“เจียวเจียวคารวะท่านย่า ท่านพ่อ อาสะใภ้รองเจ้าค่ะ” ใช้เวลาราว ๆ สองเค่อ หลี่เจียวก็มาถึงห้องโถงใหญ่ นางได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นจากฉินอี่แล้ว คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเซ่าหมิงหยวนจะทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
“ลุกขึ้น เจียวเอ๋อร์พ่อจะไม่อ้อมค้อม และจะไม่ถามว่าทำเช่นนั้นลงไปได้อย่างไร แต่พ่ออยากจะขอร้องเจ้า ว่าให้ช่วยแม่รองกับน้องรองของเจ้าออกมาได้หรือไม่ ถิงเอ๋อร์ร่างกายอ่อนแอ นางทนพิษบาดแผลไม่ไหวหรอก” ราชครูหลี่ร้อนใจ ในเมื่อเรื่องราวเป็นเช่นไรต่างฝ่ายต่างรู้ดี ไม่จำเป็นต้องสืบถามเรื่องราวกันอีก
“ท่านพ่อไม่อ้อมค้อม เช่นนั้นข้าก็จะไม่อ้อมค้อมอีก เพราะข้าคง ไม่สามารถช่วยพวกนางได้เช่นกัน ท่านย่าเองก็อยู่ในเหตุการณ์ เรื่องที่เกิดขึ้นล้วนเป็นน้องรองที่รนหาที่ เป็นข้าด้วยซ้ำที่เกือบจะโดนร่างแหตามไปด้วย” หลี่เจียวพูดเหมือนคนเห็นแก่ตัว ในเมื่อที่ตรงนี้ล้วนมีแต่คนที่เห็นแก่ตัว แล้วนางจะแสร้งเป็นคนดีไปไย
“นี่เจ้า ไม่สำนึกบุญคุณสกุลหลี่ก็แล้วไปเถิด แต่ที่ผ่านมาแม่รองล้วนเป็นห่วงเจ้า คำนึงถึงความรู้สึกของเจ้ามาโดยตลอด ไม่คิดตอบแทนนางบ้างเลยหรือ” ราชครูหลี่ชี้หน้าบุตรสาวด้วยมืออันสั่นเทา ไม่หลงเหลือสติที่จะไม่ต่อกรกับบุตรสาวคนนี้อีกต่อไป
ทุกครั้งที่เจรจากับบุตรสาวคนโต เป็นเขาทุกทีที่เสียกิริยาท่าทางสุขุมเยือกเย็น ทำให้รู้สึกว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้าคล้ายไม่ใช่บุตรสาวตัวน้อยที่น่าเอ็นดูอีกต่อไป
“สำนึกบุญคุณเช่นนั้นหรือ ฮ่า ๆ ท่านพ่อ ท่านเชื่อจริง ๆ หรือว่าข้าอยู่ที่นั่นสุขสบาย ไม่มีผู้ใดรายงานท่านหรือ ว่าสภาพกลับมาของข้าเป็นเช่นไร หรือว่าทุกคนที่นี่ล้วนตาบอดกันไปหมดแล้ว ท่านแม่ข้าตายเช่นไรข้ามิเคยลืม จดหมายฉบับแล้วฉบับเล่าที่ข้าเขียนอ้อนวอนให้ท่าน เฝ้ารอท่านกลับมารับข้ากับท่านแม่กลับจวน” หลี่เจียวจ้องมองบุรุษที่อยู่ตรงหน้า
เวลานี้ใบหน้าของเขาเรียบนิ่งยากจะคาดเดา แต่นางรู้เช่นเห็นชาติของบิดาดี ต่อให้เขารู้ว่านางและมารดาต้องกัดก้อนเกลือกินแล้วอย่างไร เกรงว่าเขาก็จะทำเป็นหลับตาข้างหนึ่ง ไม่รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเสียมากกว่า
“ข้าจำได้ว่าเคยถามเจ้าแล้วว่าอยู่ที่นั่นสุขสบายดีหรือไม่ เป็นเจ้าเองที่บอกว่าสบายดี ไม่ได้รับความยากลำบากแต่อย่างใด”
“แล้วท่านไม่มีตาหรือ สภาพของข้าเหมือนคนที่กินดีอยู่ดีเช่นนั้นหรือเจ้าคะ”
“พอได้แล้ว พวกเจ้าจะมาทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระที่ผ่านมาเพื่อสิ่งใดกัน เวลานี้ควรช่วยกันคิด ว่าจะหาทางช่วยสองแม่ลูกออกมาได้อย่างไรไม่ดีกว่าหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่าตะโกนออกมาอย่างเหลืออด เห็นกิริยาก้าวร้าวที่หลี่เจียวแสดงออกมาก็นึกหวั่นใจ เกรงว่าต่อไปนางคงไม่เห็นคนสกุลหลี่เป็นคนในครอบครัวของนางอีกต่อไปแล้ว
“ไร้สาระเช่นนั้นหรือ เกรงว่าจะเป็นน้องรองเสียมากกว่า ที่กล่าวคำไร้สาระออกมา นางอยากแต่งเข้าตำหนักชินอ๋อง จนคิดให้องค์หญิงเก้าซึ่งได้รับสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้ไปเป็นชายารอง องค์หญิงเซ่าหรงเป็นผู้ใดกัน คนธรรมดาเช่นข้าสามารถแตะต้องนางได้เช่นนั้นหรือ” หลี่เจียวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วพูดด้วยความอดกลั้น
“ท่านย่า ท่านเองก็อยู่ในเหตุการณ์ หากโทษว่าข้าไม่รู้ความไม่รู้จักห้ามปรามน้องสาว แล้วเหตุใดท่านถึงไม่พูดอะไรออกมาเลยเล่า ท่านอาสะใภ้ก็เช่นกัน ข้าเห็นทุกคนนั่งนิ่ง ไม่เท่ากับว่าเห็นด้วยกับความคิดของน้องรองหรอกหรือ”
ราชครูหลี่ตัวแข็งทื่อไป เมื่อได้ยินคำจากบุตรสาว เขาเชื่อเต็มสิบส่วนว่าสิ่งที่หลี่เจียวพูดเป็นความจริง ด้วยรู้ดีว่ามารดานิสัยเป็นเช่นไร แต่เขาที่เป็นลูกจะตำหนิผู้เป็นแม่ต่อหน้าทุกคนได้อย่างไรกัน เห็นท่าทางเย็นชาของบุตรสาวแล้วก็รู้สึกหนาวหัวใจ สายตาว่างเปล่าที่นางมองมาในตอนนี้ ไม่สู้ให้นางมองเขาด้วยความน้อยใจในตอนแรกยังจะดีเสียกว่าอีก
“นี่เจ้า เจ้า”
ฮูหยินผู้เฒ่าชี้หน้าหลี่เจียวแล้วทำท่าจะเป็นลม หลี่หานรีบเข้าไปประคองมารดาเอาไว้ จากนั้นก็โบกมือไล่ทุกคนให้ออกไป
หลี่เจียวไม่รอช้า รีบออกจากห้องไปเป็นคนแรก นางไม่ทำความเคารพผู้ใด เดินออกจากห้องด้วยใบหน้าเรียบเฉย สั่งองครักษ์หญิงที่อยู่ข้างกายเสียงเบาว่าต้องการพบเซ่าหมิงหยวน ทว่ายังไม่ทันที่ฉินอี่จะไปแจ้งข่าวกับเซ่าหมิงหยวน นางก็พบว่าเขามานอนรออยู่บนเตียงแล้ว ทั้งยังป้อนอาหารอวี้เปิงอย่างสบายอารมณ์
“คนพวกนั้นทำให้เจียวเจียวลำบากใจหรือไม่”
ทันทีที่เข้ามาในห้อง หลี่เจียวได้ยินคำถามที่แฝงไปด้วยความห่วงใย ก็ทำให้น้ำตาจะไหล นางรีบส่ายหน้าเร็ว ๆ เพื่อไล่น้ำตาไม่ให้ไหลออกมาแล้วเดินไปหาเขาช้า ๆ
“พระชายามองข้าเช่นนี้ทำไมหรือ ข้าได้ยินว่าท่านคิดถึงข้า ถึงกับให้ฉินอี่ไปตาม”
ฟุบ ยังไม่ทันพูดจบ ร่างบางก็โถมตัวเข้ามาหาเขาในทันที เซ่าหมิงหยวนตกใจอยู่บ้าง แต่ก็รับนางเข้าสู่อ้อมกอดอย่างเต็มใจ ปล่อยให้นางร้องไห้ในอ้อมกอด ลูบหลังเพื่อเป็นการปลอบใจ
“อนุญาตให้ร้องแค่ครั้งนี้เท่านั้น ต่อไปห้ามเสียน้ำตาให้กับคนไร้ค่าพวกนั้นอีก” พูดจบก็จูบที่ขมับเบา ๆ สองมือปาดน้ำตาที่ไหลรินเต็มสองแก้ม
หลี่เจียวพยักหน้าหงึก ๆ คิดว่าตนเองเข้มแข็ง แม้จะรู้ดีว่า คนพวกนั้นไร้หัวใจ แต่นางก็ยังคาดหวัง คาดหวังว่าบิดาจะเห็นนางเป็นลูกคนหนึ่ง คาดหวังว่าท่านย่าจะเอ็นดูนางเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก แท้จริงแล้วตนเองไม่ได้เข้มแข็งเลยสักนิด สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะชาติไหน ๆ คนที่อยู่เคียงข้างนางก็ยังเป็นบุรุษผู้นี้ไม่เคยเปลี่ยน
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยากเจอท่าน” หลี่เจียวไม่พูดทางการกับเขาอีก นางรู้เพียงว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถฝากชีวิตไว้กับเขาได้
“ข้าเดาว่าจะต้องมีคนร้องไห้เป็นเด็ก เลยต้องมาปลอบสักหน่อย” จะบอกออกไปได้อย่างไรว่าหลบอยู่ในนี้นานแล้ว ตั้งแต่รู้ข่าวว่าราชครูหลี่เรียกตัวนางไป ก็รีบมาหาในทันที
“หึ ข้าไม่ใช่เด็กสักหน่อย” หลี่เจียวหลุดหัวเราะออกมา เมื่อร้องไห้ออกมาแล้วก็รู้สึกโล่งขึ้นมาก
“เรื่องทุกอย่างปล่อยให้ข้าเป็นคนจัดการ ต่อไปเจ้าอยู่แต่ในเรือนนี้ อยากออกไปข้างนอกก็แค่เรียกฉินอี่แล้วให้เสี่ยวหลงพาไป จะไม่มีผู้ใดมาสร้างความรำคาญใจให้เจ้าได้อีก” น้ำเสียงอบอุ่นเมื่อยามที่เอ่ยออกมา หรือเขาจะให้นางไปอยู่กับเสด็จแม่ดี
“ท่านจะทำอย่างไรกับสองแม่ลูกนั่น” หลี่เจียวเมินคำพูดของเขา อยากจะรู้จุดจบของสองแม่ลูกนั้นมากกว่า
“เสด็จพ่อทรงรักหรงหรงมาก หากรู้ว่ามีคนจะทำให้นางเจ็บช้ำ เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อจะปล่อยคนพวกนั้นไปหรือ เจ้าวางใจได้ เรื่องนี้ข้าได้ บอกเล่าให้เสด็จพ่อฟังแล้ว คิดว่าสองคนนั้นคงจะไม่สามารถกลับมาที่จวนสกุลหลี่ได้อีกต่อไป” เซ่าหมิงหยวนตอบพร้อมทั้งสูดดมความหอมจากกลุ่มผมนุ่มสลวย
“อืม” หลี่เจียวรับคำในลำคอ ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบ ถึงแม้จะรู้ว่าเขาทำอะไร แต่นางก็เต็มใจให้ทำ ยอมให้คนหน้าหนาแทะโลมเพื่อเป็นรางวัลให้แก่เขา
แม้จะรู้สึกว่ายังไม่สาแก่ใจ ที่จางซื่อทำให้มารดาของนางกลายเป็นหญิงงามเมือง ทว่าเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว ผ่านมานานถึงเพียงนี้ คงไม่เหลือหลักฐานเอาผิดจางซื่อได้ อีกทั้งไม่จำเป็นต้องเรียกร้องความยุติธรรมกับคนที่ไม่มีความยุติธรรมเช่นบิดาของนาง บุญคุณที่ทำให้เกิดมา ถือว่านางชดใช้ด้วยชีวิตไปแล้วเมื่อชาติก่อน
สามวันต่อมาก็ถึงวันตัดสิน จางซื่อและคุณหนูรองหลี่ถิง มีความผิดฐานพูดความเท็จ ทำให้ชินอ๋องซื่อจื่อเสื่อมเสียชื่อเสียง อีกทั้งยังหมิ่นเกียรติองค์หญิงเก้า เห็นแก่ความดีที่ราชครูหลี่มีต่อราชสำนักมาโดยตลอด ละเว้นโทษตาย แต่เนรเทศให้ไปยังวัดห่างไกล บำเพ็ญบุญกุศลให้กับเชื้อพระวงศ์เพื่อไถ่โทษ ลบชื่อออกจากสกุลหลี่ ไม่สามารถกลับเข้าเมืองหลวงได้อีก
ทางด้านชินอ๋องมีความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ แว่วมาว่าเขาเดินทางออกจากเมืองหลวง ตั้งแต่ที่มีประกาศลงโทษฮูหยินรองสกุลหลี่และบุตรสาว เซ่าหมิงหยวนเองก็เร่งกลับไปยังค่ายทหารเพื่อเตรียมการสำคัญด้วยเช่นกัน
เมื่อร่างหนาล้มตัวลงนอน ซูเจียวก็นอนลงบ้างเช่นเดียวกัน แม้จะเตรียมตัวมาบ้างแล้ว ทว่านางก็ยังรู้สึกเกร็งอยู่มากเลยทีเดียว ไม่คิดไม่ฝันว่าบุรุษผู้นี้จะยังเลือกนางอยู่เห็นเขานอนสงบนิ่งไม่ไหวติง นางจึงใจกล้าขยับมือของตนเองไปสัมผัสฝ่ามือหยาบที่ร้อนผ่าว จากนั้นทั้งสองก็ประสานมือเข้าด้วยกัน ซูเจียวรู้สึกพอใจไม่น้อยกับท่าทางเช่นนี้ แต่ยังไม่ทันจะหลับตา ร่างหนาที่คิดว่าหลับไปแล้วก็พลิกตัวขึ้นคร่อมร่างของนางเอาไว้“องค์รัชทายาท” ซูเจียวเรียกชื่อเขาเสียงแผ่วเบา“ท่านพี่ อยู่ด้วยกันสองคนให้เจ้าเรียกข้าว่าท่านพี่ดังเช่นฮูหยิน จวนอื่นเรียกขานกัน อยู่กับเจ้าสองคนข้าก็จะเรียกเจ้าว่าฮูหยินเช่นเดียวกัน” เซ่าหมิงหยวนสบดวงตาดอกท้อคู่นั้น ใบหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงลมหายใจกั้นเท่านั้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของใบชา ทำให้สมองของนางกระจ่างแจ้ง“เจ้าค่ะ ท่านพี่”สิ้นคำนั้นริมฝีปากร้อนที่อยู่ด้านบนก็เข้ามาประกบริมฝีปากหวานในทันที ความเร็วในการรุกล้ำเข้ามานั้นเริ่มจากจังหวะช้าเนิบนาบ ผ่านไปสักพักก็เพิ่มความหิวกระหายเข้าไป จนทำเอาสตรีใต้ร่างหายใจแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่านางเริ่มประท้วง เขาก็ผ่อนแรงลง ละริมฝีปากออก แทะเ
หลังจากที่ผ่านเรื่องราวความวุ่นวายมากมาย ก็ใกล้จะถึงกำหนดการวันอภิเษกสมรส ระหว่างองค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่สกุลหลี่ ซึ่งตอนหลังคนอื่นจะเรียกนางคุณหนูสกุลซู เนื่องจากหมอหลวงซูประกาศชัดเจนว่าหลี่เจียวเข้ามาเป็นคนของสกุลซู ชื่อของนางก็คือ ซูเจียว ซึ่งนางก็ชอบมากเช่นเดียวกันราชครูหลี่รู้ตัวว่าหมดความสำคัญในราชสำนัก อีกทั้งยังถูกหักหน้าเช่นนั้น ไม่สามารถอยู่ต่อในราชสำนักได้อีก จึงเขียนฎีกาลาออกยื่นถวายแด่ฮ่องเต้ ซึ่งเป็นไปตามคาด พระองค์ไม่ทรงคัดค้านเรื่องการลาออกของเขาเลยสักนิด“เจ้าลูกโง่ ลาออกก็แล้วไปเถิด เหตุใดต้องออกจากเมืองหลวง ไปด้วยเล่า” ฮูหยินผู้เฒ่าสู้ฟันฝ่ามาจนถึงขั้นนี้แล้ว นางไม่มีทางกลับไปตายที่บ้านเกิดให้คนอื่นหัวเราะเยาะเป็นอันขาดชื่อเสียงเงินทองที่สะสมมา ต้องพังพินาศเพราะสองแม่ลูกนั่น บัดนี้นางเพิ่งหูตาสว่าง หากไม่ใช่เพราะถูกจางซื่อเป่าหู มีหรือผู้เฒ่าหูตาพร่ามัวเช่นนางจะหน้ามืดเพียงนี้“ท่านแม่ เป็นเช่นนี้ถือว่าฮ่องเต้ทรงเมตตาแล้ว รัชทายาทแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบพวกเรา ขืนทู่ซี้อยู่มีแต่จะเจ็บตัวเปล่า ๆ อีกอย่างเจียวเอ๋อร์ก็มีใจออกห่างจากพวกเรานานแล้ว หลายเดือนมานี้ที่น
เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ได้กระอักเลือดออกมาแล้วรอบหนึ่ง ทำให้ครั้งนี้อาการของชินอ๋องน่าเป็นห่วง อีกทั้งหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพักผ่อนน้อย ทั้งยังสู้รบ ทำให้ร่างกายและพละกำลังถดถอย“เจ้า” ชินอ๋องไม่มีแม้กระทั่งแรงจะเรียกชื่อหลานชายเสียด้วยซ้ำ“แต่ไม่ต้องห่วง เวลานี้บุตรชายที่รักของท่าน กำลังรออยู่ที่คุกหลวง โทษฐานลอบสังหารรัชทายาทเช่นข้า ท่านอาจจะคิดว่าเขานิสัยไม่เหมือนท่าน แต่ข้ากลับคิดว่า เขากล้าหาญกว่าท่านมากนัก เพราะกว่าที่ท่านจะกล้าลงมือก็นานนับสิบปี ตีเหล็กต้องตีตอนที่ยังร้อนเหมือนที่สวีเฮ่าทำ เพราะ ถ้ามัวแต่รอแบบท่าน สุดท้ายแล้ว เมื่อเหล็กเส้นนั้นหายร้อน นอกจากตีเป็นดาบไม่ได้ ปล่อยไว้นานวันเข้าสนิมก็เริ่มเกาะกิน เหมือนเช่นภายในใจท่านที่เกิดความลังเล” ดวงตาเซ่าหมิงหยวนฉายแววเหี้ยมโหดออกมา“ฮ่า ๆ อ๋องอย่างข้า ไม่จำเป็นต้องให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้ามาชี้นำ หากพวกเจ้าสองพ่อลูกไม่ใช้แผนสกปรก มีหรือที่ข้าจะพ่ายแพ้ คนแพ้ไม่สามารถเรียกร้องสิ่งใดได้ ระหว่างข้ากับเจ้า ไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกันได้ วันนี้ข้าผู้เป็นอ๋องอยู่ไม่สู้ตาย”พูดจบเซ่าเยี่ยนก็สั่งทหารที่ซุ่มอยู่โจมตีในทันที ทั้งสองฝ่ายต่าง
ข่าวเรื่องอาการบาดเจ็บขององค์รัชทายาท ต่างคาดเดาไปต่าง ๆ นานา เนื่องจากว่าฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าเยี่ยมโดยเด็ดขาด แม้กระทั่งเสวียนกุ้ยเฟยและพระคู่หมั้นอย่างคุณหนูใหญ่สกุลหลี่เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นประเด็นถกเถียงกันในราชสำนัก เหล่าขุนนางต่างหยิบยกถึงความมั่นคงของการสืบทอดบัลลังก์มาพูดกัน“เหลวไหล รัชทายาทบาดเจ็บ พวกเจ้าไม่เพียงไม่แสดงความภักดี แต่ยังแสดงออกว่าไม่เชื่อมั่นในสายตาของเราผู้เป็นฮ่องเต้ อีกอย่างเรายังไม่ตาย พวกเจ้าก็กังวลกันไปใหญ่โต เช่นนี้จะให้เราคิดเป็นอื่นได้อย่างไร” ฮ่องเต้ทรงพิโรธหนัก เหล่าขุนนางอกสั่นขวัญแขวนด้วยความกลัว รีบคุกเข่าขอความเมตตา ด้วยรู้ดีว่าโอรสสวรรค์ผู้นี้อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าสตรี“ขอฝ่าบาทอย่าทรงพิโรธ พวกเราเพียงแต่คิดเผื่อเอาไว้เท่านั้น พ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายซ้ายพูดขึ้น“ความหวังดีของพวกท่านเรารับรู้ เพียงแต่อยากขอให้พวกท่านอย่าได้กังวล รัชทายาทบาดเจ็บครั้งนี้ โทษของตำหนักชินอ๋องยากเกินให้อภัยได้ จำเป็นต้องรีบจับกุมตัวชินอ๋องเข้ามารับโทษไปพร้อมกับคนในตำหนัก”ทางด้านรัชทายาทเซ่าหมิงหยวน แท้จริงแล้วเขาออกจากวังตั้งแต่คืนที่ได้รับบาดเจ็บแ
เซ่าหมิงหยวนแม้ว่าจะรวดเร็วเพียงใด แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บจนได้ หนำซ้ำยังเป็นธนูที่อาบยาพิษอีกด้วยฮ่องเต้ทราบข่าวทรงพิโรธหนัก เร่งส่งองครักษ์เสื้อแพรพร้อมทั้งทหารในวังเข้าล้อมตำหนักชินอ๋องในทันที ไม่มีผู้ใดสามารถออกมาได้ ซื่อจื่อถูกขังไว้ในคุกหลวงรอวันลงอาญาจากนั้นออกราชโองการแต่งตั้งองค์ชายแปดเป็นองค์รัชทายาท พร้อมทั้งออกประกาศติดไปทั่วทั้งเมืองหลวง ตำหนักชินอ๋องก่อกบฏ ลอบสังหารองค์รัชทายาท มีโทษประหารเก้าชั่วโคตรข่าวนี้ค่อนข้างเป็นที่ฮือฮาของชาวเมืองหลวง ทุกคนต่างเก็บตัวเงียบ ปิดประตูบ้านเรือน ไม่มีแม้กระทั่งสัตว์สักตัวเดินอยู่บนถนนมีเพียงทหารเวรยามเดินสวนไปสวนมา เพื่อรักษาความสงบเท่านั้นทางด้านจวนราชครูต่างอกสั่นขวัญแขวนไปกับข่าวที่ได้ยิน ด้วยไม่คิดว่าซื่อจื่อจะกล้ากระทำการอุกอาจเช่นนี้ แม้กระทั่งชินอ๋องยังไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน“สวรรค์ นับว่าสกุลหลี่ยังพอมีวาสนาอยู่บ้าง หากเกี่ยวดองกับตำหนักอ๋อง มีหวังได้ถูกประหารเก้าชั่วโคตรไปด้วย” ฮูหยินผู้เฒ่ากลัวจนตัวสั่นเมื่อได้ยินข่าวจากบุตรชาย“ข้ายังต้องเร่งเข้าวัง ครั้งนี้ฝ่าบาททรงพิโรธหนัก องค์รัชทายาท ถูกพิษบาดเจ็บสาหัส น่าแปล
พริบตาเดียวอีกเพียงสามวัน ก็ถึงวันงานอภิเษกสมรสระหว่าง องค์หญิงเก้าและซื่อจื่อ ทว่าที่ตำหนักชินอ๋องกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆหลายวันที่ผ่านมานี้ พ่อบ้านอยากจะกรอกยาพิษใส่ปากตัวเอง วันละหลายร้อยรอบ ทว่ากลับทำไม่ลง เนื่องจากสงสารซื่อจื่อ อยู่ไม่สู้ตาย หลายวันที่ผ่านมาเขาจึงเป็นคนจัดการเตรียมงานทุกอย่าง ดีที่มีคนจากในวังเข้ามาช่วยจัดการ ทำให้ทุกอย่างเป็นระเบียบมากขึ้นงานอภิเษกองค์หญิงออกนอกวัง ไม่ยุ่งยากเท่ากับการรับพระชายาเข้าวัง เนื่องจากแต่งออกไปแล้วก็ถือว่าเป็นคนของตำหนักชินอ๋อง ถึงอย่างนั้นขั้นตอนและพิธีการต่าง ๆ ก็ถือว่าซับซ้อนมากกว่าคนทั่วไปมากนัก“ซื่อจื่อ องค์ชายแปดมาขอรับ” ต้าหลางลนลานเข้ามารายงาน“อืม” เขาไม่แปลกใจที่เห็นเซ่าหมิงหยวนมาที่นี่ ด้วยความสามารถของอีกฝ่ายแล้ว ย่อมสามารถหลบหลีกสายตาของเหล่าองครักษ์เงาได้เป็นอย่างดีเซ่าหมิงหยวนเดินเข้ามาในห้องหนังสือ แท้จริงแล้วภายในห้องนี้ ยังมีเส้นทางลับสำหรับออกไปข้างนอก ซึ่งเขาก็ใช้ทางลับนี้เข้ามายังที่นี่ด้วยเช่นกัน เดิมทีคิดว่าญาติผู้น้องคนนี้ต้องหาทางติดต่อกับเขา แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายเก็บตัวเงียบ ยอมทำตามคำสั่งของชิน