ที่งานสัมมนาของสมาคมธุรกิจส่งออก
ปวริศาและปรียาพรเป็นตัวแทนของบริษัทมาร่วมฟังงานสัมมนา ซึ่งงานนี้ผู้ที่มาร่วมงานก็มีทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ รายย่อย ทั้งคนที่เป็นเจ้าของกิจการเอง หรือไม่ก็ตัวแทนฝ่ายขายอย่างปวริศาและปรียาพร
“คนเยอะมากเลย แต่ละคนที่มาดูทรงแล้วเป็นผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการทั้งนั้น แป้งว่าเราสองคนมาผิดงานไหมเนี่ย”
ปรียาพรมองบรรยากาศการลงทะเบียนก่อนเข้างานแล้วหันคุยกับเพื่อนตน
“นั่นสิ งานนี้คนเป็นบอสหรือไม่ก็พี่ศศิเนอะ”
สองสาวลงทะเบียนเสร็จเดินเข้างาน แล้วก็มีคนเสียงใครบางคนเดินเข้ามาทัก ทำให้ทั้งคู่ต้องหันไปมอง ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม คิ้วหนา ผมดำ ผิวขาวราวกับหนุ่มอาหรับเดินเข้ามาทักแล้วยิ้มให้หญิงสาว
“สวัสดีครับ”
ปรียาพรยิ้มหวานให้ในขณะที่ปวริศามองหน้าชายแปลกหน้าแล้วครุ่นคิดในใจว่าหน้าแบบนี้ คุ้นจัง แต่เธอก็ไม่ต้องสงสัยนาน เมื่อชายแปลกหน้ายื่นนามบัตรมาให้
“ผมแพทริกครับ เราเคยเจอกันครั้งก่อน แต่ยังไม่ได้มีโอกาสได้แลกนามบัตรกัน คุณออกไปเสียก่อน”
ปรียาพรยิ้มเจื่อนลงเมื่อรู้ว่าชายแปลกหน้าที่ทักมานั้น ไม่ได้ทักเธอ แต่ทักเพื่อนของเธอแทน ส่วนปวริศาเหมือนจะเริ่มจำได้ก็ยิ้มอ่อนออกมา ยื่นมือไปรับนามบัตรแล้วหยิบนามบัตรของตนส่งให้
“ค่ะ คุณแพทริก ดิฉันปวริศาค่ะ วันนั้นต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ อ่อ.. มาด้วยกันหรือเปล่าครับ ผมแพทริกนะครับ”
แพทริกหันไปทักทายปรียาพรที่ยืนข้างปวริศาพร้อมยื่นนามบัตรให้“สวัสดีค่ะ ปรียาพรค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณแพทริก”
แพทริกยิ้มรับแล้วหันไปคุยกับปวริศาต่อ
“มีที่นั่งหรือยังครับ ถ้ายังไปนั่งตรงนั้นกับผมนะครับ”
แพทริกเดินนำสองสาวพาไปนั่งกับตน ชวนพูดคุยไม่หยุด ก็ได้รู้ว่าทั้งคู่ทำงานเป็นฝ่ายขายที่บริษัทเดียวกัน อยู่ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่มีส่งออกไปมากมายหลายประเทศ เขาจึงแสดงท่าทีสนใจในธุรกิจขึ้นมาทันที
“ผมนี่โชคดีจังที่ได้รู้จักคุณแป้งกับคุณหม่อน ผมกำลังมีโปรเจคเกี่ยวกับงานอิเล็กทรอนิกส์พอดี เดี๋ยวคงได้มีไปพูดคุยกับคุณแป้งและคุณหม่อนบ่อยๆ นะครับ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
“ผมขอตัวเตรียมขึ้นพูดก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
แพทริกเดินแยกตัวไปเตรียมตัวขึ้นเวทีสัมมนา ก่อนขึ้นเวทีเขาก็หันมายิ้มทักทายสองสาวอีกครั้ง
“เอ่อ.. แป้งเธอรู้จักคุณแพทริกมานานแล้วหรือยัง”
ปวริศาหันหน้าไปมองปรียาพรเพื่อนร่วมงานของเธอ ส่ายหัวเบาๆ
“ก็เคยเจอกันแป๊บนึงในงานที่ไปกับบอสครั้งก่อนนะ แต่ก็ไม่ได้คุยกัน”
“เหรอ แปลกจังวันนี้ดูเขาตั้งใจมาทักเธอเลยนะ แปลว่าเขาจำเธอได้ เขาต้องสนใจเธอแน่ๆ เลย ฉันละอิจฉาเธอจัง มีแต่คนมาสนใจ ฉันละไม่มีใครมาสนใจสักคน”
“เดี๋ยวก็มีใบหม่อน แต่กับคุณแพทริกฉันก็ไม่ได้อะไรกับเขานะ ก็คุยไว้เผื่อเขามีงานให้เราไง”
ที่ออฟฟิศชั้นสิบห้า
ในระหว่างที่กำลังทุกคนกำลังทำงานอยากขะมักเขม้น ก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าดมาจากทางหน้าออฟฟิศ
“สวัสดีครับ ผมมาส่งดอกไม้ให้คุณปวริศาครับ”
เสียงชายหนุ่มแจ้งโอเปอร์เตอร์ของออฟฟิศ
“สักครู่นะคะ เดี๋ยวแจ้งให้ค่ะ”
กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์โต๊ะของปวริศาดังขึ้น
“พี่แป้งคะ มีคนมาส่งของค่ะ”
“เอ.. ส่งของให้พี่แป้งหรือคะ พี่ไม่ได้สั่งอะไรนี่นะ”“แต่เขาบอกชื่อพี่ถูกต้องเป๊ะเลยนะคะ”
“โอเค..เดี๋ยวพี่ออกไปดูค่ะ”
ปวริศาทำหน้างง แล้วเดินไปที่โอเปอร์เรเตอร์ พอไปถึงก็เห็นหนุ่มน้อยถือช่อดอกไม้ยืนยิ้มอยู่
“สวัสดีครับคุณปวริศาใช่ไหมครับ”
“เอ่อ...ใช่ค่ะ แต่พี่ไม่ได้สั่งดอกไม้นะคะ”
“มีคนสั่งให้นำมาส่งให้คุณปวริศาครับ รบกวนช่วยเซ็นรับตรงนี้ให้ผมด้วยครับ แล้วผมขออนุญาตถ่ายรูปเพื่อปิดจ๊อบงานได้ไหมครับ”
ปวริศาพยักหน้าแบบงง งง แล้วยืนนิ่งให้หนุ่มน้อยถ่ายรูป แล้วเซ็นรับของ แล้วเดินเข้าไปที่โต๊ะทำงาน พอไปถึงก็สร้างความฮือฮากับเพื่อนร่วมงานเป็นการใหญ่“ว้าว... ดอกไม้สวยจังใครให้มาหรือแป้ง”
ปวริศาส่ายหัว“ไม่รู้อ่ะวีณา”
“เพื่อนเราสเน่ห์แรงใหญ่แล้ว เอ๊ะ... หรือว่าของวิษณุ”
ปรียาพรเดินมาสมทบ มาเมียงมองดูช่อดอกไม้
“ไม่น่าใช่วิษณุหรอก วิษณุไม่ได้มีเทสต์แบบนี้”
ปวีณาหยิบช่อดอกไม้มาดูแล้วก็เห็นการ์ดใบเล็กติดที่ช่อดอกไม้อยู่จึงหยิบขึ้นมาอ่าน
“แป้งมีการ์ดติดมาด้วย มาเดี๋ยวฉันอ่านเลยนะ”
ปวริศาพยักหน้าอนุญาต“สำหรับคุณแป้ง ลงชื่อแพทริก ... อร๊ายยย เขาไม่ได้ส่งผิดตัวนะเธอ เขาลงชื่อเธอด้วย ว่าแต่ว่า ใครเหรอ แพทริกเนี่ย”
ปรียาพรรำพึง “คุณแพทริก”
“ใครอ่ะแป้ง คุณแพทริก ดูจากชื่อก็หล่อแล้ว เธอที่ปังไม่ไหวจริงๆ”
ระหว่างที่สาวๆ กำลังฮือฮากับดอกไม้และการ์ดปริศนา โทรศัพท์ของปวริศาที่วางอยู่ก็มีสายโทรเข้ามา ซึ่งเป็นเบอร์แปลกที่เธอไม่ได้เมมชื่อไว้ ปวริศามองนิ่งอยู่พักว่าจะรับดีไหม เนื่องจากช่วงนี้พอมีเบอร์แปลกโทรเข้ามารับสายทีไรก็ไม่พ้นเบอร์ขายประกันหรือไม่ก็มิจฉาชีพ
“รับสิแป้งอาจจะเป็นคุณแพทริกเจ้าของดอกไม้ก็ได้”
ปวริศาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายท่ามกลางกองเชียร์ที่คอยลุ้นอย่างปรียาพรและปวีณา
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับคุณแป้ง ผมแพทริกนะครับ”
“อ๋อค่ะ คุณแพทริก”
ปวีณาที่ยืนเป็นกองเชียร์อยู่ข้างๆ พอได้ยินว่าคนที่โทรมาชื่อ “แพทริก” ชื่อเดียวกับในการ์ดที่ติดมากับช่อดอกไม้ก็ตื่นเต้นดีใจ ส่วนปรียาพรได้แต่ทำหน้านิ่งเรียบเฉย
“คุณแป้งได้รับดอกไม้ของผมแล้วใช่ไหมครับ ชอบไหมครับ”
“ได้รับแล้วค่ะ แต่คุณแพทริกส่งมาทำไมหรือคะ”“นั่นสิ ผมก็งงเหมือนกัน รู้แต่ว่าอยากมอบดอกไม้สวยๆ นี้ให้ไปอยู่กับคนสวยแบบคุณแป้งครับ”
ปวริศามองหน้าเพื่อนทั้งสองแล้วก็พบว่ามีคนเริ่มเข้ามาให้ความสนใจกับช่อดอกไม้ช่อนี้มากขึ้น สังเกตุจากเพื่อนต่างแผนกที่มามุงดูและให้ความสนใจกับเธอ
“เอ่อ..ขอบคุณค่ะ”
“ผมคาดเดาว่าตอนนี้คงมีคนมารุมที่โต๊ะคุณหลายคนแน่เลย เอาไว้ผมโทรมาหาคุณหลังเลิกงานดีกว่านะครับ ฝากเมมเบอร์นี้ไว้ด้วยนะครับ แล้วอย่าบล็อกไลน์ผมนะ แล้วผมจะติดต่อมาอีกที สวัสดีครับ”
“ค่ะ”
ปวริศาวางโทรศัพท์ลง มองดูปวีณาที่ทำหน้าสนใจดวงตาเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ยังไง ยังไงยายแป้ง เขาคือใคร คุณแพทริกอ่ะ คุยกันมานานหรือยัง ฮึ นี่มีคนจะมาอุ้มเพื่อนฉันลงจากคานแล้วหรือนี่”
“บ้าน่ะ วีณา มันไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไรได้อย่างไร อยู่อยู่ก็มีหนุ่มส่งดอกไม้เข้ามา เล่ามาเลยค่ะคุณเพื่อนขา”
“คุณแพทริกเราพึ่งเจอกันก็งานที่แป้งไปสัมมนากับใบหม่อนเมื่อสัปดาห์ก่อนไง ซึ่งก็ได้แลกนามบัตรกันไว้ ก็ปกติปะ”
“ไม่ มันไม่ปกติแป้ง เพราะเธอไปสัมมนากับยายหม่อนสองคน แต่เขาส่งดอกไม้มาให้เธอคนเดียว แปลว่าเขาสนใจเธอนะสาว ส่งดอกไม้เสร็จปุ๊บก็โทรมาแสดงตัวปั๊บ โคตรโรแมนติกเลย เอ่อนี่ยายหม่อน คุณแพทริกเขาหล่อมากไหม”
ปรียาพรหม่อนที่ยืนเงียบได้แต่พยักหน้า
“นี่แป้งเธอบอกฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ว่าเธอไปมูเตลูที่ไหนมา หรือเธอมีของดีอะไรบอกฉันบ้างสิ ทำไมเธอถึงได้ฮ็อตขนาดนี้”
“ไม่มีอะไรหรอก ไปทำงานกันต่อเถอะ”
“สวัสดีค่ะบอส”
ปวีณายิ้มหวานให้กับบอสหนุ่มที่เดินเข้ามาในออฟฟิศ เจฟฟ์พยักหน้ารับแล้วก็สะดุดกับช่อดอกไม้บนโต๊ะของปวริศา หางคิ้วเขาขยับขึ้นโดยไม่รู้ตัว“วันนี้มีอะไรดีหรือครับมีช่อดอกไม้กันด้วย”
ปกติเขาเป็นที่ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องอะไรหยุมหยิมแบบนี้ แต่นี่เพราะเป็นปวริศาเขาเลยให้ความสนใจเป็นพิเศษ
“อ๋อ.. บอสคะ มีคนส่งดอกไม้มาให้ยายแป้งค่ะ”
ปวริศารีบสะกิดปวีณาแต่ก็ไม่ทันเพราะความช่างเจื้อยแจ้วช่างเจรจาของเธอ“มีคนส่งดอกไม้ให้คุณแป้ง หนุ่มไอทีหรือครับ”
“ไม่ใช่ค่ะบอส” เจฟฟ์ทำหน้างง นอกจากหนุ่มไอทีหน้าตี๋แล้วปวริศายังมีคนซุกซ่อนไว้อีกหรือ“เขาชื่อแพทริกค่ะ เห็นว่าไปเจอกันที่งานสัมมนาสัปดาห์ที่แล้วค่ะ”
เจฟฟ์ทำหน้าตึงขึ้นทันที แล้วจ้องหน้าคนที่นั่งที่โต๊ะที่ตอนนี้ทำสีหน้าไม่ถูก“ชื่อแพทริกหรือ”
ตอนพิเศษ 2 บทเรียนรัก เจย์เดนเอามือไล้ไปตามเรียวขาขาว แล้วพรมจูบตั้งแต่ปลายเท้า ปลีน่อง ต้นขา แล้วเน้นสัมผัสไปที่โคนขาด้านใน ส่วนเนินสามเหลี่ยมที่อวบอูมมีไรขนบางๆ ถูกตัดแต่งไว้ดูสะอาดตา เขาใช้มือทั้งสองข้างประคองเนินนุ่มแล้วค่อยๆ รั้งให้แยกทำให้กลีบกุหลาบด้านในค่อยผลิบานออกมายั่วยวนสายตา เจย์เดนบรรจงจูบที่กลีบกุหลาบสวยอย่างแผ่วเบาละเลียดชิมความหวานทุกซอกทุกมุม มีหลายครั้งที่เรียวลิ้นอุ่นชื้นเร่งดูดดึง แหย่ล้วงลึก ส่งผลให้คุณแม่มือใหม่เสียวสะท้านไปทั้งครางเสียงหวานไม่ได้หยุดพัก มือน้อยทั้งหยุมไปที่หัวคนพ่อ เอวบางก็เด้งรับความเสียวซ่านโดยไม่รู้ตัว “อ๊ะ.. ผัวขา เมียเสียวจังเลยค่ะ อ่าห์” ไม่บ่อยนักที่ปวริศาจะหลุดคำแบบนี้ออกมา ยิ่งฟัง ก็ยิ่งกระตุ้นให้คนทำได้ใจเร่งรัวปลายลิ้นเบิร์นไม่ได้หยุด สักพักร่างขาวก็กระตุกเล็กน้อยพร้อมปลดปล่อยน้ำรักออกมา คนตัวโตก็เลียเช็ดกลืนกินจนหมดโดยไม่รังเกียจ ปรวิศามองภาพที่ชายคนรักก้มเลียน้ำรักของตนอยู่ตรงหว่างขาก็เกิดความเขินอาย เลือดสาวในกายสูบฉีดพุ่งขึ้นมาเต็มใบหน้า ทำให้ทั้งใบหน้าลำคอเปลี่ยนเป็นสีแดงระเร
ตอนพิเศษ 1 ลูกชายพ่อมันดื้อ มันฟังแม่คนเดียวที่คอนโด เจย์เดนเปิดประตูเข้ามาเขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปที่โซนที่ถูกจัดเป็นห้องครัวที่ตอนนี้ดูมีชีวิตชีวาไม่ปล่อยว่างเหมือนแต่ก่อน เขายืนมองดูหญิงสาวคนรักที่ตอนนี้กำลังตั้งใจทำอาหารตรงหน้าเลยไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนมาลอบมอง ปวริศามาอยู่คอนโดกับเขาตามที่เขาร้องขอและก็จะมีบางวันที่ปวริศากลับไปอยู่กับแม่ที่บ้าน วันนี้ปวริศาอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงผ้าใส่สบาย เนื่องจากอายุครรภ์ยังน้อยถ้าไม่บอกก็จะไม่รู้เลยว่าเธอกำลังท้องอยู่ ผมยาวสวยวันนี้ถูกรวบไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นคอขาว นี่สินะคือภาพความสุขที่เจย์เดนวาดฝันมาตลอดคือการกลับจากทำงานแล้วมีคนรักรออยู่ที่บ้าน ยิ่งมองก็ยิ่งหลงรัก เขาไม่รู้เลยว่าเขาตกหลุมรักคนรักของตัวเองไปรอบที่เท่าไหร่แล้ว ภาพของปวริศาที่หยิบจับโน่นนี่นั่น ผัดอาหารในกะทะดูคล่องแคล่วชวนมองไปหมด เขายืนกอดอกหลังพิงกำลังแพงแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ปวริศาวันนี้เธอวางแผนทำอาหารง่ายๆ มีต้มข่าไก่ของโปรดของเด็กดื้อตัวโต ผัดผักรวมมิตรกุ้ง และยำไข่ต้ม อาหารธรรมดารสไ
“เอ... ทุกคนมีเรื่องสงสัยอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีผมมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องจะแจ้งคนะรับ พร้อมรับฟังเรื่องสำคัญของผมแล้วหรือยัง”ทุกคนหันหน้าไปมองหน้าเจฟฟ์ด้วยความสงสัย และปนกับความหวาดระแวงเล็กน้อย เจฟฟ์เดินมายืนหลังเก้าอี้ที่ปวริศานั่ง แล้วเอื้อมไปจับมือปวริศาพร้อมประคองให้ลุกยืนขึ้นข้างๆ เขา“บอสจะทำอะไรคะ”ปวริศาร้องทัก เจฟฟ์ยิ้มหวานแล้วโอบกระชับที่ไหล่ของปวริศาดึงเข้ามาให้แนบชิดกับไหล่ของเขา ทุกคนในห้องประชุมต่างมองมาที่คนทั้งคู่ด้วยสายตาที่สงสัยและแปลกประหลาดใจ“ผมก็จะประกาศข่าวดีของเราให้ทุกคนได้ทราบอย่างไรล่ะครับพี่แป้ง”ปวีณาทำตาโตอ้าปากค้าง ส่วนศศิวิมลเห็นแล้วยิ้มกว้างออกมาเพราะเป็นไปอย่างที่เธอคาดการณ์ไว้ ส่วนปรียาพรก็งงกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็ยิ้มตามไปทั้งที่คราบน้ำตาบนใบหน้าเธอยังไม่แห้งดี“อีกไม่นานเราสองคนจะมีข่าวดีนะครับ ผมเลยอยากมาบอกทุกคนไว้ก่อน จะได้เตรียมตัวกันอย่างเนิ่นๆ เผื่อใครอยากจะปั้นหุ่นไว้ใส่ชุดสวยๆ เรื่องธีมของงานต้องรอเจ้าสาวของผมบอกอีกทีนะครับ” “ฮะ.. อะไรนะคะ เจ้าสาวเหรอ บอสกับยายแป้ง ..... อุ๊ยตายว้ายกรี๊ดดดดดดดดดด” ปวีณากรี๊ดดีใจดังลั่น
“ลูกจ๋า.. บอกพ่อสิครับว่าอยากเที่ยงหนูอยากกินอะไรครับ”เจฟฟ์เอื้อมมือไปวางแปะบนพุงน้อยๆ ของปวริศา“อย่ามาเวอร์นักเลยน่ะ เอามือออกไปไม่ต้องมาจับ”ปวริศาพยายามจะดึงมือเจฟฟ์ออกจากหน้าท้องของตนแต่กลับถูกเจฟฟ์กอบกุมไว้แน่นกว่าเดิม“ลูกจ๋าดูแม่ของหนูสิ หงุดหงิดใส่พ่ออีกแล้ว”เจฟฟ์เอามือของปวริศามาแนบที่แก้มของตนเอง และเอียงคอมองปวริศาด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก“พี่แป้งรู้ไหมครับว่าคุณย่าผมท่านตื่นเต้นมากเลยนะที่รู้ว่าผมจะมีหลานสะใภ้ให้ท่าน วันก่อนคุณย่าบอกว่าจะบินมาไทยเพราะอยากมาเจอหน้าหลานสะใภ้ เนี่ยเดี๋ยวผมต้องกลับไปอัปเดตมูลใหม่ว่า กลับมาครั้งนี้จะเจอทั้งหลานสะใภ้พร้อมกับเจ้าตัวเล็ก รับรองว่าท่านต้องดีใจมากแน่เลย” เจฟฟ์จบก็หันไปทางปิ่นมณี“คุณแม่ครับคุณแม่หาฤกษ์แต่งงานให้เราหน่อยสิครับ”“จะมาหาฤกษ์แต่งงานอะไร ใครเขาจะแต่งด้วย”“เลิกงอนได้แล้วนะครับคุณแม่คนสวย ตอนนี้เรามีเจ้าก้อนน้อยที่ผมตั้งใจปั้นขึ้นมาอยู่ในนี้แล้วนะ”เจฟฟ์เอามือจิ้มจิ้มไปที่หน้าท้องของปวริศา“งอนนานไป เดี๋ยวเจ้าก้อนน้อยตัวโตขึ้น คุณแม่จะใส่ชุดเจ้าสาวไม่สวยนะครับ เอ.. หรือว่าจะรอให้เจ้าก้อน
เช้าวันอาทิตย์ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เจฟฟ์ก็ยังคงมาที่บ้านปวริศาแต่เช้า มาใส่บาตรด้วย ทั้งที่เมื่อวานกว่าเขาจะกลับบ้านก็เล่นเอาเสียมืด พอใส่บาตรเสร็จหลวงพ่อให้พร ทุกคนก็กรวดน้ำแล้วรับพร“อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าจงมีความสุข สาธุ”“ไปก่อนนะโยม พรุ่งนี้อาตมามีกิจนิมนต์ไปทำบุญขึ้นบ้านใหม่ จะไม่ได้มารับบาตรนะ” “เจ้าค่ะหลวงพ่อ”แล้วหลวงพ่อก็เดินออกไป ทั้งสามค่อยลุกขึ้น แล้วปวริศาก็เซไปนิดเจฟฟ์ที่อยู่ข้างๆ รีบเข้าไปประคอง“พี่แป้งเป็นอะไรไปครับ”“ไม่ได้เป็นอะไร ปล่อยได้แล้ว”ปวริศาพยายามจะเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดนั้น แต่เจฟฟ์ก็ยังแข็งขืนดื้อดึงประคองไว้อยู่“เห็นไหมละครับ พี่ยังเซอยู่เลย ให้ผมประคองแหละดีแล้ว”เจฟฟ์ประคองปวริศามานั่งที่โต๊ะ“เดี๋ยวพี่นั่งเฉยๆ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้”เจฟฟ์เดินไปกดน้ำเย็นจากเครื่องกรองน้ำในห้องครัว ส่วนปิ่นมณีมองลูกสาวด้วยความเป็นห่วง“พักผ่อนน้อยหรือเปล่าลูก”“เมื่อคืนแป้งก็ไม่ได้นอนดึกนะคะแม่ แค่สี่ทุ่มครึ่งเอง” “นี่น้ำเย็นครับ เดี๋ยวผมไปเตรียมจัด
ภายในห้องเช่าขนาดไม่ได้ใหญ่มาก ปรียาพรกำลังนั่งร้องไห้ฟูมฟาย และพร่ำกล่าวคำว่าขอโทษเจฟฟ์ ขอโทษปวริศา สาเหตุทั้งหมดเกิดความโง่ของตนเอง ปวริศาเข้าไปโอบกอดใช้ฝ่ามือลูบหลังปลอบโยนเพื่อน“ฉันขอโทษเธอนะแป้ง เป็นเพราะฉันโง่เอง ฉันคิดว่าถ้าทำสำเร็จแล้วเขาจะรักฉัน ฉันมันโง่เอง แป้ง ฉันขอโทษ ฮือ ฮือ”“โอเค ฉันเข้าใจเธอนะ แต่เธอก็ใจร้ายไปหน่อยนะ เธอก็น่าจะรู้ว่าถ้าทำแบบนี้คนที่จะมารับเคราะห์ก็จะเป็นฉัน เธอไม่คิดห่วงฉันบ้างเลยหรือไง”“ตอนนั้นฉันยอมรับนะ ว่าฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลย ฉันคิดว่าถ้าทำสำเร็จเขาจะรักฉันจะขอฉันเป็นแฟน แต่ความจริงแล้วมันกลับเฉดหัวฉันทิ้ง ฮือ ฮือ”ปวริศาหันไปสบตากับเจฟฟ์ ปรียาพรก็เงยหน้ามองเจฟฟ์เช่นกัน“บอสคะ หม่อนขอโทษ หม่อนผิดไปแล้ว บอสอย่าไล่หม่อนออกเลยนะคะ”ปรียาพรพนมมือไหว้ขอให้เจฟฟ์ยกโทษให้ทั้งน้ำตา“ครั้งก่อนตอนที่คุณปวริศาตกเป็นผู้ต้องสงสัย เขาไม่เคยมาขอให้ผมไม่ไล่ออก แต่เป็นตัวเขาเองต่างหากที่แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกเอง ซึ่งผมก็ยังไม่อนุมัติเอกสารนั้น เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าปวริศาไม่มีทางทำหักหลังผมแน่นอน คุณมาขอแบบนี้มันจะไม่ดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือ ความจริงเ
บรรยากาศในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้มีคนให้ความสนใจกับคู่ของแพทริกและปวริศาเป็นอย่างมาก แพทริกนั้นดูจะมีความสุขและยิ้มกว้างกว่าใครเพื่อน เขาเดินควงปวริศาพาทักทายพูดคุยกับคนไปทั่วงาน จนมีหลายคนถามเขาว่าคนข้างกายของเขาคนสวยคนนี้คือใคร เขาก็ตอบไปเพียงว่า“เธอคือเป็นคนพิเศษสำหรับผมคืนนี้” “หิวมั้ยครับคุณแป้ง ผมเห็นคุณแป้งทานไปนิดหน่อยเองหรือว่าอาหารที่นี่ไม่ถูกปากให้ผมพาไปกินข้างนอกไหมครับ”เขาถามด้วยความใส่ใจหญิงสาวข้างกาย“ไม่เป็นไรค่ะ แป้งกินไปหลายอย่างแล้ว ถ้ากินเยอะไปกว่านี้เดี๋ยวจะพุงป่อง น่าเกลียดแย่เลย” “อย่างคุณแป้งเอาตรงไหนมาน่าเกลียดครับ ผมเห็นแต่ความน่ารัก และความสวยเต็มไปหมด” แพทริกพูดไปส่งสายตาหวานให้หญิงสาว แล้วโทรศัพท์ในกระเป๋าของหญิงสาวก็สั่นไม่หยุด จนปวริศาต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ก็เห็นว่ามีใครบางคนกดส่งข้อความมาให้เธอไม่ได้หยุด เธอเงยหน้าขึ้นก็รับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ถูกส่งพุ่งตรงมาที่เธอ ใช่แล้วเป็นเจฟฟ์ที่กำลังมองมาที่เธออย่างตาไม่กะพริบซึ่งเขาก็เป็นคนส่งข้อความหาเธอแล้วส่งสายตาจ้องเขม็งเชิงบังคับและขอร้องให้เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่าน
เจฟฟ์นั่งมองโทรศัพท์ที่ตอนนี้เขาพยายามจะโทรไปหาใครบางคน โทรยังไงเขาก็ไม่รับ ไลน์ไปเขาก็ไม่เปิดอ่าน “ทำไมดื้อแบบนี้ล่ะพี่แป้ง”เขาหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจะดื่มแต่ก็พบกับความว่างเปล่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะกดโทรศัพท์แล้วให้ใครบางคนขอให้ชงกาแฟเข้ามาให้ แล้วก็แอบหาเศษหาเลยนิดหน่อยให้พอชื่นใจ แค่นี้ก็มีแรงทำงานต่อแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว เฮ้อ... เจฟฟ์เอามือกุมหัวจากการที่เขาตามแกะรอยเรื่องงานประกวดราคาที่เขาแพ้ให้กับคู่แข่งอย่างแพทริกแบบที่มีเงื่อนงำให้ชวนคิด ทำให้เขาต้องมาไล่เจาะข้อมูลซึ่งมันก็ไม่ยากเกินกว่าที่เขาจะหาตัวต้นเหตุเจอ ซึ่งเป็นคนใกล้ตัวของปวริศาเขาจึงอยากบอกให้ปวริศารู้และเป็นผู้ร่วมในการตัดสินใจที่จะลงโทษคนผิด แต่ปัญหาคือตอนนี้เขาติดต่อปวริศาไม่ได้เลย ความจริงเขาก็อยากจะพุ่งเข้าไปหา แต่ติดว่าช่วงนี้คิวงานเขาก็แน่นมาก เขาตัดสินใจแล้วว่าเดี๋ยววันเสาร์นี้เขาจะรีบไปเฝ้าหาปวริศาแต่เช้าตรู่เลย มันเลยทำให้เขาหงุดหงิดที่เห็นคนผิดยังคนลอยหน้าลอยตาทำงานอยู่ก๊อก ก๊อก ก๊อก ศศิวิมลเดินเข้ามาแล้วนำเอกสารมาวางที่ชั้นเอกสารนำเข้ารอเซ็นบนโต๊ะ เจฟฟ์พยักหน้
หลังจากที่เจฟฟ์คลาดกับปวริศาไปเพียงเสี้ยวนาที เขาก็พยายามครุ่นคิดอยู่ว่าคนที่พาปวริศาออกไปคือใคร“น้าขอคุยอะไรหน่อยได้ไหม พอมีเวลาคุยกับน้าไหมจ๊ะ”เจฟฟ์รีบพยักหน้ารับ“ได้ครับคุณน้าวันนี้ผมตั้งใจจะมาหาพี่แป้ง จะมาขอโทษและอธิบายความจริงให้ฟังครับ”“น้าเองก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของเราสองคนนะ แต่น้ามีลูกคนเดียว ไม่ว่าเขาเป็นอย่างไรน้าก็รักของน้า น้าจะไม่มากล่าวหาว่าใครผิดใครถูกหรืออย่างไร แต่น้าแค่อยากบอกว่า ตั้งแต่น้าเลี้ยงลูกน้ามา น้าเห็นเขาเสียใจหนักๆ สองครั้ง ครั้งแรกก็ตอนที่เจย์เดนย้ายไปอเมริกา ครั้งที่สองก็เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และน้าก็ไม่อยากเห็นลูกสาวน้าต้องเสียใจอีก น้าพูดแค่นี้หวังว่าเจย์เดนจะเข้าใจนะ”เจฟฟ์ก้มหน้า“ครับผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นครับคุณน้า”“น้าไม่รู้ว่าอนาคตของคนทั้งคู่จะเป็นอย่างไร ทั้งคู่รักกันมากน้อยแค่ไหน”“ผมรักพี่แป้งจริงๆ นะครับ คุณน้า”“เจย์เดนก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือว่า แค่คำว่ารักมันอาจจะไม่เพียงพอ แต่มันจะต้องมีความไว้ใจและเชื่อใจกันด้วย” เจฟฟ์สบตากับปิ่นมณีแล้วทั้งคู่ก็พูดคุยกันไปเกือบสองชั่วโมงทำให้เจฟฟ์คิดอะไรได้หลายอย่าง“น้าว่าเจย์