LOGINตอนที่
12
เป็นที่สนใจ
คุณชายเว่ยกล่าวต่อด้วยรอยยิ้มที่ทำให้หลินหว่านเอ๋อร์ใจหายวาบ “แม่นางสามารถใช้หนี้ได้ในพริบตาเดียว และยังมีฝีมือการทำอาหารได้อร่อยล้ำลึกจนข้าเองก็อยากลิ้มรส...” เว่ยจื่อเหยียนเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับใช้สายตาที่ไม่บอกก็รู้ว่าเขากำลังหมายถึงทั้งอาหารที่ลิ้มรสและหมายถึงคนทำบะหมี่ไข่มังกร
คำพูดของเขาทำให้หลินหว่านเอ๋อร์หน้าแดงเล็กน้อย แต่นางก็เก็บอาการไว้ทันที นางตระหนักได้ว่าตนเองถูกบุรุษสูงศักดิ์ถึงสองคนจับจ้อง
นางหันกลับไปเผชิญหน้ากับจงซิ่นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวง “ท่านจงซิ่น” หลินหว่านเอ๋อร์กดเสียงต่ำ
“เจ้านายของท่านต้องการส่วนแบ่งอะไรจากข้ากันแน่”
“ต้องการให้อาหารของเจ้าเป็นที่รู้จักอย่างไรเล่า” จงซิ่นตอบนางแล้วก็มองดูลูกๆ ของนางที่กำลังเกาะขาของนางอยู่ อีกคนก็มองหน้าจงซิ่นสลับกับเว่ยจื่อเหยียน
“เอาล่ะข้าตกลงที่จะเปิดร้านของข้าที่เรือนไม้ทำเลทองของนายท่านของท่านแต่ข้ามีเงื่อนไข”
“เงื่อนไขอะไรขอรับ” จงซิ่นที่กำลังรอคำตอบจากหลินหว่านเอ๋อร์ เว่ยจื่อเหยียนก็พูดแทรกขึ้นมา
“ข้าต้องขอตัวก่อนแม่นางหลิน เมื่อไหร่ที่เจ้าเปิดร้านข้าจะไปอุดหนุนแม่นางอย่างแน่นอน” เว่ยจื่อเหยียนกล่าวพลางก้มคำนับอย่างสุภาพ แล้วก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่ต้องการเห็นการตกลงครั้งนี้สำเร็จ
หลินหว่านเอ๋อร์มองตามหลังของเว่ยจื่อเหยียนไปอย่างสงสัยเล็กน้อย จากนั้นนางก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับจงซิ่นอีกครั้ง
“เงื่อนไขมีอยู่สามข้อ” หลินหว่านเอ๋อร์เอ่ยขึ้นมาแล้วก็มองหน้าของจงซิ่นอย่างอารมณ์ดี
“ว่ามา” จงซิ่นเอ่ยขึ้นมาอย่างรอคำตอบ
“ข้อแรกข้าไม่ต้องการเงินทุนจากนายของท่าน ข้าอยากใช้เงินทุนของข้าเอง” นางกล่าวอย่างหนักแน่นพร้อมกับมองจงซิ่นแล้วก็เอ่ยข้อต่อไปทันที
“ข้อที่สอง นายท่านของท่านจะต้องไม่มายุ่งเกี่ยวกับการจัดการร้านของข้าโดยเด็ดขาด ข้าจะเป็นผู้ควบคุมสูตรอาหารทุกสูตรในร้าน การเงินและทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง
“และข้อสุดท้าย” หลินหว่านเอ๋อร์เน้นเสียง
“ข้าจะจ่ายค่าเช่าและค่าปรับปรุงร้านให้แก่นายท่านของท่านตามความเหมาะสม เมื่อร้านของข้าเริ่มมีกำไร”
จงซิ่นรับฟังเงื่อนไขด้วยความโล่งใจเล็กน้อย “ข้าจะไปรายงานนายของข้าตามที่เจ้าต้องการทุกประการ” เมื่อจงซิ่นพูดจบแล้วเขาก็ขอเวลานางกลับไปบอกเจ้านายของเขา
หลินหว่านเอ๋อร์มองตามหลังของจงซิ่นแล้วก็ครุ่นคิดว่าทำไมเจ้านายของเขาต้องอยากช่วยเหลือนางด้วยแต่นางก็ไม่อยากคิดให้มากเรื่องเพราะตอนนี้นางก็แค่เช่าร้านของเขาเท่านั้นไม่ได้รับอะไรจากใคร
จงซิ่นเร่งฝีเท้าไปยังที่พักลับของมู่ฉางเฟิงในเมืองซ่ง
มู่ฉางเฟิงนั่งจิบชาด้วยท่าทางสง่างาม รอคอยข่าวอย่างใจจดใจจ่อ
“แม่นางหลินว่าอย่างไรบ้าง”
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ แม่นางหลินตกลงรับเรือนไม้แล้วขอรับ แต่มีเงื่อนไขสามข้อ” จงซิ่นรายงานเงื่อนไขอย่างละเอียด ซึ่งทุกข้อล้วนถูกมู่ฉางเฟิงยอมรับอย่างง่ายดาย
“ดี!!! นางสมควรมีอิสระในการตัดสินใจ” มู่ฉางเฟิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“แล้วเรื่องรถม้าขนของเล่าจัดการเรียบร้อยดีหรือไม่”
“เรียบร้อยขอรับ ข้าได้เตรียมรถม้าสำหรับบรรทุกของใช้เล็กน้อยของแม่นางไว้แล้วขอรับ นายท่านอนุญาตให้แม่นางใช้เรือนไม้ได้ทันที โดยที่แม่นางไม่ต้องจ่ายค่าเช่าในช่วงแรกจนกว่าจะมีกำไร”
“เยี่ยม” มู่ฉางเฟิงยิ้มอย่างพึงพอใจ
“เจ้ากลับไปรอรับนางที่กระท่อม แล้วนำนางไปยังเรือนไม้ทำเลทองของข้าอย่างปลอดภัย อย่าให้ขาดตกบกพร่อง”
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” จงซิ่นรับคำสั่งแล้วรีบกลับไปหาหลินหว่านเอ๋อร์ทันที
“เอาล่ะลูกรัก ได้เวลาของเราแล้ว” หลังจากจัดการเก็บของเรียบร้อย จงซิ่นก็มาหานางพอดีพร้อมกับรถม้าบรรทุกสินค้าเก่าๆ คันหนึ่ง
“ข้ามาได้ทันเวลาหรือไม่แม่นางหลิน” จงซิ่นถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะให้ดูอบอุ่นแต่ก็ยังคงความแข็งทื่อตามแบบองครักษ์
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้มกว้าง “ทันเวลาพอดีเลยท่านจงซิ่น พวกเราสามแม่ลูกพร้อมแล้ว”
หลินหว่านเอ๋อร์พาลูกๆ ขึ้นรถม้า โดยมีจงซิ่นคอยกำกับรถม้าให้นำทางไป
“ท่านแม่เราจะไปที่ไหนกันเจ้าคะ” อาเหมยเอ่ยถามขึ้นมาแล้วก็มองหน้ามารดาของนางด้วยความสงสัย
หลินหว่านเอ๋อร์ลูบผมนุ่มๆ เส้นเล็กของลูกสาวเบาๆ แล้วบอกกับลูกสาวของนาง “เราจะไปเปิดร้านอาหารกันอย่างไร เจ้าลืมแล้วอย่างนั้นหรือ”
“จริงด้วยข้าลืมไปได้อย่างไร หรืออาจจะเป็นเพราะข้าหิวข้าก็เลยลืมหรือเปล่าท่านแม่” อาเหมยกล่าวอย่างใสซื่อ ทำเอาหลินหว่านเอ๋อร์และจงซิ่นที่ได้ยินอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มให้กับความไร้เดียงสาของอาเหมย
อาเป่าผู้พี่รีบเสริมด้วยความตื่นเต้น “ข้าจะช่วยท่านแม่เองขอรับ”
“ได้เลยลูก ร้านนี้เป็นร้านของเราสามคนนะ” หลินหว่านเอ๋อร์พูดกับลูกๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
ตอนที่14เนรมิตเรือนไม้ทำเลทอง (2) หลินหว่านเอ๋อร์สวมชุดเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน นางจูงมืออาเป่าสะพายถุงผ้าขนาดใหญ่ เดินเข้าไปในตลาดด้วยความมั่นใจเพื่อเฟ้นหาวัตถุดิบพิเศษสำหรับเมนูเปิดร้าน ก่อนออกมา นางได้ขอให้จงซิ่น ซึ่งมาดูผลงานของคนงาน ช่วยดูแลอาเหมยเป็นการชั่วคราว “อาเป่า” นางกระซิบ “วันนี้เราต้องหาพริกไทยดำเม็ดเล็กและสมุนไพรใบหยกมาให้ได้นะเพื่อทำน้ำซุปของเรา” “ได้ขอรับท่านแม่ ข้าจะถามทุกร้านที่คิดว่ามีเลยขอรับ” “เยี่ยมมากเลยลูก ช่างเป็นลูกชายที่ช่วยแม่ได้เก่งที่สุดเลยลูก” “ข้าอยากทำอาหารเก่งเหมือนท่านแม่ขอรับ” อาเป่ากล่าวด้วยแววตาเป็นประกาย “เจ้าต้องทำอาหารเก่งเหมือนแม่แน่ๆ เดี๋ยวแม่สอนให้ลูกทุกอย่างเลย” อาเป่ายิ้มให้กับแม่แล้วก็เดินนำหน้ามารดาเพื่อตามหาเครื่องเทศที่มารดาต้องการ เมื่อเดินไปถึงแผงขายเครื่องเทศที่ใหญ่ที่สุด หลินหว่านเอ๋อร์กำลังจะเอ่ยปากสั่งซื้อ ทันใดนั้นเสียงตะโกนกึกก้องก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “พ่อค้า เครื่องเทศชั้นดีทั้งหมดที่เจ้ามี ข้าเหมาหมด” นายจ้างจู เจ้าของร้านบะหมี่ชื่อดังในย่านนั้น ปรากฏตัวขึ
ตอนที่14เนรมิตเรือนไม้ทำเลทอง หลินหว่านเอ๋อร์ในเรือนไม้ที่แม้จะดูใหญ่โตแต่ก็ยังว่างเปล่า นางใช้กระดานไม้ที่หามาได้วางบนโต๊ะกลาง แล้วใช้ถ่านวาดผังโครงสร้างภายในร้านด้วยสีหน้าจริงจัง “เอาล่ะลูกรัก” นางกล่าวกับอาเป่าและอาเหมยที่นั่งมองแม่อย่างสงสัย “ร้านของเราจะต้องไม่เหมือนร้านอื่นๆ ในเมืองนี้” นางลากเส้นแบ่งพื้นที่ในครัวอย่างชัดเจน “ตรงนี้จะเป็นส่วนเตรียมวัตถุดิบต้องสะอาดและมีแสงสว่างเพียงพอ ส่วนตรงนี้จะเป็นส่วนทำอาหารซึ่งต้องอยู่ใกล้กับช่องระบายอากาศและเตา” หลินหว่านเอ๋อร์อธิบายการออกแบบเตาใหม่ที่นางวางแผนไว้ “ท่านแม่จะก่อเตาแบบพิเศษ ที่ใช้ฟืนน้อยลงแต่เก็บความร้อนได้ดี ทำน้ำซุปและน้ำแกงของเรามีรสชาติคงที่ตลอดทั้งวัน” นางยังจะสั่งให้ช่างทำชั้นวางเครื่องปรุงให้แยกจากกันอย่างเป็นระเบียบตามประเภท โดยเน้นเรื่องความสะอาดและถูกสุขลักษณะเป็นหลัก อาเป่าในฐานะผู้จัดการการเงินตัวน้อย นั่งถือสมุดบันทึกและพู่กันด้วยท่าทางเคร่งขรึม เมื่อเห็นแม่วาดผังและสั่งการให้ซื้อวัตถุดิบราคาแพง เขาก็รีบท้วงขึ้นทันที “ท่านแม่ขอรับ” อาเป่าชี้ไปที่รายการซื้อไม้ชั้น
ตอนที่13เรือนไม้ทำเลทอง รถม้าของพวกเขาแล่นเข้าสู่ตลาดใหญ่ในเมืองและสุดท้ายก็เลี้ยวเข้าสู่ซอยเล็กๆ ที่มีกลิ่นอับชื้นและดูเก่าแก่ เมื่อถึงจุดหนึ่ง จงซิ่นก็หยุดรถม้า แล้วชี้ไปยังห้องแถวไม้เก่าๆ ที่เอียงกระเท่เร่เล็กน้อย ซึ่งอยู่ติดกับกองลังไม้และกองขยะของร้ายขายเนื้อที่ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา “ท่านจงซิ่น” หลินหว่านเอ๋อร์ถึงกับทำหน้าเหยเกด้วยความผิดหวัง “ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะว่านี่คือ เรือนไม้ทำเลทอง ข้าว่ามันเป็น เรือนไม้ทำเลซ่อนมากกว่านะเจ้าคะ” จงซิ่นมองตามที่นางชี้ แล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อยอย่างที่ไม่ได้ยิ้มมานาน “แม่นางหลินเข้าใจผิดแล้วขอรับ” เขาผายมือไปยังเรือนไม้อีกหลังที่อยู่ถัดจากห้องแถวโทรมๆ ไปเพียงหนึ่งคูหา “เรือนไม้ทำเลทองที่แท้จริงอยู่ที่นั่นขอรับ” หลินหว่านเอ๋อร์หันไปมองตามมือของจงซิ่น แล้วต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เรือนไม้หลังนั้นใหญ่กว่าห้องแถวที่นางเห็นในตอนแรกถึงสามเท่า มันเป็นอาคารสองชั้นที่สร้างด้วยไม้ชั้นดี มีหน้าต่างบานใหญ่กรุกระจกใสสะอาด และมีป้ายไม้เนื้อดีแขวนอยู่ด้านหน้า “นี่คือทำเลทองท
ตอนที่12เป็นที่สนใจ คุณชายเว่ยกล่าวต่อด้วยรอยยิ้มที่ทำให้หลินหว่านเอ๋อร์ใจหายวาบ “แม่นางสามารถใช้หนี้ได้ในพริบตาเดียว และยังมีฝีมือการทำอาหารได้อร่อยล้ำลึกจนข้าเองก็อยากลิ้มรส...” เว่ยจื่อเหยียนเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับใช้สายตาที่ไม่บอกก็รู้ว่าเขากำลังหมายถึงทั้งอาหารที่ลิ้มรสและหมายถึงคนทำบะหมี่ไข่มังกร คำพูดของเขาทำให้หลินหว่านเอ๋อร์หน้าแดงเล็กน้อย แต่นางก็เก็บอาการไว้ทันที นางตระหนักได้ว่าตนเองถูกบุรุษสูงศักดิ์ถึงสองคนจับจ้อง นางหันกลับไปเผชิญหน้ากับจงซิ่นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวง “ท่านจงซิ่น” หลินหว่านเอ๋อร์กดเสียงต่ำ “เจ้านายของท่านต้องการส่วนแบ่งอะไรจากข้ากันแน่” “ต้องการให้อาหารของเจ้าเป็นที่รู้จักอย่างไรเล่า” จงซิ่นตอบนางแล้วก็มองดูลูกๆ ของนางที่กำลังเกาะขาของนางอยู่ อีกคนก็มองหน้าจงซิ่นสลับกับเว่ยจื่อเหยียน “เอาล่ะข้าตกลงที่จะเปิดร้านของข้าที่เรือนไม้ทำเลทองของนายท่านของท่านแต่ข้ามีเงื่อนไข” “เงื่อนไขอะไรขอรับ” จงซิ่นที่กำลังรอคำตอบจากหลินหว่านเอ๋อร์ เว่ยจื่อเหยียนก็พูดแทรกขึ้นมา “ข้าต้องขอตัวก่อนแม่นางหลิน เมื่อไหร่ที่เ
ตอนที่11เงินลงทุนหลินหว่านเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเบาสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน นางลุกขึ้นอย่างเงียบๆ และเดินไปยังที่ซ่อนเงินที่ขุดไว้ใต้พื้นดิน นางนำถุงผ้าออกมาอย่างระมัดระวัง เมื่อคลี่ดูเงินที่รวบรวมมาได้ นางก็นับจำนวนอย่างละเอียด“บะหมี่ที่ขายได้เมื่อวาน ค่าแรงที่จงซิ่นให้มันมากมายเหลือเกิน และดวงตาของหลินหว่านเอ๋อร์เบิกกว้างเมื่อเห็นก้อนเงินแท้ที่สลักอย่างสวยงาม วางอยู่ปะปนกับอีแปะ นางจำได้ว่าเงินก้อนนี้เป็นของลูกค้าที่ยกบะหมี่ชามสุดท้ายให้กับอาเหมย “ลูกค้าลึกลับผู้สั่งบะหมี่คนนั้น เขาเป็นใครกันแน่และเหตุใดจึงให้ก้อนใหญ่เกินความจำเป็นเช่นนี้ เขาต้องการอะไร” ความสงสัยเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเชฟสาวทะลุมิติมา แต่นางก็เก็บความสงสัยไว้ก่อนเพราะความจำเป็นในการเริ่มต้นชีวิตใหม่นั้นสำคัญกว่าความสงสัยในตอนนี้นางตัดสินใจซ่อนเงินก้อนนั้นไว้ในตัวเพื่อใช้เป็นทุนสำรองและเริ่มปลุกลูกๆ“อาเป่า อาเหมย” หลินหว่านเอ๋อร์เรียกลูกทั้งสองของนางที่ตอนนี้กำลังนอนงัวเงียไม่ยอมตื่นอาจจะเป็นเพราะเมื่อวานเด็กทั้งสองช่วยงานแม่อย่างหนักและเหนื่อยมากๆ นางยื่นแก้มไปแนบกับแก้มของบุตรชายและบุตรสาวเบ
ตอนที่10ราตรีกาลอันตราย (2) นักเลงเสี่ยวซ่านกำลังก้มดูรองเท้าที่เปื้อนขี้หมาอย่างรังเกียจ ขณะที่ไอ้หู่กำลังจะเริ่มปฏิบัติการงัดประตู ฉัวะ!!! เงามืดที่ว่องไวดุจสายฟ้าก็พุ่งลงมา จงซิ่นเคลื่อนไหวราวกับนักล่าผู้สง่างาม คราวนี้เขาใช้เทคนิคที่เน้นความเฉียบขาดเพื่อปิดปากพวกมันทันที ตูม!!! จงซิ่นใช้สันมือที่แข็งแกร่ง กระแทกเข้ามาที่จุดรวมเส้นประสามบริเวณคอของนักเลงไอ้หู่ที่กำลังยื่นมือไปเกาคอตัวเองอย่างแม่นยำ ร่างของมันล้มพับลงไปกองกับพื้นโดยไม่มีแม้แต่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด จงซิ่นหมุนตัวอย่างรวดเร็ว นักเลงเสี่ยวซ่านกำลังจะร้องโวยวายด้วยความตกใจ “แกเป็นใครวะ” ผัวะ!!! จงซิ่นใช้ฝ่ามือกระแทกที่กระพุ้งแก้มของมันอย่างรุนแรงแต่รวดเร็ว ทำให้เสี่ยวซ่านลิ้นพันกันและไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ จากนั้นจึงใช้เท้าเกี่ยวขาให้ล้มลง โดยจงใจให้เท้าเปื้อนขี้หมาเหยียบใบหน้าของไอ้หู่ที่สลบไปแล้ว ก่อนจะใช้ฝ่ามือกระแทกที่ท้ายทอย มันไม่ได้ตั้งตัว ก็แน่นิ่งไปในทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที จงซิ่นจัดการมัดร่างนักเลงทั้งสองไว้กับลำต้นหลิวอย่างร




![ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [นางร้าย]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


