บทที่ 39 เพิ่งรู้สึกถึงความรัก
ยังพูดไม่ทันจบหญิงสาวก็ต้องตกใจเมื่อถูกเหวี่ยงทีเดียวลงมานอนกับเตียง พร้อมกับมีร่างหนา ๆ มาทาบทับ
“นี่ ไม่เอานะ คืนนี้คุณควรอยู่นิ่ง ๆ สำนึกผิดต่างหาก”
“หึ ฉันควรต้องทำตามคำพูดของเธอ?” สายตาท้าทายส่งให้เห็น แล้วหลัง จากนั้นชลาสินธุ์ก็พิสูจน์ว่า เขาไม่จำเป็นต้องทำตามคำพูดของเลขาแต่อย่างใด
เขาแนบริมฝีปากประกบปากนุ่มอย่างเอาแต่ใจ แถมยังแกล้งจูบให้เนิ่นน่าน จนคนโดนขโมยลมหายใจดิ้นพล่าน จูบของเขามันเรียกร้อง
เว้าวอนอย่างเห็นได้ชัดชลาสินธุ์ละริมฝีปากให้ร่างบางได้มีจังหวะหายใจ เขามีความสุขมากอย่างบอกไม่ถูก แม้จะไม่ได้เอาชีวิตใครให้ตกไปตามพ่อแม่ของเขา แต่กลับรู้สึกเหมือนได้ชัยชนะบางอย่างกลับคืนมา ใจหนึ่งเขาอาจจะสงสาร
ชินวุฒิ ที่ไม่เคยรู้เรื่องเลวร้ายที่ฝ่ายตนเองทำไว้กับครอบครัวเขามาก่อน ไม่ได้หวังว่า ชินวุฒิจะต้องมาแบกรับความเลวร้ายที่คอยหั่นแล่จิตใจให้ย่อยยับ และรู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้นอยู่ทุกลมหายใจเฉกเช่นเดียวกับที่เขาเจอไปตลอดชีวิต แต่ตามประสาคนไม่ได้อ่อนโยน และมีความเป็นปุถุชนธรรมดาที่มีความรู้สึกโกรธ เกลียดปะปน เขามีความยินดีที่ชินวุฒิได้รับรู้เรื่องนั้นแล้ว และไม่แยแสสักนิดว่า ชินวุฒิจะรู้สึกเช่นไรคนที่กำลังหอบหายใจหนักมองหน้าชลาสินธุ์นิ่ง มือเล็กทาบอยู่ที่อกหนาเดาความคิดของใบหน้านั้นไม่ถูกเลย
แววตากระหายหิว ทำให้ณิชชาต้องออกแรงผลักร่างหนาออก แต่ก็เหมือนเดิม มันไม่เคยเป็นผล และก่อนที่จะทันตั้งหลักได้ มือหนาก็ถลกเสื้อของณิชชาขึ้นจนเผยหน้าอกอิ่มเต็มตา มือหนาลูบไล้ ขยี้ขยำไปทั่วร่าง เสียงครางถูกส่งออกมาเบา ๆ เพราะสัมผัสจากมือหนาสร้างรอยร้อนรุ่ม เหมือนมีใครเอากระแสไฟมาจี้ ก่อนจะหยุดนิ่งที่ยอดอกทั้งสองข้าง แววตากร้าวลุกโชนด้วยแรงปราถนา ทั้งหลงไหล ทั้งรัก ทั้งหวง ทั้งโกรธกริ้ว ความรู้สึกต่าง ๆ มันตีกันจนทั่วไปหมด เมื่อเห็นหน้าณิชชา เขาก็อยากจะรัก อยากจะทะนุถนอม แต่เมื่อนึกไปถึงร่างของชินวุฒิที่มักจะเข้ามาใกล้กับณิชชาบ่อยครั้ง ความกรุ่นโกรธที่ก็ย่างกรายเข้ามาแทนที่ จนเขาเผลอทำร้ายร่างเล็กใต้ร่างอยู่บ่อย ๆ
“อ๊ะ ฉันเจ็บ อื้อ...” ณิชชาครางออกมาเสียงหวาน แต่ก็ปนความเจ็บปวด เมื่อฟันคมขบกัดไปที่ยอดอกข้างหนึ่งอย่างแรง พอนึกได้ร่างหนาก็ผละออกจากหน้าอก แต่ยังคงสนุกกับการใช้ลิ้นลากไล้ไปตามลำคอ และยังรู้สึกดีที่ได้สร้างรอยกุหลาบไว้ทั่วร่างบางนี้ เป็นการสลักลายยืนยันความเป็นเจ้าของ...ก่อนจะหวนกลับมาที่ยอดอกและรัวลิ้นใส่อย่างเมามัน
“อื๊อ...” ร่างของณิชชาบิดเร่าด้วยความวาบหวาม ปากขบกันแน่น ช่องท้องบิดเป็นเกลียว มือก็ขย้ำผ้าปูที่นอน หวังจะระบายอารมณ์ซ่านให้ออกไปจากร่าง ทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางทำแบบนั้นได้และยังจะต้องผจญกับความเสียวซ่านมากขึ้นไปอีก
เมื่อชลาสินธุ์สนุกสนานอยู่กับหลุมเล็กกลางลำตัว แล้วระเรื่อยมาจนถึงช่องทางที่อ่อนไหว ปากหนาโลมเลียอยู่ตรงนั้น ณิชชาบิดร่างจนแทบขาด ภายในกายของเธอปั่นป่วนไปหมด ลิ้นของชลาสินธุ์ส่งความเสียวซ่านแบบเหวี่ยงไร้ทิศ สูงสุดแล้วกระชากลงมาต่ำสุด และอย่างไม่รู้ตัว มือบางก็กลายเป็นฝ่ายควบคุมจังหวะกดศีรษะเขาให้เข้าหาตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุดณิชชาก็เปล่งเสียงกรีดร้อง...แล้วลงไปหายใจหอบอยู่กับเตียง
ชลาสินธุ์ไม่ปล่อยให้ร่างบางได้พัก เขารวบข้อมือบางทั้งคู่เอาไว้ที่เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียว ประทับจูบอย่างเอาแต่ใจอีกครั้ง มือข้างที่ว่างส่งนิ้วเรียวทำหน้าที่ของมัน หนึ่งนิ้ว สองนิ้ว สามนิ้ว ควานกวาดทั่วช่องทางรัก
“อื๊อ ฉันเจ็บ”
ชลาสินธุ์ไม่เบาแรงเลยและไม่สนใจจะไถ่ถามอะไรสักคำ กลับยังคงใช้นิ้วทำตามหน้าที่ของมันไปอย่างนนั้น
ณิชชาสะกดกลั้นความเสียวซ่านที่มาพร้อมกับความเจ็บปวดจนใบหน้าเหยเก ไม่ผิดจากคนข้างบนที่กำลังใจจะขาด เพราะแรงบีบรัดที่มากมายมหาศาลของณิชชา
“ผ่อนคลายหน่อยสิ” เสียงดุบอก “หายใจลึกๆ” ณิชชาทำตามคำสั่ง รู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อยที่มือใหญ่คอยประคับประคองอยู่ที่แผ่นหลังพร้อมกับลูบไล้ปลอบใจอยู่เป็นระยะ
“อ๊ะ...” ณิชชาสะดุ้งเมื่อร่างหนาเปลี่ยนจากนิ้วเป็นแท่งความรัก แต่ก็พยายามผ่อนคลาย ความเครียดและกดดันบางอย่างทำให้ณิชชาค่อนข้างเกร็ง ประกอบกับอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของชลาสินธุ์ก็ยิ่งทำให้
ณิชชารับมือกับบทรักครั้งนี้ไม่ถูก ยังผลให้ร่างเขาเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยการเข้าออกของแท่งรักนั้นไม่มีจังหวะจะโคนที่แน่นอนนัก แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นไปในรูปแบบฝังตัวจนชิดในสุด ทำให้ร่างบางทั้งเจ็บ ปวด จุก และเสียวซ่าน
“อ๊ะ คุณ อ๊ะ อื้อออ” ร่างบางครางไม่เป็นศัพท์กับการฝังร่าง
แต่ละครั้งของชลาสินธุ์ ณิชชาครางเสียงสั่น หอบหายใจรุนแรง แรงกระแทกครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้ร่างบางแทบขาดใจ เธอเหลือบมองหน้าคนที่อยู่ในภวังค์ของตัวเอง ชลาสินธุ์ไม่ได้อยู่กับเธอตรงนั้น แต่ใจของเขากลับล่องลอยไปที่อื่น ดวงตาที่ปิดสนิทนั้น เปิดขึ้นมาสบตาณิชชาอีกครั้งเมื่อแรงกระแทกครั้งสุดท้ายมาถึงชลาสินธุ์ซบหน้าตนเองไว้กับไหล่บาง ผมหนานุ่มคลอเคลียร์อยู่กับใบหน้าหวาน
“คุณโอเคมั้ย คุณสินธุ์” ร่างบางกระซิบถามทั้งที่ยังหอบ เป็นห่วงความรู้สึกของร่างหนาขึ้นมาตะหงิด ๆ ทั้งที่เรื่องราวทุกอย่างน่าจะจบได้แล้ว แล้วก็อยากจะกัดปากตัวเองทิ้งไป เพราะร่างหนากลับกระเด้งตัวเองขึ้นในไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น
“ฉันจะดีขึ้น ถ้าเธอยอมให้ฉันอีกรอบ” แล้วส่วนสำคัญที่ยังไม่ทันเอาออกจากช่องทางรักของณิชชาก็ดีดตัวเองปึ๋งปั๋งอยู่ในนั้นเอง
“ไม่เอาแล้ว”...ณิชชาร้องลั่น
“อย่างอแงน่ะ”
“ทุกคืนเลย อื้อ...” ณิชชาหน้าเบ้ หลังจากที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วพบว่า ตัวเองยอกสะโพกไปหมด แผ่นหลังก็เจ็บปวดมาก หญิงสาวพยายามลุกขึ้นจากเตียง แต่พบว่า ในเช้าที่ผ่านศึกหนักมาทั้งคืนแบบนี้ มันช่างไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ชลาสินธุ์ไม่ได้อยู่ข้าง ๆ อีกครั้งในวันนี้ ทิ้งไว้แค่ข้อความสั้น ๆ บนหมอนของตัวเอง
วันนี้ไม่ต้องไปทำงานนะ พักผ่อนเยอะ ๆ คืนนี้จะมาเล่นด้วย
“เล่นด้วย?” ณิชชาทวนประโยคสุดท้ายในกระดาษ “ฝันไปเหอะ มากไปแล้วนะ คุณเจ้านาย”
“คุณณิช ตื่นแล้วเหรอคะ เป็นยังไงบ้าง เห็นคุณหนูใหญ่บอกว่าคุณณิชไม่สบาย ไม่ต้องปลุก ป้าเลยรออยู่อย่างนี้” คุณนมทักทายทันทีที่เห็นณิชชาเดินลงมาส่วนของห้องนั่งเล่นชั้นล่าง
“ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่เพลีย ๆ นิดหน่อย”
“คุณสินธุ์เอาแต่ใจเหรอคะ” คนถามยิ้มและยิ่งยิ้มกว้างขึ้นไปอีกเมื่อเห็นอาการหน้าแดงจนถึงใบหูของณิชชา มองดูตามแขนที่แม้เจ้าตัวจะจงใจใส่เสื้อยืดแขนยาวปิด แต่ก็ยังเห็นร่องรอยบางอย่างอยู่ดีและยังที่หน้าอกนั่นอีก ณิชชาเผลอก้มลงทีไรร่องรอยพวกนี้ก็ปรากฏทุกครั้ง
“เดี๋ยวอาหารก็คงมาค่ะ วันนี้ทานตรงนี้ก็ได้ ขานั้นพอเห็นคุณลงมา ก็วุ่นวายทั่วครัวไปหมด” คุณนมเล่าถึงคุณป้าแม่บ้าน ที่ทันทีที่เห็นคนของคุณหนูใหญ่เดินลงมา ก็กระโดดแผล็วไปสั่งการในครัว “แต่ว่าคุกกี้คงต้องทำใหม่นะคะ เมื่อวานเกิดเรื่องซะก่อนไม่ได้มีใครดู มันเลยไหม้ไปหมด”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ งั้นวันนี้ป้าสอนณิชอีกครั้งได้มั้ยคะ”
“ได้สิคะ นมทำอะไรก็ได้ให้คุณณิช” คำพูดเหล่านั้นทำให้เธอแปลกใจจนคิ้วขมวด
“อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยค่ะ ณิชก็แค่คนอาศัย” ณิชชาพูดอย่างเกรงใจ ไม่ใช่คนที่สมควรรับคำว่า ‘ทำอะไรให้ก็ได้’ เอาไว้
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกค่ะ ไม่ใช่แค่คนอาศัย นับตั้งแต่คุณณิชมาที่บ้านนี้ คุณหนูใหญ่ของป้าอ่อนโยนขึ้นตั้งเยอะ เอ่อ...ไม่นับเรื่องเมื่อคืนนะคะ คุณหนูใหญ่รับไม่ได้กับเรื่องคุณพ่อคุณแม่จริง ๆ คุณณิชรู้มั้ยคะ การที่อยู่
ดี ๆ ก็ต้องดูแลคนทั้งบ้าน รวมทั้งน้อง ๆ อีกสามคน ในขณะที่ตัวเองกำลังเศร้าโศกอย่างหนักเพราะต้องสูญเสียคุณพ่อคุณแม่ไป มันเป็นเรื่องย่ำแย่ แค่ไหน ภาระหน้าที่ทั้งการทำงาน ทั้งการดูแลน้อง ๆ มันมากมายจนล้นมือไปหมด คุณหนูใหญ่ใช้เวลาของตัวเองหมดไปกับเรื่องพวกนี้ และไม่เคยสนใจดูแลใครเลย ไม่คิดจะรักใคร ไม่คิดจะรักษาน้ำใจใคร ทุกอย่างล้วนเป็นไปเพื่อดำรงธุรกิจของคุณพ่อคุณแม่ และดูแลน้อง ๆ เท่านั้น ใครจะเข้ามายุ่งวุ่นวายกับคุณหนูน่ะเหรอคะ ไล่ตะเพิด หรือไม่ก็ว่าเอาแรงๆ”ณิชชานึกไปถึงช่วงแรกที่ได้เจอกัน แล้วชลาสินธุ์คิดว่า ตัวเองจะมาอาศัยหน้าที่การงานแบบ ‘เต้าไต่’ ก็เข้าใจสิ่งที่คุณนมพูด และเห็นด้วยทั้งหมดกับสิ่งนั้น
“พอน้อง ๆ โตขึ้นก็มีภาระหน้าที่ต้องแยกย้ายกันไป คุณหนูใหญ่ก็เหมือนเคว้ง ๆ ไม่ใช่น้อง ๆ ไม่รักนะคะ พวกเขายังติดต่อกันตลอด อย่างคุณธารก็โทรศัพท์มาคุยกับพี่บ่อย ๆ ก็คงจะต้องเรียนให้จบก่อน จึงจะกลับมาพบกัน อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แต่ระหว่างนี้ชีวิตคุณหนูใหญ่ของป้าเหมือนต้นไม้ขาดน้ำจนคุณณิชเข้ามา” คุณนมร่ายยาว ตอนนั้นชลาธารไปเรียนปริญญาตรีที่เมืองนอก ส่วนตอนนี้ก็ไปเทคคอร์สได้เกือบปีแล้ว ส่วนสาคเรศก่อนหน้านี้ก็เอาแต่อยู่ไม่ติดที่ เพิ่งจะมาช่วยกันดูบริษัทก็ไม่นานนี้
“ไม่จริงหรอกค่ะ” ณิชชาปฏิเสธ หญิงสาวโดนมาน้อยเมื่อไร เจ็บจนเกือบตายก็มี แต่แล้วก็นึกได้ว่า คุณนมนั้นเพิ่งจะรู้จักกับเธอตอนที่เข้ามาใช้ชีวิตในบ้านนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ชลาสินธุ์ไม่ค่อยจะร้ายกาจแล้ว คุณนมอาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า เธอเคยถูกลากมาที่นี่แล้ว เมื่อตอนที่คุณหนูของตัวเองกำลังคลั่งเรื่องชินวุฒิ และพาเขามาทำร้ายที่นี่
“คุณหนูใหญ่ใส่ใจทุกรายละเอียดของคุณณิชเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร คุณหนูจำได้หมดจำได้แม้กระทั่งกลิ่นที่คุณชอบในห้องน้ำ”
ณิชชานึกได้กลิ่นหอมกุหลาบอังกฤษบาง ๆ ที่อยู่ในห้องน้ำนั้น เธอชอบมากจริง ๆ ยังนึกสงสัยว่า ใครเป็นคนเอามาใส่เข้าไว้ และแอบชื่นชมแม่บ้านที่นี่ที่ทำให้ห้องน้ำน่าใช้มากขึ้น
“แล้วตั้งแต่คุณเข้ามาที่นี่ ก็เหมือนเราได้คุณหนูใหญ่คนเดิมเมื่อสมัยที่คุณพ่อคุณแม่ยังอยู่กลับมา คุณหนูของนมไม่หัวเราะกว้าง ๆ มานานมากแล้วนะคะ” คนสูงวัยพูด น้ำตารื้น นึกสงสารเจ้านายน้อย ๆ ของตัวเองจับใจ ใครจะอาภัพ จะโชคร้ายเท่านี้ไม่มีอีกแล้ว “เขาอ่อนโยนจนป้าเองยังแปลกใจ ความรักทำให้คุณหนูของป้ายิ้มได้ หัวเราะเป็น มีความสุขแบบนี้ทุก ๆ คนที่นี่ก็มีความสุขนะคะ ป้าโทร.ไปบอกคุณหนูเล็ก กับคุณหนูกลางแล้ว ทุกคนก็มีความสุขเหมือนป้า”
ความรัก!!!
รักเหรอ? ชลาสินธุ์พูดคำว่า รัก กับเธอตั้งมากมาย แต่ไม่มีสักครั้งที่เธอจะรู้สึกถึงความรักที่เขามีให้ได้มากเท่ากับมาฟังคนที่เลี้ยงดูเขามาพูด
ณิชชานิ่งงัน
“ป้าฝากคุณหนูของป้าด้วยนะคะ” คุณนมพูด จับมือบางนั้นอย่างทะนุถนอม ใบหน้าประดับรอยยิ้มที่บอกว่า หญิงสูงวัยมีความสุขจริง ๆ ก่อนจะปล่อยให้ณิชชาละเลียดอาหารเช้าที่ป้าแม่บ้านทำมาให้
การประชุมที่ยืดเยื้อ เพราะหาคำตอบกับคำถามที่จำเป็นสำหรับการขยายธุรกิจใหม่ไม่ได้ ทำให้กว่าจะจบก็เกือบจะสองทุ่ม ชลาสินธุ์ถอนหายใจหนัก หลังจากให้ผู้ช่วยเลขาเตรียมเอกสารสำหรับเซ็นอนุมัติทันทีหลังการประชุม แต่กว่าที่เขาจะได้ออกจากบริษัทก็เกินสามทุ่มมามากแล้ว ใครบางคนรอเขาอย่างอดทนอยู่หน้าห้องตั้งแต่ช่วงเย็น
นัยน์ตาสีดำขลับมองบรรยากาศความมืดด้านนอก เกลียดความมืดเหล่านั้นเหลือเกิน ชลาสินธุ์เกลียดความมืด เกลียดสิ่งที่มองไม่เห็น เกลียดความลับ อะไรก็ตามที่มีอยู่แต่ไม่ชัดเจนหรือถูกทำให้มืดดำขมุกขมัว เขาเกลียดมัน
เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะอาละวาดใส่ใครอีกแล้ว คงต้องเหลือไว้แต่ทางป้องกัน
ทำยังไงก็ได้ให้อดีตของณิชชา ไม่มาทำร้ายปัจจุบันที่ร่างเล็กนั่นจะร่วมสร้างไปกับเขา
ไม่อาละวาด
ใช่...เพราะมันต้องเงียบ และเด็ดขาด!!
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว