บทที่ 41 อย่าทำร้ายพี่อัค!
ณิชชาชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนนั่งหน้านิ่งอยู่ที่บ้านแล้ว หญิงสาวนึกไปถึงสีหน้าของป้าแม่บ้านที่ไม่ค่อยดีนัก ก่อนที่จะก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นนี้ ขณะที่เดินสวนกัน หญิงสูงวัยก็กระซิบกับเธอเบา ๆ ว่า มีอะไรให้พูดกันดี ๆ นั่นยิ่งทำให้ณิชชาขนลุก เสียวสันหลังจนมาถึงต้นคอ
“ไปไหนมา บอกแล้วว่าไม่ให้ไปไหนไม่ใช่หรือไง” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามขึ้น ทั้งที่สายตายังคงจับจ้องไปที่ซีรีส์ฆาตกรรมสืบสวนสอบสวนเรื่องดังที่ถูกเปิดทิ้งไว้
“แค่ออกไปเดินเล่นน่ะ” ณิชชาโกหกคำโตทั้งที่นึกตะหงิดใจอยู่แล้วว่า ชลาสินธุ์อาจจะรู้อะไรบางอย่าง
“แล้วสนุกมั้ย”
“ไม่หรอก มันไม่มีอะไรน่าสนใจ” ณิชชาอึกอัก
ความเงียบแผ่คลุมอากาศอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชลาสินธุ์จะถอนหายใจ
“มานั่งด้วยกันสิ กินข้าวมาแล้วไม่ใช่เหรอ”
ณิชชานึกอยากถามว่ารู้ได้ยังไงว่า เธอกินข้าวมาแล้ว แต่การที่ตนเองออกไปข้างนอกและกลับมาค่ำ ๆ ก็สามารถเข้าใจได้ว่าคงจะกินข้าวเย็นเรียบร้อยมาแล้วจึงไม่ได้ถามอะไรออกไป
ทันทีที่ทรุดตัวลงนั่งณิชชาก็ถูกแรงรั้งให้เข้าไปแนบชิดกับร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ มือหนาโอบไหล่เล็กเอาไว้ แล้วนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้น ตาก็มองตรงอยู่อย่างเดียว และแม้จะอึดอัดกับบรรยากาศที่เป็นอยู่แบบนี้ แต่ณิชชารู้ว่ามันดีกว่าให้ชลาสินธุ์สบตาที่โกหกไม่เป็นของตัวเธอเอง
วันนี้เป็นอีกวันที่อัครชัยมาที่คอนโดของณิชชา ทั้งคู่ตกลงจะมาเจอกันในช่วงเย็นหลังเลิกงาน อัครชัยสังเกตได้ถึงความลำบากใจบางอย่างในน้ำเสียงของคนตัวเล็กที่เคยเป็นแฟนของเขาและเชื่อว่า ไม่ว่าอะไรจะเคยเกิดขึ้นมาตลอดระยะเวลาสองปีที่เขาไม่อยู่กับณิชชา ณิชชาก็จะยังเป็นเป็นแฟนของเขาไม่เคยเปลี่ยน เพราะชายหนุ่มไม่เคยได้ยินเรื่องราวใด ๆเกี่ยวกับตัวณิชชาว่าเคยมีแฟนหรือคบหากับใคร ได้แต่เพียงรู้ว่า หญิงสาวทำงานอย่างหนักอยู่กับเจ้านายที่เข้มงวดจนเป็นที่เลื่องลือ แต่ก็มาพร้อมกับความสามารถที่เป็นที่กล่าวถึงไม่แพ้กัน
คิดอีกที แม้จะเป็นห่วงแต่อัครชัยก็พอใจที่ได้เห็นคนในปกครองของเขาได้ทำงานอยู่กับชลาสินธุ์ เพราะชื่อเสียงนั้นเองที่ทำให้อัครชัยยินดีที่จะให้ณิชชาเรียนรู้งานจากชายหนุ่มที่เป็นนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่คนนี้ด้วย
“พี่อัคคะ เรามาคุยกันสักหน่อยเถอะนะคะ”
“มีอะไรเหรอ”
“ณิชขอโทษค่ะ คือ ...” ณิชชาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ตื่นมาในตอนเช้าวันนี้ เธอรับโทรศัพท์สองสาย สายหนึ่งมาจากสาคเรศ ที่โทร.เข้าเครื่องพี่ชาย แต่เขาเป็นคนรับแทน เพราะงัวเงียพร้อมกับต้องตอบคำถามแบบเดิม ๆ ว่า ทำอย่างไรให้คนของเขารักตนเองคนเดียว แต่พอรู้ว่า
ชลาสินธุ์ยังไม่ตื่น เพราะเมื่อคืนเร่งสะสางงานจนเช้า สาคเรศก็ฝากฝังให้เธอช่วยดูแลชลาสินธุ์สักหน่อยณิชชานั่งทบทวนสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างตนกับชลาสินธุ์ แม้จะเริ่มต้นด้วยร้าย แต่เมื่อเธอได้รู้ต้นสายปลายเหตุว่าชลาสินธุ์ร้ายเพราะอะไร หญิงสาวก็ไม่ได้ติดใจอะไรอีก คำพูดของสาคเรศยังติดอยู่ในหัว
‘ผมไม่เคยเห็นหรือรู้สึกว่า คุณสินธุ์จะรักและใส่ใจใครได้มากเท่าคุณณิช คิดดูสิครับ ผมอยู่ตั้งไกล ตอนที่คุณณิชป่วย ยังโทร.มาถามผม ว่าจะดูแลคุณณิชได้ยังไง’ สาคเรศพูดติดตลก แต่ณิชชากลับคิดถึงคำพูดพวกนี้อย่างจริงจัง
กระทั่งช่วงสายก็มีโทรศัพท์อีกสายเข้ามาหาอีก คราวนี้มาที่เบอร์โทรศัพท์ของบริษัท
[ฉันยอมแพ้เธอแล้ว]
‘คะ? นี่ใครคะ?’
[จำเสียงฉันไม่ได้จริง ๆ เหรอ]
ณิชชานั่งทบทวนเพียงครู่เดียวก็ขนลุกซู่ ในโลกนี้สำหรับเธอมันไม่มีความลับอะไรที่จะเก็บไว้ได้เลยหรือไงกันนะ
‘คุณหญิงแสงอักษร’ ณิชชาตัวสั่นจนโทรศัพท์กระทบกับหูอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เสียงที่เปล่งออกไปนั้นอีกฝ่ายแทบไม่ได้ยิน
[ถ้าเธออยากได้ลูกชายของฉันนัก ฉันยอมแพ้ก็ได้] เสียงสตรีทุ้มต่ำลอดมาตามสาย
‘คือ...ฉัน...’ ณิชชาไม่รู้จะพูดอะไร หญิงสาวเดาไม่ถูกว่าสิ่งที่ ได้ยินเมื่อครู่นี้ เป็นเสียงของความเหนื่อยล้า ยอมแพ้หรือว่าโกรธกริ้วกันแน่
[แต่อย่างนึงที่เธอต้องรู้นะ] เสียงนั้นหยุดไปชั่วครู่ คล้ายจะเรียกร้องความสนใจจากคนฟัง
‘คะ?’
[อัคจะต้องมีหลานซึ่งเป็นสายเลือดของชนชั้นที่เหมาะสมกับเขาให้ฉัน]
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ณิชคิดว่า ณิชอาจจะไม่สามารถมาหาพี่อัคได้แบบนี้อีกแล้วค่ะ” ณิชชาพูด ไม่กล้าสบตาอัครชัย ความรู้สึกจุกแน่นไปหมด เพิ่งรู้ว่าการต้องปฏิเสธใครสักคนมันรู้สึกแย่อย่างนี้นี่เอง
“ทำไมล่ะ อะไรทำให้คิดแบบนั้น” เสียงของอัครชัยขรึมลง
“ณิชไม่อยากให้พี่เอาอนาคตมาไว้ที่คนอย่างณิช พี่จะเหนื่อย แล้วก็ลำบากใจ”
“ณิชมีคนอื่นแล้วหรือเปล่า” อัครชัยลองถามเพื่อเดาทาง
“นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยค่ะ ที่ณิชตัดสินใจแบบนี้ก็เพราะพี่อัคเท่านั้น”
อัครชัยมองหน้าคนรักนิ่ง ๆ เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับณิชชา ได้แต่นึกสงสัยตั้งแต่น้ำเสียงที่โทร.ไปนัดเมื่อช่วงสาย ๆ เท่านั้น ตอนนั้นน้ำเสียงของณิชชาแปลกไปมาก
“เกี่ยวกับแม่พี่มั้ย” อัครชัยถาม พลางนึกไปถึงบทสนทนาเมื่อคืนของเขากับแม่ ที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลหลังจากที่เป็นลมหมดสติ ซึ่งเขาเชื่อหมดใจว่า แม่แกล้งทำ
‘ก่อนหน้านี้แม่ได้เจอณิชเหรอครับ แม่ทำร้ายน้องหรือเปล่า’ อัครชัยถามแม่ที่นอนอยู่บนเตียงคนป่วย
‘ฉันตั้งใจจะทำ แต่ยังไม่ได้ทำ’ คุณหญิงแสงอักษรถอนหายใจ ‘แม่ทำใจไม่ได้หรอกนะอัค แม่มีอัคคนเดียวนะ ลูกต้องให้เวลาแม่ได้ทำใจบ้าง’ หญิงสูงวัยพูด ให้เหตุผลและขอความเห็นใจ ถึงแม้ว่าลูกชายจะทำตามสัญญาและมีสิทธิ์กลับมาหาคนรักของตนเองแล้ว
‘ครับผมก็มีแม่คนเดียว ผมรักแม่อย่างแม่เพียงคนเดียว และผมก็รักณิชอย่างคนรักเพียงคนเดียวด้วย’ น้ำเสียงอัครชัยมั่นคงมาก
‘แม่รักลูกนะ’
หลังจากนั้นคุณหญิงแสงอักษรก็ปฏิเสธที่จะสนทนากับลูกอีก เอาแต่ร้องไห้อย่างหนัก จนพยาบาลเกรงว่าอาการจะหนักมากขึ้น จนต้องเชิญให้อัครชัยออกจากห้องคนป่วยไปก่อน
“ที่คุณหญิงพูดก็เข้าใจในตรรกะได้นะคะ ตระกูลพี่ทั้งใหญ่และเก่าแก่ มีศักดิ์มีศรีมาก จะให้คุณหญิงทิ้งไป หรือเห็นว่ามันจบลงไปต่อหน้าต่อตา เพราะมาเปื้อนเลือดคนอย่างณิช คุณหญิงก็คงรู้สึกไม่ดีนักหรอก แล้วพี่ก็เป็นทายาทที่เหลือเพียงคนเดียวของตระกูลแล้ว” ณิชชาพูด
อัครชัยกำหมัดแน่น “เกี่ยวกับแม่พี่จริง ๆ สินะ”
“พี่ต้องทำหน้าที่ของลูกนะคะ”
“แล้วตัวพี่เองไม่มีจิตใจหรือไงณิช ไหนตอบพี่สิ พี่ต้องทำยังไงพี่ถึงจะได้อยู่กับคนที่พี่รัก แล้วในขณะที่พี่ทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน ณิชทำอะไร ณิชกลับผลักไสพี่แบบนี้เหรอ นี่เหรอคือสิ่งที่ณิชตอบแทนพี่” อัครชัยกระชากเสียง ใจของเขารวดร้าวจนเจ็บไปหมด
ณิชชาก้มหน้าไม่กล้าสบตา
“มองหน้าพี่สิณิช” อัครชัยเชยคางคนที่เอาแต่หลบสายตา ให้หันมามองตน “มองหน้าพี่แล้วบอกออกมาว่า ยังรักพี่และพร้อมที่จะเป็นคนรักของพี่อยู่หรือเปล่า”
“พี่อัค” เสียงครางแผ่วออกมาจากปาก สายตาทั้งคู่ส่งความรักถึงกันโดยไม่ต้องเอ่ยปาก ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา นอกจากเสียงแหบห้าวที่ประตูที่จู่ ๆ ก็เปิดผลัวะออกมา
“ตอบคำถามเขาไปสิณิช”
สายตาคมมองมาที่คนทั้งคู่อย่างหมายเอาชีวิต มันเป็นสายตาที่โกรธจัดแต่ก็แฝงไว้ด้วยความทนทุกข์ทรมาน ชลาสินธุ์ได้ยินคำพูดของทั้งคู่เกือบจะทั้งหมด รู้ว่าแม้ณิชชาจะไม่ได้เลือกคนรักเก่า แต่นั่นไม่ใช่เพราะมีคนรักใหม่แล้ว แต่เป็นเพราะความห่วงใย ห่วงหาที่ยังมีต่ออัครชัย
หัวใจของชลาสินธุ์เหมือนถูกกรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งลึกลงไปที่แผลเดิม แล้วยังตวัดไปสร้างแผลใหม่ให้อีก ตอนนี้หัวใจของเขาไม่มีชิ้นดีเหลือแล้ว มือใหญ่ยกมือลูบหน้าตัวเองช้า ๆ คล้ายจะปัดกวาดความเศร้าให้หายไป
“ถ้าเธอไม่ตอบเขาไปตอนนี้ เธอจะไม่มีโอกาสได้ตอบอะไรอีกนะ” เสียงต่ำที่เริ่มฉายแววกรุ่นโกรธมากกว่าความเศร้าพูดขึ้น สวนทางกับความกลัวของณิชชาที่เหมือนจะรู้ว่า เหตุการณ์ต่อไปจากนี้จะเป็นอย่างไร
“คุณสินธุ์ ฉัน...”
ยังไม่ทันที่ณิชชาจะได้พูดจบ ชลาสินธุ์ก็เบี่ยงตัวหลบจากหน้าประตู ชายร่างกำยำสูงใหญ่สี่คนซึ่งสามในสี่เป็นคนที่ณิชชาจำได้แม่นยำเพราะเป็นคนที่เคยทำร้ายชินวุฒิและมารับคำสั่งเจ้านายอยู่บ่อย ๆ เดินเข้ามาในบ้าน
...แล้วเดินตรงไปที่อัครชัย
“คุณจะทำอะไรพี่อัค อย่าทำนะ! ทำไม่ได้นะ!” ณิชชากรีดร้อง โถมตัวเข้าหาชายทั้งสี่ที่แบ่งหน้าที่กันทำงานอย่างเงียบเชียบ
งานของพวกเขา คือจับอัครชัยขึงเอาไว้สองคน ส่วนที่เหลือก็เริ่มบรรเลงเพลงหมัด เท้า เข่า ศอก เข้าไปที่ลำตัวของเขาที่ถูกใช้ไม่ต่างจากกระสอบทราย
“ฮึก...อึก...อะ...” อัครชัยไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากเสียงของความเจ็บปวดที่เล็ดลอดออกมา
ชลาสินธุ์เข้ามากระชากคนตัวเล็ก เขาตรึงแขนเล็กไว้ในมือทั้งสองข้าง แล้วหันหน้าให้ณิชชาได้เห็นภาพของอัครชัยที่กำลังถูกทำร้ายอย่างชัดเจน
“ทำไม่ได้เหรอ ใครบอกเธอล่ะว่า ฉันทำไม่ได้” ชลาสินธุ์หัวเราะในลำคออย่างเหี้ยมโหด “ถ้าเธอคิดว่าฉันทำแบบนี้ไม่ได้ แล้วฉันควรทำอะไรดีล่ะ เป่าสมองมันเลยดีมั้ย”
ณิชชาน้ำตาไหลพราก พยายามดิ้นรนให้ตัวเองหลุดออกจากพันธนาการมือทั้งสองข้างของชลาสินธุ์
“พี่อัค” เสียงสะอึกสะอื้นเรียกคนรัก ดังสลับกับการกรีดร้องอย่างโหยไห้ เมื่อได้เห็นหมัดหนัก ๆ กระแทกเข้าที่ใบหน้าของคนรัก ตามด้วยเข่าที่กระแทกเข้ามาช่วงลำตัวพอดี
อัครชัยไม่มีโอกาสป้องกันตัวเองเลยสักนิด มือสองข้างของกระสอบทรายถูกรั้งไว้ด้วยคนสองคน เขาจุก เจ็บ จนพูดไม่ออก ที่โหนกแก้มแตก มีเลือดซึม ส่วนดวงตาก็แดงก่ำเพราะมีเลือดคลั่งอยู่เต็มไปหมด
พวกมันทั้งสี่ดำเนินการซ้อมมวยหนักหน่วงท่ามกลางความเงียบอย่างไม่น่าเชื่อ ชลาสินธุ์ก็เฝ้ามองการกระทำตามคำสั่งของตัวเอง ไปอย่างเงียบ ๆ เช่นกัน หมัดหนัก ๆ ยังคงประเคนใส่ทั่วใบหน้าและลำตัว ไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด และเมื่อใดที่อัครชัยทำท่าจะฮึดสู้ก็ต้องถูกตรึงเป็นเป้านิ่ง และกระแทกหมัดแรง ๆ ขึ้นไปอีก
“พี่อัค พอแล้ว อย่า...พอ” ณิชชาร้องโหยไห้ แต่ไม่มีใครมองเห็นเลย “คุณ คุณอย่าทำอะไรพี่อัคเลยนะ ฉันจะไม่ยุ่งกับพี่อัคแล้ว ฉันจะไม่ยุ่งกับเขาแล้ว อย่าทำอะไรเขาเลย” ณิชชาร้องบอกแทบไม่เป็นภาษา น้ำตานองหน้า หญิงสาวพยายามหันกลับมามองคนที่ตรึงตัวเองเข้าไว้ ก็พบว่า ชลาสินธุ์เอาแต่ยืนจ้องการแสดงของสี่คนกับอีกหนึ่งเหยื่อโดยไม่ละสายตาไปไหน และไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเธอสักนิด
ณิชชาร้องไห้โฮออกมาอีกครั้ง ทั้งเสียใจที่ไม่สามารถช่วยอัครชัยได้ และยังทั้งเสียใจและน้อยใจที่ชลาสินธุ์ไม่ได้หันมามองตนแม้สักนิด ร่างบางจะไม่ไปไหนแล้ว จะอยู่กับชลาสินธุ์เท่านั้น แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นการกระทำอันโหดร้ายเหมือนเก่า อัครชัยไม่ควรโดนทำร้ายเช่นนี้ เขาเป็นคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลยด้วยซ้ำ
“อย่าทำเขา อย่าทำ” ณิชชาร้องตะโกนผ่านเสียงสะอื้น ใจแทบขาด แต่ดิ้นรนอย่างไร มือที่แข็งราวกับเหล็กที่รัดต้นแขนเอาไว้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย
ทำไมต้องเป็นอัครชัยที่ถูกชายคนนี้กระทำ ให้เป็นตัวเธอเองเหมือนเดิมยังจะดีซะกว่า
เลือดสดเปรอะเปื้อนอยู่เต็มใบหน้าของอัครชัย จำนวนเลือดที่มากขึ้นเป็นสัดส่วนผกผันกับสติของเขาที่เริ่มน้อยลงทุกที
“ณะ...ณิช อย่าทำ...อย่าทำอะไรณิช” เสียงพูดขอครั้งสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะดับมืดลง
ในที่สุดอัครชัยก็ล้มลง...ร่างทั้งร่างแนบกับพื้น...แน่นิ่ง
ชลาสินธุ์คลายมือตัวเองที่จับแขนเล็กเอาไว้ ณิชชาเป็นอิสระ แต่สิ่งที่ร่างเล็กทำได้ก็เพียงทรุดลงไปกับพื้นข้าง ๆ อัครชัยนั่นเอง
“พี่อัค!” ณิชชาร้องลั่น พยายามเข้าไปเขย่าตัวอัครชัย แต่ไม่มีทีท่าว่าอีกคนจะฟื้นขึ้นมา ลมหายใจแผ่วยิ่งทำให้ใจของณิชชาแทบสลาย “พี่อัคตื่น พี่อัค” เสียงเรียกสะอึกสะอื้นยังดังอย่างต่อเนื่อง พยายามยกศีรษะของอัครชัยให้นอนอยู่บนตักของตน
ชายสี่คนออกจากห้องของเธอไปแล้ว เหลือไว้ก็เพียงคนที่ทำตัวประดุจเจ้าชีวิตของทั้งอัครชัยและณิชชาเท่านั้นที่ยังยืนนิ่งเฉย
แต่ไม่นานเลย เขาปล่อยให้คู่รักร่ำลากันไม่นาน ก็ลงมือกระชากร่างบางให้ตามเขาออกมา ศีรษะของอัครชัยที่อยู่บนตักของณิชชาตกลงกระทบพื้นอย่างแรง แต่ไม่เลยสักนิดที่ชลาสินธุ์จะใส่ใจ
“ปล่อยฉันนะ ฉันไม่ไปกับคุณ ไอ้คนเลว ไอ้คนชั่ว ปล่อย ปล่อยสิไอ้เลว” ณิชชาด่าทอ ระหว่างที่ถูกกระชากลากจูง ผู้คนห้องข้าง ๆ ออกมามองบ้าง แต่ไม่มีใครนึกอยากจะเอาตัวเข้ามาเสี่ยง เพราะชายทั้งสี่ที่เพิ่งออกจากห้องไปก็ยังคงยืนอยู่แถวนั้น และมองปราดเดียวก็รู้ว่าพวกเขา อาวุธครบมือ!
“ถ้ายังไม่เลิกโวยวาย ฉันจะเอาเธอต่อหน้าทุกคนตรงนี้”
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว