ปวริศาลงจากรถมอเตอร์ไซค์ได้ก็วิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดยืนหอบที่หน้าห้องรับรองของโรงแรมชื่อดังตามที่เขียนไว้ในแผ่นกระดาษ มองนาฬิกาเหลือเวลาอีก 10 นาทีจะสี่โมงเย็น ก็ถือว่าเธอมาทันเวลาอยู่นะ แต่ เธอจะหาเขาเจอได้ยังไงนี่สิ รีบร้อนจนไม่ได้ขอเบอร์ติดต่อ ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะให้เอามาให้นอกบริษัท
ปวริศาพยายามกวาดสายตามอง แต่ก็ไม่เห็นคนคนนั้น และในทางกลับกันตอนนี้เหมือนสายตาหลายๆคู่เริ่มให้ความสนใจมองมาที่เธอ ก็งานนี้ดูจะมีแต่ผู้ชายใส่สูท มาดนักธุรกิจเต็มไปหมด ผู้หญิงก็มีบ้างไม่กี่คน ซึ่งทุกคนก็แต่งตัวดูดีกันทั้งนั้น มีแต่เธอเท่านั้นที่หัวฟูกระเซอะกระเซิง คือพอถอดหมวกกันน็อคออกก็ไม่ได้จัดแต่งทรงผมเลย กลัวจะไม่ทัน รีบวิ่งเข้ามาทั้งแบบนั้น
“ว้าย”
ปวริศาสะดุ้งตกใจเมื่อมีใครมาจับแขนของเธอ พอหันไปมองก็เจอกับคนเจ้าปัญหาที่เธอกำลังมองหาตัวอยู่ เธอรีบยื่นเสื้อให้ แต่เขากลับไม่ยอมรับแล้วก้มมากระซิบข้างหูเธอว่า
“ใส่ให้หน่อยสิ”
ปวริศาได้ยินก็ทำหน้างง คืออะไร แต่ก็เข้าไปช่วยใส่เสื้อและจัดระเบียบให้เขานะ จัดการเสร็จก็ก้มศีรษะให้เขาเล็กน้อย
“เรียบร้อยแล้วค่ะบอส ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
ปวริศาหมุนตัวกลับแต่ก็ถูกรั้งที่แขนไว้
“เดี๋ยวก่อนสิ ไหนไหนคุณก็มาแล้ว อยู่กับผมก่อน”
“เอ่อ.. ให้ดิฉันอยู่ทำไมหรือคะ”
“อยู่ช่วยงานผมก่อน นี่ก็ยังอยู่ในเวลางานอยู่นะ”
ปวริศาก้มดูสภาพตัวเอง ที่หัวยุ่งเหยิง เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับแขนยับ กระโปรงสั้นพอดีเข่า รองเท้าคัทชู สภาพดูไม่ได้จริงๆ เมื่อเทียบกับคนที่ยืนข้างๆ ที่หล่อ เนี้ยบ ดูดีไปทุกมุม แต่ก็เหมือนอีกคนจะรู้ความคิดของเธอ
“ไม่ต้องกังวล แบบนี้แหละดี ผมชอบ ผมโอเค ไม่ต้องไปแคร์คนอื่น”
คำพูดของผู้ชายข้างๆ ทำให้ปวริศาใจเต้นแรง หน้าเห่อร้อนโดยไม่รู้ตัว บ้าไปแล้วปวริศา เอาคำพูดเขามาใส่ใจทำไม แล้วก็พูดเสียงเบาๆ ว่า
“ถ้าบอสไม่อายใคร ดิฉันอยู่ก็ได้ค่ะ”
ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากแล้วแตะที่แขนของหญิงสาวชวนให้เข้าไปในงาน งานนี้เป็นงานลักษณะไม่ได้เป็นทางการมาก มีซุ้มอาหารเป็นแบบค็อกเทล และพนักงานเดินเสิร์ฟพวกเครื่องดื่ม เป็นการนัดพบปะกันของกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ และกลุ่มนักเรียนนอก ซึ่งภาพออกมาเหมือนงานเลี้ยงรุ่นมากกว่า
สักพักก็มีชายหนุ่มหน้าตาดี ใส่แว่นกรอบบาง กึ่งเดิน กึ่งวิ่งเข้ามาแล้วสวมกอดกับบอสหนุ่มของปวริศา
"ไฮ เจฟฟ์นี่นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยไม่เห็นส่งข่าวกันบ้างเลย”
“มาได้เกือบสองสัปดาห์แล้ว แต่พึ่งเข้าออฟฟิศวันนี้วันแรก”
ชายหนุ่มสองคนกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสชาติ กอดคอ ตบไหล่กัน จนหนุ่มผู้มาใหม่เริ่มรู้สึกได้ว่า เขาไม่ได้ยืนอยู่กันแค่สองคน เขาปรายตามองสาวข้างกายเพื่อนเก่าเขาที่แต่งตัวแสนจะธรรมดา แต่ทำไมถึงมาแรงดึงดูดให้น่าชวนมองอย่างนี้
“เอ่อ.. แล้วนี่ คุณผู้หญิงคนสวยคนน่ารักคนนี้เขามากับนายหรือเปล่า ไม่เห็นแนะนำให้รู้จักบ้างเลย”
ชายหนุ่มยื่นมือไปข้างหน้าหญิงสาว หมายจะให้หญิงสาวยื่นมาสัมผัสทักทาย แต่สาวเจ้ากลับยกมือขึ้นไหว้เขาแทน เจฟฟ์เห็นการแสดงออกของหญิงแล้วแบบนี้ก็แอบยิ้มอย่างพอใจ“เขาเป็นผู้ช่วยของฉันเอง”
ปวริศามองหน้าชายหนุ่มข้างกาย งุนงงในคำตอบของเขา นี่เธอไปเป็นผู้ช่วยเขาตอนไหนนะ
“ผมปณตครับ นี่นามบัตรผม”
ปวริศารับนามบัตรแล้วเปิดกระเป๋าหยิบนามบัตรของตนเองให้ มันก็ไม่ผิดใช่ไหมที่จะแลกนามบัตรกัน“สวัสดีค่ะ ดิฉันปวริศาค่ะ”
“ชื่อก็เพราะ เสียงก็หวาน ผมชักอยากจะชวนมาทำงานด้วยแล้วสิครับ เจ้าเจฟฟ์ให้เงินเดือนเท่าไหร่ ผมให้เพิ่มอีกเท่าเลยครับ ผมสู้ราคานะ”
“ขอบคุณมากค่ะ แต่อย่าเลยค่ะ ดิฉันเกรงว่าความสามารถของดิฉันจะไม่ถึงค่ะ”
“ผมเชื่อมือครับ การที่คุณปวริศาได้อยู่ในองค์กรของเจฟฟ์ก็เป็นการรับประกันฝีมือในตัวอยู่แล้วครับ”
เจฟฟ์มองปณตเพื่อนของตนที่ตอนนี้อยู่ในฐานะคู่ค้า ส่งสายตาหวานเชื่อมและกำลังขายขนมจีบให้กับคนที่เขากล่าวอ้างว่าเป็นผู้ช่วยของเขา เขาจึงกระแอมไอไปหนึ่งครั้งเพื่อตัดบทสนทนาของคนทั้งคู่
“อะ แฮ่ม.. นี่ปณตเกรงใจกันหน่อย ฉันยังยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคน นายจะมาดึงตัวคนของฉันดื้อๆ แบบนี้ไม่ได้นะ”
“อ้าว ก็แบบนี้มันก็แฟร์ แฟร์ไง จีบ ก็คือ จีบ จีบซึ่งซึ่งหน้าให้รู้กันไปเลย”ทั้งเจฟฟ์และปวริศาหันไปมองหน้าปณตพร้อมกัน
“ผมหมายความว่าจะจีบให้มาทำงานด้วยกันนะครับ แล้วก็เสนอค่าตัวสู้ราคาให้รู้กันไปเลย ซึ่งนายจะมาว่าฉันทีหลังไม่ได้ ผมพูดจริงนะครับคุณปวริศา”
“คงไม่ได้หรอกปณต คนของฉัน ฉันไม่ปล่อยไปง่ายง่ายหรอก”
ปวริศาทำสีหน้าไม่ถูกได้แต่ฝืนยิ้มหน้าเจื่อนมองคนข้างกายที มองคนที่มาใหม่ตรงหน้าที นี่คนสองคนเขาคุยกันเรื่องงานแน่นะ ปวริศาได้แต่นึกในใจ
จากนั้นเจฟฟ์ก็เดินไปทักทายไปคุยกับอีกหลายๆ คน ซึ่งมองดูแล้วผู้ชายคนนี้จัดว่าเป็นคนเก่ง ฉลาด สมาร์ทและดูดีมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าการเดิน ลีลาน้ำเสียงการพูดคุย ปวริศาเผลอมองเขาแล้วอมยิ้มไปด้วยและเป็นจังหวะที่เจฟฟ์หันมาพอดี ปวริศาหุบยิ้มแทบไม่ทัน สีหน้าเจื่อนลงทันทีแล้วทำหน้าเฉไฉมองไปทางอื่น จนเจฟฟ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วพูดว่า
“แอบมองผมอยู่หรือครับ อย่าบอกนะว่าตกหลุมรักผมเข้าแล้ว”
ปวริศาแทบอยากจะถอนคำพูดในความคิดที่เมื่อครู่แอบชื่นชมเขาอยู่ทิ้งไป ตอนแรกเกือบจะคิดว่าเขาคนนี้แค่คนหน้าคล้าย หน้าเหมือนแฟนเก่าของเธอ แต่พอมีประโยคหลงตัวเองแบบนี้ออกมา ยิ่งตอกย้ำว่าต้องใช่อดีตแฟนเด็กของเธอแน่แน่ แต่ทำไมเขาถึงทำเหมือนไม่รู้จักกับเธอ“ว่าไงครับคุณปวริศา ตอนนี้ไปมองที่อื่นก็ไม่ทันแล้ว ตกหลุมรักผมแล้วใช่ไหม”
“ก็ดิฉันไม่รู้จักใครนี่คะ รู้จักแต่บอสคนเดียวก็ต้องมองบอสสิคะ จะให้มองใครหล่ะ”ปวริศาเถียงไปแบบข้างๆคูๆ แล้วรีบกันไปสบตากับบริกรหนุ่มที่ถือถาดเครื่องดื่มมาเธอยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำส้มคั้นมาถือจิบแก้ความเก้อเขิน
“ไม่ลองจิบไวน์หน่อยหรือคุณ เมื่อกี้ผมลองแล้วรสชาติดีทีเดียว”
“ไม่อยากดื่มแอลกอฮอล์ในเวลางานค่ะ”
“งั้นก็ดี เผื่อผมเมาจะได้มีคนช่วยขับรถให้”
ปวริศาทำหน้างง ใครจะไปขับรถให้ ฝันไปเถอะ ฉันไม่ใช่คนขับรถนะ แล้วระหว่างที่สองคนกำลังคุยกันก็มีเสียงของใครอีกคนทักทายขึ้นมา
“ไฮท์ เจฟฟ์ ทางนี้”
เสียงทักทายที่ดังขึ้นทำให้คนสองคนหันหน้าไปมองทางต้นเสียงพร้อมกัน ภาพที่เห็นเป็นชายหนุ่มเจ้าของบาร์หรูที่ปวริศาและเพื่อนๆในออฟฟิศชอบชวนกันไปกินไปสังสรรค์ในช่วงสิ้นเดือนที่เงินเดือนออก
“อ้าวศรุตไหนนายว่าจะไม่มาไงหล่ะ”
“ถ้าไม่มาก็อดเห็นนายควงสาวสวยมาออกงานละซิ อิจฉานายจังพึ่งมาถึงไทยไม่กี่วันก็มีสาวสวยอยู่ข้างกายแล้ว สวัสดีครับคุณ..”
“ปวริศาค่ะ”
ปวริศายกมือไหว้คนตรงหน้า ทำเอาคนตรงหน้าตกใจ
“ไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับ ผมไม่ได้เจ้ายศเจ้าอย่างที่ไหน แล้วเราก็คุ้นเคยกันอยู่ หวังว่าคุณปวริศาคงจำผมได้นะครับ ผมศรุต ยินดีที่ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง”
“ค่ะ ยินดีค่ะ”
ปวริศาตอบเพียงคำสั้นๆ ออกไป เพราะเธอไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไร บรรยากาศในงานก็ดำเนินไปเรื่อยๆ มีบางจังหวะที่เธอปลีกตัวมาจิ้มของคาวของหวานจากซุ้มอาหารลงท้องบ้าง ก็ตอนนี้ท้องเธอเริ่มส่งเสียงงอแงแล้วสิ“สวัสดีครับ ผมอยากรู้จักคุณจัง ขอคุยด้วยนะครับ”
เสียงใครคนหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง และเหมือนว่าเขากำลังจะพูดคุยกับเธอเสียด้วยสิ
ตอนพิเศษ 2 บทเรียนรัก เจย์เดนเอามือไล้ไปตามเรียวขาขาว แล้วพรมจูบตั้งแต่ปลายเท้า ปลีน่อง ต้นขา แล้วเน้นสัมผัสไปที่โคนขาด้านใน ส่วนเนินสามเหลี่ยมที่อวบอูมมีไรขนบางๆ ถูกตัดแต่งไว้ดูสะอาดตา เขาใช้มือทั้งสองข้างประคองเนินนุ่มแล้วค่อยๆ รั้งให้แยกทำให้กลีบกุหลาบด้านในค่อยผลิบานออกมายั่วยวนสายตา เจย์เดนบรรจงจูบที่กลีบกุหลาบสวยอย่างแผ่วเบาละเลียดชิมความหวานทุกซอกทุกมุม มีหลายครั้งที่เรียวลิ้นอุ่นชื้นเร่งดูดดึง แหย่ล้วงลึก ส่งผลให้คุณแม่มือใหม่เสียวสะท้านไปทั้งครางเสียงหวานไม่ได้หยุดพัก มือน้อยทั้งหยุมไปที่หัวคนพ่อ เอวบางก็เด้งรับความเสียวซ่านโดยไม่รู้ตัว “อ๊ะ.. ผัวขา เมียเสียวจังเลยค่ะ อ่าห์” ไม่บ่อยนักที่ปวริศาจะหลุดคำแบบนี้ออกมา ยิ่งฟัง ก็ยิ่งกระตุ้นให้คนทำได้ใจเร่งรัวปลายลิ้นเบิร์นไม่ได้หยุด สักพักร่างขาวก็กระตุกเล็กน้อยพร้อมปลดปล่อยน้ำรักออกมา คนตัวโตก็เลียเช็ดกลืนกินจนหมดโดยไม่รังเกียจ ปรวิศามองภาพที่ชายคนรักก้มเลียน้ำรักของตนอยู่ตรงหว่างขาก็เกิดความเขินอาย เลือดสาวในกายสูบฉีดพุ่งขึ้นมาเต็มใบหน้า ทำให้ทั้งใบหน้าลำคอเปลี่ยนเป็นสีแดงระเร
ตอนพิเศษ 1 ลูกชายพ่อมันดื้อ มันฟังแม่คนเดียวที่คอนโด เจย์เดนเปิดประตูเข้ามาเขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปที่โซนที่ถูกจัดเป็นห้องครัวที่ตอนนี้ดูมีชีวิตชีวาไม่ปล่อยว่างเหมือนแต่ก่อน เขายืนมองดูหญิงสาวคนรักที่ตอนนี้กำลังตั้งใจทำอาหารตรงหน้าเลยไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนมาลอบมอง ปวริศามาอยู่คอนโดกับเขาตามที่เขาร้องขอและก็จะมีบางวันที่ปวริศากลับไปอยู่กับแม่ที่บ้าน วันนี้ปวริศาอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงผ้าใส่สบาย เนื่องจากอายุครรภ์ยังน้อยถ้าไม่บอกก็จะไม่รู้เลยว่าเธอกำลังท้องอยู่ ผมยาวสวยวันนี้ถูกรวบไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นคอขาว นี่สินะคือภาพความสุขที่เจย์เดนวาดฝันมาตลอดคือการกลับจากทำงานแล้วมีคนรักรออยู่ที่บ้าน ยิ่งมองก็ยิ่งหลงรัก เขาไม่รู้เลยว่าเขาตกหลุมรักคนรักของตัวเองไปรอบที่เท่าไหร่แล้ว ภาพของปวริศาที่หยิบจับโน่นนี่นั่น ผัดอาหารในกะทะดูคล่องแคล่วชวนมองไปหมด เขายืนกอดอกหลังพิงกำลังแพงแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ปวริศาวันนี้เธอวางแผนทำอาหารง่ายๆ มีต้มข่าไก่ของโปรดของเด็กดื้อตัวโต ผัดผักรวมมิตรกุ้ง และยำไข่ต้ม อาหารธรรมดารสไ
“เอ... ทุกคนมีเรื่องสงสัยอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีผมมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องจะแจ้งคนะรับ พร้อมรับฟังเรื่องสำคัญของผมแล้วหรือยัง”ทุกคนหันหน้าไปมองหน้าเจฟฟ์ด้วยความสงสัย และปนกับความหวาดระแวงเล็กน้อย เจฟฟ์เดินมายืนหลังเก้าอี้ที่ปวริศานั่ง แล้วเอื้อมไปจับมือปวริศาพร้อมประคองให้ลุกยืนขึ้นข้างๆ เขา“บอสจะทำอะไรคะ”ปวริศาร้องทัก เจฟฟ์ยิ้มหวานแล้วโอบกระชับที่ไหล่ของปวริศาดึงเข้ามาให้แนบชิดกับไหล่ของเขา ทุกคนในห้องประชุมต่างมองมาที่คนทั้งคู่ด้วยสายตาที่สงสัยและแปลกประหลาดใจ“ผมก็จะประกาศข่าวดีของเราให้ทุกคนได้ทราบอย่างไรล่ะครับพี่แป้ง”ปวีณาทำตาโตอ้าปากค้าง ส่วนศศิวิมลเห็นแล้วยิ้มกว้างออกมาเพราะเป็นไปอย่างที่เธอคาดการณ์ไว้ ส่วนปรียาพรก็งงกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็ยิ้มตามไปทั้งที่คราบน้ำตาบนใบหน้าเธอยังไม่แห้งดี“อีกไม่นานเราสองคนจะมีข่าวดีนะครับ ผมเลยอยากมาบอกทุกคนไว้ก่อน จะได้เตรียมตัวกันอย่างเนิ่นๆ เผื่อใครอยากจะปั้นหุ่นไว้ใส่ชุดสวยๆ เรื่องธีมของงานต้องรอเจ้าสาวของผมบอกอีกทีนะครับ” “ฮะ.. อะไรนะคะ เจ้าสาวเหรอ บอสกับยายแป้ง ..... อุ๊ยตายว้ายกรี๊ดดดดดดดดดด” ปวีณากรี๊ดดีใจดังลั่น
“ลูกจ๋า.. บอกพ่อสิครับว่าอยากเที่ยงหนูอยากกินอะไรครับ”เจฟฟ์เอื้อมมือไปวางแปะบนพุงน้อยๆ ของปวริศา“อย่ามาเวอร์นักเลยน่ะ เอามือออกไปไม่ต้องมาจับ”ปวริศาพยายามจะดึงมือเจฟฟ์ออกจากหน้าท้องของตนแต่กลับถูกเจฟฟ์กอบกุมไว้แน่นกว่าเดิม“ลูกจ๋าดูแม่ของหนูสิ หงุดหงิดใส่พ่ออีกแล้ว”เจฟฟ์เอามือของปวริศามาแนบที่แก้มของตนเอง และเอียงคอมองปวริศาด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก“พี่แป้งรู้ไหมครับว่าคุณย่าผมท่านตื่นเต้นมากเลยนะที่รู้ว่าผมจะมีหลานสะใภ้ให้ท่าน วันก่อนคุณย่าบอกว่าจะบินมาไทยเพราะอยากมาเจอหน้าหลานสะใภ้ เนี่ยเดี๋ยวผมต้องกลับไปอัปเดตมูลใหม่ว่า กลับมาครั้งนี้จะเจอทั้งหลานสะใภ้พร้อมกับเจ้าตัวเล็ก รับรองว่าท่านต้องดีใจมากแน่เลย” เจฟฟ์จบก็หันไปทางปิ่นมณี“คุณแม่ครับคุณแม่หาฤกษ์แต่งงานให้เราหน่อยสิครับ”“จะมาหาฤกษ์แต่งงานอะไร ใครเขาจะแต่งด้วย”“เลิกงอนได้แล้วนะครับคุณแม่คนสวย ตอนนี้เรามีเจ้าก้อนน้อยที่ผมตั้งใจปั้นขึ้นมาอยู่ในนี้แล้วนะ”เจฟฟ์เอามือจิ้มจิ้มไปที่หน้าท้องของปวริศา“งอนนานไป เดี๋ยวเจ้าก้อนน้อยตัวโตขึ้น คุณแม่จะใส่ชุดเจ้าสาวไม่สวยนะครับ เอ.. หรือว่าจะรอให้เจ้าก้อน
เช้าวันอาทิตย์ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เจฟฟ์ก็ยังคงมาที่บ้านปวริศาแต่เช้า มาใส่บาตรด้วย ทั้งที่เมื่อวานกว่าเขาจะกลับบ้านก็เล่นเอาเสียมืด พอใส่บาตรเสร็จหลวงพ่อให้พร ทุกคนก็กรวดน้ำแล้วรับพร“อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าจงมีความสุข สาธุ”“ไปก่อนนะโยม พรุ่งนี้อาตมามีกิจนิมนต์ไปทำบุญขึ้นบ้านใหม่ จะไม่ได้มารับบาตรนะ” “เจ้าค่ะหลวงพ่อ”แล้วหลวงพ่อก็เดินออกไป ทั้งสามค่อยลุกขึ้น แล้วปวริศาก็เซไปนิดเจฟฟ์ที่อยู่ข้างๆ รีบเข้าไปประคอง“พี่แป้งเป็นอะไรไปครับ”“ไม่ได้เป็นอะไร ปล่อยได้แล้ว”ปวริศาพยายามจะเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดนั้น แต่เจฟฟ์ก็ยังแข็งขืนดื้อดึงประคองไว้อยู่“เห็นไหมละครับ พี่ยังเซอยู่เลย ให้ผมประคองแหละดีแล้ว”เจฟฟ์ประคองปวริศามานั่งที่โต๊ะ“เดี๋ยวพี่นั่งเฉยๆ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้”เจฟฟ์เดินไปกดน้ำเย็นจากเครื่องกรองน้ำในห้องครัว ส่วนปิ่นมณีมองลูกสาวด้วยความเป็นห่วง“พักผ่อนน้อยหรือเปล่าลูก”“เมื่อคืนแป้งก็ไม่ได้นอนดึกนะคะแม่ แค่สี่ทุ่มครึ่งเอง” “นี่น้ำเย็นครับ เดี๋ยวผมไปเตรียมจัด
ภายในห้องเช่าขนาดไม่ได้ใหญ่มาก ปรียาพรกำลังนั่งร้องไห้ฟูมฟาย และพร่ำกล่าวคำว่าขอโทษเจฟฟ์ ขอโทษปวริศา สาเหตุทั้งหมดเกิดความโง่ของตนเอง ปวริศาเข้าไปโอบกอดใช้ฝ่ามือลูบหลังปลอบโยนเพื่อน“ฉันขอโทษเธอนะแป้ง เป็นเพราะฉันโง่เอง ฉันคิดว่าถ้าทำสำเร็จแล้วเขาจะรักฉัน ฉันมันโง่เอง แป้ง ฉันขอโทษ ฮือ ฮือ”“โอเค ฉันเข้าใจเธอนะ แต่เธอก็ใจร้ายไปหน่อยนะ เธอก็น่าจะรู้ว่าถ้าทำแบบนี้คนที่จะมารับเคราะห์ก็จะเป็นฉัน เธอไม่คิดห่วงฉันบ้างเลยหรือไง”“ตอนนั้นฉันยอมรับนะ ว่าฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลย ฉันคิดว่าถ้าทำสำเร็จเขาจะรักฉันจะขอฉันเป็นแฟน แต่ความจริงแล้วมันกลับเฉดหัวฉันทิ้ง ฮือ ฮือ”ปวริศาหันไปสบตากับเจฟฟ์ ปรียาพรก็เงยหน้ามองเจฟฟ์เช่นกัน“บอสคะ หม่อนขอโทษ หม่อนผิดไปแล้ว บอสอย่าไล่หม่อนออกเลยนะคะ”ปรียาพรพนมมือไหว้ขอให้เจฟฟ์ยกโทษให้ทั้งน้ำตา“ครั้งก่อนตอนที่คุณปวริศาตกเป็นผู้ต้องสงสัย เขาไม่เคยมาขอให้ผมไม่ไล่ออก แต่เป็นตัวเขาเองต่างหากที่แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกเอง ซึ่งผมก็ยังไม่อนุมัติเอกสารนั้น เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าปวริศาไม่มีทางทำหักหลังผมแน่นอน คุณมาขอแบบนี้มันจะไม่ดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือ ความจริงเ
บรรยากาศในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้มีคนให้ความสนใจกับคู่ของแพทริกและปวริศาเป็นอย่างมาก แพทริกนั้นดูจะมีความสุขและยิ้มกว้างกว่าใครเพื่อน เขาเดินควงปวริศาพาทักทายพูดคุยกับคนไปทั่วงาน จนมีหลายคนถามเขาว่าคนข้างกายของเขาคนสวยคนนี้คือใคร เขาก็ตอบไปเพียงว่า“เธอคือเป็นคนพิเศษสำหรับผมคืนนี้” “หิวมั้ยครับคุณแป้ง ผมเห็นคุณแป้งทานไปนิดหน่อยเองหรือว่าอาหารที่นี่ไม่ถูกปากให้ผมพาไปกินข้างนอกไหมครับ”เขาถามด้วยความใส่ใจหญิงสาวข้างกาย“ไม่เป็นไรค่ะ แป้งกินไปหลายอย่างแล้ว ถ้ากินเยอะไปกว่านี้เดี๋ยวจะพุงป่อง น่าเกลียดแย่เลย” “อย่างคุณแป้งเอาตรงไหนมาน่าเกลียดครับ ผมเห็นแต่ความน่ารัก และความสวยเต็มไปหมด” แพทริกพูดไปส่งสายตาหวานให้หญิงสาว แล้วโทรศัพท์ในกระเป๋าของหญิงสาวก็สั่นไม่หยุด จนปวริศาต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ก็เห็นว่ามีใครบางคนกดส่งข้อความมาให้เธอไม่ได้หยุด เธอเงยหน้าขึ้นก็รับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ถูกส่งพุ่งตรงมาที่เธอ ใช่แล้วเป็นเจฟฟ์ที่กำลังมองมาที่เธออย่างตาไม่กะพริบซึ่งเขาก็เป็นคนส่งข้อความหาเธอแล้วส่งสายตาจ้องเขม็งเชิงบังคับและขอร้องให้เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่าน
เจฟฟ์นั่งมองโทรศัพท์ที่ตอนนี้เขาพยายามจะโทรไปหาใครบางคน โทรยังไงเขาก็ไม่รับ ไลน์ไปเขาก็ไม่เปิดอ่าน “ทำไมดื้อแบบนี้ล่ะพี่แป้ง”เขาหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจะดื่มแต่ก็พบกับความว่างเปล่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะกดโทรศัพท์แล้วให้ใครบางคนขอให้ชงกาแฟเข้ามาให้ แล้วก็แอบหาเศษหาเลยนิดหน่อยให้พอชื่นใจ แค่นี้ก็มีแรงทำงานต่อแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว เฮ้อ... เจฟฟ์เอามือกุมหัวจากการที่เขาตามแกะรอยเรื่องงานประกวดราคาที่เขาแพ้ให้กับคู่แข่งอย่างแพทริกแบบที่มีเงื่อนงำให้ชวนคิด ทำให้เขาต้องมาไล่เจาะข้อมูลซึ่งมันก็ไม่ยากเกินกว่าที่เขาจะหาตัวต้นเหตุเจอ ซึ่งเป็นคนใกล้ตัวของปวริศาเขาจึงอยากบอกให้ปวริศารู้และเป็นผู้ร่วมในการตัดสินใจที่จะลงโทษคนผิด แต่ปัญหาคือตอนนี้เขาติดต่อปวริศาไม่ได้เลย ความจริงเขาก็อยากจะพุ่งเข้าไปหา แต่ติดว่าช่วงนี้คิวงานเขาก็แน่นมาก เขาตัดสินใจแล้วว่าเดี๋ยววันเสาร์นี้เขาจะรีบไปเฝ้าหาปวริศาแต่เช้าตรู่เลย มันเลยทำให้เขาหงุดหงิดที่เห็นคนผิดยังคนลอยหน้าลอยตาทำงานอยู่ก๊อก ก๊อก ก๊อก ศศิวิมลเดินเข้ามาแล้วนำเอกสารมาวางที่ชั้นเอกสารนำเข้ารอเซ็นบนโต๊ะ เจฟฟ์พยักหน้
หลังจากที่เจฟฟ์คลาดกับปวริศาไปเพียงเสี้ยวนาที เขาก็พยายามครุ่นคิดอยู่ว่าคนที่พาปวริศาออกไปคือใคร“น้าขอคุยอะไรหน่อยได้ไหม พอมีเวลาคุยกับน้าไหมจ๊ะ”เจฟฟ์รีบพยักหน้ารับ“ได้ครับคุณน้าวันนี้ผมตั้งใจจะมาหาพี่แป้ง จะมาขอโทษและอธิบายความจริงให้ฟังครับ”“น้าเองก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของเราสองคนนะ แต่น้ามีลูกคนเดียว ไม่ว่าเขาเป็นอย่างไรน้าก็รักของน้า น้าจะไม่มากล่าวหาว่าใครผิดใครถูกหรืออย่างไร แต่น้าแค่อยากบอกว่า ตั้งแต่น้าเลี้ยงลูกน้ามา น้าเห็นเขาเสียใจหนักๆ สองครั้ง ครั้งแรกก็ตอนที่เจย์เดนย้ายไปอเมริกา ครั้งที่สองก็เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และน้าก็ไม่อยากเห็นลูกสาวน้าต้องเสียใจอีก น้าพูดแค่นี้หวังว่าเจย์เดนจะเข้าใจนะ”เจฟฟ์ก้มหน้า“ครับผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นครับคุณน้า”“น้าไม่รู้ว่าอนาคตของคนทั้งคู่จะเป็นอย่างไร ทั้งคู่รักกันมากน้อยแค่ไหน”“ผมรักพี่แป้งจริงๆ นะครับ คุณน้า”“เจย์เดนก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือว่า แค่คำว่ารักมันอาจจะไม่เพียงพอ แต่มันจะต้องมีความไว้ใจและเชื่อใจกันด้วย” เจฟฟ์สบตากับปิ่นมณีแล้วทั้งคู่ก็พูดคุยกันไปเกือบสองชั่วโมงทำให้เจฟฟ์คิดอะไรได้หลายอย่าง“น้าว่าเจย์