“นายจะไปไหนก็ไปได้เลยนะ วันนี้ฉันให้นายพัก” พิชชากล่าวอย่างอารมณ์ดี ภายในรถเบนซ์คันหรูที่จอดเทียบท่าอยู่ท่ามกลางลานจอดรถแห่งบริษัทใหญ่ใจกลางเมือง ลูกน้องหนุ่มเหลือบตามองเจ้านายสาวสวยจากกระจกหลังด้วยสายตาสงสัย
“อีกแล้วหรอครับ พักนี้คุณพิชชาจะใจดีเกินไปแล้วนะครับ” ทิวเอ่ยตอบอย่างข้องใจ “หรือไม่ชอบ” “ชอบสิครับ ชอบมากเลยด้วย ขอบคุณมากนะครับบอสคนสวย” ทิวรีบกล่าวตัด เผยยิ้มร่าออกมาก่อนที่เจ้านายสาวจะเปลี่ยนใจ พิชชานั้นกลับไม่ได้สนใจอะไรมาก เมื่อสิ่งที่เธอกำลังจะไปทำนั้นสำคัญยิ่งกว่าอะไร “ฉันไปหาเดนละ ต้องดำเนินภาระกิจใหญ่” หญิงสาวยิ้มแย้ม สะพายกระเป๋าแบรนด์ชาแนลสีครีมอ่อนออกเรียบแต่หรูไว้ฝั่งแขนด้านซ้าย ก่อนจะยกขาเรียวย่างก้าวออกไป “หุ้ว กูคงเป็นลูกน้องที่โชคดีที่สุดในโลก อย่าเพิ่งใจอ่อนนะครับคุณเดนนิส ผมยังอยากหยุดอีกยาว“ทิวเผยยิ้มร่าจนเห็นฟันบนล่าง กล่าวจบร้องเพลงตึ๊ดๆก่อนจะสตาร์ทรถเคลื่อนออกไปอย่างสบายใจ ภายในบริษัทยักษ์ใหญ่ ร่างเพรียวระหงย่างเข้ามาอย่างสง่า หยุดฝีเท้าลงหน้าห้องประจำตำแหน่งประธานบริษัทที่มีป้ายเขียนระบุไว้อย่างชัดเจน กำปั้นเล็กยกขึ้นมาเคาะประตูสามคราจนได้รับคำอนุญาตจากคนในห้องที่ตะโกนออกมา “เข้ามา” ชายหนุ่มนั่งก้มหน้าทำงานโดยไม่แม้แต่จะละสายตามามองคนที่เปิดประตูเข้ามา จนฝีเท้าส้นสูงที่มาหยุดอยู่ตรงหน้าทำเขาคิ้วขมวดช้าๆ ก่อนเสียงเอ่ยทักจากหญิงสาวจะทำเอาเขารีบเงยหน้ามอง “อรุณสวัสดิ์ค่ะว่าที่สามี” “ใครว่าที่สามีคุณ”เพียงได้ยินคำนั้น เดนนิสไม่รอช้า รีบสวนกลับพรางจ้องหน้าหญิงสาวตาเขียว “ที่รักไงคะ” ทว่าพิชชากลับไม่สน ยังคงยิ้มหวานเอาใจคนตรงหน้า รอยยิ้มที่สะกดใจเขามาแล้วคราวหนึ่ง ยังไว้ครั้งนี้เขาก็มีหวั่นไหวบ้างแหละ “มาทำไม” ว่าแล้วไม่รู้จริงมั้ย แต่คนด้านหน้าก็เผยปฏิกิริยารีบหลบสายตาก้มหน้าทำงานอย่างเร็วแสง แม้สีหน้าจะยังคงเรียบนิ่ง แต่ในใจคงจะกำลังมีหวั่นอยู่ล่ะสิ เห็นเช่นนั้นก็ทำเอาคนมองไม่สามารถที่จะหุบยิ้มได้ “แหม๋ เสียงแข็งเชียวนะคะ“ หญิงสาวไม่วายยังคงหยอกล้อ ”วันนี้เราไม่ได้มีนัดคุยงานกัน“ ”คุณไม่มี แต่ฉันมี“ “อะไร” คิ้วเข้มขมวดเข้ากันด้วยความสงสัย เงยหน้าขึ้นมองคนสวยอีกครา ”ก็ภารกิจพิชิตใจแฟนเก่าไงคะ“พิชชาไม่พูดเปล่า สาวเท้าเรียวก้าวอ้อมไปด้านหลังชายร่างใหญ่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน มือเรียวค่อยๆลูบไล้อยู่บนไหล่กว้าง โครงหน้าสระสวยโน้มเข้าใกล้ลำคอหนาจนคนบนเก้าอี้รับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นที่สัมผัสเข้ากับต้นคอตน มือหนากำปากกาแน่น กดอารมณ์ที่กำลังลุกแล่นอยู่ในตัว “ออกไปได้แล้ว ผมจะทำงาน“ ถ้อยคำสั่งเสียงแข็งถูกเปร่งออกมา ”อย่าเพิ่งไล่สิคะ พิชทำของว่างมาให้คุณด้วย“มือเล็กผละออกจากไหล่หนา ก่อนจะเดินมานั่งเก้าอี้ตรงข้าม สายตาคมเหลือบมองกล่องของว่างที่ถูกวางไว้ปรายโต๊ะเขาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ พิชชาเอื้อมมือไปหยิบมันมาก่อนจะจัดการแกะกล่องออกอย่างตั้งใจ โดยการกระทำทั้งหมดของหญิงสาวถูกสายตาคมจ้องมองอยู่อย่างเงียบๆ “ฝีมือฉันเลยนะคะ ที่คุณชอบกิน”เมื่อแกะเสร็จก็เงยหน้ามองชายตรงหน้า ในขณะที่อีกคนรีบก้มหน้าหลบสายตาแสร้งทำตัวว่าไม่ได้สนใจแทบจะไม่ทัน “ผมไม่ชอบ” แถมยังปฏิเสธเสียงแข็งอีกต่างหาก “ถ้าคุณไม่ชอบของว่างเนี่ย จะทานอย่างอื่นแทนก็ได้นะคะ“ ดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ สาวเท้าเข้ามายืนเบื้องหน้าอีกคน ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนตักแกร่ง มือสองข้างคล้องลำคอหนาโดยที่เขาไม่ทันแม้แต่จะตั้งตัว เมื่อสติกลับมาก็รีบเอ่ยสั่งเสียงเรียบ “ออกไป” “ใจร้ายจัง ไม่คิดจะลองชิมดูสักนิดหรอคะ..” แสร้งสีหน้าเศร้าโศก กล่าวถามเขาเสียงเบาดั่งรู้สึกผิด แท้จริงในใจกลับตรงกันข้าม เพียงแค่อยากจะหยอกล้มเขาเพียงท่านั้น และเขาเองก็รู้ดีถึงนิสัยหญิงบนตัก เดนนิสไม่ได้ตอบอะไรแต่จ้องมองคนบนตักด้วยสายตาอันไม่อาจคาดเดา “อย่ามองแบบนั้นสิคะ…”ปากกล่าวอย่าง การกระทำอย่าง ความจริงเธอไม่ได้สนใจสายตาอะไรของเขาแม้แต่น้อย เพียงคำพูดสิ้นสุด มือเรียวที่คล้องอยู่รอบลำคอก็ผละออกมาข้างหนึ่ง ลูบไล้ลงมาจนถึงแผงอกแกร่ง มือเล็กซุกซนยังคงลูบวนไปมาอย่างชอบใจ “แน่นเหมือนเดิมเลยแฮะ..” “อุ๊ป..!!!” ดวงตาเบิ่กกว้างขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อปากเธอกำลังถูกครอบครองด้วยปากเขา มองดูคนตรงหน้าที่กำลังหลับตาขยี้เรียวปากเธออย่างโหยหา ก่อนจะค่อยๆเคลิ้มตาม ดวงตาที่เบิ่กว้างค่อยๆปิดลงรับรสจูบแสนหวานที่ชายผู้ขึ้นชื่อว่าแฟนเก่ากำลังถาถมเข้ามาให้ ฝ่ามือเล็กที่ทาบอยู่บนอกแกร่งค่อยๆกำเสื้อสูทเนื้อดีแน่น รสจูบเริ่มที่จะเร่าร้อนดุดันขึ้นเรื่อยๆจนเกิดเสียงจ๊วบจ๊าบขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัดในห้อง จูบกันต่ออย่างยาวนานไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะผละ เมื่อความรู้สึกต้องการกำลังครอบงำ “อื้มมมมม” จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ! ”แฮกๆ…“ ใบหน้าจิ้มลิ้มร้อนผ่าวขึ้นมา ค่อยๆลืมตามองคนตรงหน้า เมื่อจูบอันดุดันสิ้นสุด พากันหอบหายใจถี่ เพียงแค่ได้สติ เดนนิสก็รีบเอ่ยปาก ”ออกไ—-อื้ม!“ คำพูดยังไม่ทันพ้นคอก็เป็นพิชชาที่คราวนี้รีบพุ่งเข้าปิดปากเจ้าตัวด้วยริมปากอวบอิ่มของเธอ หญิงสาวรู้ดีว่าเขาจะเอ่ยอะไรออกมา ในเมื่อยังไม่สามารถเปลี่ยนใจเขาได้ เธอก็จะใช้วิธีนี้ปิดปากร้ายนั่นไว้เสียเช้ารุ่งวันต่อมา ในยามที่หญิงสาวยังคงหลับไหล เธอไม่รู้ตัวเลยว่าชายคนรักอุ้มเธอขึ้นรถมาด้วย จนถึงท่าเรือไปยันเกาะแห่งหนึ่ง พอลืมตาตื่นก็พบกับเจ้าตัวที่นอนอยู่ในห้องที่ไม่เคยคุ้นตา ทว่าสิ่งแปลกรอบตัวไม่ได้ทำให้เธอเป็นกระวนกระวาย เมื่อมองไปแล้วมีเขานอนกอดอยู่ข้างกาย เวลานี้เธอรับรู้ได้เลยว่าเขาคือพื้นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับตัวเอง ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็ถึงเวลาที่ชายผู้หลับไหลอยู่ในอ้อมกอดหญิงสาวลืมตาตื่น จึงพาคนน้องออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก ทันไดเปิดประตูออกมา ดวงตาคู่สวยเปร่งประกายทันที เมื่อวิวด้านหน้าคือกลางทะเลใหญ่ บนพื้นนํ้ามีเงาของท้องฟ้าสีประกายอากาศบริสุทธิ์ที่ห่างหายมานานแตะเข้าปลายจมูก พิชชารีบเดินต้อนออกไปยืนอยู่กลางแจ้งของมุมหนึ่งบนเรือ ซึ่งมีพร้อมทั้งที่นอนอาบแดด หรือแม้กระทั่งสระว่ายนํ้าในตัว หญิงสาวรีบเดินไปยืนสูดเอาอากาสสดชื่นเข้าปอด มองไปยันวิวด้านหน้าที่ใครได้เห็นก็นำพาแต่ความสงบเจ้าสู่จิตใจ ”อื้มมม สงบสุขที่สุดดด“ ร่างระหงสูดเอาอากาศเข้าเต็มปอด ด้วยรอยยิ้มหวานที่แต่งแต้มบนใบหน้า บ่งบอกว่าเธอพึงพอใจกับมันขนาดไหน ”ขนาดนั้นเชียวหรอพิชชา หื้ม” ชายที่เดินตามหลังมาอดที
“ฉันบอกว่าไม่โอเคไง ไม่รับคนนี้ ไปหาคนใหม่มา!” พิชชาสั่งเสียงลั่น กอดอกมองหน้าสองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง บ่งบอกว่าเธอไม่ได้ล้อเล่น ทำเอาชายลูกน้องในสูทดำเหงื่อตกทำตัวไม่ถูก เมื่อผู้เป็นนายเองเอาแต่เงียบ คนที่ออกคำสั่งก็เปรียบเสมือนเจ้านายคนที่สอง ส่วนเลขาสาวที่ยังไม่ทันได้เริ่มทำงานก็กำลังจะถูกไล่ออกนั้นแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด “ว่าไงนะคะ!” แนนนี่กัดฟันถาม ผู้หญิงคนนี้คงเป็นแค่เด็กที่ผู้เป็นนายเลี้ยงดูไว้ล่ะสิ มาทำเป็นใช้อำนาจหยิ่งยโส รอให้ตนได้ขึ้นเป็นว่าที่นายหญิงของตระกูลนี้เมื่อไหร่เถอะ จะเอาคืนให้ไม่เหลือแม้แต่ที่ซุกหัวนอนปลายเท้าเลยทีเดียว “ฉันไม่พูดซํ้า” เรียวแขนสองข้างยกขึ้นกอดอกพรางยักคิ้วใส่คนมองข้างนึง เป็นการกวนประสาทที่ได้ผลดีเลยแหละ เมื่อเห็นอีกฝ่ายตอบสนองด้วยสีหน้าที่แดงแปร๊ดดั่งระเบิ่ดจะลงนั่นแล้วก็สาแก่ใจ ยิ่งนึกอยากจะกลั่นแกล้งคนที่คิดแต่จะแย่งผัวชาวบ้าน ใบหน้านวลซบลงบนแผงอกแกร่ง ในขณะที่แววตายังคงจับจ้องอยู่บนหน้าซิลิโคนนั่นไม่ละเลือน “คุณเดนนิสคะ—“เมื่อรอให้เจ้านายปริปากช่วยแต่เขากลับเอาแต่เงียบ จึงตัดสินใจเป็นคนกล่าวเรียกเขาหวังจ
“กรี๊ดดดด!” เสียงกรี๊ดดังสนั่นทั่วห้อง ในขณะที่ในหัวกำลังมีเสียงเรียกจากชายคนหนึ่งดังเข้ามาแทรก ดั่งว่ากำลังร้องเรียกสติให้กลับคืน “พิชชา… พิชชา… น้องเป็นอะไรพิชชา!” “ฮึกกก!” หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเหนื่อย ร่างกายเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดออกมา ดั่งกับว่าไปตบตีกับใครมา เมื่อดวงตาเบิ่กกว้างขึ้นสิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าที่คุ้นเคยกำลังโน้มเข้าไกล้เธอพรางเอ่ยเรียกชื่อไม่หยุด ”พิช—-“ เพี๊ยะ!!! คำเรียกยังไม่ทันพ้นคอ ใบหน้าหล่อก็ถูกฝ่ามือเล็กฟาดเข้ามาเต็มแรงจนหันไปตามแรงตบ ทันไดนั้นทั้งความสับสนและอารมณ์หลายอย่างรีบแล่นเข้าสู่โสทประสาท ”ไอ้เดนนิส!!“ ในขณะที่มือหนากำลังกุมพวงแก้มตัวเองพรางครุ่นคิดกับการกระทำของแฟนสาวยังไม่ทันไร ก็มีหมอนใบใหญ่ถูกฟาดเข้าใส่รัวๆจนต้องยกแขนกั้นด้วยความตกใจ “โอ้ยๆ ที่รัก อะไรของน้องเนี่ยโอ้ยย มาตีพี่ทำไม”มือหนารีบคว้าหมอนใบใหญ่ออกจากมืออีกคนเมื่อ พอตั้งตัวได้แล้วมองหน้าแฟนสาวก็เห็นเธอเบ้ปากนํ้าตาคลอเอ่อ ยิ่งนำพาคนมองตกใจกับสิ่งที่เห็น ”พิชชา.. น้องเป็นอะไรครับ หื้อ? ไหนบอกพี่สิ” แม้จะไม่รู้ถึงเหตุผล ทว่าเวลานี้สิ่งเดียวที่สามารถปลอบประโลมแฟนส
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นต่อเนื่องกันเป็นสามครั้ง เรียกความสนใจจากเจ้าของห้องที่นั่งหน้าเครียดทำงาน ก่อนจะส่งเสียงอนุญาตให้คนที่ยืนรอบคำตอบอยู่ด้านนอกได้เข้ามา ประตูเปิดออกนำพาสองคนเดินเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าโต๊ะทำงานของประธานบริษัท ทว่าคนที่นั่งอยู่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นให้ความสนใจเลย จนลูกน้องต้องเป็นฝ่ายเอ่ยแจ้งจุดประสงค์ที่มาเยือน “บอสครับ นี่คือเลขาคนใหม่ที่จะเข้ามาทำงานแทนคุณพิ้งค์ชั่วคราวครับ เนื้องจากเธอลาป่วย” แดนกล่าวแจ้งผู้เป็นเจ้านายอย่างเป็นทางการ ก่อนหญิงสาวในชุดรัดรูปเข้าทรงสีแดงสดจะกล่าวแนะนำตัวเองเมื่อเดนนิสเงยหน้าขึ้นให้ความสนใจ “สวัสดีค่ะคุณเดนนิส ฉันแนนนี่ค่ะ เรียกแนนเฉยๆก็ได้ค่ะจะได้สะดวก มีอะไรเรียกใช้แนนได้ตลอดเวลาเลยนะคะ” เลขาสาวคนใหม่พูดเสียงละมุน สิ้นสุดบทพูดไม่ลืมที่จะยิ้มหวานให้กับเจ้าชายมาดนิ่งตรงหน้าไปหนึ่งฉาก “อืม ไม่มีอะไรแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว” คนฟังไม่ได้มีพิธีกงการอะไรมาก หากเข้ามาทำธุระเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ เมื่อสิ่งตรงหน้าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ขอเพียงแค่ทำงานได้ไม่ตกบกพร่อง พูดเสร็จก้มหน้าทำงานต่อไม่แม้แต่จะให้ควา
“แล้วหลังจากคืนนั้น พี่ก็หาน้องเจอจริงๆ”หญิงสาวอมยิ้มภูมิใจ เมื่อนึกถึงอดีตที่ผ่านมาของเขาและเธอ มันอาจจะเป็นการพบเจอที่แปลก แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี “ถ้าพี่หาน้องไม่เจอ พี่จะคว้าน้องมาครอบครองได้ยังไงล่ะ”เดนนิสกล่าวปนขำเบาๆ เด็กสาวที่กล้าเข้ามาท้าทายเขาคืนนี้ กลายเป็นว่าที่ภรรยาเขาอย่างเต็มตัวแล้วในวันนี้ “ถ้าคืนนั้นพี่เป็นพวกโรคจิต น้องคงแย่” คนพูดยํ้า หากแต่เธอโชคไม่ดีแล้วไปเจอกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขาคงไม่มีชะตากรรมแบบนี้ “เพราะยังไงน้องก็เชื่อในความโชคดีของตัวเองไงคะ“รอยยิ้มหวานประกบบนใบหน้านวล ก่อนหญิงสาวจะหันหลังเดินก้าวเข้าไปในซอยมืดนั้น โดยมีฝีเท้ายาวคอยก้าวตามหลังอย่างติดๆ “ยังเหมือนเดิมเลยแฮะ เหมือนจะไม่ค่อยมีคนมา” สายตากวาดมองรอบๆแล้วยังคงรับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเดิมดั่งคืนนั้น แม้จะมืดจนน่ากลัวทว่ากลับมีบางสิ่งที่เรียกว่าความสวยงามปนเปรือ “คงไม่มีใครกล้ามาในที่แบบนี้แล้วแหละ นอกจากคนพิเรนอย่างน้อง” เสียงชายหนุ่มดังลอดเข้ามาจากแผ่นหลัง นำพาคนสวยหันมองเจ้าของคำพูดด้วยสีหน้าหมั่นไส้ “แหม พูดอย่างกับพี่ไม่มาเนาะ ถ้าจะพิเรนคงเป็นพี่มากกว่า” คนตัวเล็กแขวะกลับอย่างไม่ยอ
“ที่นี่….” ชายหนุ่มพึมพำออกมาเสียงเบาพรางหันกลับมามองหญิงคนรักอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “อื้ม พี่จำได้มั้ย ตอนที่เราเจอกันครั้งแรก” พิชชาพยักหน้าเบาๆผลอยยิ้มหวานให้กับชายที่ยืนมองหน้าเธอ นึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ครั้งแรกที่เธอได้พบกับผู้ชายคนนี้ เมื่อไม่กี่ปีก่อน พิชชาเป็นเดินตามถนนอย่างไร้จุดหมาย เมื่อรู้สึกว่าชีวิตช่วงนี้มีแต่ความน่าเบื่อ เมื่อเดินเข้ามาถึงซอยหนึ่ง สายตาจึงจับจ้องเข้ากับชายร่างโปร่งคนหนึ่งที่ยืนพิงผนังสูบบุหรี่ด้วยท่าทางหล่อเหลานั่น เธอไม่เคยพบกับใครที่สูบบุหรี่ได้หล่อเท่เท่าชายคนนี้มาก่อน แม้จะไม่เห็นรูปร่างเขาชัดเนื่องจากความมืด ทว่าแสงไฟอ่อนๆที่ส่องเข้าไปเผยให้เห็นถึงใบหน้าคมคายจมูกโด่งเป็นสันนั่นทำให้เธอสัมผัสได้ว่าเขาคือเทพบุตร ด้วยนิสัยดื้อรั้นของหญิงสาวเป็นสิ่งที่พาเธอเดินเข้าไปหาชายคนนั้นในซอยที่มืดเปลี่ยวได้อย่างไม่มีความเกรงกลัว “น่าเบื่อชะมัด” ควันบุหรี่ถูกเป่าออกมากระจัดกระจาย ในขณะที่คนสูบกำลังพึมพำถึงความเบื่อหน่ายของชีวิต เสียงฝีเท้าที่เดินไกล้เข้ามาดึงให้เขาเหลือบไปสนใจ สายตาคมจ้องเข้ากับใบหน้านวลของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูสีหน้าเบื่อหน่ายไม่แพ้กับตน เส