“ยัย วาว ” ภวิชเรียกชื่อน้องด้วยความเป็นห่วง
“ วาวเหนื่อย ขอตัวนะคะ พาฉันไปห้องที ” ภัสสรเอ่ยปากบอกพยาบาลสาวส่วนตัวที่พี่ชายจ้างมา ภวิชได้แต่มองน้องสาวด้วยความรู้สึกมากมาย มินตราได้แต่เดินมาลูบแขนเขาให้กำลังใจ
“ คงต้องให้น้องอยู่กับตัวเองสักพักนะวิช ” ภวัตต์ยืนมองพยาบาลสาวพาร่างน้องสาวขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของเธอ
“ ฉันรู้ แล้วนี่มิกรู้เรื่องรึยัง? ” ภวิชหันไปถามพี่ชาย พร้อมกับเดินไปนั่งที่โซฟา ภวัตต์กับรฏาก็เดินตามมานั่งด้วย
“ ยัง น้องไม่ให้บอก ”
“ คงต้องใช้เวลานะคะ ” รฏาหันไปกุมมือภวัตต์ที่เครียดไม่ต่างจากภวิช ทุกอย่างคือความเงียบ การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่หลังจากที่รณภพไปเรียนที่ต่างประเทศได้สามปี
เหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดเมื่อเดือนที่แล้ว ในวันนั้นพ่อ แม่ และภัสสร ได้เดินทางไปงานเลี้ยงที่จัดขึ้นที่สโมสรสำหรับการกุศล วันนั้นสภาพอากาศและพายุฝนที่เคลื่อนเข้ามาทำให้การจราจรและการมองเห็นไม่เอื้ออำนวย บวกกับถนนที่ลื่นทำให้รถพ่วงที่ขับมาด้วยความเร็วเสียหลักและพุ่งชนเข้ากับรถเบนซ์พ่อแม่ และน้องสาวของเขาที่นั่งมา สภาพรถที่ถูกอัดเข้ากับเสาไฟทำให้กระโปรงรถยุบมาเกือบครึ่งคัน คนขับรถที่ไปด้วยเสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ ร่างของพ่อแม่และน้องสาวของเขาถูกแพทย์ยื้อชีวิตเท่าที่จะทำได้แต่เคราะห์ร้าย ที่ไม่สามารถยื้อชีวิตบุพการีทั้งสองท่านได้ ทั้งภวิชและภวัตต์เมื่อทราบข่าว เขาก็ตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลทันที ข่าวร้ายที่ได้ยินทำให้ทั้งสองหนุ่มอ่อนแรงจนน่าใจหาย ทั้งมินตราและรฏาช่วยกุมมือและดึงแขนที่กำลังอ่อนแรงเหมือนจะตกหน้าผาของชายหนุ่มทั้งสองคนเอาไว้ ส่วนภัสสรที่ยังคงอยู่ในห้องไอซียูก็ทำให้ทั้งสองคนไม่สามารถวางใจอะไรได้เลย เหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านมา ยังคงอยู่ในความทรงจำที่เลวร้ายของพวกเขาแม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังคงฉายชัด
ภัสสรก้าวเข้ามาในห้องนอนที่มีพยาบาลคอยพยุงอยู่ข้าง ๆ เธอมีผ้าก็อซพันแผลที่แขนข้างขวา ดีว่าขาด้านขวาของเธออาการดีขึ้นได้ถอดเฝือกแล้ว
“ คุณภัสสรอยากได้อะไรอีกไหมคะ เดี๋ยวดิฉันจะจัดไว้ให้ “
“ ไม่! แล้วก็ออกไปได้แล้ว! ” เสียงแข็งกร้าวของหญิงสาวทำให้พยาบาลสาวก้มหน้าแล้วกล่าวขอตัวออกจากห้องไป เมื่อได้ยินเสียงประตูที่ปิดลงกลอนตามปกติที่หล่อนเคยสั่งไว้ ภัสสรก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาจจะห้ามได้
“ ฮือ ๆ ๆ พ่อขา แม่ขา วาวขอโทษ ฮือ ๆ ๆ ๆ วาวขอโทษ ” แม้ไม่ใช่ความผิดตัวเองแต่เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงไม่ตายแทนท่านทั้งสองทำไมโลกนี้ช่างใจร้ายให้เธอฟื้นขึ้นมาแต่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันก็เหมือนตายทั้งเป็น อุบัติเหตุครั้งนั้นพรากโลกที่แสนสดใสและแสงสว่างออกไปจากชีวิตของเธอ เธอสูญเสียการมองเห็นนอกจากนี่ยังมีเรื่องแปลก ๆ กับเธออีก
“ ร้องไห้อีกแล้วหรอ! ” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นภัสสรเงยหน้ามองก็พบว่าเขานั่งยอง ๆ อยู่เบื้องหน้า นี่ไงเรื่องแปลกสำหรับเธอ เธอไม่เห็นทุกสิ่งทุกอย่างแต่ทำไมเธอกลับมองเห็นผู้ชายคนนี้ เขาเป็นคนผิวขาว ทรงผมที่เริ่มยาวปัดไปทางด้านขวาเล็กน้อย จมูกโด่งรั้น ใช่! เขาหล่อเลยทีเดียว ภัสสรส่ายหัวนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ-
“ นายเข้ามาได้ยังไง? ”
“ ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณ ”
“ ฮือ ๆ ๆ ไม่จริง นายบ้าไปแล้วอ่ะ ฮือ ๆ ๆ นายเป็นใครก็ไม่รู้ ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ฮือๆ ๆ ”
ภัสสรกอดเข่าร้องไห้หนักกว่าเดิม ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุแล้วฟื้นขึ้นมา อารมณ์เธอรุนแรงขึ้นทุกอย่าง เธอไม่สามารถยอมรับความจริงในตอนแรกได้ว่าเธอตาบอดไม่สามารถมองเห็นได้แล้ว ภัสสรนึกย้อนไปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เธอฟื้น
ร่างบอบบางรู้สึกตัวขึ้นมาแต่ดวงตาทั้งสองข้างปิดผ้าก็อซเอาไว้ภาพความทรงจำสุดท้ายที่เธอจำได้คือฝนที่ตกหนักและทางที่มืดจนมองแทบไม่เห็น ไฟที่สาดส่องเข้ามาในรถพร้อมกับเสียงแตรที่ดังสนั่น เสียงดังโครม! ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะดับไป
' ตื่นแล้วหรอใยวาว '
' พี่วัตต์ วาวปวดหัวจัง '
' ค่อย ๆ ลุกนั่งนะ พี่ปรับเบาะให้ '
' เปิดตาให้วาวทีสิอยากเห็นหน้าพี่จะแย่ ' คำพูดของน้องสาวเปรียบเสมือนเข็มที่ทิ่มใจเขาอย่างจัง เขาจะบอกความจริงเรื่องการมองเห็นของน้องสาวยังไง น้องสาวสุดที่รักของเขาจะรับได้หรอ
' พี่ว่า วาวพักให้อาการดีขึ้นก่อนนะ '
' วาวดีขึ้นแล้วพี่วัตต์ ให้หมอมาเปิดผ้าก็อซเถอะนะ ปวดตาไปหมดแล้ว พ่อกับแม่ของเราล่ะคะท่านเป็นยังไงบ้าง ' อีกครั้งที่เหมือนมีดกรีดที่หน้าอกด้านซ้ายภวัตต์กัดริมฝีปากแน่น เขาจะบอกเรื่องพ่อและแม่กับน้องอย่างไรดี
'.............'
' ว่ายังไงคะพี่วัตต์ พ่อกับแม่เป็นยังไงบ้าง '
' เอ่อ เดี๋ยวพี่เรียกหมอให้ดีกว่านะ ' ถ้าเทียบกันแล้วเรื่องการโกหกระหว่าง ภวัตต์กับภวิช ภวิชทำได้ดีกว่าเขา เขาเลี่ยงที่จะตอบคำถามน้องสาวคนเล็กก่อนจะตามคุณหมอให้อย่างที่เขาคิดไว้ ภัสสรอยากเห็นหน้าพี่ชายจะแย่แล้ว นี่หลับไปนานขนาดไหนก็ไม่รู้
นายแพทย์หนุ่มรูปงามมีดีกรีเป็นถึงรองผู้อำนวยการที่เดินเข้ามาภายในห้องเขารู้สึกลำบากใจอย่างบอกไม่ถูก
' คุณหมอคะเปิดเร็ว ๆ สิคะ ฉันอยากเห็นหน้าพี่ ๆ แล้ว '
' ครับ ' แพทย์หนุ่มบอกซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนที่รับผิดชอบก็เพื่อนรักของเขานั่นแหละฐาปกรณ์ เขาเคยคุยกับภวัตต์เรื่องอาการของน้องสาวไปแล้ว เขาพอจะเข้าใจความรู้สึกดีว่าเป็นแบบไหน ภัสสรสัมผัสได้ถึงการขยับของผ้าบริเวณดวงตาเธอตื่นเต้นเพราะไม่คิดว่าจะได้ฟื้นมาอีกครั้ง อุบัติเหตุวันนั้นมันน่ากลัวเหลือเกิน
' วาวค่อย ๆ ลืมตานะครับ '
' เอ๋? เสียงนี้ คุ้น ๆ นะคะ พี่ฐารึเปล่า '
' หึ ๆ ใช่ครับ เก่งจัง จำเสียงพี่ได้ด้วย '
' เสียงนุ่ม ๆ แบบนี้ นอกจากพี่วัตต์แล้ว ก็คงมีพี่ฐานี่ แหละค่ะ ' เธอพูดยิ้ม ๆ ภวัตต์กับฐาปกรณ์ได้แต่ยิ้มบาง ๆ มันเป็นรอยยิ้มที่เศร้าแต่ก็ชอบในคำเยินยอของน้องสาวสุดที่รัก ภัสสรค่อย ๆ ขยับเปลือกตาขึ้นเธอพยายามกระพริบตาบ่อยครั้ง เพราะเธอยังคงมองเห็นเพียงความมืดเหมือนตอนปิดตาอยู่เลย
' พี่ฐา พี่วัตต์ วาวลืมตาอยู่หรือเปล่าคะ '
' อืม ' ภวัตต์ตอบน้อง เขาสงสารน้องสาวจับใจใยวาวจะเป็นอย่างไรถ้ารู้ความจริง
' แล้วทำไมวาวมองอะไรไม่เห็นเลย ทำไมมันมืดแบบนี้ล่ะ '
' วาวใจเย็น ๆ นะ ตอนนี้วาวต้องทำให้ชินนะ '
' หมายความว่ายังไงคะพี่ฐา '
' คือว่า...อุบัติเหตุคราวนี้ทำให้วาวสูญเสียการมองเห็น '
' แกร๊ก ' เสียงเปิดประตูพร้อมกับภวิช มินตรา และรฏาที่ก้าวเข้ามาในห้องทุกอย่างคือความเงียบ ภวิชค่อย ๆ เดินก้าวเข้ามาข้างในอาการนิ่งของน้องสาวทำให้หัวใจพี่ชายเจ็บปวดเหลือเกิน
' วาว ฟื้นแล้วหรอ ' ภวิชเรียกน้องเบา ๆ ทำลายความเงียบ
' นี่พี่ฐาจะบอกว่าวาวตาบอดงั้นหรอ พี่กำลังจะบอกว่าวาวมองไม่เห็นใช่ไหม หึ ๆ ไม่ตลกเลยนะพี่ฐา อย่าเล่นแบบนี้ '
' พี่ไม่ได้เล่นนะวาว วาวต้องรับและเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้นะบางทีดวงตาวาวอาจมีทางรักษาให้หายได้ วาวอย่าเพิ่งกังวลนะ '
' ไม่ กรี๊ด ไม่จริง พี่ฐาโกหก พี่วิช วาวไม่ได้ตาบอดใช่ไหมอ่ะ ฮือๆ พี่วัตต์วาวยังเห็นพี่วัตต์ใช่ไหม ' สายตาของภัสสรที่มองไปอีกทิศทางหนึ่งส่งผลให้หัวใจผู้ชายทั้งสามคนอ่อนแรง ภวิชเม้มปากแน่นเข้าคว้าประครองน้องสาวด้วยความรัก
' ไม่เป็นไรนะวาว พี่จะดูแลวาวเอง พี่กับพี่วัตต์จะเป็นดวงตาให้วาวเองนะ '
' กรี๊ด ไม่! ไม่จริง ออกไปนะพี่วิช วาวไม่เชื่อพี่วิชโกหก พี่วิชโกหก ' ภัสสรกรีดร้องและผลักพี่ชายออก มือไม้เธอดึงสายน้ำเกลือ กวัดแกว่งปัดป่ายกลางอากาศเธอยอมรับไม่ได้ว่าตอนนี้เธอมองไม่เห็นแล้ว
' วาว พี่จะดูแลวาวเองนะ วาวใจเย็น ๆ นะ ' พี่ใหญ่ของบ้านรีบประครองน้องแล้วโอบกอดด้วยความรัก รฏากับมินตราได้แต่เช็ดน้ำตาที่มันไหล เธอสงสารภัสสร เธออายุยังน้อยแต่โลกที่สดใสแววตาที่เคยเห็น มันจะกลายเป็นโลกมืดของเธอไปแล้ว
' ฮือ ๆ วาวอยากอยู่คนเดียว ขอวาวอยู่คนเดียวนะ พี่ ๆ กลับบ้านเถอะ '
' โธ่! วาว ' ภัสสรดึงมือภวัตต์ออกแล้วนอนหันหลังห่มผ้า น้ำตาไหลลงไม่ขาดสาย ภวิชและภวัตต์กระพริบตา ไล่น้ำตาของตัวเองที่ตั้งท่าว่าจะไหลลงมาหลายครั้ง เขาต้องยอมให้น้องอยู่คนเดียวตามที่ฐาปกรณ์สั่ง ตอนนี้ฐาปกรณ์เป็นเพื่อนของภวิชเหมือนกันถึงบางครั้งจะมียังหึงหวงอยู่บ้างแต่เวลานี้ อาการของน้องคือเรื่องที่เขาควรห่วงกว่าเรื่องของตัวเอง
' ปล่อยให้วาวพักดีกว่าพวกนายกลับเถอะ เดี๋ยวฉันให้พยาบาลมาอยู่เป็นเพื่อนน้องวาวเอง '
' อืม ' มีเพียงการพยักหน้าและก้าวออกจากห้องเท่านั้น พี่ชายทั้งสองคนคอยมองน้องที่เขารักอยู่ห่าง ๆ ภัสสรถูกพานั่งรถเข็นเพื่อจะออกไปสูดอากาศด้านนอก
' คุณภัสสรคะ ดิฉันขอไปเอาของสักครู่นะคะ คุณภัสสรนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ ' พยาบาลสาวบอกคนไข้คนสวยที่ตอนนี้เธอพาภัสสรมาอยู่ใต้ร่มไม้ด้านหลังของอาคารผู้ป่วยที่มีสวนดอกไม้บรรยากาศที่สวยงาม ถ้าภัสสรมองเห็นได้คงดีไม่น้อย ภวิชและภวัตต์ยืนหลบมุมเสาคอยดูน้องของพวกเขาห่าง ๆ ภัสสรไม่ยอมคุยกับพวกเขาเลยน้อยครั้งที่น้องเขาจะยิ้มจะหัวเราะ
' คุณ คุณคะ ' เสียงเรียกของน้องสาวที่มองไปข้างหน้าทำให้ ภวัตต์และ ภวิชมองตามแน่นอนว่าทั้งสองหนุ่มไม่ยอมกลับบ้านตามที่ฐาปกรณ์บอก ภัสสรเห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งพิงต้นไม้หัวผงกอยู่เธอเลยส่งเสียงเรียก ใจเธอชื้นขึ้นมา พี่ ๆ ของเธอโกหกจริง ๆ ด้วย ถ้าเธอมองไม่เห็นแล้วทำไมเธอเห็นผู้ชายคนนี้ล่ะ แต่เธอกลับไม่เห็นสภาพแวดล้อม หรือสายตาของเธอยังคงปรับแสงไม่ได้ เธอพยายามคิดในแง่ดีเข้าไว้
' คุณเรียกผมหรอ ' ชายหนุ่มแปลกหน้ารูปร่างหน้าตางดงามชี้นิ้วเข้าหาตัวเองคิ้วยาวเรียงตัวสวยขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย
' ใช่ฉันเรียกคุณ '
' คุณเห็นผมงั้นหรอ '
' เหอะ ๆ ก็เห็นสิ นายเป็นผีรึไงเล่า ' ชายหนุ่มตรงหน้าคิ้วขมวดเล็กน้อย ทำไมผู้หญิงคนนี้เห็นเขาได้ล่ะในเมื่อไม่มีใครมองเห็นเขาเลยสักคน
' โกหกน่า ' เขายกมือขึ้นโบกไปมา แต่ภัสสรก็ยังคงมองอยู่
' จะโบกมืออีกนานไหม ' คำพูดของหญิงสาวทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย แต่ก็เรียกรอยยิ้มแสนหวานให้ฉายชัดออกมา จนภัสสรรู้สึกหน้าเห่อร้อน เพราะเขาดูหล่อมากทีเดียว
' คุณเห็นผมจริง ๆ ด้วย ว่าแต่คุณเรียกผมทำไมหรอ? '
' เปล่า ฉันเห็นนายนั่งสัปหงกอยู่กลัวหงายหลัง อีกอย่างฉันคิดว่าพวกพี่ ๆ โกหกฉันทำไม '
' พี่ ๆ เขาโกหกอะไรคุณหรอ '
' ก็เขาบอกว่าฉันไม่สามารถมองเห็นได้ แต่นี่ไงหล่ะ ฉันเห็นคุณ แล้วฉันจะตาบอดได้ยังไง ' ภัสสรใส่อารมณ์สีหน้าเธอขมวดมุ่นจนชายหนุ่มอมยิ้ม เขาพินิจมองหญิงสาวตรงหน้า เธอน่าตาจิ้มลิ้ม ชวนน่าหลงใหล เธอเป็นใครกันแน่?
' ผมว่าบางทีพี่ ๆ คุณ อาจจะพูดความจริงก็ได้นะ '
' นี่นายจะบอกว่าฉันโกหกที่ฉันมองเห็นงั้นหรอ นายจะไปไหนก็ไปเลยนะ ฉันไม่อยากคุยด้วยแล้ว ' เธอเหวี่ยงอารมณ์ใส่คนตรงหน้าทำให้เขาหัวเราะร่า
' ฮ่า ๆ เอ้าคุณมาไล่ผมทำไม คุณเรียกผมเองนะ โอเค ๆ ไม่พูดแล้ว ผม กร ทีปกร คุณล่ะชื่ออะไร ' เขานั่งข้าง ๆ ยิ้มให้สาวสวยตรงหน้าที่หันมามองหน้าเขา
' ฉันต้องบอกนายด้วยหรอ ฝันไปเถอะ ' เขายิ้มกว้าง ปฏิกิริยาของหญิงสาวตรงหน้าแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจเรื่องเมื่อครู่ที่เขาพูดไป
' เหอะ ๆ ' ทีปกรหัวเราะชอบใจที่ ดูสาวน้อยตรงหน้านี้คงเอาแต่ใจไม่น้อย ภวัตต์และภวิชมองน้องสาวที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้คนเดียว การพูดคุยและหัวเราะทำให้ทั้งสองพี่น้องมองหน้ากัน น้องเขาคุยกับใครกันแน่?
และนั่นคือวันแรกที่ได้เจอกันระหว่างทีปกรและภัสสร~
กลับมายังปัจจุบันเสียงร้องไห้ของภัสสรที่กำลังดังอยู่ตอนนี้ทำให้ทีปกรนั่งลงข้าง ๆ ในห้องนอนของเธอ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันที่เขาสามารถเข้ามาในห้องนี้และบ้านหลังนี้ได้ และทำไมเธอถึงเห็นเขาได้ทั้งที่คนอื่นไม่เห็น
“ ก๊อก ๆ วาว วาว คุยกับใคร เปิดให้พี่หน่อยสิ ” ภวัตต์เคาะประตูหลังจากได้ยินเสียงน้องสาวของตัวเองที่กำลังคุยกับใครบางคน
“ มะ ไม่มีอะไรพี่วัตต์ วาวเปิดทีวีน่ะ ” ภัสสรเช็ดน้ำตาค่อย ๆ ลุก มือควานหารีโมททีวี ดีที่เธอวางรีโมทไว้หัวเตียงด้วยทุกครั้ง เธอกดปุ่มรีโมททีวีให้เปิดขึ้น เพื่อทำลายความเงียบ
ภวัตต์ที่อยู่หน้าห้องเขาไม่อยากเซ้าซี้น้อง เพราะเท่าที่วาวเป็นตอนนี้มันก็มากพออยู่แล้ว เธอเก็บตัว และไม่อยากรู้จักใคร การเรียนในมหาวิทยาลัยก็ต้องหยุดชะงักลง ถ้ามิกรู้เข้า วาวจะทำยังไง? เรื่องนี้พี่ชายทั้งสองคนต่างรู้ความรู้สึกของน้องสาวที่มีต่อชายหนุ่มเป็นอย่างดี แต่อีกฝ่ายนี่สิที่เขาอยากรู้ว่ารู้สึกกับน้องสาวของเขามากน้อยแค่ไหน
“ วาว พี่เข้าไปนะ ” เขาบอกน้องก่อนจะค่อยๆ หมุนลูกบิดประตู เขาใช้กุญแจสำรองในการไขเข้าห้อง ภัสสรเช็ดน้ำตานั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงเธอได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา แขนข้างขวาที่ยังใส่เฝือกอยู่ทำให้วางบนเข่าไม่ถนัด
“ วาว เป็นอะไร อยากไปเที่ยวไหมพี่พาไป ”
“ ไม่ค่ะ พี่วัตต์มีอะไรรึเปล่าคะ วาวอยากพัก ” น้ำเสียงเย็นชาที่แตกต่างจากวาวคนเดิมถูกส่งมาให้พี่ชายอย่างเขา จะบอกยังไงว่าเขาอยากให้น้องสาว กลับมาเป็นคนเดิม
“ ไปเที่ยวทะเลไหม พี่พาไป ” แทนคำตอบ ภัสสรค่อยๆ ขยับตัวลงนอน แล้วหันหลังเธอหลับตาลงให้พี่ชายของเธอ เธอรู้ดีว่าพี่เป็นห่วงและไม่ใช่ความผิดของพี่ ๆ เธอเลย แต่เธอไม่ได้อยากให้ใครสงสารอย่ามาทำให้เธอรู้สึกว่าเธอไม่สามารถดูแลตัวเองได้เหมือนแต่ก่อน
“ วาวไม่หิวข้าวหรอ ”
“.....”
“ วาว พี่กับทุกคนเป็นห่วงวาวนะ เอาล่ะพี่ไม่กวนแล้วก็ได้ ถ้าวาวอยากไปที่ไหน วาวบอกพี่ได้ทุกเมื่อนะ พี่รักวาวนะ ” ภวัตต์ลูบหัวน้องสาวแล้วจูบที่ผมของน้องอย่างหวงแหน คำพูดของพี่ชายทำให้ภัสสรนอนสะอื้นไห้อีกครั้งหลังจากที่ ภวัตต์ออกจากห้องไป ร่างของทีปกรก็ปรากฏขึ้น เขานั่งข้าง ๆ เตียง คอยมองภัสสรที่เอาแต่หลับตาร้องไห้ ไม่รู้ทำไมถึงไม่อยากให้เธอร้องไห้เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน