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในรถ อุณากรรณไม่ตอบยังนั่งหันหน้าออกไปนอกรถ“เลน่า ยังงอนอยู่อีกเหรอครับ”“ใครงอนกันคะ แพรเปล่าสะหน่อย แค่ง่วง”เสียงหวานนุ่มขึ้นเสียงสูงเล็กน้อยไม่รู้ตัว ตอบทั้งที่ไม่หันหน้ามองคนร่างโตด้ายข้างแม้แต่น้อย จนเขาเองถอนหายใจ“ต่อไปพี่จะไม่พบกับเกรซอีก”“ก็แล้วแต่บอสสิคะ”“พี่จะไม่ติดต่อกับผู้หญิงคนอื่นอีก”ผู้หญิงคนอื่น? คงมีหลายคนสินะคราวนี้อุณากรรณไม่นั่งนิ่งเงียบ เอี้ยวหน้ากลับไปหาอัคคีทันควันเมื่อได้ยิน สีหน้าแสดงอารมณ์โกรธแต่ยังไม่รู้ตัวจนคนร่างสูงจ้องมองอย่างเผลอไผล“ก็แล้วแต่บอสสิคะ ไม่ใช่ธุระของแพร ไม่ต้องบอกแพรก็ได้ค่ะ”ดวงตากลมโตวิบวับแพรวระยับขณะที่พูดน้ำเสียงกระแทกเล็กน้อย จ้องตอบนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มออกดำไม่ลดละ แต่เพราะอัคคีเองไม่ปิดบังความปรารถนา แววตาจึงล้ำลึกขึ้นจนเป็นอุณากรรณต้องเบือนหน้าหนีพ่วงแก้มแดงซ่าน“ก
บทที่ 10 ใครเอาแต่ใจ ใครดื้อเพียงไม่นานนักรถหรูเลี้ยวเข้าถนนกว้างโค้งของโรงแรมระดับชั้นนำ“ที่จริงพี่เพลิงน่าจะให้คุณเกรซมา แพรแต่งตัวไม่เหมาะเลยค่ะ”“ไม่หรอก เลน่าแต่งตัวมาดีแล้ว อีกอย่างแทนตัวเองว่าเลน่าก็ถูกแล้วไม่ต้องแทนตัวเองว่าแพรกับพี่อีก”“ทำไมล่ะคะ แพรจะพูดชื่อไหนก็ได้นี่คะ ก็มันชื่อของแพร”อัคคีไม่ตอบ เขาเดินลงจากรถลงไปก่อนรอกระทั่งอุณากรรณลงจากรถจึงยื่นแขนออกมาให้คล้อง สังเกตว่าหญิงสาวชะงักคิดก่อนแต่ไม่นานเท่านั้นก็ยอมคล้องแขนเขาเดินขึ้นโถงบันไดลำแขนแกร่งแน่นอบอุ่นถึงร้อนจัด อุณากรรณมองมือตัวเองที่จับลำแขนนั้นไว้ มือเรียวเล็กของเธอเมื่อเทียบกับเขาแล้วยิ่งดูเล็กไปถนัดใจ“มาเถอะ พี่จะแนะนำให้รู้จัก”อุณากรรณละสายตาออกจากท่อนแขนแกร่ง มองตรงไปทางโต๊ะรับรองที่โทรศัพท์มาจองไว้ มีชายหนุ่มสองคนยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว หน้าตาคล้ายเป็นคนชนชาติจีนดั่งเช่นคนสิงคโปร์ทั่ว ๆ ไป สวมชุดสูทนักธุรกิจ รูปร่างสันทัดไม่สูงไม่เตี้ย แต่พออัคคีเดินเข้าไปใกล้ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองดูเตี้ยลงไปทันที“ริชาร์ด คาล นี่เลน่า คู่หมั้นผมครับ”คราวนี้อุณากรรณยิ้มไม่ออกแต่ก็พูดแก้ตัวไม่ได้ต่อหน้านักธุรกิจชาวสิงคโ
บทที่ 9 พี่เพลิงอุณากรรณนั่งเขี่ยมือเล่นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต เมื่อกลางวันตอนอยู่ในลิฟต์สองต่อสองว่าแย่แล้ว ตกเย็นพอขึ้นมานั่งรถคันเดียวกัน แม้ว่ารถคันใหญ่แต่ยังรับรู้ถึงไออุ่นจากคนตัวโตด้านข้างอยู่ดีทั้งกลิ่นบุหรี่ กลิ่นกายชาย สารพัดที่ทำให้สาวสะพรั่งอย่างเธอว้าวุ่นได้ จึงพยายามหาอย่างอื่นทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปจากอัคคีดวงหน้าหวานซึ้งเบี่ยงไปด้านข้างเพื่อมองถนนท่ามกลางรถมากมายของเมืองหลวงที่ขยับไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น“วันนี้รถติดหน่อยนะครับนาย”เสียงชุมพลเอ่ยถึงขึ้นขณะที่รถแล่นจนเกือบจะคลาน“ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลา”เสียงทุ้มต่ำด้านข้างคุยโต้ตอบกับคนขับรถสนิทสนมจนอุณากรรณแปลกใจ เธอมักไม่ค่อยพบคนในระดับนี้พูดคุยกับคนขับรถมาก่อน ส่วนใหญ่มักไว้ตัวและท่ามาก จึงเอี้ยวหน้าไปมอง ถึงกับสะดุ้งตกใจจริง ๆ เพราะเจอเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลที่หลุบมองเธออยู่ก่อนแล้วอย่างค้นหา“น้องแพรไม่เมื่อยเหรอครับ”“คะ คะ อะไรนะคะ”ใบหน้าคมเข้มยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงตอบมึนงง“ก็พี่ถามว่าน้องแพรไม่เมื่อยเหรอครับ นั่งตัวลีบอยู่ตรงนั้น ขยับมาอีกก็ได้นะ พี่ไม่กัดหรอก”“เออ ไม่เป็นไรค่ะ แพรไม่เมื่อยค
บทที่ 8 บอสขณะที่อัคคีกำลังเดินขึ้นอาคารสำนักงานก่อนจะเหลือบสายตามองเห็นหญิงสาวร่างสูงโปร่งของบุษบา ซึ่งวันนี้ดูสูงกว่าทุกวัน ทีแรกเขาเองไม่ได้ใส่ใจแต่เมื่อกวาดตามองอีกครั้งพลันสะดุดเข้ากับรองเท้าส้นสูงแบบสานพันข้อเท้า จึงไล่สายตาขึ้นไปยังใบหน้าอีกครั้ง หน้าหวานซึ้งยังคงเดิม สวยดั่งนางในวรรณคดี แต่มีบางอย่างผิดแปลกไปคงเป็นทรงผมที่ไม่มัดรวบตึงเหมือนทุกวัน หรือเพราะเสื้อผ้า กระโปรงสั้นเหนือเข่าอวดท่อนขาเรียวยาวขาวนวล หรือจะเป็นเพราะเสียงหัวเราะหวานนุ่มเบา ๆ เมื่อกำลังฟังเพื่อนนินทานินทา!! เมื่อเขาเดินเข้าใกล้จึงได้ยินเสียงของคนร่างอวบพูดขึ้นพร้อมคว้าเอวของบุษบาเข้าใกล้ จนตัวบุษบาเองหัวเราะร่วนออกมาอัคคีเริ่มชักสีหน้าจึงเรียกเสียงดังขึ้นให้พนักงานในบริษัทรับรู้ว่าเขาได้ยินและไม่พอใจร่างระหงของบุษบาไม่ได้สะดุ้งขึ้นเหมือนทุกครั้ง เธอเพียงยืดแผ่นหลังขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยเหลียวกลับมาสบตากับเขาดวงตากลมโตปนซึ้งซึ่งเหมือนจะรื้นนน้ำตาทุกครั้ง วันนี้กระจ่างใสพร้อมร่องรอยติเตียนส่งตรงมายังเขา จนอัคคีจดจ้องตอบอีกครั้งด้วยตาคมดุ“ค่ะ บอส”อัคคีหรี่ตาลงเล็กน้อยเพียงแวบเดียวก่อนเอ่ยเสียงราบเรียบ







