บทที่ 38 รู้ความจริง
“กลับมาแล้ว” เสียงดังลั่นทันทีที่เปิดประตูเข้ามา แล้วมองไม่เห็นใครจนต้องเดินตามกลิ่นไปอย่างเข้าครัวไป
“เหนื่อยมั้ย ไปรอที่ห้องก่อน เดี๋ยวฉันทำตรงนี้เสร็จแล้วเดี๋ยวจะตามไป” หญิงสาวพูด สายตาก็เหลือบไปมองขนมคุกกี้ที่วางเรียงรายอยู่ในเตาอบ ณิชชาให้คุณนมและป้าแม่บ้านสอนทำคุกกี้สูตรธารากานต์ให้
แน่ละ เพื่อเอาใจร่างหนาโดยเฉพาะ กลิ่นของมันอบอวลไปทั่วครัว ทำให้คนที่เพิ่งเข้าบ้านไม่ยอมออกไปไหนตามที่โดนร้องขอ
“หอมจัง” ชลาสินธุ์เหมือนจะชมกลิ่นขนม แต่กลับโอบร่างเล็ก ๆไว้โดยไม่สนใจคนรอบข้าง แถมยังบรรจงจูบที่ผมนุ่มอีกไปอีก
“คุณ...อย่าทำแบบนี้สิ อายคุณป้าบ้าง”
“ไม่ต้องอายหรอกค่ะ คุณหนูใหญ่ ป้าไม่ได้เห็นอะไรสักหน่อย” ป้าแม่บ้านพูด โดยมีคุณนมยิ้มกว้างไม่ต่างกันอยู่ข้าง ๆ ปากบอกว่าไม่เห็น แต่สายตาไม่ได้หลบไปไหนเลย เอาแต่จ้องมองใบหน้าแดง ๆ ของเจ้านายคนใหม่อยู่ตรงนั้น
“คุณป้า” เสียงกระเง้ากระงอดส่งออกมาแสนเบา แต่คุณป้าที่ถูกเอ่ยถึงกลับหัวเราะเสียงดัง
“ไปดูแลคุณหนูใหญ่เถอะค่ะ ทางนี้เดี๋ยวป้าดูให้ เหลือแค่รอเวลาเท่านั้นเอง”
“ขอบคุณนะครับป้า ไปกันเถอะ” ชลาสินธุ์บอกพร้อมกับจับมือบางเอาไว้แล้วพาออกไปจากตรงนั้นทันที
“น่ารักนะคุณนม” ป้าแม่บ้านกระซิบ ตอนที่แผ่นหลังของทั้งคู่ยังไม่ผ่านครัวไปเลยด้วยซ้ำ นางลืมไปหมดแล้วว่าคน ๆ นี้เคยถูกทำร้ายที่เรือนหลังเล็กหนักหนาสาหัสขนาดไหน ลืมไปแล้วว่าเคยกล่าวหาว่า ร่างเล็ก ๆ นี้ร่วมมือกับคุณชินจะมาทำร้ายคุณหนูใหญ่ของเธอ
“ใช่ น่ารัก คนนี้ให้ผ่านเลยนะ” คุณนมที่ถือว่าตัวเองเลี้ยงดู
ฟูมฟักเจ้านายน้อย ๆ ทั้งสี่มากับมือยิ้มอย่างยินดีแต่ยังไม่ทันจะได้ขึ้นห้องนอนกันไปอย่างที่ชลาสินธุ์นึกอยากทำ
มิดีมิร้ายร่างเล็กในอ้อมแขนนั้น คนขับรถอายุงานมากก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาขวางหน้าไว้ซะก่อน“เป็นอะไรครับลุง วิ่งมาขนาดนี้ เดี๋ยวก็หัวใจวายหรอก” ชลาสินธุ์ว่าเสียงเครียด
“เอ่อ...คุณชินครับ คุณชินมาขอพบคุณหนูใหญ่”
“พี่ชิน!” เสียงเครียดขึ้งขึ้นทันที
ณิชชาจับมือใหญ่เอาไว้ บีบมือนั้นซ้ำ ๆ เบา ๆ อยากให้คนข้าง ๆ มีสติกว่านี้ ตอนนี้เหมือนกับว่าเพียงแค่ได้ยินชื่อชินวุฒิเท่านั้น สติของ
ชลาสินธุ์ก็ขาดผึงเสียแล้ว“ใจเย็น ๆ ก่อนนะ คุณชินโทร.บอกฉันไว้แล้วว่าจะมาหาคุณที่นี่”
“แล้วเธอก็ให้เขามา?”
“คุณชินรู้เรื่องราวทั้งหมดระหว่างครอบครัวคุณกับครอบครัวของเขาแล้ว เลยอยากมาหาคุณ มาพูดคุยกับคุณ”
“โธ่โว้ยณิช แต่เธอก็รู้ใช่ไหมว่า ฉันไม่อยากเจอมัน” ชลาสินธุ์ตะโกนอย่างหัวเสีย
“แต่ครั้งนี้คุณควรเจอเขานะ ให้โอกาสเขาหน่อย อาจจะเป็นโอกาสที่คุณเองก็รอมาทั้งชีวิตก็ได้”
ชลาสินธุ์สะบัดมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของร่างบาง แววตาโกรธเกลียดอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่มือนั้นจะกำแล้วขว้างหมัดเปรี้ยงเข้าไปที่ใบหน้าของแขกที่เดินเข้ามาถึงบริเวณนั้นพอดี
“คุณหนูใหญ่ อย่าค่ะ” แม่บ้านร้องลั่น ณิชชาตกใจจนพูดไม่ออก หญิงสาวรู้ตัวว่ายังจดจำภาพที่ชลาสินธุ์ทำเรื่องร้าย ๆ กับตนเองได้ แม้จะไม่อยากจำ แต่หลาย ๆ ครั้งที่ชลาสินธุ์ดุ หรือมีแววตาขึ้งโกรธ ภาพและความรู้สึกเหล่านั้นจะแวบเข้ามาในสมองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ชินวุฒิเองก็นิ่งเฉย เขาไม่ปัดป้องหรือปกปิดร่างกายตัวเองเลย
สักนิด เมื่อชลาสินธุ์ประเคนให้เขาทั้งมือทั้งเท้า บัดนี้เลือดของเขาที่ออกทางรูจมูกและแก้มที่แตกมันเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าเขาเต็มไปหมด“อย่า...” ณิชชาส่งเสียงเบา ๆ เสียงของเธอเหมือนไม่ได้มาจากแถวนั้น
ชลาสินธุ์หันไปมองอย่างดุร้าย
“จะห้ามทำไม ยังไม่เลิกเป็นห่วงมันอีกหรือไง หา?” เสียงตะโกนลั่นจนณิชชาสะดุ้ง ก่อนจะหันไปยกเท้าเตรียมกระทืบเข้ากางลำตัวของคนที่ไม่คิดจะปกป้องตัวเอง
“เอาเลยใหญ่ พี่สมควรโดนแล้ว” เสียงแหบพร่าของคนที่นอนจมกองเลือดอยู่กับพื้นเอ่ยขึ้น ชลาสินธุ์เห็นว่ามีน้ำหยดเล็ก ๆ ไหลออกมาจากดวงตาที่บอบช้ำนั้น
“อย่านะ อย่าทำร้ายใครอีก” ณิชชาโผเข้ามากอดด้านหลังเอาไว้แน่น ใบหน้าแนบกับแผ่นหลังที่ตึงเครียด ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
“ห่วงมันมานักหรือไง” เสียงดังตะโกนแหบห้าว ก่อนจะหันมาจับแขนของร่างเล็กทั้งสองข้างเขย่าจนหัวคลอน
“เปล่านะ ฉันเป็นห่วงคุณ ไม่อยากให้คุณเป็นทุกข์อีกแล้ว”
ร่างเล็กพูดเสียงสั่น ร้องไห้เพราะความตกใจ“โธ่โว้ย!” ร่างหนาสะบัดแขนบางในมือจนณิชชาล้มลง แล้วทำท่าจะเดินเข้าไปหาชินวุฒิอีก แต่ณิชชารีบลุกขึ้นมาแล้ววิ่งตามแผ่นหลังหนานั้นไป
“มาให้กระทืบถึงที่แบบนี้ มันก็ต้องสนองหน่อยไม่ใช่หรือไง”
“ได้โปรด”
เท้าที่ยกเตรียมปล่อยน้ำหนักลงเต็มแรงต้องชะงักอยู่กลางอากาศ เมื่อณิชชามาทรุดตัวขวางร่างของชินวุฒิไว้
“เชื่อฉันสักครั้ง ฟังที่คุณชินพูดสักหน่อยนะ” ณิชชาพูดน้ำตาไหลพราก สองมือประนมอยู่ที่กลางหน้าอก
“เธอต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอณิช เพื่อมัน เพื่อคนที่ทำลายครอบครัวฉัน เธอต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ” ชลาสินธุ์ตะโกนลั่น แววตาเจ็บปวดรวดร้าวนั้นยิ่งทำให้คนฟังเจ็บปวดมากกว่า
“ฉันทำแบบนี้เพื่อคุณนะ” ณิชชายืนขึ้น ก้าวเดินเข้าไปใกล้คนตรงหน้าจนกระทั่งโอบกอดเขาเอาไว้ได้อีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่กลัวจะโดนทำรุนแรงอีก “ฉันทำเพื่อคุณ ไม่อยากให้คุณทำร้ายเขา เพราะตัวคุณอาจจะต้องเสียใจ ฉันไม่อยากให้คุณต้องเป็นทุกข์มากไปกว่านี้อีกแล้ว” ณิชชาร้องไห้ สะอื้นฮักซบใบหน้าลงกับหน้าอกใหญ่
“แต่พี่มาที่นี่เพื่อให้สินธุ์ทำร้าย ทำโทษพี่ยังไงก็ได้ เพราะสินธุ์ได้เสียใจจากการกระทำของพี่ไปมากแล้ว ถ้าสินธุ์จะเอาคืน พี่ไม่ว่า” เสียงแหบพร่าของคนตรงที่ร่างสะบักสะบอมเอ่ยขึ้น
ชลาสินธุ์มองหน้าเขานิ่ง
“โธ่คุณชิน ลุกขึ้นเถอะค่ะ ตั้งแต่เล็ก ป้าเองหรือคุณผู้หญิง คุณผู้ชาย ก็ไม่เคยสอนให้ทะเลาะกันแบบนี้เลยนะคะ” คุณนมที่เพิ่งหายจากการตกใจพูดขึ้น มือก็พยุงร่างอีกคนส่วนแววตาก็หันมาตำหนิคนที่อารมณ์ยังเดือดปุด ๆ
“ได้โปรดเถอะสินธุ์ ทำร้ายพี่ยังไงก็ได้ พี่จะไม่โกรธ ไม่โทษอะไรทั้งนั้น เพราะสิ่งที่ครอบครัวพี่ทำกับคุณน้าทั้งสองมันมากเกินไปจริง ๆ” ชินวุฒิทรุดตัวลงไปอีกนึกถึงบทสนทนาระหว่างเขากับแม่ที่เพิ่งจบลงไปเมื่อบ่าย
วันนี้เขาได้ไปพบกับทีมงานของรายการแข่งขันในครั้งนั้นอีกครั้ง เพราะมีเรื่องให้ประสานงานกัน เนื่องจากเขาอยากจัดทำกิจกรรมบางอย่างในโรงแรมออกสื่อโทรทัศน์ เรื่องบางเรื่องถูกขุดขึ้นมาให้เขาดู หลักฐานบางอย่างได้รับการหยิบยื่นเพียงเพราะเป็นคนที่ไม่รู้ว่าสิ่งใดควรเปิดเผย และสิ่งใดควรปิดตาย
เขาไม่ลังเลเลยที่จะกลับมาถามแม่ของตนเองในเรื่องนี้ และคงจะเสียใจน้อยกว่าหากแม่ของเขาจะปฏิเสธเสียบ้าง ไม่ใช่ยอมรับอย่างไม่รู้สึกผิดอะไรเช่นนี้
“แกคิดดูสิ ปู่ของแกเอาแต่จะรักจะหลงครอบครัวนั้นมาก ทำเหมือนจะประเคนทุกอย่างให้ ถ้าไม่รั้ง ๆ เอาไว้บ้าง แกจะได้อะไร” แม่ซึ่งเป็นสะใภ้คนโตเสียงดังใส่เขา
“ถึงผมจะไม่ได้เก่งอะไร ผมก็สร้างขึ้นมาเองได้ เหมือนที่ครอบครัวนั้นสร้างบริษัทของเขาเองขึ้นมาได้ตั้งหลายบริษัท และสินธุ์กับน้อง ๆ ก็ดูแลมันได้อย่างดี แม่ทำแบบนี้ แม่ไม่เชื่อเหรอว่า ผมเก่งกว่าสินธุ์ ทำไมแม่ต้องทำเหมือนผมเป็นเด็กอมมือ ทำไมต้องถึงขนาดทำร้ายกันจนถึงตาย” ลูกชายว่าเสียงสั่น ตะโกนลั่นห้องนอนของแม่
“แม่ก็แค่อยากให้พวกนั้นมีเรื่องยุ่ง ๆ ทำกัน ไม่ได้กะให้ถึงตาย แล้วพวกนั้นก็ตายด้วยอุบัติเหตุ ไม่ได้ตายจากน้ำส้มนั่นซะหน่อยนะลูก” หญิงสูงวัยอธิบาย หวังให้ลูกเข้าใจในความหวังดีของแม่ โดยไม่สนใจว่า ความคิดของตนนั้นช่างตื้นเขินและขาดความรับผิดชอบเพียงใด
“ตอนที่แม่ไปร่วมงานศพของคุณน้าทั้งสอง แม่รู้สึกอะไรบ้างมั้ยครับ” ชินวุฒิน้ำตาไหล เขาไม่อายที่จะเป็นผู้ชายร้องไห้ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า ชลาสินธุ์รู้สึกอย่างไร การสูญเสียคนที่ตนเองรักมันเจ็บปวดมากขนาดไหน จริง ๆ อย่างที่ญาติผู้น้องว่า การที่เขาถูกซ้อมจนแทบตายนั้น มันเทียบไม่ได้กับความรู้สึกสูญเสียเหล่านั้น
บัดนี้เขาเองก็ได้สูญเสียแม่ที่แสนดี ให้กับอสูรร้ายในจิตใจของแม่ไปแล้วเช่นกัน
“พี่รู้แล้ว พี่รู้ทุกคำ ทุกความหมายที่สินธุ์บอกกับพี่ พี่ขอโทษ” เสียงผู้ชายร้องไห้ลั่น
ชลาสินธุ์กำหมัดแน่น ไม่รู้ว่าควรจะปล่อยกำปั้นไปที่ใครดี แต่ก่อนจะได้คำตอบ มือบางก็จับมือเขาไว้คลายหมัดนั้นออก แล้วกอดเขานิ่งนาน ชลาสินธุ์ยึดร่างบางเอาไว้ในอ้อมกอดแน่น ณิชชายอมนิ่งเฉยต่อความอึดอัด และเจ็บปวด เพราะร่างใหญ่กอดเธอไว้ไม่ออมแรงเลย มือบางยังลูบแผ่นหลังใหญ่ ๆ ที่สั่นสะท้านนั้นด้วย
“คุณป้าคะ พาคุณชินไปทำแผลและพักผ่อนหน่อยได้มั้ย ณิชจะดูแลคุณสินธุ์เอง” ณิชชาบอกแม่บ้านและคุณนม ก่อนจะพาร่างหนาขึ้นห้องนอนมาด้วยกัน
เธอบังคับให้ร่างหนานั่งลงไปบนเตียงนุ่ม แล้วเอาผ้าขนหนูหยดน้ำหอมมาเช็ดหน้าให้
“ดีขึ้นมั้ย” ณิชชาถาม เขาถามถึงสภาพจิตใจที่ผ่านมา
...ดีขึ้นมั้ย ที่ในที่สุดความอึดอัดคั่งแค้นทั้งหลายก็มีคนมารับไปแทนแล้ว...
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เขาจะไม่รู้ถึงสิ่งที่แม่เขาทำจริง ๆ”
“การเฝ้าคิดถึงแต่เรื่องความแค้น หรือคิดถึงแต่เรื่องความทุกข์ไม่ ได้มีผลดีกับเราเลยนะ ดูสิคุณโดนความเคียดแค้นปิดบังความคิดไตร่ตรองทุกอย่างไปหมด”
“ฉันขอโทษนะ ที่ผ่านมาเธอลำบากเพราะฉันมากี่เรื่องแล้ว” เขาลากเอาคนตัวเล็กเข้าไปอ้อมกอดอีกหน อ้อมกอดที่แสนเหน็ดเหนื่อย
อ้อมกอดที่แสนโหยไห้“ฉันแค่อยากให้คุณสบายใจ ถ้าคุณปล่อยวางทุกอย่างได้ คุณก็จะมีความสุข ฉันเข้าใจว่าเรื่องของคุณมันยากที่จะทำใจยอมรับ แต่การที่ฉันได้พูดคุยกับคุณชินบ่อย ๆ มันยิ่งทำให้รู้สึกได้ว่า คุณชินไม่ใช่คนร้ายอะไร”
“ใครจะคิดว่า เจ้านั่นไม่รู้เรื่องที่แม่ตัวเองทำล่ะ”
“คุณนี่น้า แล้วเลิกโกรธ เลิกไม่ชอบหน้าคุณชินแล้วใช่ไหม”
“มาให้กระทืบถึงบ้านขนาดนี้ หายโกรธก็ได้”
“คุณมันร้ายตลอดจริง ๆ นะ”
“ร้ายแล้วรักมั้ย”
“หึ”
“เธอจะรักฉันตลอดไปได้ไหมณิช”
“ชีวิตฉันตอนนี้ก็ไม่มีใครแล้วนะ”
“เธอตอบไม่ตรงคำถาม”
“อื๊อ...คุณน่ะ” เสียงโวยวายเล็ก ๆ ดังขึ้น เพราะโดนแกล้งกอด
ซะแน่น“ฉันรักเธอนะ” พูดแล้วก็หอมหน้าผากคนในอ้อมกอดแรง ๆ“จำผู้ชายที่มาหาฉันแล้วคุยนาน ๆ ได้ไหม”
“จำได้ คนนั้นที่ไม่ค่อยพูดแต่หายเงียบไปคุยกับคุณเกือบทั้งวัน”
“นั่นแหละเราคุยกันเรื่องชินวุฒิ เขาเป็นนักสืบเลยให้สืบอะไรให้นิดหน่อย”
“แบบนี้คุณก็รู้มาก่อนแล้วสิว่า คุณชินไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย”
“รู้...แต่ทำใจไม่ได้เหมือนวันนี้นะ”
“คือต้องได้ทำร้ายคนก่อนใช่ไหม คุณถึงจะทำใจได้” ร่างบางว่าเหน็บ มือเล็กก็แกล้งทุบไปที่แผ่นหลังกว้าง
“จะบอกยังไงดีล่ะ ให้อภัยได้ แต่ไม่พร้อมจะเห็นหน้าน่ะ”
ชลาสินธุ์พูดพลางกอดคนในอ้อมแขนให้แน่นขึ้นอีกนิด “จะว่าไปเธอก็เหมือนเป็นยา เป็นหมอ เป็นหลายอย่างให้ฉันดีขึ้นนะ”“หึ คุณทำฉันเกือบตายมากี่ทีแล้ว” ณิชชาประชดเสียงสูง
“งั้นคืนนี้ ฉันจะฆ่าเธออีกสักสามสี่รอบ”
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว