“สวัสดีครับ ผมอยากรู้จักคุณจัง ขอคุยด้วยนะครับ”
เสียงใครคนหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง และเหมือนว่าเขากำลังจะพูดคุยกับเธอเสียด้วยสิ
ปวริศาหันไปมองหนุ่มปริศนาที่เข้ามาทักทายแล้วเอามือป้องปากที่กำลังเคี้ยวเจ้ามินิแซนด์วิชอยู่ แล้วโค้งศีรษะให้นิดหนึ่ง ประมาณว่ารอแป๊บนะกำลังเคี้ยวอยู่พูดไม่ได้ จนชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มที่เดินเข้ามาทักอมยิ้มและหัวเราะมาเบาๆ
“ขอโทษครับไม่ต้องรีบครับ ค่อยๆเคี้ยวเดี๋ยวจะติดคอ นี่ครับน้ำ”
พูดจบชายหนุ่มตรงหน้าก็ยื่นทิชชูกับแก้วน้ำให้ ปวริศายื่นมือเข้าไปรับของที่ชายแปลกหน้ายื่นมาให้ แล้วก็สะดุ้งนิดที่ปลายนิ้วของเขาแตะที่หลังมือของเธอ แล้วก็ตกใจอีกรอบเมื่อมีมือดีมาหยิบแก้วน้ำออกจากมือเธอไปแล้ววางลงบนโต๊ะ ปวริศาหันไปมองก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือเจ้านายคนใหม่ของเธอนี่เอง
“เอ่อ.. บอสคะ”
“ไปตรงโน้นกันเถอะ”
ไม่พูดเปล่า ข้อมือบางของปวริศาก็ถูกกุมแล้วพาเดินออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้ชายแปลกหน้ายืนจ้องมองตามคนทั้งคู่ไป
“ฮึ.. แน่ใจหรือว่าเป็นแค่ผู้ช่วย ดี หวงแบบนี้สิดี มีอะไรสนุกให้เล่นอีกแล้ว”
พอเดินไปได้สักพัก ปวริศาก็พยายามใช้มือข้างที่เป็นอิสระมืออีกข้างให้หลุดจากการพันธนาการ
“บอสคะ ปล่อยก่อนค่ะ บอสจะไปไหนคะ”
เจฟฟ์ปล่อยมือสาว แล้วพูดลอยหน้าลอยตาว่า
“ก็ไปกินข้าวไง คุณหิวไม่ใช่หรือ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันมีรองท้องไปนิดหน่อยแล้ว เชิญบอสไปคุยต่อเถอะค่ะ แล้วคุณคนเมื่อกี้ดิฉันยังไม่ได้แลกนามบัตรกับเขาเลยบอสก็ดึงตัวออกมาเนี่ย เดี๋ยวดิฉันเอานามบัตรไปให้เขาก่อนนะ”
“ไม่ต้องหรอก เขาไม่ได้มีธุรกิจอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรา เราไปกันเถอะผมหิวข้าวจะแย่อยู่แล้ว”
“หาอะไรรองท้องก่อนไหมคะ เดี๋ยวดิฉันไปหยิบใส่จานมาให้บอส”“ไม่เอา ผมเบื่อผมอาหารแบบนี้ อยากกินอาหารไทยอร่อยๆ คุณพาผมไปกินหน่อยสิ ผมยังไม่ค่อยคุ้น ยังไม่ค่อยรู้จักเลย”
ปวริศาทำหน้างง บอสของเธอมาอารมณ์ไหนกันนี่ ทำหน้าทำตาอ้อนแบบนี้ เหมือน เหมือนคนคนนั้นมากจริงๆ
“เอ่อ.. แล้วบอสอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ หรืออยากได้บรรยากาศร้านประมาณไหน แต่ถ้าบอสหิวมากจะทานในร้านอาหารที่โรงแรมนี้ก็ได้นะคะ”
เจฟฟ์ทำท่าคิดนิดนึง แล้วพยักหน้ารับ
“งั้นวันนี้กินที่โรงแรมนี้ก็ได้เดี๋ยววันหลังค่อยว่ากันใหม่”
ปวริศางงกับคำพูดบอสของเธอ วันหลังค่อยว่ากันใหม่ หมายความว่าอย่างไร แต่ก็เอาเหอะ วันนี้เขาคนนี้ก็ทำเรื่องแปลกกับเธอมาหลายเรื่องแล้ว จะอีกสั่งเรื่องจะเป็นไรไป ไม่นานทั้งคู่ก็เดินมาถึงห้องอาหารของโรงแรม ปวริศาเลือกโต๊ะที่ติดกับผนังที่เป็นกระจกทำให้มองเห็นบรรยากาศแสงไฟของรถที่ไปวิ่งไป แสงจากอาคารและตึกสูงต่างๆ ของกรุงเทพยามราตรี แล้วบริกรก็มายื่นเมนูอาหาร ระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ปวริศากำลังตั้งสติรวบรวมความกล้า ความสงสัยเพื่อจะถามคนตรงหน้า แต่ก็ไม่ทันเมื่อคำถามถูกป้อนมาเสียก่อน
“ดูเหมือนคุณปวริศามีอะไรอยากจะคุยกับผมนะ”
ปวริศาก้มหน้าแล้วค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมาสบตากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อน
“เอ่อ.. คือ บอสคะ เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าคะ”
“ทำไมหรือ หน้าผมเหมือนใครที่คุณรู้จักหรือไง”
“เอ่อ.. อืม”
ปวริศาก้มหน้าพยักหน้า จึงทำให้ไม่ได้เห็นแววตาแข็งกร้าวของคนข้างหน้าก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นแววตาเศร้าเชิงตัดพ้อ
“แล้วคุณเคยรู้จักคนชื่อ เจฟฟ์ หลุย กาเบรียลมาก่อนหรือเปล่าละ ผมเองก็ความจำไม่ค่อยดีเสียด้วยสิ เรื่องบางเรื่องอยากจำแต่ก็โดนใครบางคนทำให้ต้องรีบลืม”
“...”
“คุณคิดว่าคนเราจะลืมอะไรกันได้ง่ายๆ ไหม”
“เอ่อ.. ก็ไม่นะคะ ถ้าเป็นอะไรที่สำคัญ ยิ่งไม่ลืม”
“งั้นผมคงเป็นคนที่ไม่สำคัญ”
ปวริศาเงยหน้าขึ้นสบตากับคนตรงหน้า ใบหน้านิ่งกับแววตาที่ตัดพ้อ จนเธอไม่กล้าถามหรือพูดอะไร บรรยากาศเริ่มเงียบงัน เกิดอาการเดดแอร์ขึ้น ปวริศาได้แต่คิดในใจ
‘พี่ไม่ได้ลืมนะคะเจย์เดน มันจำเป็นจริงๆ’
ใช่แล้วความรู้สึกของเธอตอนนี้คนตรงหน้าคือคนรักเก่า คนรักคนแรกของเธอแน่แน่ แต่ก็ไม่รู้อะไรทำไมเธอถึงไม่กล้าที่จะถามต่อ ถามไปเลยสิว่า คุณคือเจย์เดนใช่ไหม นี่พี่แป้งของน้องเจย์เดนไงคะ จำพี่ไม่ได้หรือ ลืมพี่แล้วหรือ แต่มันก็คงน่าลืมจริงๆ เพราะสิ่งที่เธอทำลงไปในอดีตมันคงไม่น่ายกโทษให้จริงๆ แต่พี่มีเหตุผลนะเจย์เดน ปวริศาได้แต่ครุ่นคิดในใจ แล้วก็มีคนมาช่วยทำลายบรรยากาศเดดแอร์ของคนทั้งคู่
“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารครับ แกงเผ็ดเป็ดย่าง ต้มยำกุ้ง กุ้งซอสมะขามครับ และข้าวสวย 2 จาน อาหารได้ครบแล้วนะครับ”
“ได้ครบแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ”
ปวริศาหันไปกล่าวขอบคุณกับบริกรแล้วยิ้มให้เขา ส่วนเจฟฟ์ก็ตักกุ้งซอสมะขามมาวางให้ปวริศา
“คุณยิ้มให้คนง่ายแบบนี้เลยหรือ”
“อะไรนะคะ”
“วันนี้ผมเห็นแจกยิ้มให้ใครๆ ไปทั่ว ดูสิในงานมีแต่คนอยากมาทำความรู้จักกับคุณ เมื่อกี้นี่ก็อีกทำไมต้องไปยิ้มให้บริกรด้วย รู้จักเขามาก่อนหรือไง”
เจฟฟ์พูดไปตักข้าวกับต้มยำกุ้งเข้าปากไป ปวริศางงในคำถาม นี่คนเราจะมาตั้งคำถามแบบนี้นะหรือ
“มันเป็นงานนี่คะ เป็นอาชีพของเรา เราอยากทำธุรกิจกับเขาจะมายืนหน้าบึ้งแล้วจะมีใครกล้าเข้ามาคุยกับเราละคะ”
“แล้วเมื่อกี้ล่ะ”
“ก็เขามาบริการให้เรา เราก็ต้องยิ้มให้เขาเป็นการขอบคุณ เป็นมิตรกับเขาสิคะ ที่นี่ Thailand , Land of smile นะคะ ดินแดนแห่งสยามเมืองยิ้มนะคะ”
พูดจบปวริศาก็ยิ้มตาหยีเอียงคอให้เจฟฟ์ไปหนึ่งที เจฟฟ์อดที่จะรู้สึกวูบวาบใจไม่ได้ นี่เขาจะทนกับความน่ารักของคนตรงหน้าได้ขนาดไหนนะ คิดไปก็ตักกุ้งจากถ้วยต้มยำกุ้งไปวางให้ในจานคนข้างหน้าอีก
“ยังมีอีก ผมอยากให้คุณระวังตัวหน่อย อย่ารับของจากคนแปลกหน้าโดยเฉพาะของกิน”
“ถ้าอย่างนั้น ดิฉันจะกินกุ้งตัวนี้ได้ไหมนะ เราพึ่งรู้จักวันนี้เอง ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าหรือเปล่าคะ”
เจฟฟ์มองหน้าคนที่ตอบยียวนตรงหน้าแล้วจะดึงตัวประกบปากที่เจื้อยแจ้วนี่จริงๆ
ตอนพิเศษ 2 บทเรียนรัก เจย์เดนเอามือไล้ไปตามเรียวขาขาว แล้วพรมจูบตั้งแต่ปลายเท้า ปลีน่อง ต้นขา แล้วเน้นสัมผัสไปที่โคนขาด้านใน ส่วนเนินสามเหลี่ยมที่อวบอูมมีไรขนบางๆ ถูกตัดแต่งไว้ดูสะอาดตา เขาใช้มือทั้งสองข้างประคองเนินนุ่มแล้วค่อยๆ รั้งให้แยกทำให้กลีบกุหลาบด้านในค่อยผลิบานออกมายั่วยวนสายตา เจย์เดนบรรจงจูบที่กลีบกุหลาบสวยอย่างแผ่วเบาละเลียดชิมความหวานทุกซอกทุกมุม มีหลายครั้งที่เรียวลิ้นอุ่นชื้นเร่งดูดดึง แหย่ล้วงลึก ส่งผลให้คุณแม่มือใหม่เสียวสะท้านไปทั้งครางเสียงหวานไม่ได้หยุดพัก มือน้อยทั้งหยุมไปที่หัวคนพ่อ เอวบางก็เด้งรับความเสียวซ่านโดยไม่รู้ตัว “อ๊ะ.. ผัวขา เมียเสียวจังเลยค่ะ อ่าห์” ไม่บ่อยนักที่ปวริศาจะหลุดคำแบบนี้ออกมา ยิ่งฟัง ก็ยิ่งกระตุ้นให้คนทำได้ใจเร่งรัวปลายลิ้นเบิร์นไม่ได้หยุด สักพักร่างขาวก็กระตุกเล็กน้อยพร้อมปลดปล่อยน้ำรักออกมา คนตัวโตก็เลียเช็ดกลืนกินจนหมดโดยไม่รังเกียจ ปรวิศามองภาพที่ชายคนรักก้มเลียน้ำรักของตนอยู่ตรงหว่างขาก็เกิดความเขินอาย เลือดสาวในกายสูบฉีดพุ่งขึ้นมาเต็มใบหน้า ทำให้ทั้งใบหน้าลำคอเปลี่ยนเป็นสีแดงระเร
ตอนพิเศษ 1 ลูกชายพ่อมันดื้อ มันฟังแม่คนเดียวที่คอนโด เจย์เดนเปิดประตูเข้ามาเขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปที่โซนที่ถูกจัดเป็นห้องครัวที่ตอนนี้ดูมีชีวิตชีวาไม่ปล่อยว่างเหมือนแต่ก่อน เขายืนมองดูหญิงสาวคนรักที่ตอนนี้กำลังตั้งใจทำอาหารตรงหน้าเลยไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนมาลอบมอง ปวริศามาอยู่คอนโดกับเขาตามที่เขาร้องขอและก็จะมีบางวันที่ปวริศากลับไปอยู่กับแม่ที่บ้าน วันนี้ปวริศาอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงผ้าใส่สบาย เนื่องจากอายุครรภ์ยังน้อยถ้าไม่บอกก็จะไม่รู้เลยว่าเธอกำลังท้องอยู่ ผมยาวสวยวันนี้ถูกรวบไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นคอขาว นี่สินะคือภาพความสุขที่เจย์เดนวาดฝันมาตลอดคือการกลับจากทำงานแล้วมีคนรักรออยู่ที่บ้าน ยิ่งมองก็ยิ่งหลงรัก เขาไม่รู้เลยว่าเขาตกหลุมรักคนรักของตัวเองไปรอบที่เท่าไหร่แล้ว ภาพของปวริศาที่หยิบจับโน่นนี่นั่น ผัดอาหารในกะทะดูคล่องแคล่วชวนมองไปหมด เขายืนกอดอกหลังพิงกำลังแพงแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ปวริศาวันนี้เธอวางแผนทำอาหารง่ายๆ มีต้มข่าไก่ของโปรดของเด็กดื้อตัวโต ผัดผักรวมมิตรกุ้ง และยำไข่ต้ม อาหารธรรมดารสไ
“เอ... ทุกคนมีเรื่องสงสัยอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีผมมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องจะแจ้งคนะรับ พร้อมรับฟังเรื่องสำคัญของผมแล้วหรือยัง”ทุกคนหันหน้าไปมองหน้าเจฟฟ์ด้วยความสงสัย และปนกับความหวาดระแวงเล็กน้อย เจฟฟ์เดินมายืนหลังเก้าอี้ที่ปวริศานั่ง แล้วเอื้อมไปจับมือปวริศาพร้อมประคองให้ลุกยืนขึ้นข้างๆ เขา“บอสจะทำอะไรคะ”ปวริศาร้องทัก เจฟฟ์ยิ้มหวานแล้วโอบกระชับที่ไหล่ของปวริศาดึงเข้ามาให้แนบชิดกับไหล่ของเขา ทุกคนในห้องประชุมต่างมองมาที่คนทั้งคู่ด้วยสายตาที่สงสัยและแปลกประหลาดใจ“ผมก็จะประกาศข่าวดีของเราให้ทุกคนได้ทราบอย่างไรล่ะครับพี่แป้ง”ปวีณาทำตาโตอ้าปากค้าง ส่วนศศิวิมลเห็นแล้วยิ้มกว้างออกมาเพราะเป็นไปอย่างที่เธอคาดการณ์ไว้ ส่วนปรียาพรก็งงกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็ยิ้มตามไปทั้งที่คราบน้ำตาบนใบหน้าเธอยังไม่แห้งดี“อีกไม่นานเราสองคนจะมีข่าวดีนะครับ ผมเลยอยากมาบอกทุกคนไว้ก่อน จะได้เตรียมตัวกันอย่างเนิ่นๆ เผื่อใครอยากจะปั้นหุ่นไว้ใส่ชุดสวยๆ เรื่องธีมของงานต้องรอเจ้าสาวของผมบอกอีกทีนะครับ” “ฮะ.. อะไรนะคะ เจ้าสาวเหรอ บอสกับยายแป้ง ..... อุ๊ยตายว้ายกรี๊ดดดดดดดดดด” ปวีณากรี๊ดดีใจดังลั่น
“ลูกจ๋า.. บอกพ่อสิครับว่าอยากเที่ยงหนูอยากกินอะไรครับ”เจฟฟ์เอื้อมมือไปวางแปะบนพุงน้อยๆ ของปวริศา“อย่ามาเวอร์นักเลยน่ะ เอามือออกไปไม่ต้องมาจับ”ปวริศาพยายามจะดึงมือเจฟฟ์ออกจากหน้าท้องของตนแต่กลับถูกเจฟฟ์กอบกุมไว้แน่นกว่าเดิม“ลูกจ๋าดูแม่ของหนูสิ หงุดหงิดใส่พ่ออีกแล้ว”เจฟฟ์เอามือของปวริศามาแนบที่แก้มของตนเอง และเอียงคอมองปวริศาด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก“พี่แป้งรู้ไหมครับว่าคุณย่าผมท่านตื่นเต้นมากเลยนะที่รู้ว่าผมจะมีหลานสะใภ้ให้ท่าน วันก่อนคุณย่าบอกว่าจะบินมาไทยเพราะอยากมาเจอหน้าหลานสะใภ้ เนี่ยเดี๋ยวผมต้องกลับไปอัปเดตมูลใหม่ว่า กลับมาครั้งนี้จะเจอทั้งหลานสะใภ้พร้อมกับเจ้าตัวเล็ก รับรองว่าท่านต้องดีใจมากแน่เลย” เจฟฟ์จบก็หันไปทางปิ่นมณี“คุณแม่ครับคุณแม่หาฤกษ์แต่งงานให้เราหน่อยสิครับ”“จะมาหาฤกษ์แต่งงานอะไร ใครเขาจะแต่งด้วย”“เลิกงอนได้แล้วนะครับคุณแม่คนสวย ตอนนี้เรามีเจ้าก้อนน้อยที่ผมตั้งใจปั้นขึ้นมาอยู่ในนี้แล้วนะ”เจฟฟ์เอามือจิ้มจิ้มไปที่หน้าท้องของปวริศา“งอนนานไป เดี๋ยวเจ้าก้อนน้อยตัวโตขึ้น คุณแม่จะใส่ชุดเจ้าสาวไม่สวยนะครับ เอ.. หรือว่าจะรอให้เจ้าก้อน
เช้าวันอาทิตย์ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เจฟฟ์ก็ยังคงมาที่บ้านปวริศาแต่เช้า มาใส่บาตรด้วย ทั้งที่เมื่อวานกว่าเขาจะกลับบ้านก็เล่นเอาเสียมืด พอใส่บาตรเสร็จหลวงพ่อให้พร ทุกคนก็กรวดน้ำแล้วรับพร“อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าจงมีความสุข สาธุ”“ไปก่อนนะโยม พรุ่งนี้อาตมามีกิจนิมนต์ไปทำบุญขึ้นบ้านใหม่ จะไม่ได้มารับบาตรนะ” “เจ้าค่ะหลวงพ่อ”แล้วหลวงพ่อก็เดินออกไป ทั้งสามค่อยลุกขึ้น แล้วปวริศาก็เซไปนิดเจฟฟ์ที่อยู่ข้างๆ รีบเข้าไปประคอง“พี่แป้งเป็นอะไรไปครับ”“ไม่ได้เป็นอะไร ปล่อยได้แล้ว”ปวริศาพยายามจะเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดนั้น แต่เจฟฟ์ก็ยังแข็งขืนดื้อดึงประคองไว้อยู่“เห็นไหมละครับ พี่ยังเซอยู่เลย ให้ผมประคองแหละดีแล้ว”เจฟฟ์ประคองปวริศามานั่งที่โต๊ะ“เดี๋ยวพี่นั่งเฉยๆ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้”เจฟฟ์เดินไปกดน้ำเย็นจากเครื่องกรองน้ำในห้องครัว ส่วนปิ่นมณีมองลูกสาวด้วยความเป็นห่วง“พักผ่อนน้อยหรือเปล่าลูก”“เมื่อคืนแป้งก็ไม่ได้นอนดึกนะคะแม่ แค่สี่ทุ่มครึ่งเอง” “นี่น้ำเย็นครับ เดี๋ยวผมไปเตรียมจัด
ภายในห้องเช่าขนาดไม่ได้ใหญ่มาก ปรียาพรกำลังนั่งร้องไห้ฟูมฟาย และพร่ำกล่าวคำว่าขอโทษเจฟฟ์ ขอโทษปวริศา สาเหตุทั้งหมดเกิดความโง่ของตนเอง ปวริศาเข้าไปโอบกอดใช้ฝ่ามือลูบหลังปลอบโยนเพื่อน“ฉันขอโทษเธอนะแป้ง เป็นเพราะฉันโง่เอง ฉันคิดว่าถ้าทำสำเร็จแล้วเขาจะรักฉัน ฉันมันโง่เอง แป้ง ฉันขอโทษ ฮือ ฮือ”“โอเค ฉันเข้าใจเธอนะ แต่เธอก็ใจร้ายไปหน่อยนะ เธอก็น่าจะรู้ว่าถ้าทำแบบนี้คนที่จะมารับเคราะห์ก็จะเป็นฉัน เธอไม่คิดห่วงฉันบ้างเลยหรือไง”“ตอนนั้นฉันยอมรับนะ ว่าฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลย ฉันคิดว่าถ้าทำสำเร็จเขาจะรักฉันจะขอฉันเป็นแฟน แต่ความจริงแล้วมันกลับเฉดหัวฉันทิ้ง ฮือ ฮือ”ปวริศาหันไปสบตากับเจฟฟ์ ปรียาพรก็เงยหน้ามองเจฟฟ์เช่นกัน“บอสคะ หม่อนขอโทษ หม่อนผิดไปแล้ว บอสอย่าไล่หม่อนออกเลยนะคะ”ปรียาพรพนมมือไหว้ขอให้เจฟฟ์ยกโทษให้ทั้งน้ำตา“ครั้งก่อนตอนที่คุณปวริศาตกเป็นผู้ต้องสงสัย เขาไม่เคยมาขอให้ผมไม่ไล่ออก แต่เป็นตัวเขาเองต่างหากที่แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกเอง ซึ่งผมก็ยังไม่อนุมัติเอกสารนั้น เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าปวริศาไม่มีทางทำหักหลังผมแน่นอน คุณมาขอแบบนี้มันจะไม่ดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือ ความจริงเ
บรรยากาศในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้มีคนให้ความสนใจกับคู่ของแพทริกและปวริศาเป็นอย่างมาก แพทริกนั้นดูจะมีความสุขและยิ้มกว้างกว่าใครเพื่อน เขาเดินควงปวริศาพาทักทายพูดคุยกับคนไปทั่วงาน จนมีหลายคนถามเขาว่าคนข้างกายของเขาคนสวยคนนี้คือใคร เขาก็ตอบไปเพียงว่า“เธอคือเป็นคนพิเศษสำหรับผมคืนนี้” “หิวมั้ยครับคุณแป้ง ผมเห็นคุณแป้งทานไปนิดหน่อยเองหรือว่าอาหารที่นี่ไม่ถูกปากให้ผมพาไปกินข้างนอกไหมครับ”เขาถามด้วยความใส่ใจหญิงสาวข้างกาย“ไม่เป็นไรค่ะ แป้งกินไปหลายอย่างแล้ว ถ้ากินเยอะไปกว่านี้เดี๋ยวจะพุงป่อง น่าเกลียดแย่เลย” “อย่างคุณแป้งเอาตรงไหนมาน่าเกลียดครับ ผมเห็นแต่ความน่ารัก และความสวยเต็มไปหมด” แพทริกพูดไปส่งสายตาหวานให้หญิงสาว แล้วโทรศัพท์ในกระเป๋าของหญิงสาวก็สั่นไม่หยุด จนปวริศาต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ก็เห็นว่ามีใครบางคนกดส่งข้อความมาให้เธอไม่ได้หยุด เธอเงยหน้าขึ้นก็รับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ถูกส่งพุ่งตรงมาที่เธอ ใช่แล้วเป็นเจฟฟ์ที่กำลังมองมาที่เธออย่างตาไม่กะพริบซึ่งเขาก็เป็นคนส่งข้อความหาเธอแล้วส่งสายตาจ้องเขม็งเชิงบังคับและขอร้องให้เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่าน
เจฟฟ์นั่งมองโทรศัพท์ที่ตอนนี้เขาพยายามจะโทรไปหาใครบางคน โทรยังไงเขาก็ไม่รับ ไลน์ไปเขาก็ไม่เปิดอ่าน “ทำไมดื้อแบบนี้ล่ะพี่แป้ง”เขาหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจะดื่มแต่ก็พบกับความว่างเปล่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะกดโทรศัพท์แล้วให้ใครบางคนขอให้ชงกาแฟเข้ามาให้ แล้วก็แอบหาเศษหาเลยนิดหน่อยให้พอชื่นใจ แค่นี้ก็มีแรงทำงานต่อแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว เฮ้อ... เจฟฟ์เอามือกุมหัวจากการที่เขาตามแกะรอยเรื่องงานประกวดราคาที่เขาแพ้ให้กับคู่แข่งอย่างแพทริกแบบที่มีเงื่อนงำให้ชวนคิด ทำให้เขาต้องมาไล่เจาะข้อมูลซึ่งมันก็ไม่ยากเกินกว่าที่เขาจะหาตัวต้นเหตุเจอ ซึ่งเป็นคนใกล้ตัวของปวริศาเขาจึงอยากบอกให้ปวริศารู้และเป็นผู้ร่วมในการตัดสินใจที่จะลงโทษคนผิด แต่ปัญหาคือตอนนี้เขาติดต่อปวริศาไม่ได้เลย ความจริงเขาก็อยากจะพุ่งเข้าไปหา แต่ติดว่าช่วงนี้คิวงานเขาก็แน่นมาก เขาตัดสินใจแล้วว่าเดี๋ยววันเสาร์นี้เขาจะรีบไปเฝ้าหาปวริศาแต่เช้าตรู่เลย มันเลยทำให้เขาหงุดหงิดที่เห็นคนผิดยังคนลอยหน้าลอยตาทำงานอยู่ก๊อก ก๊อก ก๊อก ศศิวิมลเดินเข้ามาแล้วนำเอกสารมาวางที่ชั้นเอกสารนำเข้ารอเซ็นบนโต๊ะ เจฟฟ์พยักหน้
หลังจากที่เจฟฟ์คลาดกับปวริศาไปเพียงเสี้ยวนาที เขาก็พยายามครุ่นคิดอยู่ว่าคนที่พาปวริศาออกไปคือใคร“น้าขอคุยอะไรหน่อยได้ไหม พอมีเวลาคุยกับน้าไหมจ๊ะ”เจฟฟ์รีบพยักหน้ารับ“ได้ครับคุณน้าวันนี้ผมตั้งใจจะมาหาพี่แป้ง จะมาขอโทษและอธิบายความจริงให้ฟังครับ”“น้าเองก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของเราสองคนนะ แต่น้ามีลูกคนเดียว ไม่ว่าเขาเป็นอย่างไรน้าก็รักของน้า น้าจะไม่มากล่าวหาว่าใครผิดใครถูกหรืออย่างไร แต่น้าแค่อยากบอกว่า ตั้งแต่น้าเลี้ยงลูกน้ามา น้าเห็นเขาเสียใจหนักๆ สองครั้ง ครั้งแรกก็ตอนที่เจย์เดนย้ายไปอเมริกา ครั้งที่สองก็เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และน้าก็ไม่อยากเห็นลูกสาวน้าต้องเสียใจอีก น้าพูดแค่นี้หวังว่าเจย์เดนจะเข้าใจนะ”เจฟฟ์ก้มหน้า“ครับผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นครับคุณน้า”“น้าไม่รู้ว่าอนาคตของคนทั้งคู่จะเป็นอย่างไร ทั้งคู่รักกันมากน้อยแค่ไหน”“ผมรักพี่แป้งจริงๆ นะครับ คุณน้า”“เจย์เดนก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือว่า แค่คำว่ารักมันอาจจะไม่เพียงพอ แต่มันจะต้องมีความไว้ใจและเชื่อใจกันด้วย” เจฟฟ์สบตากับปิ่นมณีแล้วทั้งคู่ก็พูดคุยกันไปเกือบสองชั่วโมงทำให้เจฟฟ์คิดอะไรได้หลายอย่าง“น้าว่าเจย์