บทที่ 45 คิดถึง
บรรยากาศภายนอกของสวรรยารีสอร์ต ท่ามกลางชนบทแห่งนี้ดูร่มเย็นสบายตาจริง ๆ บริเวณโดยรอบถูกจัดให้เป็นสวนดอกไม้นานาพันธุ์สลับกับต้นไม้ใหญ่อีกหลายต้นที่ใช้ตัวเองเป็นเส้นแบ่งลานจอดรถด้วย ดังนั้นหากขับรถมาที่นี่คงไม่ต่างอะไรกับการจอดรถทิ้งไว้ในสวนที่มีสีสันของดอกไม้ละลานตา
ชลาสินธุ์มาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เช้า ก่อนที่ทุกคนในบ้านจะตื่นด้วยซ้ำ เขาพยายามออกมาให้ห่างจากใครบางคนที่ทำให้เขาปวดใจ แต่ดูเหมือนว่าไม่ว่าอยู่ที่ไหน ณิชชาก็ยังตามเขาไปทุกที่ คิดผิดเหลือเกินที่เลือกที่นี่เป็นที่รักษาใจตัวเอง ลืมคิดไปว่า ร่างเล็ก ๆ แบบนั้นแข็งแกร่งพอที่จะเป็นคู่หูของเขาในการพลิกสถานการณ์เลวร้ายที่เคยเกือบเอาเขาย่ำแย่ให้มีชีวิตอยู่อย่างดีไร้มลทินจนวันนี้
อยู่ตั้งแต่ยังเกลียดกันมาก...จนรัก...และรักมาก
ในตอนนี้ไม่มีคน ๆ นั้นอีกแล้วเขาปล่อยให้ณิชชาไปและมั่นใจว่าเจ้าของความรักเกือบทั้งหมดที่มีนั้นคงเลือกแล้วที่จะไม่กลับมาที่นี่
“พี่สินธุ์คะ” ชายหนุ่มสะดุ้ง หันมามองต้นเสียง แล้วก็ต้องยิ้มกว้าง ไม่มีใครรักเราเท่าครอบครัวจริง ๆ สินะ
“เรียกพี่ซะเสียงดังเลยกานต์ แล้วนี่มาได้ยังไงล่ะ รู้จากคุณนมหรือไง” เขาไม่ได้บอกคนในครอบครัวสักคนว่ามาอยู่ที่นี่ ได้แต่บอกคุณนมไว้ เผื่อว่าคนแก่จะเป็นห่วงเพราะก่อนหน้าที่จะมาที่นี่เขาเอาแต่กินเหล้าหัวราน้ำ
“กานต์เรียกตั้งหลายครั้งแล้วค่ะ แต่พี่สินธุ์ไม่ได้ยิน เลยต้องตะโกน และกานต์ไม่ได้รู้ว่าพี่สินธุ์มาที่นี่เพราะคุณนมค่ะ แต่รู้จากนายเรศน่ะก็เลยมาหา”
“นี่แสดงว่ารู้กันหมดแล้วสินะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ นึกว่าคุณนมจะเก็บความลับเก่งกว่านี้ซะอีกแต่จริง ๆ เขาก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้บอกใครนี่
“รู้หมดเลยค่ะ ขนาดน้องธารยังรู้เลย” หญิงสาวพูดถึงน้องคนเล็กที่กำลังจะเรียนจบและกลับมาเมืองไทยเร็ว ๆ นี้ “นายเรศน่ะฝากฝังพี่สินธุ์ไว้กับกานต์ ขอให้กานต์ดูแลพี่สินธุ์ให้ดี ๆ ส่วนน้องธารก็ร่ำ ๆ ว่าจะกลับมาเมืองไทยก่อนเรียนจบซะให้ได้” ธารากานต์รายงานละเอียดยิบ
“อย่าทำแบบนั้นเลย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้นสักหน่อย”
“ใหญ่สิคะ พี่สินธุ์ดูแลพวกเรามาตั้งนาน นี่คงเป็นคราวที่พวกเราจะต้องดูแลพี่สินธุ์บ้างแล้วละ” ธารากานต์ตอบและหมายความตามนั้น หญิงสาวเริ่มลงมือช่วยพี่ชายทำงานทันที และพยายามชวนคุยเรื่องอื่น ๆ ที่ทำให้คนปวดใจลืมเรื่องแย่ ๆ ไปซะ
ซึ่งการที่น้องสาวทำแบบนั้น ก็มีผลดีขึ้นอย่างทันตาเห็น เพราะ ธารากานต์ไม่เปิดโอกาสให้พี่ชายได้คิดนอกเรื่องเลยจริง ๆ เรียกว่าจี้ให้เขาทำงานจนไม่มีเวลาคิดอย่างอื่นเลย พอเห็นว่าว่างก็ให้ทำเรื่องใหม่ทันที
ชลาสินธุ์แทบจะลืมไปเลยว่าเขามาที่นี่เพราะต้องการพื้นที่และเวลาสำหรับรักษาแผลใจ
แต่เมื่อใดที่ถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวชลาสินธุ์มีอันต้องนึกถึงเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งซึ่งมีคนตัวเล็ก ๆ หอม ๆ นั่นอยู่ด้วยทุกครั้ง และทุกครั้งที่นึกได้ ส่วนลึกในใจก็จะบอกกับเขาว่าเหตุการณ์แบบนั้นคงไม่มีอีกแล้ว
‘ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ คุณหนูของนม’ คุณนมบอกหลังจากที่ต้องทนเห็นชลาสินธุ์กรอกเหล้าเข้าปากตัวเองไปค่อนคืน ด้วยแววตาเศร้าโศก หัวไหล่ของประธานบริษัทงองุ้ม ผมเผ้ารุงรัง หน้าแดงก่ำ เขาเอาแต่กระดกแก้วโดยไม่พูดไม่จาอะไรสักคำพานให้คนแก่เสียใจหนัก
‘ผมปล่อยเขาไปแล้วครับ ผมบอกให้เขาไปแล้ว ถึงเวลาที่ต้องเลือก เขาก็เลือกผมนะครับนม แต่เลือกเพราะว่า เขารักคนอื่น ถ้าเขาเลือกผม คนที่เขารักจะมีความสุข ผมไม่มีค่าเลยเหรอนม’ เสียงอ้อแอ้เอ่ยถาม
‘คุณหนูคะ ของทุกอย่างบนโลกนี้ ถ้าเป็นของเรา ยังไงก็เป็นของเรานะคะ ต่อให้หายไป ก็จะกลับมา แต่ถ้าไม่ใช่ ต่อให้เรายึดไว้แค่ไหน ก็ไม่มีวันใช่อยู่ดี’
‘ผมไม่รู้ว่า ผมจะทนได้ไหม’ ชลาสินธุ์พูดคล้ายคุยกับตัวเอง มือก็หมุนแก้วเหล้าไปมา
‘ทนได้สิคะ คนดีของนมต้องทนได้ จากนั้นก็มาให้นมเฆี่ยนซะดีๆ มีอย่างที่ไหนเอาคนไปทำรุมทำร้ายคนอื่นเขาแบบนั้น’ คนแก่เปลี่ยนเรื่อง
‘โธ่ นมครับ ผมผิดไปแล้ว” ส่งเสียงออดอ้อนทั้งที่น้ำตายังซึม
‘นมต้องลงโทษก่อนค่ะ ถึงจะสบายใจ เลี้ยงดูมา ไม่เคยสอนให้ร้ายขนาดนี้เลยนะคะ’ คุณนมแกล้งตีแขนชลาสินธุ์
เด็กตัวโตกอดคนที่เป็นเสมือนแม่เอาไว้แน่น ก่อนที่จะได้รับการอ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่นเป็นการตอบแทน
ชลาสินธุ์ยิ้มออกเมื่อนึกถึงคำพูดของคุณนม ในคืนวันที่เขาตัดสินใจให้อิสระกับณิชชา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ครอบครัวของเขามาถึงเร็วกว่าคนอื่นเสมอ ช่วยเหลือ ให้กำลังกาย กำลังใจก่อนคนอื่นเสมอ
ณิชชามาถึงโรงพยาบาลแต่เช้าตรู่ หญิงสาวรีบกินข้าว รีบกินยา และออกจะหวิวโหวงเล็กน้อยที่ไม่เห็นแม้แต่เงาของใครบางคนที่อยู่ในบ้านหลังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ณิชชาก็ทนไม่ได้สักนิดที่จะอยู่ที่นั่นอีกต่อไป บอกไม่ถูกว่า ทำไมถึงได้อยากเห็นหน้าเขานัก อย่างน้อยก็แค่อยากจะบอกลา แต่แล้วก็ต้องรีบตัดใจ ตอนนี้คนที่ต้องห่วงมากที่สุด คืออัครชัยต่างหาก
“มาแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” คนป่วยที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงเอ่ยทักทันที่ที่เห็นหน้า ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้
ณิชชาน้ำตาไหล เวลานับสัปดาห์แล้ว แต่ที่ใบหน้าของอัครชัยยังมีร่องรอยสีม่วงคล้ำเข้มติดอยู่ “มาให้พี่ดูใกล้ ๆ หน่อย” อัครชัยยกมือขึ้นสองข้างเหมือนผู้ใหญ่รอให้เด็กวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดซึ่งณิชชาสนองการเรียกร้องนั้นทันทีด้วยน้ำตาไหลริน“พี่อัค ณิชต้องถามพี่อัคต่างหากว่าพี่เป็นยังไงบ้าง หายเจ็บหรือยังคะ” ณิชชาพูดไปร้องไห้ไป เป็นห่วงเหลือเกิน แก้มนวลแนบอยู่ตรงอก กลิ่นคนป่วยลอยวนติดจมูก
อัครชัยกอดตอบคนในอ้อมแขน
“หายแล้ว ได้เห็นหน้าณิช พี่ก็หายเจ็บแล้ว แต่จะอาการแย่ลงก็ตรงที่ณิชเอาแต่ร้องไห้นี่แหละ พี่ใจไม่ดีเลย อย่าร้องไห้นะ กลายเป็นเด็กขี้แยไปตั้งแต่เมื่อไร” อัครชัยตอบ หัวเราะเบา ๆ หวังจะให้คนในอ้อมกอดคลายกังวล แรกทีเดียวเขาเป็นห่วงณิชชามาก กลัวจะโดนทำร้าย เพราะดูจากที่เอาคนมาทำร้ายเขาได้แบบนั้น ใจร้ายใจดำเหลือเกิน ก็ยิ่งรู้สึก
เป็นห่วง แต่เมื่อเห็นว่าณิชชาปลอดภัยก็หายห่วงไปได้ โดยไม่ได้ระแคะระคายสักนิดเลยว่า ก่อนที่จะมาหาเขานั้น ณิชชาต้องทุกข์ต้องทนอย่างไรบ้าง“คุณหมอว่ายังไงบ้างคะ ทำไมเป็นสัปดาห์แล้ว พี่ยังไม่ได้กลับบ้านอีก”
“พรุ่งนี้จ้ะ พรุ่งนี้พี่จะได้กลับบ้าน ณิชไปอยู่กับพี่นะ พี่จะไปอยู่ที่คอนโดน่ะ ให้คนจัดการเรื่องซื้อไว้แล้ว” อัครชัยบอก เขาซื้อคอนโดโดยวิธีการจิ้มลงในภาพที่ชอบที่สุดในอินเทอร์เน็ต แล้วให้เลขาของคุณแม่เป็นคนจัดการซื้อให้ โดยไม่ลืมกำชับว่าห้ามบอกใครเด็ดขาด ทั้งเรื่องที่เขาเข้าโรงพยาบาลและเรื่องซื้อคอนโดแห่งใหม่นี้
ณิชชาพยักหน้ารับ หญิงสาวเองก็อับอายเกินกว่าจะไปอยู่ที่คอนโดของตน เพราะระยะหลังมีเรื่องเกิดขึ้นมากเหลือเกิน แล้วก็พลันนึกถึงคนที่ก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมาทุกครั้ง น้ำตายิ่งไหลลงมาอีก
ไม่อยากจะยอมรับเลยว่า ลืมคนที่ทำให้ตัวเองเจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจคนนั้นไม่ได้ซะแล้ว
อัครชัยมองคนในอ้อมแขนที่พยายามใช้แผ่นอกของตนหลบสายตา กิริยาท่าทางของเจ้านายและเลขาในวันที่เขาถูกซ้อม มันสร้างความสงสัยให้กับเขาหลายอย่าง สาเหตุที่เขาถูกทำร้ายนั่นก็ยิ่งทำให้ต้องคิด เขาเองไม่เคยรู้จักกับชลาสินธุ์เป็นการส่วนตัวมาก่อน จึงไม่น่าจะมีเรื่องไม่พอใจกันเป็นการส่วนตัวได้ สิ่งเดียวที่พวกเขามีเหมือน ๆ กันก็คือ...ณิชชา
เขามีความรักให้ณิชชา แล้วระหว่างชลาสินธุ์กับณิชชามีอะไรต่อกัน?
เวลาล่วงไปเป็นสัปดาห์แล้วที่ณิชชามาอาศัยอยู่ที่คอนโดหลังใหม่แต่ไม่ใช่คอนโดสุดหรูที่อัครชัยซื้อเข้าไว้ หากแต่เป็นคอนโดเล็ก ๆ ของตนเอง ณิชชาพอมีเงินเก็บอยู่บ้างจากการทำงานช่วงที่ผ่านมา หญิงสาวนำมันมาดาวน์คอนโดส่วนหนึ่ง และตั้งใจว่าจะทำงานผ่อนมัน ทั้งที่ตอนนี้ก็ไม่ได้ไปทำงานที่ไหนแล้ว อัครชัยออกจะไม่เข้าใจความคิดของคนรักสักเท่าไร
“ณิชโตแล้วนะคะ ไม่อยากพึ่งพาใครอีกแล้ว” นั่นเป็นเหตุผลที่
ณิชชาบอกเมื่ออัครชัยถามถึงสาเหตุที่ณิชชาไม่ยอมไปอยู่กับตน“ก็เพราะโตแล้วไง ถึงย้ายเข้าไปอยู่บ้านแฟนได้แล้ว” อัครชัยตอบกลับไป แต่ณิชชากลับมองหน้าเขานิ่งก่อนจะตอบในสิ่งที่เขาไม่สามารถหาอะไรมาทักท้วงได้
“ณิชอยากได้ความภูมิใจในตนเองบ้าง ณิชเกิดมาแบบไม่มีอะไร การสร้างทรัพย์สมบัติสักชิ้นด้วยตัวเองได้มันทำให้เราภูมิใจเอามาก ๆ เลยนะคะ”
อัครชัยบรรจงหอมหน้าผากคนเก่งของเขา ก่อนจะเป็นฝ่ายขอย้ายเข้ามาชื่นชมคอนโดของณิชชาซะเอง
“ทำอะไรทานคะวันนี้” ณิชชาถามเมื่อเห็นว่าคนตัวใหญ่ยืนหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่ตรงเตาแก๊ส หลังจากที่ตนเองกลับจากการหางานทำ เพราะคงกลับไปทำงานที่บริษัทเดิมไม่ได้อีกแล้ว จะไปให้ทรมานกันอีกทั้งสองฝ่ายเพื่ออะไร
“วันนี้พี่ว่าพี่จะไม่ทำนะ”
“อ้าว แล้ว?” หญิงสาวกวาดตามองไปยังวัตถุดิบมากมายในครัวที่กองอยู่ข้าง ๆ อัครชัย
“เพราะว่า วันนี้ณิชจะเป็นคนทำให้พี่ทานไงล่ะ”
ณิชชาชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ ระยะหลังเธอมีหน้าที่ออกความคิดเห็นว่าจะกินอะไรเท่านั้น บางครั้งแม่บ้านก็จัดให้ บางครั้งประธานบริษัทคนนั้นก็ลงมือพับเสื้อเชิ้ตสนนราคาเหยียบหมื่นแล้วทำกับข้าวให้เธอกินด้วยตนเอง แล้วน้ำตากลุ่มใหญ่ตีตื้นขึ้นมาที่หน้าอกและพร้อมจะออกที่ตาอีกครั้ง
“ณิชไม่ทำได้ไหมคะ” ณิชชาพูดได้แค่นั้นก็เดินเข้าห้องน้ำไป
หญิงสาวเปิดน้ำที่อ่างล้างหน้าอย่างแรงหวังจะให้มันกลับเสียงสะอื้น มือก็ยกขึ้นปิดปากเอาไว้แน่น...คิดถึงเหลือเกิน...
น้ำตาแห่งความคิดถึง และความเจ็บปวดไหลออกมาทุกวัน โดยไม่มีใครได้เห็น ความเป็นไปได้ที่จะกลับไปเป็นแบบเดิมมันน้อยเหลือเกิน เธอไม่อาจจะเห็นแก่ตัว โดยการทิ้งให้อัครชัยต้องอยู่คนเดียวได้อีกแล้ว ได้แต่หวังลึก ๆ ว่า ชลาสินธุ์จะดีขึ้นในไม่ช้า
ชลาสินธุ์มีผู้คนรายล้อมรอบตัวมากมายที่พร้อมจะดูแลเขา แต่
อัครชัยไม่มีใครเลยณิชชาตัดสินใจแล้ว และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับจิตใจของตนเอง ก็จะไม่ยอมเปลี่ยนใจเด็ดขาด
...ก็แค่ตัดใจจากเขาเท่านั้น ได้ใช่มั้ยณิช...หัวใจดวงน้อย ๆ เฝ้าถามตัวเอง
“ณิชเป็นอะไรหรือเปล่า ไปหาหมอมั้ย” เสียงเรียกด้านนอก พร้อมกับเคาะประตูห้องน้ำรัว ๆ ปลุกณิชชาให้ตื่นออกจากความคิดของตนเอง
“ไม่เป็นไรค่ะ ณิชแค่เวียนหัวนิดหน่อยน่ะ วันนี้เดินทั้งวันเลย” ณิชชาบอก จริง ๆ แล้วเธอไม่ได้เดินอะไรทั้งวัน เพราะเพียงแค่ได้เห็นชื่อของเธอ บริษัทที่เกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็แทบจะเคลียร์ตำแหน่งว่างเอาไว้รออยู่แล้ว ที่ไปวันนี้ก็แค่ไปคุยเรื่องการทำงานและวันเริ่มงานเท่านั้นเอง
ณิชชาเปิดประตูห้องน้ำออกมาหลังจากที่เช็ดน้ำตาเรียบร้อย แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน เบอร์โทรนั้นทำให้เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ในที่สุดก็ตัดสินใจกดรับ
“คุณณิชชา”
“เอ่อ...ค่ะ...คุณเรศมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“คุณไม่มาทำงานหลายวันแล้ว ผมเลยโทร.มาหาน่ะครับ” เสียงปลายสายไม่ได้บ่งบอกนักว่า คนพูดกำลังรู้สึกอะไร
“คือดิฉัน...เอ่อ...” ณิชชาเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงเล็ก ๆ
“ผมไม่รู้และไม่ขอรับรู้เรื่องเกี่ยวกับคุณกับพี่สินธุ์นะครับ นั่นเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ตอนนี้พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่กรุงเทพฯ คุณเองก็ไม่ได้เข้าไปทำงาน ในฐานะที่ผมเป็นหนึ่งในเจ้าของบริษัท ซึ่งตอนนี้ต้องรับหน้าที่ดูแลบริษัทนี้ด้วย และหนึ่งในเจ้านายของคุณ ผมสามารถพูดคุยกับคุณเรื่องงานได้ใช่มั้ยครับ”
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว