เข้าสู่ระบบในห้องพักคอนโดหรูใจกลางเมืองหนึ่งอาทิตย์แล้วสินะที่เขากลับมาประเทศไทยเขาแอบกลับไปดูบ้านหลังที่เขาเคยอยู่วันนี้ที่ได้เห็นหญิงสาวแค่แวบเดียวเท่านั้นเองเพราะเขาไปหาเพื่อนแถวนั้นพอดี การทำเรื่องย้ายกลับมาศึกษาที่ประเทศไทยเพราะเหตุผลที่ค้างคาใจบางอย่างที่รณภพเองรู้ว่าเป็นเพราะใคร เป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีการเคลื่อนไหวจากหญิงสาวทางโลกโซเชียล ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องกังวลใจทั้งที่เมื่อก่อนที่เจ้าหล่อนชอบมาปั่นป่วนเขาทำให้เขาเหนื่อยอยู่เรื่อย แต่พอไม่มีหล่อนเข้ามาปั่นป่วนเขากลับป่วนเสียเองนี่ คำพูดที่เขาติดต่อกับพี่สาวยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
' มิกกลับมาก็ดีนะมาอยู่ใกล้ ๆ วาว พี่วิชจะได้สบายใจสักที ' ' ห๊ะ ดูแลใยคุณหนู ทำไมล่ะ ใยนั่นเป็นอะไรรึไง ' ' ไว้มิกกลับมามิกก็จะเห็นเอง ' ' ก็คงจะสร้างปัญหาอย่างเคยสิท่า ' ' .............. ' รณภพหวังว่าพี่สาวจะตอบกลับมาแบบปฏิเสธหรือมีปฏิกิริยาอะไรที่บ่งบอกได้ว่าเขาคิดผิด แต่ความเงียบมันทำให้เขารู้สึกระแคะระคาย เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าหว่า? เขาได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ไหนๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ไปให้เห็นกับตาหน่อยสิ ว่าจะเป็นยังไงบ้างเพราะเมื่อช่วงเย็นวันก่อนเขาเห็นได้ไม่ถนัดตานัก รณภพลุกขึ้นจากที่นอนตรงไปหยิบเสื้อหนังพร้อมกุญแจรถที่เขาเปลี่ยนจากรถคันเท่ ๆ ของเขาเป็นรถยนต์แทน เขาไม่ได้ซื้อรถหรูอะไรมากมาย การที่เขากลับมาที่นี่เขาเองก็ยังไม่ได้บอกใครเหมือนกัน ไม่นานเกินรอนัก เขาก็ถึงจุดหมายปลายทางสายตาเรียวยาวมองขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน ที่เป็นห้องที่เขามองขึ้นไปประจำตอนที่อยู่เมืองไทย เพราะคนบางคนชอบขว้างกระดาษลงมาใส่เขาที่นั่งอยู่ข้างล่าง ห้องที่เขาพักประตูห้องมันสามารถมองเห็นห้องของเธอได้อย่างพอดี เรื่องที่ภวิชกับเขาเคยคุยกันไว้ก็เรื่องที่ให้เขาเป็นบอดี้การ์ดดูแลความปลอดภัยของใยคุณหนูเอาแต่ใจนี่แหละ คิ้วเรียวสวยของรณภพที่มองห้องของภัสสรอยู่นั้นเริ่มขมวดเป็นปม เมื่อเห็นบางอย่างที่ผิดปกติ “ ใยคุณหนู นี่ฉันไปเรียนได้ไม่กี่ปี เดี๋ยวนี้กล้าพาผู้ชายเข้าบ้านเลยหรือ ฮึ่ย! แล้วจะไปหงุดหงิดทำไมวะเรา ไม่ได้ชอบใยนั่นซักหน่อย ” รณภพถอนหายใจแล้วขับรถออกไป ในหัวขณะที่เขาขับรถออกไปมันพาแต่จะวนเวียนนึกถึงเงาตะคุ่ม ๆ ที่อยู่ในห้องของภัสสร รูปร่างของเธอ กับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่อยู่ในห้องกับเธอ มันเป็นใครกันนะเขาชักอยากจะรู้ คืนนั้นทั้งคืนรณภพนอนไม่เป็นสุขอย่างที่คิดเขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคืออะไรตอนที่เขาคบกับมะปรางมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกนี้ การนอนหลับของเขาจบด้วยการที่เขาต้องซื้อเครื่องดื่มกระป๋องที่ผสมแอลกอฮอล์ขึ้นมาดื่มเพื่อให้เกิดความง่วงแทน ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองหลวงของประเทศไทย “ คุณนิชา นี่เอกสารอะไรครับทำไมมาวางอยู่บนโต๊ะทำงานของผม ” “ เอกสารนักศึกษาแพทย์ปีสี่ที่ทำเรื่องมาสำหรับฝึกปฏิบัติและเรียนรู้ที่รพ.ของเราค่ะท่านรอง ” “ งั้นหรอครับ ขอบคุณมากครับ เชิญคุณทำงานต่อเถอะ ” ฐาปกรณ์ตอนนี้เขาได้เลื่อนขั้นเป็นรองผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแห่งนี้แล้ว ด้วยความพยายามของเขาและก็ต้องขอบคุณที่คนในครอบครัวเห็นว่าเขาสามารถทำหน้าที่ดูแลงานได้ เขาเดินเข้าห้องทำงานของตัวเองอีกครั้งหลังจากที่รู้ที่มาของแฟ้มเอกสารนี้ก่อนจะนั่งหย่อนตัวลงบนเก้าอี้แล้วเปิดแฟ้มเอกสารดู “ หืม มิกงั้นหรอ ” เขาร้องออกมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย เอกสารนี้ไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจเท่าไหร่นักถ้ามันไม่ใช่เอกสารที่เกี่ยวกับคนใกล้ตัวและมันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ “ ก๊อก ๆ ขออนุญาตค่ะท่านรอง ” “ เชิญครับ ” “ ท่านรองคะ วันนี้ท่านรองมีประชุมตอนบ่ายนะคะ แล้วก็มีปฐมนิเทศนักศึกษาที่มาฝึกงานที่นี่ด้วยค่ะ ” “ ครับ คุณนิชาครับแล้วนักศึกษาคนนี้ล่ะครับ เขาจะมาปฐมนิเทศรวมกับนักศึกษาคนอื่นรึเปล่า ” เขาชูแฟ้มเอกสารที่เพิ่งได้รับให้กับเลขาดู เพราะนักศึกษาแพทย์ที่นี่มาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศมาฝึกงานด้วยเขาต้องถามเพื่อความแน่ใจ “ ไม่ค่ะ ท่านรอง นักศึกษาท่านนี้จะเข้ามาพบหลังจากที่ท่านปฐมนิเทศนักศึกษาคนอื่น ๆ แล้วค่ะ ” “ ก็ดีครับ ถ้าเขามาก่อน คุณก็ให้เขาเข้ามานั่งรอผมที่ห้องนี้ได้เลยนะ ” “ ได้ค่ะท่านรอง ” “ ขอบคุณมากครับ ” ฐาปกรณ์สั่งเลขาสาวไว้ก่อนที่เขาจะต้องเข้าประชุมในช่วงบ่าย การที่รณภพกลับไทยมากระทันหันแบบนี้ทั้งที่เขาเพิ่งสอบชิงทุนไปต่างประเทศได้คงต้องเป็นเรื่องสำคัญมากแน่ ๆ ครอบครัวกิตติรัชไพทูลตอนนี้กำลังวุ่นวายใจด้วยห่วงใยน้องสุดท้องของบ้าน ความใส่ใจและหวงน้องสาวที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งทวีคูณขึ้นเป็นสองเท่า การต่อล้อต่อเถียงคะยั้นคะยอน้องสาวเพื่อพาน้องสาวไปหาหมอจึงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับพี่ชายทั้งสองคน “ ก็วาวบอกแล้วไงว่าไม่อยากมา ทำไมทุกคนต้องคอยบังคับให้วาวมาด้วย " “ ก็เพราะทุกคนรักคุณวาวยังไงคะ ” “ เธอก็พูดได้นี่มินตรา เธอไม่ได้ตาบอดเหมือนฉันนี่ ” “ ใยน้อง! ” แน่นอนว่านี่ก็คงจะเป็นเสียงของภวิชที่ฟังการพูดคุยระหว่างสองสาวคนหนึ่งคือน้องที่รักอีกคนก็ภรรยาสุดที่รักที่วันนี้ภัสสรต้องมาตรวจดูอาการที่โรงพยาบาลที่ฐาปกรณ์ทำงานอยู่ ครั้งนั้นที่เกิดอุบัติเหตุภวิชถึงได้รู้ว่าน้องสาวของเขามีอาการโรคแทรกซ้อนโรคหัวใจทำไมเขาเพิ่งรู้ว่าน้องเขามีโรคร้ายแรงขนาดนี้หรือเป็นเพราะเขาไม่สนใจเพราะเห็นว่าพ่อกับแม่โอ๋น้องสาวตั้งแต่เด็กเลยไม่คิดว่าโรคนี้จะเกิดขึ้นกับน้องสาวของเขาเอง “ คุณภัสสร เชิญค่ะ ” เสียงพยาบาลเรียกชื่อ มินตราลุกขึ้นไปพยุงภัสสรที่ทำท่าทางจะดึงแขนออกอย่างหงุดหงิดก็ได้ยินเสียงคล้ายจะตำหนิของพี่ชายดังขึ้นอีกครั้ง “ วาว ” น้ำเสียงกดลงต่ำส่งสัญญาณบอกให้น้องสาวตัวเองรู้ว่าควรรักษามารยาทบ้าง ภัสสรจึงต้องจำใจปล่อยให้พี่สะใภ้คนรองของบ้านพาเข้าไปพบคุณหมอ “ สวัสดีค่ะ พี่หมอ ” มินตราเอ่ยทักคนที่กำลังนั่งดูประวัติคนไข้ ทันทีที่เธอกล่าวทักทายเสร็จคุณหมอหนุ่มก็เงยหน้าจากเอกสารแล้วส่งยิ้มหวานให้ ซึ่งอิริยาบถต่าง ๆ ไม่ลอดจากสายตาคนขี้หวงสักวินาที เขาหมายมั่นคาดโทษภรรยาสาวไว้ในใจ กลับไปจะต่อแขนต่อขาให้ลูกน้อยในท้องให้ดูจะได้ไม่มี หนุ่ม ๆ ที่ไหนส่งสายตาหวานให้อีก “ สวัสดีครับคุณมิน คุณภวิช ” “ สวัสดีครับ ” เขาตอบเสียงเรียบ “ ว่าไงครับสาวน้อย น้องวาวยังสวยเหมือนเดิมเลยน้า ” “ อะแฮ่ม ” เสียงของภวิชที่กระแอมบอกคุณหมอ แสนจะพิเศษ เพราะ ฐาปกรณ์เป็นคนดูแล เนื่องจากน้องสาวเขาสนิทกับฐาปกรณ์ถึงจะเลื่อนสถานะเป็นแค่เพื่อนกับภรรยาเขาก็เถอะยังไงเขาก็ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น “ พี่ฐาก็พูดไปนั่น รีบตรวจวาวทีสิคะ เบื่อจะแย่ ไม่ชอบโดนบังคับเลย ทำไมเปลี่ยนกันไปหมดขนาดนี้ก็ไม่รู้ ” “ พี่ไม่ได้เปลี่ยนนะใยน้อง เรานั่นแหละดื้อกับพี่ทำไม หืม ” ภวิชเอามือยีหัวน้องสาวด้วยความเอ็นดูเช่นเคยแค่ต่างไปจากเดิมตรงที่ภัสสรไม่ได้เห็นแววตาห่วงใยจากเขาเท่านั้น “ เป็นยังไงบ้างครับสบายดีไหมน้องวาว ” “ ก็ตามสภาพที่เห็นนั่นแหละค่ะ ไม่ได้ดี ออกจะไปทางแย่ ๆ ด้วยซ้ำ ” เสียงที่เรียบเฉยแต่สีหน้านิ่ง ๆ แบบนั้น ฐาปกรณ์รู้ดีว่าคนไข้ของเขากำลังรู้สึกแบบไหน “ วาวมีเรื่องอยากคุยกับพี่หมอเป็นการส่วนตัวพี่วิชกับมินตราช่วยไปรอข้างนอกก่อนได้ไหมคะวาวอยากปรึกษาอะไรพี่หมอนิดหน่อย ” “ ได้ยังไงกัน ใยน้องก็ปรึกษาไปสิพี่อยากรู้ว่าเรื่องอะไร ” “ ก็วาวบอกแล้วไงคะว่าเรื่องส่วนตัวน่ะพี่วิช วาวขอ ” “ แต่......” “ ได้ค่ะ คุณวาว เดี๋ยวฉันกับคุณวิชจะรอด้านนอกนะคะ เชิญคุณวาวตามสบายเลย ” เสียงคัดค้านของชายหนุ่มหายไปเมื่อมินตราเดินมาเกาะแขนชายหนุ่มผู้เป็นสามีพร้อมมองหน้าคุณหมอที่พยักหน้าว่าไม่ต้องห่วงเรื่องของภัสสรมินตราเข้าใจความรู้สึกภัสสรดีและไม่อยากให้เธอรู้สึกเครียดและไม่มีความสุขอีก เธอจึงดึงแขนภวิชให้ออกมาจากห้องปล่อยให้ภัสสรได้อยู่ลำพังกับคุณหมอเผื่อภัสสรจะรู้สึกดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ได้ การที่ภัสสรแยกไปคุยกับฐาปกรณ์เพียงลำพัง เป็นเพราะมีเหตุผลบางอย่างที่เธอไม่ต้องการจะให้ใครรู้ รองผู้อำนวยการหนุ่มเมื่อตรวจร่างกายของภัสสรเสร็จ ความหนักใจเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่ออยู่ในห้องพักส่วนตัว ด้วยอาการรักษาของภัสสรต้องรักษาอย่างต่อเนื่องแต่ตอนนี้เธอกลับจะขอหยุดกินยาชั่วคราวและไม่ต้องการให้พี่ชายทั้งสองรู้เรื่องอาการป่วยนี้อีก การเก็บความลับของคนไข้เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วแต่ปิดบังญาติผู้ป่วยแบบนี้ เขาก็ลำบากใจอยู่เหมือนกัน “ ก๊อก ๆ คุณหมอคะ มีคนมาขอพบค่ะ ” พยาบาลสาวคนสวยเดินเข้ามาในห้อง ฐาปกรณ์เงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย แล้วพยักหน้าอนุญาตให้พาบุคคลที่สามเข้ามาได้ “ สวัสดีครับ ท่านรองผู้อำนวยการ ” น้ำเสียงกล่าวทักทายด้วยตำแหน่งที่ดำรงอยู่ปัจจุบันกับการมาเยือนของหนุ่มน้อยตรงหน้าทำให้รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของฐาปกรณ์ “ มิก ” เขาเรียกชื่อพร้อมลุกขึ้นเดินไปหาหนุ่มน้อยที่เขาได้เห็นเพียงเอกสารส่งมาเมื่ออาทิตย์ก่อนหลังจากปฐมนิเทศนักศึกษาคนอื่น ๆ ไปแล้วก็ยังไม่เห็นว่ารณภพจะมาสักทีจนวันนี้ ในที่สุดก็ได้เจอกัน “ ไม่เจอกันตั้งนานสบายดีไหม ” เขาเดินมาตบไหล่หนุ่มที่อายุน้อยกว่าอย่างเอ็นดู “ ก็สบายดีครับ ว่าแต่พี่ฐาเห็นเอกสารที่ผมยื่นขอมาหรือยังครับ ” “ เห็นตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วแหนะ รออยู่ว่าจะมารายงานตัวตอนไหน ” “ ก๊อก ๆ ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง “ ขอประทานโทษค่ะท่านรอง ตอนนี้ผอ.เรียกเข้าประชุมด่วนค่ะ ” “ อย่างนั้นหรอ ได้ครับ ผมจะตามไป งั้นมิกรอพี่ที่นี่ก่อนนะ พี่ไปประชุมก่อนแล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ” ฐาปกรณ์บอกรณภพหลังจากที่เขาตอบรับปากกับพยาบาลคนสวยไปแล้ว ฐาปกรณ์เดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือและเสื้อกาวน์สีขาวก่อนจะเดินออกจากห้องไปเหลือแค่เพียงรณภพที่เดินสำรวจรอบห้อง เขาเดินมาหยุดตรงโต๊ะทำงาน สายตาเห็นแฟ้มเอกสารที่วางบนโต๊ะ สองสามเล่ม ที่สะดุดไปกว่านั้นคือ มีแฟ้มประวัติที่เขาเห็นแล้วจำได้ว่าเป็นของใคร ความอยากรู้ทำให้ไม่รอช้าที่จะคว้าแฟ้มประวัติรายนั้นขึ้นมาดู เขาเปิดมันดูอย่างสนใจ เขาต้องได้คำตอบจาก ฐาปกรณ์ในเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน มีคำถามที่เขาเองก็อยากจะรู้และอยากหายข้องใจเหมือนกัน หลังจากที่อ่านประวัติจบ รณภพก็มีสีหน้าที่กังวลขึ้นมาเล็กน้อย “ ตี๊ด ๆ ” เสียงโทรศัพท์ของรณภพดังขึ้นทำให้เขาหลุดจากภวังค์ “ สวัสดีครับ รณภพพูดครับ ตอนนี้หรอครับ ได้สิครับแล้วผมจะรีบไปครับ ” รณภพรับสายบุคคลที่เขาเคยให้ตามเรื่องเรื่องหนึ่งให้อยู่ตั้งแต่กลับมาที่ไทย แต่งานที่เขาให้ทำนั้นค่อนข้างใช้เวลา เห็นทีว่าคราวนี้งานที่เขาสั่งไว้คงเรียบร้อยแล้ว การตามหาเพื่อนของภัสสรเพราะในคราวแรกแค่อยากรู้สาเหตุที่อยู่ ๆ เธอก็เปลี่ยนไป ไม่ติดต่อเขาไม่กวนประสาท แต่พอได้มาเห็นประวัติการรักษาตัวของเธอแบบนี้อีกยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าการตามหาเพื่อนของเธอคือความคิดที่ถูกต้องแล้ว ภัสสรที่นั่งอยู่ในห้อง ถึงจะเปิดไฟให้สว่างแต่ความมืดมิดก็อยู่กับเธอตลอดเวลา เธอจึงเลือกจะเปิดไฟดวงเล็ก ๆ ที่หัวเตียงพอ อยากรู้เรื่องของรณภพก็ไม่สามารถรู้ได้ อยากเห็นหน้าเขาก็ยังทำไม่ได้เลยนิ้วโป้งทั้งสองข้างวนไปมาสลับกัน เธอมักจะทำแบบนี้ซ้ำ ๆ เวลาที่นั่งคิดอะไรสักอย่าง ทีปกรเองก็หายไปไหนก็ไม่รู้ ตอนแรกเธอก็ตกใจนะที่เห็นเขาแล้วคนอื่นไม่เห็นเขา แต่เพราะเขาเป็นมิตรกับเธออย่างน้อยการที่เธอได้เห็นเขาถึงแม้จะเป็นเพียงคนเดียวก็เถอะอย่างน้อย ๆ ก็ยังดีกว่าที่เธอเหมือนอยู่คนเดียว “ ไม่มีฉันกวนใจนายแล้ว นายคงสบายดีสินะ ” ภัสสรอดน้อยใจไม่ได้เมื่อนึกถึงใครบางคนช่วงเวลาที่ใกล้ชิดกันก็คงมีแค่เธอที่รู้สึกไปเองคนเดียว คำพูดเบา ๆ หลุดออกไปจากปากสวย ๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอน “ กร ลูกหลับไปนานเกินไปแล้วนะ ตื่นมาสักทีนะลูก แม่คิดถึงลูกเหลือเกิน ” หญิงสาววัยกลางคนเอามือลูบผมของชายหนุ่มที่นอนนิ่งมีเครื่องช่วยหายใจที่พอจะให้ความหวังคนเป็นแม่ว่าลูกชายจะฟื้น ทีปกรยืนมองร่างของตัวเองและมองผู้เป็นแม่ด้วยความรู้สึก ตื้อตึงที่หน้าอก เขาอยากจะกอดแม่ แต่ตอนนี้เขากลับทำไม่ได้ คนที่เขาสัมผัสได้ก็มีแค่ภัสสรเท่านั้น ซึ่งเขาก็ต้องหาคำตอบเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงจับต้องได้แค่เธอ ' แม่ครับ ผมอยู่ตรงนี้ แม่ผอมลงรึเปล่าครับ ทานข้าวเยอะ ๆ นะครับแม่ ผมขอโทษที่ผมดูแลแม่ไม่ได้ ' ทีปกรพูดผ่านสายลม ถึงแม้จะรู้ว่าแม่ไม่ได้ยินเสียงของตนก็ตาม เขาได้แต่มองมือของตัวเองที่ดูเลือนราง ตอนนี้เขาเป็นวิญญาณหรือเขาตายแล้ว? อีกเรื่องที่เขาสงสัย ทำไมผู้ชายที่เขาเจอตอนที่พาภัสสรไปเดินที่สวนสาธารณะทั้ง ๆ ที่เขาอยู่ข้าง ๆ แต่ทำไมภัสสรกลับไม่เห็นเขา พลังเขาดูลดลงจนไม่สามารถสื่อสารกับเธอได้ มันเกิดขึ้นเพราะอะไร เพราะอะไรถึงเป็นแบบนั้น ทีปกรค่อย ๆ เดินเข้าไปโอบกอดแม่เขาจากด้านหลัง รู้ว่ากอดไม่ได้ถึงได้ก็คงเป็นเพียงลมที่พัดสัมผัสผิวกายของผู้เป็นแม่เท่านั้น ‘ ผมคิดถึงแม่นะครับ ’ เหมือนเสียงกระซิบเบา ๆ ของทีปกรจะทำให้ผู้เป็นแม่รับรู้ได้ หญิงวัยกลางคนหันมองรอบกาย เมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นที่กระทบผิว รณภพนั่งเอามือประสานกันวางบนโต๊ะทำงานเขานั่งครุ่นคิดอยู่ในห้องของตัวเอง แฟ้มประวัติของภัสสรวันนี้ที่เขาได้ถือวิสาสะเปิดดู มันทำให้เขารู้ว่าภัสสรเกิดอุบัติเหตุและผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ส่งผลกับการมองเห็นของเธอ ประวัติการรักษาโรคประจำตัวที่เธอมีทำให้รณภพกังวลกว่าเดิมตอนนี้เขายังไม่ใช่แพทย์ยังไม่มีใบรับรองถึงแม้ว่าจะสอบใบประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ขั้นที่หนึ่งได้แล้วก็ตาม แต่ตอนนี้เขาเป็นเพียงนักศึกษาวิชาแพทย์เท่านั้น ยิ่งได้ฟังอาการของเธอหลังจากที่ประสบอุบัติเหตุแล้วเขายิ่งกังวล ถ้าหากยังไม่ยอมรับความจริงและพยายามเรียนรู้อยู่กับมันให้ได้เธอคงยากที่จะมีความสุข ภาวะซึมเศร้าอาจจะรุนแรงกว่านี้ถ้ายังปิดกั้นตัวเองกับคนรอบข้าง เขาครุ่นคิดสักพักก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อกดโทรหาพี่สาวตัวเอง “ ฮัลโหลมิน มิกเองนะ พรุ่งนี้มินว่างรึเปล่า พอดีมิกอยากคุยด้วย ” ‘ มิกกลับมาแล้วหรอ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นบอกพี่เลย ’ “ มันกระทันหันน่ะมิน ไม่ได้คิดว่าจะกลับมาเร็วแบบนี้หรอก ว่าแต่พรุ่งนี้ มินว่างรึเปล่าล่ะ คุณภวิชเขาให้มินออกมาได้ไหม ” เขาถามเพราะรู้ดีว่าภวิชหวง ห่วงมินตราแค่ไหนถึงเมื่อก่อนเขาจะทำให้พี่สาวของตัวเองต้องเจ็บปวดแต่นั่นก็เพราะการแสดงความรักของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ‘ ต้องได้สิ พี่วิชไม่กล้าขัดใจพี่หรอก ลองขัดใจดูสิ ’ “ หึ ๆ งั้นตกลง พรุ่งนี้เจอกันนะมิน ” ‘ ได้สิ ’ “ งั้นพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้เจอกันนะ ” ‘ โอเค ’ รณภพวางมือถือไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วถอดเสื้อโยนลงตะกร้าเอาผ้าขนหนูพาดบ่าแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำหวังว่าพรุ่งนี้มินตราจะเห็นด้วยกับเขานะ “ ใยคุณหนูจอมแสบ อยากรู้นักว่าถ้าเธอรู้ว่าฉันกลับมาเธอจะทำยังไง? ” รณภพยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเปิดฝักบัวให้ความเย็นชโลมรดเส้นผมที่ดำเงาสนิทของเขาในห้องพักคอนโดหรูใจกลางเมืองหนึ่งอาทิตย์แล้วสินะที่เขากลับมาประเทศไทยเขาแอบกลับไปดูบ้านหลังที่เขาเคยอยู่วันนี้ที่ได้เห็นหญิงสาวแค่แวบเดียวเท่านั้นเองเพราะเขาไปหาเพื่อนแถวนั้นพอดี การทำเรื่องย้ายกลับมาศึกษาที่ประเทศไทยเพราะเหตุผลที่ค้างคาใจบางอย่างที่รณภพเองรู้ว่าเป็นเพราะใคร เป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีการเคลื่อนไหวจากหญิงสาวทางโลกโซเชียล ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องกังวลใจทั้งที่เมื่อก่อนที่เจ้าหล่อนชอบมาปั่นป่วนเขาทำให้เขาเหนื่อยอยู่เรื่อย แต่พอไม่มีหล่อนเข้ามาปั่นป่วนเขากลับป่วนเสียเองนี่ คำพูดที่เขาติดต่อกับพี่สาวยังคงวนเวียนอยู่ในหัว' มิกกลับมาก็ดีนะมาอยู่ใกล้ ๆ วาว พี่วิชจะได้สบายใจสักที '' ห๊ะ ดูแลใยคุณหนู ทำไมล่ะ ใยนั่นเป็นอะไรรึไง '' ไว้มิกกลับมามิกก็จะเห็นเอง '' ก็คงจะสร้างปัญหาอย่างเคยสิท่า '' .............. ' รณภพหวังว่าพี่สาวจะตอบกลับมาแบบปฏิเสธหรือมีปฏิกิริยาอะไรที่บ่งบอกได้ว่าเขาคิดผิด แต่ความเงียบมันทำให้เขารู้สึกระแคะระคายเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าหว่า? เขาได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ไหนๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ไปให้เห็นกับตาหน่อยสิ ว่าจะเป็นยังไงบ้างเพราะเมื่อช่วงเย็นวันก่อ
ในห้องนอนที่เป็นโลกทั้งใบของหญิงสาวคนหนึ่งเธอรู้สึกปลอดภัยในพื้นที่ที่เธอสร้างขึ้นมาเอง“ วาว นี่คุณไม่คิดจะออกไปไหนบ้างหรอ ”“ คนตาบอดอย่างฉันจะออกไปไหนได้ล่ะ นายเลิกพูดบ้า ๆ สักที ”“ บ้าที่ไหนเล่า คุณเอาแต่นั่งซึมเศร้าอยู่แบบนี้มันก็ไม่ได้ทำให้คุณมีความสุขเลยนะ ”“ น่ารำคาญจริง ” ภัสสรเริ่มคิ้วขมวดเมื่อทีปกรชอบพูดเรื่องเดิม ๆ กับเธอ ไม้ช่วยนำทางเริ่มกวาดไปมาหันหลังกลับ หลังจากที่เธอกินข้าวเช้าเสร็จ เธอก็จะหลบขึ้นไปห้องนอนที่เป็นโลกของเธอตั้งแต่เกิดเหตุ ทีปกรไม่ยอมหยุดง่าย ๆ เขาหายตัวแล้วไปหยุดอีกฝั่งหนึ่งตรงหน้าเธอ“ คุณจะหนีผมไปไหน ผมยังพูดไม่จบเลยนะ ”“ นายมีสิทธิ์อะไร ถ้าจะมาเพราะอย่างนี้จะไปไหนก็ไปเลยนะ ไปสิ ” เสียงสนทนาของหญิงสาวทำให้สาวใช้ต่าง ๆ พากันมาดู“ แก คุณวาวเขาไล่ใครน่ะ ”“ ฉันจะไปรู้หรอ ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุคุณวาวเธอก็เพี้ยน ๆ ไป น่าเวทนายิ่งนัก สงสารคุณ ๆ เสียเหลือเกิน ” เสียงสาวใช้ที่พากันพูดถึงหญิงสาวที่อยู่ชั้นที่สองของตัวบ้านทำให้ผู้มาเยือนที่หลบตรงประตูบ้านยืนสังเกตการณ์แล้วมองขึ้นไป แต่เขาเห็นเพียงด้านหลังเท่านั้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่ตกเย็นวันนั้นภัสสรถูกทีป
“ รฏา รฏาครับ ก๊อก ๆ ๆ คุณอยู่ในห้องหรือเปล่า ” ภวัตต์เคาะประตูหน้าห้องพักตากอากาศที่เขาต้องมาเคลียร์งานที่ภูเก็ต อารมณ์ของน้องสาวก็ไม่ค่อยปกติ บ่อยครั้งที่เขาเห็นรฏาโดนตวาดจนอดห่วงความรู้สึกสาวเจ้าไม่ได้ เลยอาศัยช่วงเวลาทำงานพาเธอมาผ่อนคลาย หลังจากลงเครื่องและนอนหลับสักพัก ภวัตต์ก็ต้องไปประชุมตั้งแต่บ่ายนี่ก็ตกเย็นแล้ว เขาคิดถึงคนสวยของเขาแต่เมื่อมาถึงห้องนอนเขากลับพบเพียงเตียงว่างเปล่า“ แกร๊ก รฏา ผมกลับมาแล้วนะ ไปไหนของเขา ” เขาเดินจ้ำอ้าวไปเปิดประตูห้องน้ำ หวังให้เจอคนสวยที่เขาคิดถึงแต่ก็เช่นเคยเมื่อเจอแต่ความว่างเปล่า คิ้วเรียวหนาเริ่มกระตุกเข้าหากัน ตามด้วยเสียงบ่นหาของเขา มือหนาล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือราคาแพง กดโทรหาหญิงสาวทันที“ ครืด ๆ ” เสียงสั่นของมือถือที่ดังใกล้ ๆ ทำให้ภวัตต์กวาดสายตามองหาต้นเสียง เรียวตาหรี่ออกไปนอกระเบียงที่เปิดประตูเลื่อนไว้ ผ้าม่านสีหมอกปลิวไสวตามแรงลม เขาค่อย ๆ ก้าวเดินออกไปตรงระเบียง แสงสุริยันกำลังจะลาลับขอบฟ้าสาดส่องเข้ามาบาง ๆ ชายกระโปรงสีชมพูอ่อน ๆ ทำให้ ภวัตต์ลดโทรศัพท์มือถือลง คลายปมตรงหัวคิ้วแล้วตรงไปหาเป้าหมาย รอยยิ้มคลี่ออกเล็กน้อย เมื่อเห็น
“ วาว อันนี้อร่อยน้า ลองชิมดูหน่อยสิ ” ภวิชตักอาหารใส่จานน้องสาวของเขาอย่างเอาใจ ภัสสรเงียบยิ่งกว่าเก่าหลังจากที่รับรู้การจากไปของบิดาและมารดาโลกของเธอยิ่งแคบขึ้นกว่าเดิม“ เพล้ง ว้าย! ” ภัสสรที่กำลังจะหยิบแก้วน้ำแต่มือดันพลาดไปปัดทำให้แก้วน้ำหกตามแรงที่เธอปัดโดนแล้วตกแตก เสียงตกใจเล็กน้อยของมินตรา เธอหยิบผ้าขึ้นเช็ดกระโปรงให้ภัสสรอย่างรวดเร็ว“ ไม่ต้อง ” ภัสสรปัดมือออก เธอไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนเช็ดให้เธอ แต่ถ้าให้ทายบ้านหลังนี้ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นแหละ“ ยัยวาว ” ภวิชไม่พอใจกิริยาของน้องตัวเองแต่มินตรากลับส่ายหน้าเบา ๆ ห้ามเขาไว้ เขาจึงได้แต่ถอนหายใจ“ แล้วจะยืนนิ่งกันทำไม ไปหาผ้ามาเช็ดสิ เดี๋ยวน้องฉันก็ลื่นกันพอดี เก็บเศษแก้วให้หมดด้วย ” คนโมโหร้ายหันไปเอ็ดบรรดาสาวใช้ทั้งหลายทั้งปวงที่ยืนเลิกลั่กทำอะไรไม่ถูก ภวัตต์ได้แต่ตักอาหารเข้าปากมองน้องทั้งสองคนอย่างคิดไม่ตก ก่อนที่เสียงนุ่ม ๆ จะเอ่ยขึ้น“ วาว พี่ว่าวาวลองหางานอดิเรกทำดูไหมจะได้ไม่เบื่อ ”“ หึ งานอดิเรก งานอะไรคะ? ทำไปทำไมคะ? ในเมื่อมองมันไม่เห็นอยู่ดี ” ภัสสรหัวเราะฝืน ๆ ในลำคอสมเพศกับตัวเอง งานอะไรก็ไม่ส่งผลกับความสุขเธอนั
“ยัย วาว ” ภวิชเรียกชื่อน้องด้วยความเป็นห่วง“ วาวเหนื่อย ขอตัวนะคะ พาฉันไปห้องที ” ภัสสรเอ่ยปากบอกพยาบาลสาวส่วนตัวที่พี่ชายจ้างมา ภวิชได้แต่มองน้องสาวด้วยความรู้สึกมากมาย มินตราได้แต่เดินมาลูบแขนเขาให้กำลังใจ“ คงต้องให้น้องอยู่กับตัวเองสักพักนะวิช ” ภวัตต์ยืนมองพยาบาลสาวพาร่างน้องสาวขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของเธอ“ ฉันรู้ แล้วนี่มิกรู้เรื่องรึยัง? ” ภวิชหันไปถามพี่ชาย พร้อมกับเดินไปนั่งที่โซฟา ภวัตต์กับรฏาก็เดินตามมานั่งด้วย“ ยัง น้องไม่ให้บอก ”“ คงต้องใช้เวลานะคะ ” รฏาหันไปกุมมือภวัตต์ที่เครียดไม่ต่างจากภวิช ทุกอย่างคือความเงียบ การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่หลังจากที่รณภพไปเรียนที่ต่างประเทศได้สามปี เหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดเมื่อเดือนที่แล้ว ในวันนั้นพ่อ แม่ และภัสสร ได้เดินทางไปงานเลี้ยงที่จัดขึ้นที่สโมสรสำหรับการกุศล วันนั้นสภาพอากาศและพายุฝนที่เคลื่อนเข้ามาทำให้การจราจรและการมองเห็นไม่เอื้ออำนวย บวกกับถนนที่ลื่นทำให้รถพ่วงที่ขับมาด้วยความเร็วเสียหลักและพุ่งชนเข้ากับรถเบนซ์พ่อแม่ และน้องสาวของเขาที่นั่งมา สภาพรถที่ถูกอัดเข้ากับเสาไฟทำให้กระโปรงรถยุบมาเกือบครึ่งคัน คนขับรถที่ไปด้วยเสี







