เข้าสู่ระบบ
“ยัย วาว ” ภวิชเรียกชื่อน้องด้วยความเป็นห่วง
“ วาวเหนื่อย ขอตัวนะคะ พาฉันไปห้องที ” ภัสสรเอ่ยปากบอกพยาบาลสาวส่วนตัวที่พี่ชายจ้างมา ภวิชได้แต่มองน้องสาวด้วยความรู้สึกมากมาย มินตราได้แต่เดินมาลูบแขนเขาให้กำลังใจ “ คงต้องให้น้องอยู่กับตัวเองสักพักนะวิช ” ภวัตต์ยืนมองพยาบาลสาวพาร่างน้องสาวขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของเธอ “ ฉันรู้ แล้วนี่มิกรู้เรื่องรึยัง? ” ภวิชหันไปถามพี่ชาย พร้อมกับเดินไปนั่งที่โซฟา ภวัตต์กับรฏาก็เดินตามมานั่งด้วย “ ยัง น้องไม่ให้บอก ” “ คงต้องใช้เวลานะคะ ” รฏาหันไปกุมมือภวัตต์ที่เครียดไม่ต่างจากภวิช ทุกอย่างคือความเงียบ การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่หลังจากที่รณภพไปเรียนที่ต่างประเทศได้สามปี เหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดเมื่อเดือนที่แล้ว ในวันนั้นพ่อ แม่ และภัสสร ได้เดินทางไปงานเลี้ยงที่จัดขึ้นที่สโมสรสำหรับการกุศล วันนั้นสภาพอากาศและพายุฝนที่เคลื่อนเข้ามาทำให้การจราจรและการมองเห็นไม่เอื้ออำนวย บวกกับถนนที่ลื่นทำให้รถพ่วงที่ขับมาด้วยความเร็วเสียหลักและพุ่งชนเข้ากับรถเบนซ์พ่อแม่ และน้องสาวของเขาที่นั่งมา สภาพรถที่ถูกอัดเข้ากับเสาไฟทำให้กระโปรงรถยุบมาเกือบครึ่งคัน คนขับรถที่ไปด้วยเสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ ร่างของพ่อแม่และน้องสาวของเขาถูกแพทย์ยื้อชีวิตเท่าที่จะทำได้แต่เคราะห์ร้าย ที่ไม่สามารถยื้อชีวิตบุพการีทั้งสองท่านได้ ทั้งภวิชและภวัตต์เมื่อทราบข่าว เขาก็ตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลทันที ข่าวร้ายที่ได้ยินทำให้ทั้งสองหนุ่มอ่อนแรงจนน่าใจหาย ทั้งมินตราและรฏาช่วยกุมมือและดึงแขนที่กำลังอ่อนแรงเหมือนจะตกหน้าผาของชายหนุ่มทั้งสองคนเอาไว้ ส่วนภัสสรที่ยังคงอยู่ในห้องไอซียูก็ทำให้ทั้งสองคนไม่สามารถวางใจอะไรได้เลย เหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านมา ยังคงอยู่ในความทรงจำที่เลวร้ายของพวกเขาแม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังคงฉายชัด ภัสสรก้าวเข้ามาในห้องนอนที่มีพยาบาลคอยพยุงอยู่ข้าง ๆ เธอมีผ้าก็อซพันแผลที่แขนข้างขวา ดีว่าขาด้านขวาของเธออาการดีขึ้นได้ถอดเฝือกแล้ว “ คุณภัสสรอยากได้อะไรอีกไหมคะ เดี๋ยวดิฉันจะจัดไว้ให้ “ “ ไม่! แล้วก็ออกไปได้แล้ว! ” เสียงแข็งกร้าวของหญิงสาวทำให้พยาบาลสาวก้มหน้าแล้วกล่าวขอตัวออกจากห้องไป เมื่อได้ยินเสียงประตูที่ปิดลงกลอนตามปกติที่หล่อนเคยสั่งไว้ ภัสสรก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาจจะห้ามได้ “ ฮือ ๆ ๆ พ่อขา แม่ขา วาวขอโทษ ฮือ ๆ ๆ ๆ วาวขอโทษ ” แม้ไม่ใช่ความผิดตัวเองแต่เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงไม่ตายแทนท่านทั้งสองทำไมโลกนี้ช่างใจร้ายให้เธอฟื้นขึ้นมาแต่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันก็เหมือนตายทั้งเป็น อุบัติเหตุครั้งนั้นพรากโลกที่แสนสดใสและแสงสว่างออกไปจากชีวิตของเธอ เธอสูญเสียการมองเห็นนอกจากนี่ยังมีเรื่องแปลก ๆ กับเธออีก “ ร้องไห้อีกแล้วหรอ! ” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นภัสสรเงยหน้ามองก็พบว่าเขานั่งยอง ๆ อยู่เบื้องหน้า นี่ไงเรื่องแปลกสำหรับเธอ เธอไม่เห็นทุกสิ่งทุกอย่างแต่ทำไมเธอกลับมองเห็นผู้ชายคนนี้ เขาเป็นคนผิวขาว ทรงผมที่เริ่มยาวปัดไปทางด้านขวาเล็กน้อย จมูกโด่งรั้น ใช่! เขาหล่อเลยทีเดียว ภัสสรส่ายหัวนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ- “ นายเข้ามาได้ยังไง? ” “ ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณ ” “ ฮือ ๆ ๆ ไม่จริง นายบ้าไปแล้วอ่ะ ฮือ ๆ ๆ นายเป็นใครก็ไม่รู้ ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ฮือๆ ๆ ” ภัสสรกอดเข่าร้องไห้หนักกว่าเดิม ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุแล้วฟื้นขึ้นมา อารมณ์เธอรุนแรงขึ้นทุกอย่าง เธอไม่สามารถยอมรับความจริงในตอนแรกได้ว่าเธอตาบอดไม่สามารถมองเห็นได้แล้ว ภัสสรนึกย้อนไปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เธอฟื้น ร่างบอบบางรู้สึกตัวขึ้นมาแต่ดวงตาทั้งสองข้างปิดผ้าก็อซเอาไว้ภาพความทรงจำสุดท้ายที่เธอจำได้คือฝนที่ตกหนักและทางที่มืดจนมองแทบไม่เห็น ไฟที่สาดส่องเข้ามาในรถพร้อมกับเสียงแตรที่ดังสนั่น เสียงดังโครม! ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะดับไป ' ตื่นแล้วหรอใยวาว ' ' พี่วัตต์ วาวปวดหัวจัง ' ' ค่อย ๆ ลุกนั่งนะ พี่ปรับเบาะให้ ' ' เปิดตาให้วาวทีสิอยากเห็นหน้าพี่จะแย่ ' คำพูดของน้องสาวเปรียบเสมือนเข็มที่ทิ่มใจเขาอย่างจัง เขาจะบอกความจริงเรื่องการมองเห็นของน้องสาวยังไง น้องสาวสุดที่รักของเขาจะรับได้หรอ ' พี่ว่า วาวพักให้อาการดีขึ้นก่อนนะ ' ' วาวดีขึ้นแล้วพี่วัตต์ ให้หมอมาเปิดผ้าก็อซเถอะนะ ปวดตาไปหมดแล้ว พ่อกับแม่ของเราล่ะคะท่านเป็นยังไงบ้าง ' อีกครั้งที่เหมือนมีดกรีดที่หน้าอกด้านซ้ายภวัตต์กัดริมฝีปากแน่น เขาจะบอกเรื่องพ่อและแม่กับน้องอย่างไรดี '.............' ' ว่ายังไงคะพี่วัตต์ พ่อกับแม่เป็นยังไงบ้าง ' ' เอ่อ เดี๋ยวพี่เรียกหมอให้ดีกว่านะ ' ถ้าเทียบกันแล้วเรื่องการโกหกระหว่าง ภวัตต์กับภวิช ภวิชทำได้ดีกว่าเขา เขาเลี่ยงที่จะตอบคำถามน้องสาวคนเล็กก่อนจะตามคุณหมอให้อย่างที่เขาคิดไว้ ภัสสรอยากเห็นหน้าพี่ชายจะแย่แล้ว นี่หลับไปนานขนาดไหนก็ไม่รู้ นายแพทย์หนุ่มรูปงามมีดีกรีเป็นถึงรองผู้อำนวยการที่เดินเข้ามาภายในห้องเขารู้สึกลำบากใจอย่างบอกไม่ถูก ' คุณหมอคะเปิดเร็ว ๆ สิคะ ฉันอยากเห็นหน้าพี่ ๆ แล้ว ' ' ครับ ' แพทย์หนุ่มบอกซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนที่รับผิดชอบก็เพื่อนรักของเขานั่นแหละฐาปกรณ์ เขาเคยคุยกับภวัตต์เรื่องอาการของน้องสาวไปแล้ว เขาพอจะเข้าใจความรู้สึกดีว่าเป็นแบบไหน ภัสสรสัมผัสได้ถึงการขยับของผ้าบริเวณดวงตาเธอตื่นเต้นเพราะไม่คิดว่าจะได้ฟื้นมาอีกครั้ง อุบัติเหตุวันนั้นมันน่ากลัวเหลือเกิน ' วาวค่อย ๆ ลืมตานะครับ ' ' เอ๋? เสียงนี้ คุ้น ๆ นะคะ พี่ฐารึเปล่า ' ' หึ ๆ ใช่ครับ เก่งจัง จำเสียงพี่ได้ด้วย ' ' เสียงนุ่ม ๆ แบบนี้ นอกจากพี่วัตต์แล้ว ก็คงมีพี่ฐานี่ แหละค่ะ ' เธอพูดยิ้ม ๆ ภวัตต์กับฐาปกรณ์ได้แต่ยิ้มบาง ๆ มันเป็นรอยยิ้มที่เศร้าแต่ก็ชอบในคำเยินยอของน้องสาวสุดที่รัก ภัสสรค่อย ๆ ขยับเปลือกตาขึ้นเธอพยายามกระพริบตาบ่อยครั้ง เพราะเธอยังคงมองเห็นเพียงความมืดเหมือนตอนปิดตาอยู่เลย ' พี่ฐา พี่วัตต์ วาวลืมตาอยู่หรือเปล่าคะ ' ' อืม ' ภวัตต์ตอบน้อง เขาสงสารน้องสาวจับใจใยวาวจะเป็นอย่างไรถ้ารู้ความจริง ' แล้วทำไมวาวมองอะไรไม่เห็นเลย ทำไมมันมืดแบบนี้ล่ะ ' ' วาวใจเย็น ๆ นะ ตอนนี้วาวต้องทำให้ชินนะ ' ' หมายความว่ายังไงคะพี่ฐา ' ' คือว่า...อุบัติเหตุคราวนี้ทำให้วาวสูญเสียการมองเห็น ' ' แกร๊ก ' เสียงเปิดประตูพร้อมกับภวิช มินตรา และรฏาที่ก้าวเข้ามาในห้องทุกอย่างคือความเงียบ ภวิชค่อย ๆ เดินก้าวเข้ามาข้างในอาการนิ่งของน้องสาวทำให้หัวใจพี่ชายเจ็บปวดเหลือเกิน ' วาว ฟื้นแล้วหรอ ' ภวิชเรียกน้องเบา ๆ ทำลายความเงียบ ' นี่พี่ฐาจะบอกว่าวาวตาบอดงั้นหรอ พี่กำลังจะบอกว่าวาวมองไม่เห็นใช่ไหม หึ ๆ ไม่ตลกเลยนะพี่ฐา อย่าเล่นแบบนี้ ' ' พี่ไม่ได้เล่นนะวาว วาวต้องรับและเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้นะบางทีดวงตาวาวอาจมีทางรักษาให้หายได้ วาวอย่าเพิ่งกังวลนะ ' ' ไม่ กรี๊ด ไม่จริง พี่ฐาโกหก พี่วิช วาวไม่ได้ตาบอดใช่ไหมอ่ะ ฮือๆ พี่วัตต์วาวยังเห็นพี่วัตต์ใช่ไหม ' สายตาของภัสสรที่มองไปอีกทิศทางหนึ่งส่งผลให้หัวใจผู้ชายทั้งสามคนอ่อนแรง ภวิชเม้มปากแน่นเข้าคว้าประครองน้องสาวด้วยความรัก ' ไม่เป็นไรนะวาว พี่จะดูแลวาวเอง พี่กับพี่วัตต์จะเป็นดวงตาให้วาวเองนะ ' ' กรี๊ด ไม่! ไม่จริง ออกไปนะพี่วิช วาวไม่เชื่อพี่วิชโกหก พี่วิชโกหก ' ภัสสรกรีดร้องและผลักพี่ชายออก มือไม้เธอดึงสายน้ำเกลือ กวัดแกว่งปัดป่ายกลางอากาศเธอยอมรับไม่ได้ว่าตอนนี้เธอมองไม่เห็นแล้ว ' วาว พี่จะดูแลวาวเองนะ วาวใจเย็น ๆ นะ ' พี่ใหญ่ของบ้านรีบประครองน้องแล้วโอบกอดด้วยความรัก รฏากับมินตราได้แต่เช็ดน้ำตาที่มันไหล เธอสงสารภัสสร เธออายุยังน้อยแต่โลกที่สดใสแววตาที่เคยเห็น มันจะกลายเป็นโลกมืดของเธอไปแล้ว ' ฮือ ๆ วาวอยากอยู่คนเดียว ขอวาวอยู่คนเดียวนะ พี่ ๆ กลับบ้านเถอะ ' ' โธ่! วาว ' ภัสสรดึงมือภวัตต์ออกแล้วนอนหันหลังห่มผ้า น้ำตาไหลลงไม่ขาดสาย ภวิชและภวัตต์กระพริบตา ไล่น้ำตาของตัวเองที่ตั้งท่าว่าจะไหลลงมาหลายครั้ง เขาต้องยอมให้น้องอยู่คนเดียวตามที่ฐาปกรณ์สั่ง ตอนนี้ฐาปกรณ์เป็นเพื่อนของภวิชเหมือนกันถึงบางครั้งจะมียังหึงหวงอยู่บ้างแต่เวลานี้ อาการของน้องคือเรื่องที่เขาควรห่วงกว่าเรื่องของตัวเอง ' ปล่อยให้วาวพักดีกว่าพวกนายกลับเถอะ เดี๋ยวฉันให้พยาบาลมาอยู่เป็นเพื่อนน้องวาวเอง ' ' อืม ' มีเพียงการพยักหน้าและก้าวออกจากห้องเท่านั้น พี่ชายทั้งสองคนคอยมองน้องที่เขารักอยู่ห่าง ๆ ภัสสรถูกพานั่งรถเข็นเพื่อจะออกไปสูดอากาศด้านนอก ' คุณภัสสรคะ ดิฉันขอไปเอาของสักครู่นะคะ คุณภัสสรนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ ' พยาบาลสาวบอกคนไข้คนสวยที่ตอนนี้เธอพาภัสสรมาอยู่ใต้ร่มไม้ด้านหลังของอาคารผู้ป่วยที่มีสวนดอกไม้บรรยากาศที่สวยงาม ถ้าภัสสรมองเห็นได้คงดีไม่น้อย ภวิชและภวัตต์ยืนหลบมุมเสาคอยดูน้องของพวกเขาห่าง ๆ ภัสสรไม่ยอมคุยกับพวกเขาเลยน้อยครั้งที่น้องเขาจะยิ้มจะหัวเราะ ' คุณ คุณคะ ' เสียงเรียกของน้องสาวที่มองไปข้างหน้าทำให้ ภวัตต์และ ภวิชมองตามแน่นอนว่าทั้งสองหนุ่มไม่ยอมกลับบ้านตามที่ฐาปกรณ์บอก ภัสสรเห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งพิงต้นไม้หัวผงกอยู่เธอเลยส่งเสียงเรียก ใจเธอชื้นขึ้นมา พี่ ๆ ของเธอโกหกจริง ๆ ด้วย ถ้าเธอมองไม่เห็นแล้วทำไมเธอเห็นผู้ชายคนนี้ล่ะ แต่เธอกลับไม่เห็นสภาพแวดล้อม หรือสายตาของเธอยังคงปรับแสงไม่ได้ เธอพยายามคิดในแง่ดีเข้าไว้ ' คุณเรียกผมหรอ ' ชายหนุ่มแปลกหน้ารูปร่างหน้าตางดงามชี้นิ้วเข้าหาตัวเองคิ้วยาวเรียงตัวสวยขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย ' ใช่ฉันเรียกคุณ ' ' คุณเห็นผมงั้นหรอ ' ' เหอะ ๆ ก็เห็นสิ นายเป็นผีรึไงเล่า ' ชายหนุ่มตรงหน้าคิ้วขมวดเล็กน้อย ทำไมผู้หญิงคนนี้เห็นเขาได้ล่ะในเมื่อไม่มีใครมองเห็นเขาเลยสักคน ' โกหกน่า ' เขายกมือขึ้นโบกไปมา แต่ภัสสรก็ยังคงมองอยู่ ' จะโบกมืออีกนานไหม ' คำพูดของหญิงสาวทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย แต่ก็เรียกรอยยิ้มแสนหวานให้ฉายชัดออกมา จนภัสสรรู้สึกหน้าเห่อร้อน เพราะเขาดูหล่อมากทีเดียว ' คุณเห็นผมจริง ๆ ด้วย ว่าแต่คุณเรียกผมทำไมหรอ? ' ' เปล่า ฉันเห็นนายนั่งสัปหงกอยู่กลัวหงายหลัง อีกอย่างฉันคิดว่าพวกพี่ ๆ โกหกฉันทำไม ' ' พี่ ๆ เขาโกหกอะไรคุณหรอ ' ' ก็เขาบอกว่าฉันไม่สามารถมองเห็นได้ แต่นี่ไงหล่ะ ฉันเห็นคุณ แล้วฉันจะตาบอดได้ยังไง ' ภัสสรใส่อารมณ์สีหน้าเธอขมวดมุ่นจนชายหนุ่มอมยิ้ม เขาพินิจมองหญิงสาวตรงหน้า เธอน่าตาจิ้มลิ้ม ชวนน่าหลงใหล เธอเป็นใครกันแน่? ' ผมว่าบางทีพี่ ๆ คุณ อาจจะพูดความจริงก็ได้นะ ' ' นี่นายจะบอกว่าฉันโกหกที่ฉันมองเห็นงั้นหรอ นายจะไปไหนก็ไปเลยนะ ฉันไม่อยากคุยด้วยแล้ว ' เธอเหวี่ยงอารมณ์ใส่คนตรงหน้าทำให้เขาหัวเราะร่า ' ฮ่า ๆ เอ้าคุณมาไล่ผมทำไม คุณเรียกผมเองนะ โอเค ๆ ไม่พูดแล้ว ผม กร ทีปกร คุณล่ะชื่ออะไร ' เขานั่งข้าง ๆ ยิ้มให้สาวสวยตรงหน้าที่หันมามองหน้าเขา ' ฉันต้องบอกนายด้วยหรอ ฝันไปเถอะ ' เขายิ้มกว้าง ปฏิกิริยาของหญิงสาวตรงหน้าแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจเรื่องเมื่อครู่ที่เขาพูดไป ' เหอะ ๆ ' ทีปกรหัวเราะชอบใจที่ ดูสาวน้อยตรงหน้านี้คงเอาแต่ใจไม่น้อย ภวัตต์และภวิชมองน้องสาวที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้คนเดียว การพูดคุยและหัวเราะทำให้ทั้งสองพี่น้องมองหน้ากัน น้องเขาคุยกับใครกันแน่? และนั่นคือวันแรกที่ได้เจอกันระหว่างทีปกรและภัสสร~ กลับมายังปัจจุบันเสียงร้องไห้ของภัสสรที่กำลังดังอยู่ตอนนี้ทำให้ทีปกรนั่งลงข้าง ๆ ในห้องนอนของเธอ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันที่เขาสามารถเข้ามาในห้องนี้และบ้านหลังนี้ได้ และทำไมเธอถึงเห็นเขาได้ทั้งที่คนอื่นไม่เห็น “ ก๊อก ๆ วาว วาว คุยกับใคร เปิดให้พี่หน่อยสิ ” ภวัตต์เคาะประตูหลังจากได้ยินเสียงน้องสาวของตัวเองที่กำลังคุยกับใครบางคน “ มะ ไม่มีอะไรพี่วัตต์ วาวเปิดทีวีน่ะ ” ภัสสรเช็ดน้ำตาค่อย ๆ ลุก มือควานหารีโมททีวี ดีที่เธอวางรีโมทไว้หัวเตียงด้วยทุกครั้ง เธอกดปุ่มรีโมททีวีให้เปิดขึ้น เพื่อทำลายความเงียบ ภวัตต์ที่อยู่หน้าห้องเขาไม่อยากเซ้าซี้น้อง เพราะเท่าที่วาวเป็นตอนนี้มันก็มากพออยู่แล้ว เธอเก็บตัว และไม่อยากรู้จักใคร การเรียนในมหาวิทยาลัยก็ต้องหยุดชะงักลง ถ้ามิกรู้เข้า วาวจะทำยังไง? เรื่องนี้พี่ชายทั้งสองคนต่างรู้ความรู้สึกของน้องสาวที่มีต่อชายหนุ่มเป็นอย่างดี แต่อีกฝ่ายนี่สิที่เขาอยากรู้ว่ารู้สึกกับน้องสาวของเขามากน้อยแค่ไหน “ วาว พี่เข้าไปนะ ” เขาบอกน้องก่อนจะค่อยๆ หมุนลูกบิดประตู เขาใช้กุญแจสำรองในการไขเข้าห้อง ภัสสรเช็ดน้ำตานั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงเธอได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา แขนข้างขวาที่ยังใส่เฝือกอยู่ทำให้วางบนเข่าไม่ถนัด “ วาว เป็นอะไร อยากไปเที่ยวไหมพี่พาไป ” “ ไม่ค่ะ พี่วัตต์มีอะไรรึเปล่าคะ วาวอยากพัก ” น้ำเสียงเย็นชาที่แตกต่างจากวาวคนเดิมถูกส่งมาให้พี่ชายอย่างเขา จะบอกยังไงว่าเขาอยากให้น้องสาว กลับมาเป็นคนเดิม “ ไปเที่ยวทะเลไหม พี่พาไป ” แทนคำตอบ ภัสสรค่อยๆ ขยับตัวลงนอน แล้วหันหลังเธอหลับตาลงให้พี่ชายของเธอ เธอรู้ดีว่าพี่เป็นห่วงและไม่ใช่ความผิดของพี่ ๆ เธอเลย แต่เธอไม่ได้อยากให้ใครสงสารอย่ามาทำให้เธอรู้สึกว่าเธอไม่สามารถดูแลตัวเองได้เหมือนแต่ก่อน “ วาวไม่หิวข้าวหรอ ” “.....” “ วาว พี่กับทุกคนเป็นห่วงวาวนะ เอาล่ะพี่ไม่กวนแล้วก็ได้ ถ้าวาวอยากไปที่ไหน วาวบอกพี่ได้ทุกเมื่อนะ พี่รักวาวนะ ” ภวัตต์ลูบหัวน้องสาวแล้วจูบที่ผมของน้องอย่างหวงแหน คำพูดของพี่ชายทำให้ภัสสรนอนสะอื้นไห้อีกครั้งหลังจากที่ ภวัตต์ออกจากห้องไป ร่างของทีปกรก็ปรากฏขึ้น เขานั่งข้าง ๆ เตียง คอยมองภัสสรที่เอาแต่หลับตาร้องไห้ ไม่รู้ทำไมถึงไม่อยากให้เธอร้องไห้เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันในห้องพักคอนโดหรูใจกลางเมืองหนึ่งอาทิตย์แล้วสินะที่เขากลับมาประเทศไทยเขาแอบกลับไปดูบ้านหลังที่เขาเคยอยู่วันนี้ที่ได้เห็นหญิงสาวแค่แวบเดียวเท่านั้นเองเพราะเขาไปหาเพื่อนแถวนั้นพอดี การทำเรื่องย้ายกลับมาศึกษาที่ประเทศไทยเพราะเหตุผลที่ค้างคาใจบางอย่างที่รณภพเองรู้ว่าเป็นเพราะใคร เป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีการเคลื่อนไหวจากหญิงสาวทางโลกโซเชียล ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องกังวลใจทั้งที่เมื่อก่อนที่เจ้าหล่อนชอบมาปั่นป่วนเขาทำให้เขาเหนื่อยอยู่เรื่อย แต่พอไม่มีหล่อนเข้ามาปั่นป่วนเขากลับป่วนเสียเองนี่ คำพูดที่เขาติดต่อกับพี่สาวยังคงวนเวียนอยู่ในหัว' มิกกลับมาก็ดีนะมาอยู่ใกล้ ๆ วาว พี่วิชจะได้สบายใจสักที '' ห๊ะ ดูแลใยคุณหนู ทำไมล่ะ ใยนั่นเป็นอะไรรึไง '' ไว้มิกกลับมามิกก็จะเห็นเอง '' ก็คงจะสร้างปัญหาอย่างเคยสิท่า '' .............. ' รณภพหวังว่าพี่สาวจะตอบกลับมาแบบปฏิเสธหรือมีปฏิกิริยาอะไรที่บ่งบอกได้ว่าเขาคิดผิด แต่ความเงียบมันทำให้เขารู้สึกระแคะระคายเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าหว่า? เขาได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ไหนๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ไปให้เห็นกับตาหน่อยสิ ว่าจะเป็นยังไงบ้างเพราะเมื่อช่วงเย็นวันก่อ
ในห้องนอนที่เป็นโลกทั้งใบของหญิงสาวคนหนึ่งเธอรู้สึกปลอดภัยในพื้นที่ที่เธอสร้างขึ้นมาเอง“ วาว นี่คุณไม่คิดจะออกไปไหนบ้างหรอ ”“ คนตาบอดอย่างฉันจะออกไปไหนได้ล่ะ นายเลิกพูดบ้า ๆ สักที ”“ บ้าที่ไหนเล่า คุณเอาแต่นั่งซึมเศร้าอยู่แบบนี้มันก็ไม่ได้ทำให้คุณมีความสุขเลยนะ ”“ น่ารำคาญจริง ” ภัสสรเริ่มคิ้วขมวดเมื่อทีปกรชอบพูดเรื่องเดิม ๆ กับเธอ ไม้ช่วยนำทางเริ่มกวาดไปมาหันหลังกลับ หลังจากที่เธอกินข้าวเช้าเสร็จ เธอก็จะหลบขึ้นไปห้องนอนที่เป็นโลกของเธอตั้งแต่เกิดเหตุ ทีปกรไม่ยอมหยุดง่าย ๆ เขาหายตัวแล้วไปหยุดอีกฝั่งหนึ่งตรงหน้าเธอ“ คุณจะหนีผมไปไหน ผมยังพูดไม่จบเลยนะ ”“ นายมีสิทธิ์อะไร ถ้าจะมาเพราะอย่างนี้จะไปไหนก็ไปเลยนะ ไปสิ ” เสียงสนทนาของหญิงสาวทำให้สาวใช้ต่าง ๆ พากันมาดู“ แก คุณวาวเขาไล่ใครน่ะ ”“ ฉันจะไปรู้หรอ ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุคุณวาวเธอก็เพี้ยน ๆ ไป น่าเวทนายิ่งนัก สงสารคุณ ๆ เสียเหลือเกิน ” เสียงสาวใช้ที่พากันพูดถึงหญิงสาวที่อยู่ชั้นที่สองของตัวบ้านทำให้ผู้มาเยือนที่หลบตรงประตูบ้านยืนสังเกตการณ์แล้วมองขึ้นไป แต่เขาเห็นเพียงด้านหลังเท่านั้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่ตกเย็นวันนั้นภัสสรถูกทีป
“ รฏา รฏาครับ ก๊อก ๆ ๆ คุณอยู่ในห้องหรือเปล่า ” ภวัตต์เคาะประตูหน้าห้องพักตากอากาศที่เขาต้องมาเคลียร์งานที่ภูเก็ต อารมณ์ของน้องสาวก็ไม่ค่อยปกติ บ่อยครั้งที่เขาเห็นรฏาโดนตวาดจนอดห่วงความรู้สึกสาวเจ้าไม่ได้ เลยอาศัยช่วงเวลาทำงานพาเธอมาผ่อนคลาย หลังจากลงเครื่องและนอนหลับสักพัก ภวัตต์ก็ต้องไปประชุมตั้งแต่บ่ายนี่ก็ตกเย็นแล้ว เขาคิดถึงคนสวยของเขาแต่เมื่อมาถึงห้องนอนเขากลับพบเพียงเตียงว่างเปล่า“ แกร๊ก รฏา ผมกลับมาแล้วนะ ไปไหนของเขา ” เขาเดินจ้ำอ้าวไปเปิดประตูห้องน้ำ หวังให้เจอคนสวยที่เขาคิดถึงแต่ก็เช่นเคยเมื่อเจอแต่ความว่างเปล่า คิ้วเรียวหนาเริ่มกระตุกเข้าหากัน ตามด้วยเสียงบ่นหาของเขา มือหนาล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือราคาแพง กดโทรหาหญิงสาวทันที“ ครืด ๆ ” เสียงสั่นของมือถือที่ดังใกล้ ๆ ทำให้ภวัตต์กวาดสายตามองหาต้นเสียง เรียวตาหรี่ออกไปนอกระเบียงที่เปิดประตูเลื่อนไว้ ผ้าม่านสีหมอกปลิวไสวตามแรงลม เขาค่อย ๆ ก้าวเดินออกไปตรงระเบียง แสงสุริยันกำลังจะลาลับขอบฟ้าสาดส่องเข้ามาบาง ๆ ชายกระโปรงสีชมพูอ่อน ๆ ทำให้ ภวัตต์ลดโทรศัพท์มือถือลง คลายปมตรงหัวคิ้วแล้วตรงไปหาเป้าหมาย รอยยิ้มคลี่ออกเล็กน้อย เมื่อเห็น
“ วาว อันนี้อร่อยน้า ลองชิมดูหน่อยสิ ” ภวิชตักอาหารใส่จานน้องสาวของเขาอย่างเอาใจ ภัสสรเงียบยิ่งกว่าเก่าหลังจากที่รับรู้การจากไปของบิดาและมารดาโลกของเธอยิ่งแคบขึ้นกว่าเดิม“ เพล้ง ว้าย! ” ภัสสรที่กำลังจะหยิบแก้วน้ำแต่มือดันพลาดไปปัดทำให้แก้วน้ำหกตามแรงที่เธอปัดโดนแล้วตกแตก เสียงตกใจเล็กน้อยของมินตรา เธอหยิบผ้าขึ้นเช็ดกระโปรงให้ภัสสรอย่างรวดเร็ว“ ไม่ต้อง ” ภัสสรปัดมือออก เธอไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนเช็ดให้เธอ แต่ถ้าให้ทายบ้านหลังนี้ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นแหละ“ ยัยวาว ” ภวิชไม่พอใจกิริยาของน้องตัวเองแต่มินตรากลับส่ายหน้าเบา ๆ ห้ามเขาไว้ เขาจึงได้แต่ถอนหายใจ“ แล้วจะยืนนิ่งกันทำไม ไปหาผ้ามาเช็ดสิ เดี๋ยวน้องฉันก็ลื่นกันพอดี เก็บเศษแก้วให้หมดด้วย ” คนโมโหร้ายหันไปเอ็ดบรรดาสาวใช้ทั้งหลายทั้งปวงที่ยืนเลิกลั่กทำอะไรไม่ถูก ภวัตต์ได้แต่ตักอาหารเข้าปากมองน้องทั้งสองคนอย่างคิดไม่ตก ก่อนที่เสียงนุ่ม ๆ จะเอ่ยขึ้น“ วาว พี่ว่าวาวลองหางานอดิเรกทำดูไหมจะได้ไม่เบื่อ ”“ หึ งานอดิเรก งานอะไรคะ? ทำไปทำไมคะ? ในเมื่อมองมันไม่เห็นอยู่ดี ” ภัสสรหัวเราะฝืน ๆ ในลำคอสมเพศกับตัวเอง งานอะไรก็ไม่ส่งผลกับความสุขเธอนั
“ยัย วาว ” ภวิชเรียกชื่อน้องด้วยความเป็นห่วง“ วาวเหนื่อย ขอตัวนะคะ พาฉันไปห้องที ” ภัสสรเอ่ยปากบอกพยาบาลสาวส่วนตัวที่พี่ชายจ้างมา ภวิชได้แต่มองน้องสาวด้วยความรู้สึกมากมาย มินตราได้แต่เดินมาลูบแขนเขาให้กำลังใจ“ คงต้องให้น้องอยู่กับตัวเองสักพักนะวิช ” ภวัตต์ยืนมองพยาบาลสาวพาร่างน้องสาวขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของเธอ“ ฉันรู้ แล้วนี่มิกรู้เรื่องรึยัง? ” ภวิชหันไปถามพี่ชาย พร้อมกับเดินไปนั่งที่โซฟา ภวัตต์กับรฏาก็เดินตามมานั่งด้วย“ ยัง น้องไม่ให้บอก ”“ คงต้องใช้เวลานะคะ ” รฏาหันไปกุมมือภวัตต์ที่เครียดไม่ต่างจากภวิช ทุกอย่างคือความเงียบ การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่หลังจากที่รณภพไปเรียนที่ต่างประเทศได้สามปี เหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดเมื่อเดือนที่แล้ว ในวันนั้นพ่อ แม่ และภัสสร ได้เดินทางไปงานเลี้ยงที่จัดขึ้นที่สโมสรสำหรับการกุศล วันนั้นสภาพอากาศและพายุฝนที่เคลื่อนเข้ามาทำให้การจราจรและการมองเห็นไม่เอื้ออำนวย บวกกับถนนที่ลื่นทำให้รถพ่วงที่ขับมาด้วยความเร็วเสียหลักและพุ่งชนเข้ากับรถเบนซ์พ่อแม่ และน้องสาวของเขาที่นั่งมา สภาพรถที่ถูกอัดเข้ากับเสาไฟทำให้กระโปรงรถยุบมาเกือบครึ่งคัน คนขับรถที่ไปด้วยเสี







