นับตั้งแต่วันที่นางได้เข้ามาอยู่ในโลกของนิยาย ฟู่เหยาเหยาก็ตั้งใจจะปฏิวัติเนื้อเรื่องใหม่ นางจะไม่เป็นนางเอกที่ถูกนางร้ายเช่น ฟู่ลี่อิ๋งรังแกทำร้ายเด็ดขาดไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อีกไม่นานตัวละครที่สำคัญก็จะทยอยโผล่หน้าออกมาให้นางเห็น
น่าเสียดาย!!
ตามเส้นเรื่องของนิยายเรื่องนี้ นางจะเป็นผู้ไปพบกับอ๋องน้อยบุตรชายที่เป็นแก้วตาดวงใจของเว่ยอ๋อง แต่กลายเป็นว่าสตรีนิสัยเสียผู้นั้นเป็นผู้ไปพบเขาเข้าเสียก่อน ร้อยวันพันปีนางไม่เคยได้ย่างก้าวออกจากบ้าน แต่ไฉนเลยวันนี้นางถึงได้ออกไป
“คุณหนูเจ้าคะ” หญิงรับใช้ของฟู่เหยาเหยาเข้ามารายงานในสิ่งที่ตนเองทราบ
“ได้ความว่าอย่างไรบ้าง”
“จริงอย่างที่คุณหนูคาดเดาเอาไว้ไม่ผิด คุณหนูใหญ่ได้ไปพบกับเว่ยอ๋องมาจริง ๆ บุรุษที่พูดคุยกับท่านโหวเมื่อตอนก่อนฟ้ามืดก็เป็นองครักษ์ของเขาเจ้าค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนเล่า
“ถึงว่า ข้าถึงไม่เห็นเว่ยอ๋อง” ฟู่เหยาเหยารู้สึกอารมณ์เสีย นี่เป็นครั้งแรกที่การคาดเดาของนางผิดพลาด
อุตส่าห์ตั้งใจจะออกไปพบกับเว่ยเจิ้งหยาง ตั้งใจจะทำให้เขาประทับใจ แต่กลายเป็นว่าบุรุษผู้นั้นได้ไปพบกับสตรีเช่นนาง น่าหงุดหงิดเป็นที่สุด
“บ่าวยังได้ยินมาอีกว่า คุณหนูใหญ่เกือบถูกจับไปขายที่หอนางโลม โชคดีที่เว่ยอ๋องไปช่วยเอาไว้ทัน”
“หอนางโลม พวกหอโคมเขียวที่เอาสตรีไปค้ากามอะไรพวกนั้นนะหรือ” ฟู่เหยาเหยาถามให้แน่ชัด
“ใช่เจ้าค่ะ สตรีที่อยู่ที่นั่นต่อให้ลงไปล้างตัวในแม่น้ำฮวงโหก็ยากจะได้กลับคืนฐานะเดิม น่าเสียดายชะมัดที่ นางผู้หญิงใจร้ายเช่นคุณหนูใหญ่ไม่ได้ไปลงเอยที่นั่น” เสี่ยวเชี่ยนนึกเสียดาย
ก่อนหน้านี้นางถูกสตรีผู้นั้นทุบตี เพียงแค่เพราะทำน้ำชาหกใส่ชุดผ้าไหมราคาแพง โชคดีที่ได้คุณหนูรองมาช่วยเหลือไม่เช่นนั้นนางคงตายคากระบองลงโทษ
ที่ฟู่เหยาเหยาช่วยเหลือบ่าวรับใช้ผู้นี้ไม่ใช่เพราะสงสาร แต่เพราะต้องการใช้บุญคุณของตนเอง สั่งให้นางทำงานทุกอย่างที่นางลงมือเองไม่ได้ ขอแค่เพียงนามยอมทำงานถวายหัวให้กับตน โยนเศษเนื้อให้นิดหน่อยพวกสุนัขก็จำไม่ลืม
ในโลกอดีตนางคือดาราสาวเจ้าของรางวัลนักแสดงนำหญิง เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของผู้คน แต่เพราะเกิดอุบัติเหตุในกองถ่ายทำให้วิญญาณของนางทะลุมิติเข้ามาในบทละครที่ตัวเองเล่นเป็นนางเอก นางจะไม่เป็นฟู่เหยาเหยา ๆ ที่เป็นดั่งดอกบัวขาวรอพระเอกมาพบเจอ
สำหรับนางเอกอันดับหนึ่งเช่นนาง ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องยาก เพราะก่อนหน้านี้ฟู่เหยาเหยาศึกษาเนื้อหาบทละครเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี
นางจะไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกรังแกอยู่ผู้เดียวแน่นอน เป้าหมายหลักของนางในเวลานี้คือการเอาคืน ฟู่ลี่อิ๋งให้สาสมที่สุด สตรีชั่วช้าผู้นั้นคือต้นกำเนิดเรื่องราวร้ายกาจที่ผ่านมาทั้งหมด
อันดับแรกนั่นก็คือทำให้ความน่าเชื่อถือของสตรีผู้นั้นลดลงไปเรื่อย ๆ ทำให้ผู้คนล้วนแล้วแต่เอือมระอาเมินหน้าหนี ทำให้นางกลายเป็นสตรีที่ถูกผู้คนรังเกียจที่สุดในแผ่นดิน
“เสี่ยวเชี่ยน เมื่อครู่เจ้าบอกว่านางเกือบจะถูกจับไปขายที่หอนางโลมนางโลมใช่หรือไม่” ฟู่เหยาเหยาถามสาวใช้
“ใช่เจ้าค่ะ”
ร่างเล็กแบบบางในชุดโปร่งบางกำลังครุ่นคิด
“แล้วเจ้ายังรังเกียจนางอยู่อีกหรือไม่”
“แน่นอนเจ้าค่ะ บ่าวรังเกียจสตรีผู้นั้น”
ฟู่เหยาเหยายิ้มมุมปากร้ายกาจ ก่อนจะกระซิบเบา ๆ กับบ่าวรับใช้คนสนิท
------------------------
ในปีที่ฟู่เหยาเหยาอายุ 6 ขวบ
ร่างเล็กลืมตาตื่นขึ้นมาในกระท่อมหลังเล็ก ๆ อากาศหนาวเหน็บหลังคาเป็นรูโหว่ แทบจะปกปิดคุ้มกันอะไรไม่ได้ ความสับสน ความไม่เข้าใจแผ่ซ่านอยู่เต็มอุรา
“เหยาเหยาลูกแม่ เจ้ายังไม่ตาย” ผู้เป็นมารดากอดประคองร่างเล็กของบุตรสาวเอาไว้แน่น
“แม่!!” สตรีผู้นี้เรียกนางว่าลูก
“ใช่แล้ว แม่เองลูก” นางกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้นคาดหวังให้ร่างกายของตนช่วยสร้างความอบอุ่นให้แก่นาง
นั่นเป็นวันแรกที่ฟู่เหยาเหยาทะลุมิติเข้ามาในโลกนี้ กว่าจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็ใช้เวลาเป็นปี กว่าจะตัดสินใจเปลี่ยนชะตาชีวิตก็ใช้เวลาทำความเข้าใจเรื่องราวอยู่นานพอดู
เมื่อเข้าใจเรื่องทุกอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง นางจึงขอให้มารดาพากลับจวนโหว นางให้มารดาเล่าความจริงทุกอย่างให้ท่านโหวฟัง เพราะความผิดพลาดในวัยหนุ่มสาวทำให้มีนางกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ นางเป็นคุณหนูสูงศักดิ์เหตุใดจะต้องจมปลักอยู่ในสถานที่แห่งนี้ด้วย
เพราะรังเกียจความยากแค้น นางจึงบังคับให้มารดาแบกหน้าไปร้องของความเห็นใจจากบิดา เขาจะต้องรู้ว่ามีนางอยู่บนโลกใบนี้ ชะตากรรมของนางเอกผู้เป็นดั่งบัวขาวจะต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล
วันที่ก้าวขาเข้าไปอยู่ในจวนโหว นางเห็นสายตาของฟู่ลี่อิ๋งเต็มความรังเกียจเดียดฉันท์ อุตส่าห์ตั้งใจจะเข้าไปอยู่กันแบบพี่น้อง แต่กลายเป็นว่าสตรีผู้นั้นเปิดศึกตั้งแต่วันแรกที่นางเหยียบเข้าบ้าน
“ข้าไม่ยอม ท่านพ่อแค่ต้องเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านเท่านั้น” ฟู่ลี่อิ๋งวัยเด็กกระทืบเท้าเสียใจ นางหันไปมองหน้ามารดา แต่กระนั้นฮูหยินใหญ่ของบ้านกลับนิ่งเฉยไม่เอ่ยอะไรกับเรื่องนี้ทั้งสิ้น
“อิ๋งอิ๋งเจ้าเข้าใจพ่อหน่อยเถิด อย่างไรนางก็เป็นน้องสาวเจ้า” ฟู่ซิ่งพยายามอธิบายให้บุตรสาวเข้าใจ
“ท่านพ่อต้องมีแค่ข้ากับพี่ใหญ่เป็นลูกแค่นั้น คนอื่นข้าไม่นับ ข้าไม่นับ พี่น้องของข้าต้องมาจากท่านแม่ของข้าเท่านั้น” เด็กหญิงร้องไห้ปาดน้ำตา
ฟู่เหยาเหยาและมารดายืนมองเหตุการณ์ทุกอย่างแบบเงียบ ๆ ไม่ได้เอ่ยอะไร
“อิ๋งอิ๋ง ทำตัวมีเหตุผลหน่อยได้ไหม” ฟู่ซิ่งขึ้นเสียงดังใส่นาง
“ท่านพ่อขึ้นเสียงใส่ข้า ท่านพ่อพาอนุภรรยาเข้าบ้าน นอกใจท่านแม่ ไปมีนางเด็กน่ารังเกียจนั่น ข้าเกลียดท่าน ท่านพ่อ ข้าเกลียดท่าน” ไม่รอให้ใครได้ตั้งตัวฟู่ลี่อิ๋งน้อยก็วิ่งเข้าไปผลักสองแม่ลูกจนล้มคว่ำ
ฟู่เหยาเหยาที่ไม่ทันได้ตั้งตัวล้มหัวกระแทกกับกระถางต้นไม้เป็นแผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่
“อิ๋งอิ๋งมันจะมากเกินไปแล้วนะ” ด้วยอารมณ์แห่งความโกรธผู้เป็นบิดาจึงพลั้งมือตบหน้านางไปหนึ่งที
“ท่านโหว ท่านตบหน้าอิ๋งอิ๋ง” ฮูหยินใหญ่เข้ามากอดบุตรสาวเอาไว้
“ท่านพ่อตบข้า” เด็กหญิงยกมือขึ้นสัมผัสพวกแก้มข้างที่ถูกบิดาตบหยาดน้ำตาไหลพราก “ข้าจะจำวันนี้เอาไว้ ข้าเกลียดพวกนางสองแม่ลูก ข้าจะเกลียดพวกนางไปตลอดชีวิตหากข้าตายกลายไปเป็นผีก็จะตามไปรังควานนางในปรโลก”
มีเพียงสิ่งเดียวที่เยี่ยเทียนรู้สึกติดค้างในใจมาโดยตลอด นั่นก็คือพระขนิษฐาร่วมพระมารดาจู่ ๆ ก็ไปหลงรักบุรุษแคว้นเว่ย จนกระทั่งถูกไท่ซ่างหวงปลดออกจากฐานันดรศักดิ์ ได้ยินว่าในภายหลังนางปลิดชีวิตของตนเองเพราะเสียใจจากสิ่งที่ฟู่ซิ่งผู้เป็นสามีของนางกระทำเอาไว้ตอนนั้นเขาเป็นเพียงไท่จื่อแห่งแคว้นเยี่ยมิได้มีอำนาจในราชสำนักมากมาย พยายามทูลขอร้องไท่ซ่างหวง ให้ขอตัวหลานชายและหลานสาวกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านเกิดของพระมารดา แต่กระนั้นไท่ซ่างหวงก็ใจแข็งนักไม่ยินยอมให้อภัย ในเมื่อนางทิ้งฐานันดรศักดิ์ไปแล้วโอรสธิดาที่เกิดจากนางก็ยิ่งไม่นับเป็นเชื้อพระวงศ์อีกต่อไปโชคยังดีที่ตอนนั้นไท่ซ่างหวงอนุญาตให้เขามาร่วมอำลานางเป็นครั้งสุดท้าย ในตอนนั้นหากฟู่ซิ่งไม่รับปากว่าจะดูแลบุตรธิดาของพระขนิษฐาเขาเป็นอย่างดี ก็คงสังหารมันด้วยตนเอง พระราชนัดดาทั้งสององค์ในเวลานั้นก็ยังเล็กนัก ยังต้องมีต้นไม่ใหญ่เป็นที่พึ่งพิงเขาจึงยั้งมือไว้ชีวิตสายลับที่ตนส่งเข้าไปแทรกแซงในแคว้นนอกจากเรื่องทางการศึกแล้ว ยังมีข่าวคราวและความเป็นอยู่ของเด็กสองคนที
ป่านนี้นางน่าจะไปถึงเสิ่นหนานแล้ว เว่ยเจิ้งหยางให้คนตามไปอารักขาฟู่เหยาเหยาอยู่จำนวนหนึ่ง อย่างน้อยก็เป็นไมตรีจิตครั้งสุดท้ายของการเป็นสามีภรรยา ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตามทีเมื่อให้คนไปส่งแล้ว เว่ยเจิ้งหยางไม่ได้ใส่ใจในตัวนางอีก กระทั่งท้องฟ้าสว่างปลอดโปร่งไร้วี่แววของเมฆฝน คนที่เขาส่งไปจึงกลับมารายงานสีหน้าของตัวแทนองครักษ์ไม่ค่อยดีนัก ร่างสูงวางเอกสารในมือรับเพื่อฟังคำรายงาน“กระหม่อมสี่คนขออภัยโทษจากท่านอ๋องด้วย” ทั้งสี่คนคุกเข่าและพูดเกือบจะพร้อมกันการกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้เว่ยเจิ้งหยางรู้สึกใคร่รู้เรื่องราว“เกิดอะไรขึ้น” เขาถามเสียงเรียบ“ในคืนแรกที่พวกกระหม่อม ติดตามอดีตหวางเฟย เพื่อพาตัวนางไปส่งที่เสิ่นหนาน”“แล้วยังไงต่อ”“เป็นเพราะฝนตกหนักอยู่หลายวัน จึงจำเป็นต้องให้อดีตหวางเฟยแวะพักค้างคืน ณ โรงเตี๊ยมที่อยู่ระหว่างทางไปเสิ่นหนาน แต่ดูเหมือนว่า จะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ&r
ฝนตกหนักอยู่หลายวันกระทั่งท้องฟ้าแทบไม่ต่างอะไรจากยามกลางคืน ส่วนเช้าวันนี้ก็เพิ่งได้เห็นแสงของพระอาทิตย์สาดส่องลงสู่พื้นแผ่นดิน ฟู่ลี่อิ๋งเห็นว่าอากาศดีจึงลุกออกมาเดินเล่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่างดี โดยทิ้งบุรุษตัวโตนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงเสี่ยวหลงเมื่อเห็นเจ้านายตื่นนอน ก็เข้ามารับใช้นางตามปกติที่เคยทำ วันนี้ขันทีน้อยคล้ายกับมีเรื่องจะพูดแต่ก็พูดไม่ได้ ช่วงหลังนางเห็นว่าเขาชอบไปคลุกคลีอยู่ที่เรือนของท่านเหลียง ถ้านางไม่ตามเจ้าเด็กน้อยก็ไม่โผล่หน้ามาให้นางเห็น ตอนหลังจึงได้รู้ว่า เสี่ยวหลงชื่นชอบการตัดเย็บภูษาอาภรณ์เป็นอย่างมาก มักจะไปถามเคล็ดลับต่าง ๆ จากท่านเหลียงอยู่เป็นประจำ“มีเรื่องอะไรทำให้เจ้าทุกข์ใจงั้นหรือ” นางถามไถ่ขันทีน้อย“......” เสี่ยวหลงไม่ตอบได้แต่ก้มหน้างุด“ถ้าเจ้าไม่พูดข้าจะรู้หรือ” ฟู่ลี่อิ๋งนางไม่ใช่พระโพธิสัตว์หรือเทพเซียนที่จะรู้ความในใจของผู้อื่นได้“พูดแล้ว เสี่ยวหลงพูดแล้ว” เสี่ยวหลงยึกยัก สุดท้ายก็ยอมปริปาก &ldqu
ฟู่เหยาเหยาเก็บข้าวของออกจากจวนอ๋องไปแล้ว เว่ยเจิ้งหยางเองก็ไม่ได้ใส่ใจว่านางจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าหลายวันมานี้จะมีพายุฝนฟ้าคะนองครั้งใหญ่ เพราะหัวใจของเขาไม่ได้อยู่ที่นางมาตั้งแต่แรกที่มีให้ก็แค่เพียงความห่วงใยแบบที่ปุถุชนทั่วไปพึงกระทำ หย่ากันแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ก็เรื่องของนาง และถ้าเกิดว่าบุตรในท้องของนางเป็นบุตรของเขาจริง ๆ นางก็คงแจ้งความประสงค์ที่จะอยู่ที่นี่และให้เขารับผิดชอบมาตั้งแต่ต้นบ่าวรับใช้และนางกำนัลมีแค่เพียงเสียวเชี่ยนและสามี ที่เป็นผู้ติดตาม ได้ความว่านางไม่อยากเป็นจุดสนใจของผู้คน จึงได้เดินทางออกจากเมืองหลวงไปอย่างเรียบง่าย แต่กระนั้นเขาเองก็ยังไม่มั่นใจว่านางจะวางแผนอะไรไว้อีกหรือเปล่า จึงได้ส่งองครักษ์จำนวนหนึ่งตามอารักขาทางเลือกเดียวของนางในเวลานี้คือการกลับไปที่เสิ่นหนาน แต่เป็นเพราะพายุฝนที่ไม่ยอมหยุดเสียที ทำให้การเดินทางของนางค่อนข้างลำบาก เดิมทีใช้ระยะเวลาไม่เกิน 5 วัน เพราะทั้งสองเมืองอยู่ไม่ห่างจากกันเท่าไหร่ แต่ตอนนี้แม้กระทั่งวันเดี
เช้าแล้วแต่พายุฝนด้านนอกก็ยังคงโหมกระหน่ำ ท้องฟ้าด้านนอกจึงยังคงอึมครึมไร้แสงจากดวงตะวัน ความจริงเขาต้องลุกไปที่ค่ายทหารจัดการเรื่องสายลับจากแคว้นเยี่ย จากนั้นจึงจะเข้าวังไปประชุมในช่วงบ่าย แต่เพราะฝนตกหนักเกินไปและคาดว่าน่าจะตกตลอดทั้งวัน ทางวังจึงส่งคนไปแจ้งกับขุนนางทุกคนว่าประชุมบ่ายวันนี้ถูกยกเลิกลู่เหวินเองก็มาแจ้งข่าวนี้กับเจ้านายของตนเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงเลือกกลับมานอนกอดเจ้าตัวร้ายที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มแทน“ท่านไม่ไปทำงานหรือ” นางงัวเงีย“วันนี้ไม่ไป ดูท่าฝนจะตกตลอดทั้งวัน” เว่ยเจิ้งหยางจุมพิตหน้าผากกลมมน มือก็ลูบลงไปสัมผัสแผ่นหลังแบบบางของนาง ร่องรอยบาดแผลที่เกิดจากการถูกโบยในตอนนั้นยังคงหลงเหลืออยู่ “แผลพวกนี้ เกิดจากเหตุการณ์ครั้งนั้นใช่หรือไม่” ในขณะที่มือก็ลูบไล้แผ่นหลังของนางด้วยความเสน่หานางไม่ตอบแต่พยักหน้า“ให้ข้าจัดการบิดาเจ้าอย่างไรดี” เว่ยจงหมิงพอจะรู้มาบ้างว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง ตอนนั้นเขายังไม่ได้ใส่ใจต่อการม
เขาก้าวไม่กี่ก้าว ฟู่ลี่อิ๋งก็ถูกเอามาวางไว้ที่เตียง บุรุษตัวสูงหันซ้ายหันขวา มองหาหนังสือเล่มนั้นที่เขามอบให้นางเอาไว้“ท่านหาอะไรหรือ”“หนังสือเล่มที่ข้ามอบให้กับเจ้าเอาไว้”หญิงสาวขยับไปเข้าด้านในเตียง และหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาจากใต้หมอน เขาก็รู้อยู่ว่าหนังสือแบบนี้จะวางประเจิดประเจ้อให้ใครเห็นไม่ได้ คิดว่านางจะวางเอาไว้ที่โต๊ะอ่านหนังสือหรืออย่างไรกัน“เจ้าอ่านถึงหน้าไหนแล้วบ้าง มีติดขัดตรงไหนหรือไม่” เขาถามราวกับว่าหนังสือเล่มนั้นเป็นตำราเรียนที่ต้องมานั่งทบทวน“....” ฟู่ลี่อิ๋งพูดไม่ออก นางไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรเว่ยจงหมิงขยับไปนั่งที่หัวเตียงพร้อมกับลากนางมานั่งอ่านหนังสือด้วยกันเขาเปิดไปหน้าแรก เป็นภาพที่ชายหนุ่มกำลังกอดก่ายกับสตรี ถัดไปอีกภาพเป็นช่วงที่เขาก้มตัวลงไปกระตุ้นให้ภรรยาเข้าสู่ห้วงแห่งความเสน่หา“เขากระตุ้นร่างกายของนางแบบนี้ใช่หรือไม่” เว่ยจงหมิงใช้มือลูบไล้ผิวกายนวลผ่องของภรรยา ตั้งแต่ต้นคอหยอกล้อบีบเ