Share

ไปกันเถอะ...

last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-24 18:58:51

เลี่ยหยางเอาเสื้อขาวที่พกมาด้วยโยนให้เยว่หลิง

"ใส่ซะ! ขืนยังแก้ผ้าแบบนี้ สาวๆคงไม่เหลือมาหาข้า!"

เยว่หลิงรับเสื้อมาสวมใส่เรียบร้อย เป็นเสื้อสีขาวที่เขาชอบใส่ไปร้านตีเหล็กประจำนั่นเอง แต่ไม่ใช่ชุดเก่าของเขา เป็นเสื้อใหม่ที่เลี่ยหยางแอบสั่งตัดให้

"เอ้า! เจ้าคงขาดสิ่งนี้ไม่ได้" เลี่ยหยางยื่นกระบี่คมวาววับให้เยว่หลิง ๆ รับถือไว้ในมือมั่น

ก่อนที่ไป๋เยว่หลิงและเลี่ยหยางจะออกไปทางหน้าต่าง เลี่ยหยางเกาศรีษะแล้วหันมาพูดกับองค์หญิง

"เอ่อ...ข้ามันคนเรียนมาน้อย แต่...องค์หญิง หากทุกปัญหาต้องให้คนอื่นแก้แทน แล้วต่างอะไรกับเด็กที่ยังหัดเดินพะยะค่ะ?”

“การตัดสินใจคือกระบี่เล่มแรกของชีวิต พระองค์จะกล้าใช้มันหรือจะปล่อยให้ขึ้นสนิมอยู่ในฝัก ก็อยู่ที่ตัวพระองค์เองนะ”

องค์หญิงฟังทุกคำที่เลี่ยหยางพูดด้วยแววตาที่ซึมซับอะไรบางอย่างเข้าในจิตใจตัวเอง แล้วเลี่ยหยางและเยว่หลิงก็กระโจนหน้าต่างออกไป

ห้องหออยู่ด้านบนสุด ทำให้ทั้งคู่ตอนนี้อยู่บนหลังคาสูงสุดของตำหนักรับรอง

"ท่านจะไปไหนค่ำคืนส่งตัว? ราชบุตรเขย!"

เสียงเล็กแหลมก้องชัดนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือขันทีชราในชุดหม่นใบหน้าซีดนั่นเอง

"อ้าว นังสุ่น! เผือกเรื่องผัวคนอื่น แก่แล้วหาผัวไม่ได้ชิมิ" เลี่ยหยางพูดด้วยท่าทางยียวน

ขันทีเฒ่าฉุน เขากวักมือเรียกกองทหารอาวุธครบมือนับร้อยนายก็ล้อมตำหนักไว้ด้านล่าง  หลายสิบนายง้างธนูพร้อมยิงอีกด้วย

"จะกลับเข้าไป หรือจะตายอยู่ตรงนั้น!" ขันทีเฒ่าพูดเสียงจริงจัง

"แล้วสหายข้าล่ะ?" เยว่หลิงถาม

"ไอ้ปากดีนี่ บุกตำหนักเจ้าเมือง ทำร้ายราชบุตรเขยและองค์หญิง โทษประหารตายสถานเดียว" ขันทีพูดและยิ้มเยาะ เลี่ยหยางแววตาโมโหความกวนตีนของอีกระเทยแก่นางนี้ อยากเข้าไปเตะปากมันสักป๊าบจริง ๆ

"งั้นข้ามีคำตอบให้ท่านแล้ว..."

เยว่หลิงยกกระบี่ขึ้นมาเล็กน้อยและหลับตา **เพลงกระบี่จันทรา!** ...เลี่ยหยางรีบย่างเท้าถอยหลังเพราะรู้ดีถึงอันตรายของกระบวนท่านี้

แต่....คราวนี้ไม่ธรรมดา ทหารหลายร้อยนายแม้แต่พลธนูต่างยืนอึ้งในปราณกระบี่ที่เห็นได้ชัดเจนราวกับเป็นรูปธรรมจับต้องได้

เป็นปราณสีขาวคล้ายฝุ่นละอองน้ำ ไป่เยว่หลิงยกขาขึ้นข้างหนึ่ง ราวกับการร่ายรำงิ้ว นี่เป็นท่วงท่ากระบี่จันทราที่แม้แต่เลี่ยหยางก็ไม่เคยเห็น

ด้านล่างเกิดหมอกปริศนามากมายเริ่มหมุนวน ทหารทุกคนยืนทื่อ อ้าปากค้าง ราวกับถูกสะกดจิต ในความงดงามของสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า

แล้ว! ทหารทุกคนก็ล้มลง! บริเวณคอมีรอยบาดแผลเล็กๆเฉือนคอตายหมดทั้งร้อยกว่านาย!

เลี่ยหยางและขันทีตกตะลึง แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพลงกระบี่จันทรายังไม่สิ้นสุด เมื่อกระบี่หมุนวนจากมือขวามาที่มือซ้ายอย่างช้า ๆ แล้ว เยว่หลิงใช้ 2 มือจับมันและฟาดไปข้างหน้าเต็มแรง

ตูมมม!!!

เสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งจวน ไม่สิ! ทั้งเมือง!

ขันทีเฒ่าหันไปดูด้านหลัง ไม่จริง!เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

ตำหนักสูงใหญ่ที่เคยโอ่อ่าดุจภูผา แลดูสง่าด้วยยอดหลังคาทรงโค้งสูงชะลูด บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นภาพสยดสยอง กำแพงศิลาอันหนาทึบและเสาสลักมังกรทองถูกแรงมหาศาลเฉือนผ่าเป็นแนวตรงจากยอดจรดฐาน ราวกับสวรรค์ใช้กระบี่ทิพย์เส้นหนึ่งกรีดลงมากลางอากาศ

เศษไม้แกะสลักและกระเบื้องมุงหลังคาแตกกระจายลงมาเป็นสายฝนหิน เศษอิฐหล่นโครมครามราวฟ้าร้อง เสียงสะท้อนดังก้องไปทั่วลานด้านหน้า 

อึ่ก! 

เขาจับที่อกตัวเองทำไมมันรู้สึกเหมือนว่าข้างซ้ายและข้างขวาของร่างกายมันแปลกๆ

แค่ไม่ถึง 3 วินาทีร่างขันทีก็ขาดครึ่งซีก แบะออกร่วงลงกับพื้นคนละทาง แต่กว่าจะมีเลือดไหลก็ 1 นาทีหลังจากร่างขาดจากกันแล้ว

เลี่ยหยางขาสั่นปากสั่น ตาเบิกโพลง

"มะ...ไม่ใช่มนุษย์แล้ว..." เขาตะลึงกับสิ่งที่เห็นอย่าว่าแต่ในเมืองนี้เลย ในอาณาจักรนี้ ไม่สิ! นี่มันฝีมือระดับปรมาจารย์ในนิยายที่เขาอ่านตอนเด็ก!!!

กระบี่ในมือละเอียดเป็นฝุ่นผงเหลือแค่ด้ามดาบที่จับ เยว่หลิงถอนลมหายใจ มือสั่นหมดแรง ยืนโอนเอนหมดแรง เลี่ยหยางรีบเข้าไปประคองให้เยว่หลิงซบไหล่เขา

"นี่เจ้ามีหางมีปีกหรือเปล่าเนี่ย หลิงหลิงเจ้าทำได้ไง??"

"อย่าเสียงดัง..." มือเยว่หลิงหยิกที่แขนเลี่ยหยาง "โอ๊ย!"

"จ๊ะ ๆ เงียบแล้วจ๊ะ พักผ่อนนะคนดี" เลี่ยหยางเอามือโอบเย่วหลิงและพวกเขาทรุดตัวนั่งอยู่บนหลังคานั้น ให้เยว่หลิงนอนบนตักแทน

ก๊อกๆ

เลี่ยหยางชะโงกหน้าลงมาดู เห็นเป็นองค์หญิงกำลังยื่นตราอะไรสักอย่างให้

"นี่คือป้ายอาญาสิทธิ์ของปฐมกษัตริย์ที่เสด็จปู่มอบให้เรา พวกท่านเอาไป!"

เลี่ยหยางใช้กระบี่คล้องขึ้นมาค่อยๆ เพราะกลัวเยว่หลิงจะตื่น

"พวกท่านรีบไปเถอะ เดี๋ยวที่นี่เราจัดการให้เอง" องค์หญิงกล่าว

เลี่ยหยางยิ้มพยักหน้า เขาแอบมองอกใหญ่ของเจ้าหญิงด้วยสายตาซุกซน แล้วอุ้มร่างเยว่หลิงกระโดดออกไปจากตำหนักเจ้าเมือง

รุ่งขึ้นองค์หญิงเรียกเจ้าเมืองเข้าพบและบอกว่าราชบุตรเขยออกไปภาระกิจลับ ส่วนเหตุการณ์เมื่อคืนให้รายงานกลับวังหลวงว่าเกิดจากกลุ่มนักฆ่าแคว้นศัตรูบุกเข้ามาลอบทำร้าย

เจ้าเมืองไม่กล้าถามมาก เพราะนางส่งสาส์นถึงแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ชายแดนผู้มีศักดิ์เป็นกั๋วจิ่ว(น้องแม่)ของนาง และแม่ทัพได้ส่งทหารเกราะเหล็กฝีมือดีมา 500 นายเพื่อคุ้มครองนาง ขุนนางใดกล้าสงสัยสืบความจะถูกฆ่าทันที เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วองค์หญิงก็เสด็จไปประทับที่บ้านสกุลไป๋พร้อมเหล่านางกำนัลรับใช้เพื่อรอคลอดบุตรที่นั่น

....ณ กระท่อมเล็กๆ ใบป่าด้านหลังเมือง เยว่หลิงกำลังย่างไก่อยูที่ครัวด้านหลัง เมนูวันนี้คือไก่ฟ้าทองย่างสมุนไพร เขาหมักด้วยเครื่องสมุนไพรหอมเข้มข้น ได้แก่ ขิงอ่อน กระเทียม กานพลู อบเชย และเปลือกส้มแห้ง กลิ่นอบอวลเข้าเนื้อจนซึมลึกไปทุกเส้นใย เมื่อนำไปย่างบนถ่านไม้หอม ไฟแดงพลุ่งพล่าน กลิ่นสมุนไพรลอยคลุ้งผสมกับความหอมมันของหนังที่ค่อย ๆ สุกจนเป็นสีทองกรอบ

 กลิ่นหอมนั้นโชยไปถึงด้านหน้าทำเอาเลี่ยหยางที่ถอดเสื้อผ่าฟืนอยู่นำลายสอจนอดไม่ได้รีบวางขวานแล้ววิ่งมาด้านหลัง

"อื้อหือ! วาสนาปากข้าจริงๆ ท่านเซียนพ่อครัวสวรรค์หลิงหลิง" เลี่ยหยางเอื้อมมือจะไปหยิบไก่ย่าง

เพี๊ยะ! เยว่หลิงตีมือเบาๆ

"รอก่อน! ข้าต้องย่างเคลือบน้ำผึ้งอีก เพิ่มรสหวานหอม หนังเป็นประกายสีทองสวย"

"คร้าบ ๆ ท่านเซียน นี่ท่านจะทำถวายฮ่องเต้หรืออย่างไร?"

"เจ้าไง ฮ่องเต้!" เยว่หลินพูดโดยไม่มองเลี่ยหยาง เขาง่วนอยู่กับการเอาน้ำผึ้งทาไก่ย่างอย่างพิถีพิถัน

เมื่อไก่สุกแล้วทั้งคู่ก็มานั่งรับประทานด้วยกันที่โต๊ะไม้เก่าๆด้านในกระท่อม เลี่ยหยางกัดเข้าไปลึกถึงเนื้อด้านในไก่ มันยังคงความชุ่มฉ่ำ ฟันที่กดลึกลงไปในเนื้อสัมผัสถึงน้ำซุปใส ๆ ที่ซึมมาจากไขมันธรรมชาติ รสชาติแรกที่สัมผัสปลายลิ้นคือความหวานมันจากเนื้อแท้ ตามมาด้วยความหอมซ่อนลึกของสมุนไพรที่เข้ากับเนื้ออันละเอียดนุ่ม ทุกคำที่กัดเข้าไป ให้รสเข้มละมุน ทั้งความเผ็ดอ่อนจากขิง ความหอมหวานจากอบเชย และรสกลมกล่อมจากซีอิ๊วเก่าที่เคลือบผิวหนังจนกรอบเป็นประกาย

เลี่ยหยางกินอย่างเอร็ดอร่อยและมูมมามไม่มีมารยาทเช่นเคย 

"ข้าอยากไปเที่ยว...." เยว่หลิงพูดและมองตาเลี่ยอยางด้วยแววตาออดอ้อน

เลี่ยหยางเคี้ยวไก่ไปด้วยพลางนึกสักพักแล้วพูดว่า

"เจ้าใส่ใจเรื่องอาหารขนาดนี้ งั้นเราไปตระเวนกินกันดีไหม? ข้ามี 5 เมืองให้เจ้าเลือก

1. ฉางอัน อาหารขึ้นชื่อคือ เนื้อแพะตุ๋น, เส้นบะหมี่ซานซี และพวกของหวานและขนมอบจากตะวันตก ที่นี่เจ้าจะลิ้มรสอาหารหลากชาติพันธุ์

2. หางโจว ที่นั่นมีปลามังกรน้ำใสตุ๋น, เนื้อหมูตงพอ และชาหลงจิ่ง  ถ้าเจ้าอยากสัมผัสอาหารบรรยากาศแบบกวีนะ

3. ลั่วหยาง มีซุปน้ำแกง, งานเลี้ยงแบบโบราณที่เสิร์ฟอาหารกว่า 20 อย่างในรูปแบบน้ำ และอาหารดอกโบตั๋น (ใช้ดอกไม้ในอาหาร) เป็นเมืองแห่งงานเลี้ยงน้ำสุดยิ่งใหญ่

4. เฉิงตู อาหารขึ้นชื่อจะเป็นพวกอาหารต้นตำรับอาหารเสฉวน เผ็ด ชา รสจัดจ้าน เช่น เต้าหู้เสฉวน เหมาะกับคนชอบอาหารรสเข้ม เผ็ด ซ่า และมีสมุนไพรหอม ๆ

5. กว่างโจว เป็นเมืองศูนย์กลางการค้าทางทะเล ที่นี่อาหารกวางตุ้ง ที่เน้นความสด หอม เบา เช่นติ่มซำ, เป็ดอบ และน้ำซุปใสหอมหวาน ถ้าเจ้าชอบอาหารทะเลหรูหราหลากชนิด ต้องที่นี่"

"เจ้ารู้เยอะจัง" 

"ก็อาชีพข้าต้องรู้ข้อมูลเรื่องพวกนี้"

"อาชีพฆ่าคน?"

เลี่ยหยางสะอึก 

"ใช่! ฆ่าคน"

ก่อนที่เลี่ยหยางจะพูดอะไรต่อ เยว่หลิงก็ยื่นไก่ใส่ปากเขา

"กินให้หมด ข้าอิ่มแล้ว" เยว่หลิงลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร เพื่อไปล้างมือด้านหน้า แต่ก่อนออกไปเขาหันมาบอกเลี่ยหยางว่า

"เรื่องไปที่ไหน ข้าขอคิดสักหน่อย"

เลี่ยหยางพยักหน้าและกินก่ฟ้าทองย่างสมุนไพรที่เยว่หลิงทำต่อจนหมด...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   ออกเดินทาง

    ......เช้าวันรุ่งขึ้นทั้งคู่ก้าวย่างเดินออกจากประตูเมืองทางตะวันออก พอพ้นมาได้นิดเดียวเยว่หลิงก็หันหน้ามามองเลี่ยหยาง "กว่างโจวไปทางไหน?"เลี่ยหยางเกาหัวแกร่กๆ "ก็ต้องลงใต้ ถ้าจะเดินทางบนบกจากตรงนี้ก็ต้องไปลั่วหยางก่อน แล้วผ่านลงไปเรื่อยๆถึงเมืองฉางซา เลยไปอีกก็ถึงกว่างโจวละ""แต่...ถ้าเจ้าอยากไปทางน้ำเราอาจต้องอ้อมหน่อยไปทางตะวันออกเพื่อขึ้นเรือที่ท่าเรือหางโจวแล้วจึงลงใต้"เยว่หลิงมองหน้าอย่างเฉยชา เลี่ยหยางคิดในใจ "ให้ตรูตัดสินใจแทนอีกแล้วชิมิ""ถ้าเจ้าอยากกินซุปน้ำแกงและอาหารดอกโบตั๋น (ใช้ดอกไม้ในอาหาร) รวมถึงงานเลี้ยงรื่นเริงที่เสิร์ฟอาหารเยอะๆ 10-20 อย่าง ก็ลั่วหยาง""แต่...ถ้าเจ้าอยากกินปลามังกรน้ำใสตุ๋น, เนื้อหมูตงพอ และชาหลงจิ่ง และเจอพวกนักกลอนกวีเยอะๆ ก็ต้องหางโจว"เลี่ยอยางเอามือแตะที่ท้องบางๆของเยว่หลิง "ถามทาเถี่ย(สัตว์ในตำนานยุคโบราณ)ในท้องเจ้าดูว่ามันอยากกินอะไร?"เยว่หลิงมองหน้าอย่างเฉยชาเช่นเดิม เลี่ยหยางถอนหายใจแรง"งั้นก็ไปลั่วหยาง! เฮฮาดี ข้าเกลียดพวกกวีตุ๊งติ้ง" ว่าแล้วเลี่ยหยางก็เดินนำเลย โดยมีเยว่หลิงเดินตามหลังต้อยๆ.....เดินทางมาสักพักทั้งคู่ก็มาถึงที่ราบกว้า

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   (ภาคฉางอัน) ค่ำคืนสุดท้ายที่ฉางอัน...

    ...คืนนี้เรือนพักเงียบสงบ มีเพียงแสงจากตะเกียงน้ำมันส่องวูบวาบไหวบนโต๊ะไม้ แสงนั้นทอดลงบนหน้าอกแน่นๆของเลี่ยหยาง เขาร้อนมากจึงถอดเสื้อออก เปลือยเปล่าท่อนบน กล้ามเนื้อไหล่และเแผ่นอกตึงแน่นมองเห็นได้ชัดเจน มีเหงื่อบางๆไหลซึมตามผิวอก และกล้ามท้องซิกแพ็คแน่น ๆ ของเขาเยว่หลิงอดไม่ได้ที่จะแอบดูรูปร่างอันเซ็กซี่นั้น จนเลี่ยหยางสังเกตุเห็น"อากาศว่าร้อนแล้ว แต่สายนั้นของเจ้าร้อนยิ่งกว่าอีกนะ หลิงหลิง"เลี่ยหยางยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาเยว่หลิง ใบหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจประสานกัน ริมฝีปากแทบจะแตะต้องกัน เยว่หลิงถอยไปจนพิงขอบประตู"หลิงหลิงเจ้าก็ถอดบ้างสิ ร้อนซะขนาดนี้"เลี่ยหยางใช้มือขวาแกะเสื้อเยว่หลิงออก จนเสื้อแหวกออกทำให้เห็นหน้าอกแล้วซิกแพ็คลีนๆของเยว่หลิง ผิวที่ขาวเนี่ยนละเอียดนั่นพอต้องแสงตะเกียงแล้วมันช่างสว่างในที่มืดเสียจริง ราวกับปุยนุ่น เลี่ยหยางกลืนน้ำลายดังอึ่ก เขาอดใจไม่ได้ที่จะใชเปลายนิ้วสัมผัสผิวขาวออร่านั้น เขาใช้ปลายนิ้วสัมผัสค่อยๆไล่จากหน้าอกลงมาถึงใต้สะดือนิดหน่อย"ผิวเจ้านี่นุ่มดีจัง มีกลิ่นหอมนิดๆด้วย" เขาเผลอพูดออกไป เยว่หลิงเอามือจับหน้าอกแน่นๆของเลี่ยหยางคืน "อกเจ้าก็ชุ

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   (ภาคฉางอัน) คำอธิษฐานแห่งดวงดาว

    .....เช้าวันนี้เลี่ยหยางชวนเยว่หลิงไปไหว้ศาลเจ้าเทพแห่งดาวดาวซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของนครฉางอัน ศาลแห่งนี้สูงสง่า ประตูไม้ทาสีดำสนิท สลักลายกลุ่มดาวนับพัน เสมือนจักรวาลทั้งปวงถูกรวมไว้ในบานประตูเดียว ภายในศาลเจ้า เงียบสงัด มีเพียงกลิ่นธูปลอยคลุ้งขึ้นสู่ท้องฟ้า บนเพดานมีการวาดดาวฤกษ์เป็นจุดแสงทองคำ เมื่อจุดตะเกียงน้ำมันยามค่ำคืน จะระยิบระยับราวกับท้องฟ้าแท้จริงผู้คนเชื่อว่า หากมากราบไหว้จะได้รับการปกปักคุ้มครองจากเทพเจ้าแห่งดวงดาว ให้เดินทางปลอดภัย และชะตาชีวิตรุ่งเรืองทั้งสองประนมมือไหว้ แล้วเดินชมรอบ ๆ เลี่ยหยางชวยเยว่หลิงเขียนป้ายคำอธิษฐานแขวนไว้ในศาลเจ้า(ฉีหย่วนไผ๋)เหมือนคนอื่น ๆ ที่เขียนหอยแขวนไว้มากมายหลายพันชิ้น เยว่หลิงไม่ได้สนใจแต่ไม่อยากขัดเลี่ยอยางจึงนำแผ่นไม้หอมมาเขียนคำอธิษฐานโดยเลี่ยหยางไปเชื่อนักพรตในศาลเจ้าจ่ายเงินซื้อหยดหมึกผสมน้ำฟ้า(หมึกพิเศษผสมแร่เงิน) ซึ่งจะทำให้แสงจันทร์สะท้อนเป็นประกายเงิน คล้ายป้ายเรืองแสงยามราตรีได้ เสร็จแล้วทั้งคู่ก็นำไปแขวนไว้ที่เสาศิลาแกะสลักรูปดาว"เราใช้หมึกพิเศษ พอตกกลางคืนเมื่อแสงตะเกียงและแสงดาวตกกระทบ ป้ายพวกเราจะสะท้อนแสงวิบวับราวกับ

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   (ภาคฉางอัน) ในคืนจันทร์เพ็ญ

    ....คืนนั้นแสงจันทร์สาดส่องลงมาบน สวนดอกท้อของโรงแรม ดอกสีชมพูอ่อนร่วงโปรยปรายตามทางเดิน เสียงลมพัดผ่านกิ่งไม้ประสานกับเสียงน้ำในสระเล็กที่ถูกลมเย็นๆพัดจนเกิดเป็นระลอกคลื่นจาง ๆ สร้างบรรยากาศเงียบสงบและโรแมนติกเยว่หลิงและเลี่ยหยาง นั่งบนก้อนหินที่วางอยู่ใต้ต้นท้อ โต๊ะเล็กวางไหสุราเสียน กลิ่นหอมของข้าวหมักผสมสมุนไพรลอยอบอวลในอากาศเลี่ยหยางรินสุราลงจอก ดวงตาเปล่งประกายสะท้อนแสงจันทร์บนกลีบดอกท้อ เขายกจอกขึ้นจิบ รสเข้มขมแรกแต่กลับหวานนุ่มลึกในลำคอ ส่วนเยว่หลิงแก้มเดาเพราะเมาสุราเล็กน้อย เขาเป่าขลุ่ยเสียงช่างไฟเราะแก่ผู้ฟังยิ่งนัก จนเจ้าแมวขาวประจำโรงแรมเข้ามานอนที่ตักเลี่ยหยางนอนฟังเสียงดนตรี“สุรานี้ช่างหอมเยี่ยงกลิ่นบุปผาในยามราตรี” “แต่สุขที่แท้… มิใช่รสสุรา หากคือผู้ร่วมจอกตรงหน้า” เลี่ยหยางมองหน้าเยว่หลิงด้วยรอยยิ้ม เขาเองก็เมานิด ๆ สุภาษิตจีนว่าเหล้าดีหนึ่งจอก ดีกว่าทองพันชั่ง หากดื่มกับมิตรแท้ใต้เงาดอกท้อนั้นทั้งสองดื่มด่ำความสุขเรียบง่ายดั่งปุถุชนสามัญทั่วไปแล้วจู่ๆก็มีกู่เจิง(เครื่องดนตรีประเภทสายของจีน)ดังสมทบขึ้น เสียงขลุ่ยและกู่เจิงนั้นเข้ากันได้อย่างดี ฟังดูยิ่งไพเร

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   (ภาคฉางอัน) ท่านต้องเลือก

    .....เมืองเริ่มกลับมาเป็นปกติ ร้านค้าหลาย ๆ ร้านกลับมาเปิดดังเดิม เลี่ยหยางและเยว่หลิงหลังกินโจ๊กร้อนในตลาดช่วงเช้าตรู่กันไปแล้ว คุณชายไป๋ยังอยากเดินหาของกินเพิ่มอีก ทำไมมันกินเยอะขนาดนี้ ตัวก็ผอม ๆ ลีน ๆ ท้องเจ้าหมอนี่ต้องมีทาเถี่ย(สัตว์ในตำนานยุคโบราณ)อยู่จริง ๆ นั่นแหละคุณชายไป๋หยุดที่ร้านขายฮู่ปิ่ง(พิซซ่าโบราณ) มันเป็นแป้งอบแบนโรยงาด้านบน เยว่หลิงนอกจากจะซื้อแล้วยังขอเข้าไปดูว่าเขาทำยังไงอีกด้วยพอออกมาเขาก็เดินไปซื้อเจียวจื่อ ซึ่งเป็นซาลาเปาห่อไส้ รสชาติที่กัดลงไปนั้นมีเครื่องเทศจากด่านแดน(เอเชียกลาง)อยู่ด้วย มันดูแปลกใหม่กว่าซาลาเปาที่อื่นจริง ๆ สมแล้วที่เป็นเมืองแห่งเส้นทางสายไหมสำคัญที่มีหลากหลายชาติพันธุ์อยู่ที่นี่ผลไม้ก็เช่นกัน ลูกอินทผาลัมแห้ง หรือแม้แต่อแปริคอตเชื่อมก็มี แต่ราคาแพงพอสมควร ซึ่งไม่เป็นปัญหากับคุณชายกระเป๋าหนักสกุลไป๋เลยแม้แต่น้อย เขากินทุกอย่างที่เขาอยากกิน ทั้งคู่เดินตลาดกันจนถึงเกือบเที่ยง "กลับที่พักกันเถอะหลิงหลิง เจ้าเดินกินมานานแล้วนะ ข้าเดินจนเมื่อยแล้ว"แล้วเลี่ยหยางก็แอบเห็นใครสักคนกำลังวิ่งหลบเข้าไปในมุมตึก เขาคือนักฆ่ากลุ่มเจ๊แพะตุ๋นนั่นเองเล

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   (ภาคฉางอัน) เพื่อบะหมี่ซานซี

    .....ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในงานเทศกาลโคมนั้นทำให้ทั้งเมืองฉางอันวุ่นวายกันไปเป็นสัปดาห์ ร้านค้าที่เคยคึกคักก็ไม่กล้าเปิด ทหารก็เดินตรวจตรากันหนาแน่น เลี่ยหยางนั่งเซ็ง ๆ อยู่ที่หน้าต่างในโรงแรมมองดูถนนด้านล่าง"เซ็ง เซ็ง เซ็งโว้ย!"แล้วเยว่หลิงก็เดินเข้ามาใกล้ เขาจับชายเสื้อเลี่ยหยางอยากมีเลศนัย"ข้า....อยากกินบะหมี่ซานซี..." เยว่หลิงกลืนน้ำลายยลงคอดังอึก เนื่องจากเขาเป็นคนผอมสูงอยู่แล้ว เห็นลูกกระเดือกชัดเจน เวลาเขากลืนน้ำลายยิ่งทำให้เห็นการเคลื่อนไหวที่คอนั้นชัดเจนเลี่ยหยางถอนหายใจ "เห้ออออ หลิงหลิง เจ้าก็ดูสิ ร้านอร่อยตรงโน้น ๆ ๆ ๆ มันปิดหมดเลยอ่ะ ข้าก็จนปัญญาจะพาเจ้าไปกิน รออีกหน่อยได้ป่าว?"เลี่ยหยางรีบเตือนเยวหลิงก่อนเลยว่า "แล้วเจ้าอย่าโดดขึ้นไปยอดหอคอยอีกนะ ทหารเต็มไปหมดแบบนี้ เดี๋ยวจะกลายเป็นไปกินข้าวในคุกเอาง่าย ๆ"เยว่หลิงทำปากเบ้ใส่ แววตาเคืองอย่างชัดเจน ทำเอาเลี่ยหยางยิ่งถอนหายใจใหญ่"ท่านลุงช่วงนี้ก็ต้องอยู่นิ่ง ๆ ไปก่อนยังไปติดต่อท่านไม่ได้..."เยว่หลิงทำสายตาน้อยใจ เลี่ยหยางมองดวงตาคู่นั้นพรางนึกในใจ นี่ข้าไม่ต่างจากมารดาเจ้าหลิงหลิงเลย ต้องเอาอกเอาใจดูแลทุกอย่าง ยังก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status