FAZER LOGINตอนที่
18
เปิดเรือนครัวสองหนาน
เมื่อถึงเวลาเปิดร้าน ประตูร้านถูกเปิดออกอย่างเป็นทางการ กลิ่นหอมกรุ่นของ ข้าวต้มสมุนไพรหอมหมื่นลี้ที่ถูกปรุงอย่างประณีตก็ลอยออกไปทันที ดึงดูดผู้คนในตลาดให้เข้าคิวอย่างยาวเหยียด ลูกค้าต่างชื่นชมในความสะอาดและการจัดการร้านที่ทันสมัยผิดวิสัยร้านอาหารทั่วไปในยุคนี้
ลูกค้ากลุ่มแรกที่เข้ามาคือเถ้าแก่หวังและหลี่ต้าหมิง สองพ่อค้าผู้มีฐานะพร้อมสหายอีกหลายคน
“แม่นาง” เถ้าแก่หวังทักทายอย่างกระตือรือร้น
“ข้าต้องมาพิสูจน์ให้ได้ว่าข้าวต้มหมื่นลี้ที่ป่าวประกาศว่าเป็นอาหารวันเปิดร้านของเจ้าจะหอมไปได้ไกลจริงหรือไม่”
อาเหมยผู้รับหน้าที่ต้อนรับปรี่เข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่สดใสที่สุด “ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะท่านเถ้าแก่ เชิญที่โต๊ะริมหน้าต่างนี้เลยเจ้าค่ะ รับรองท่านจะได้กลิ่นหอมเต็มที่เจ้าค่ะ”
หลินหว่านเอ๋อร์ยืนปรุงอาหารอย่างใจเย็น ความวุ่นวายไม่ได้ทำให้นางตื่นเต้นเท่ากับการได้เห็นสิ่งที่ได้รับหลังจากการทุ่มเท เมื่อข้าวต้มหมื่นลี้ถูกยกไปเสิร์ฟ ความเงียบปกคลุมโต๊ะของเหล่าพ่อค้า
เสียงซดข้าวต้มดังเบาๆ
“รสชาติละเอียดอ่อนมาก” หลี่ต้าหมิงอุทาน
“ความหอมของสมุนไพรซึมซายเข้าไปในข้าวทุกเม็ด เนื้อกุ้งก็สดหวาน นี่มันไม่ใช่แค่ข้าวต้ม แต่เป็นยาอายุวัฒนะเสียมากกว่า”
ไม่นานนัก เรือนครัวสองหนานก็เต็มไปด้วยลูกค้า เสียงสั่งอาหารดังระงม อาเป่ายุ่งกับการคิดเงินด้วยลูกคิดจนควันแบออกหู ส่วนอาเหมยก็ยิ้มจนแก้มแทบปริ
ท่ามกลางความโกลาหล จงซิ่นที่ได้รับคำสั่งจากมู่ฉางเฟิงให้มา
“ดูแลความเรียบร้อย” พร้อมกับองครักษ์อีกสองสามคน ก็ต้องสวมบทบาทเป็นพนักงานแฝงตัว
จงซิ่นถือไม้กวาดด้วยท่าทางที่เคร่งขรึมราวกับกำลังถือดาบประจำกาย ส่วนองครักษ์คนอื่นๆ ก็ต้องทำหน้าที่ล้างจานและจัดโต๊ะด้วยความเงอะงะ แต่ก็แฝงด้วยความเร็วและแม่นยำตามสไตล์ของทหารฝึกหัด
จงซิ่นกวาดพื้นครัวด้วยท่วงท่าที่สง่างามเกินกว่าจะมาทำความสะอาด แต่หลินหว่านเอ๋อร์ที่กำลังเร่งรีบก็สังเกตเห็นว่าเขากวาดเศษผักที่หกอยู่ใต้โต๊ะเคาน์เตอร์ไม่หมด
“ท่านจงซิ่น” หลินหว่านเอ๋อร์เรียกเสียงเข้ม นางคิดว่าเขาเป็นแค่คนงานที่พ่อค้าลึกลับส่งมา
“ท่านช่วยกวาดเศษผักที่มุมนั้นให้สะอาดด้วยเจ้าค่ะ หากครัวไม่สะอาด อาเป่าจะมาทักท้วงแน่นอนเจ้าค่ะ และแน่นอนว่าต้องโดนอาเป่าไล่ออกแน่นอน”
จงซิ่นคิดในใจ “ข้าต้องอยู่รอดจากการถูกหักเงินเดือนเพราะเศษผัก ท่านอ๋อง!!! ข้าควรไปลอบสังหารศัตรูไม่ดีกว่าหรือ”
“ขอรับแม่นางหลิน” จงซิ่นตอบรับอย่างว่าง่าย และต้องก้มลงไปเก็บเศษผักอย่างประณีตราวกับเป็นภารกิจลับ
ท่ามกลางความวุ่นวาย หลินหว่านเอ๋อร์แอบเหลือบมองไปยังโรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้าม นางรรู้ว่าท่านพ่อค้าต้องกำลังซุ่มมองอยู่แน่ๆ นางจึงเริ่มวางแผน
นางตัดสินใจลงมือปรุง ซาลาเปาไส้บัวหิมะสูตรลับ ที่มีรูปร่างคล้ายดอกท้อ ซึ่งเป็นเมนูที่นางตั้งใจจะทำเพื่อมอบให้มู่ฉางเฟิงโดยเฉพาะ
“ท่านจงซิ่น ขอรอบกวนท่านนำซาลาเปาพิเศษชุดนี้ไปมอบให้กับเจ้านายของท่านได้หรือไม่เจ้าคะ”
จงซิ่นมองซาลาเปาที่ถูดจัดวางอย่างสวยงามด้วยความประหลาดใจ
“เอ่อ นายท่านของข้าอย่างนั้นหรือ” จงซิ่นถามเพื่อยืนยัน แต่ในใจของเขารู้ดีว่าเจ้านายของตนกำลังซุ่มมองจากโรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้ามแน่ๆ
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มนั้นคงงดงามแต่แฝงความท้าทายไว้ “ใช่เจ้าค่ะ เจ้านายของท่าน พ่อค้าหล่อเหลาผู้นั้นไม่ปรากฏตัววันนี้ ก็ให้ท่านนำซาลาเปานี้ไปมอบให้ บุรุษที่ท่านเห็นว่าสมควรได้รับ แทนก็ได้เจ้าค่ะ”
คำพูดนี้เป็นการส่งสัญญาณถึงมู่ฉางเฟิงที่กำลังเฝ้าดูอยู่ว่า นางรู้ว่าเขากำลังอยู่ใกล้ๆ และกำลังท้าทายให้เขาออกมา
จงซิ่นเข้าใจความหมายทันที ใบหน้าของเขาเริ่มตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย
“ข้าจะนำไปมอบให้นายท่านเองขอรับ” จงซิ่นรับถาดซาลาเปาไว้ด้วยสองมืออย่างระมัดระวัง
จงซิ่นคิดในใจ “ตายล่ะวา! แม่นางหลินเริ่มทำสงครามประสาทกับท่านอ๋องแล้ว ซาลาเปาไส้บัวหิมะนี่คือระเบิดเวลาชัดๆ ข้าต้องรีบเอาไปให้ท่านอ๋องก่อนที่นางจะส่งอาหารไปให้บุรุษอื่นจริง ๆ”
จงซิ่นรีบออกจากร้านไปอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ภายใต้สายตาจับจ้องของลูกค้า ทำให้คนอื่นๆ ต้องหัวเราะกับท่าทางรีบร้อนของเขา
มู่ฉางเฟิงนั่งอยู่ริมหน้าต่าง มองเรือนครัวของหลินหว่านเอ๋อร์ด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขาได้ยินเสียงหัวเราะและเสียงสั่งอาหารดังมาถึงโรงเตี๊ยมของเขา ที่เขาเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในตอนนี้ (เหมาไม่มีกำหนด)
“ช่างน่าประทับใจ” มู่ฉางเฟิงพึมพำ “นางไม่ต้องพึ่งพาอำนาจใดๆ เลย แค่รสชาติอาหารของนางก็เพียงพอแล้ว”
ทันใดนั้น จงซิ่นก็วิ่งเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อน โดยมีถาดซาลาเปาบัวหิมะอยู่บนมือ เขาส่งสายตาบ่งบอกความวุ่นวายใจอย่างหนัก
“นายท่านนี่คือ ของขวัญจากแม่นางหลินขอรับ” จงซิ่นวางถาดลงบนโต๊ะ
มู่ฉางเฟิงเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาเห็นรูปร่างของซาลาเปาที่คล้ายดอกท้อ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความงามและความสุข
“ของขวัญ” มู่ฉางเฟิงถาม
“นางบอกว่าอย่างไร”
จงซิ่นรีบเล่าบทสนทนาทั้งหมดให้เจ้านายฟัง โดยเน้นย้ำประโยคที่ว่า “หากท่านพ่อค้าหล่อเหลาผู้นั้นไม่ปรากฎตัววันนี้ ก็ให้ท่านนำซาลาเปานี้ไปมอบให้ บุรุษที่ท่านเห็นว่าสมควรได้รับแทนก็ได้เจ้าค่ะ”
มู่ฉางเฟิงใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอย่างปิดไม่มิด รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมและพึงพอใจ
“หึ แม่นางหลินผู้นี้ฉลาดเฉลียวและกล้าหาญยิ่งนัก” มู่ฉางเฟิงหยิบซาลาเปาขึ้นมาหนึ่งลูก เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนจากไส้บัวหิมะที่ซ่อนอยู่ภายใน
“นางกำลังยื่นคำขาดให้ข้า ให้ข้ารับซาลาเปาชิ้นนี้เพื่อให้ข้ายอมรับว่าข้ากำลังมาแอบมองนางอยู่”
“แล้วท่านจะทำอย่างไรขอรับ” จงซิ่นถามอย่างระมัดระวัง
มู่ฉางเฟิงกัดซาลาเปาคำหนึ่ง รสชาติหวานนุ่มและกลิ่นหอมละมุนของบัวหิมะเข้ากันได้อย่างลงตัวกับความอุ่นร้อนของแป้ง รสชาติของมันช่างสมบูรณ์แบบไม่ต่างจากตัวนาง
“แน่นอนว่าข้าย่อมเป็นบุรุษที่สมควรได้รับ” มู่ฉางเฟิงตอบเสียงเรียบดวงตาเป็นประกาย
“บอกนางไปว่า ข้าได้รับซาลาเปาของนางแล้ว และข้าจะไปที่ร้านของนางเมื่อข้าอยากไปเท่านั้น”
ตอนที่18เปิดเรือนครัวสองหนาน เมื่อถึงเวลาเปิดร้าน ประตูร้านถูกเปิดออกอย่างเป็นทางการ กลิ่นหอมกรุ่นของ ข้าวต้มสมุนไพรหอมหมื่นลี้ที่ถูกปรุงอย่างประณีตก็ลอยออกไปทันที ดึงดูดผู้คนในตลาดให้เข้าคิวอย่างยาวเหยียด ลูกค้าต่างชื่นชมในความสะอาดและการจัดการร้านที่ทันสมัยผิดวิสัยร้านอาหารทั่วไปในยุคนี้ ลูกค้ากลุ่มแรกที่เข้ามาคือเถ้าแก่หวังและหลี่ต้าหมิง สองพ่อค้าผู้มีฐานะพร้อมสหายอีกหลายคน “แม่นาง” เถ้าแก่หวังทักทายอย่างกระตือรือร้น “ข้าต้องมาพิสูจน์ให้ได้ว่าข้าวต้มหมื่นลี้ที่ป่าวประกาศว่าเป็นอาหารวันเปิดร้านของเจ้าจะหอมไปได้ไกลจริงหรือไม่” อาเหมยผู้รับหน้าที่ต้อนรับปรี่เข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่สดใสที่สุด “ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะท่านเถ้าแก่ เชิญที่โต๊ะริมหน้าต่างนี้เลยเจ้าค่ะ รับรองท่านจะได้กลิ่นหอมเต็มที่เจ้าค่ะ” หลินหว่านเอ๋อร์ยืนปรุงอาหารอย่างใจเย็น ความวุ่นวายไม่ได้ทำให้นางตื่นเต้นเท่ากับการได้เห็นสิ่งที่ได้รับหลังจากการทุ่มเท เมื่อข้าวต้มหมื่นลี้ถูกยกไปเสิร์ฟ ความเงียบปกคลุมโต๊ะของเหล่าพ่อค้า เสียงซดข้าวต้มดังเบาๆ “รสชาติละเอียดอ่อนมาก” หลี่ต้
ตอนที่17ผู้จัดการร้านตัวน้อย กลิ่นหอมสมุนไพรและเครื่องเทศอบอวลไปทั่วเรือนครัวสองหนาน หลินหว่านเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ไก่โห่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันเปิดร้านอย่างเป็นทางการ นางยืนอยู่หน้าเตาขนาดใหญ่ สองมือวุ่นอยู่กับการต้มน้ำซุปสำหรับเมนูใหม่ที่ซับซ้อนขึ้นอย่าง ข้าวต้มสมุนไพรหอมหมื่นลี้ เมนูไม่ได้เน้นเพียงความอร่อย แต่เน้นกลิ่นหอมแรงที่สามารถลอยไปได้ไกลดึงดูดลูกค้า และคุณค่าทางอาหารสูงเพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่ร่ำรวยและใส่ใจสุขภาพ “วันนี้ต้องสมบูรณ์แบบ” หลินหว่านเอ๋อร์พึมพำกับตัวเองขณะปรุงรสชาติซุปให้กลมกล่อม ไม่นานนัก อาเป่าและอาเหมยก็ตื่นขึ้นมาเตรียมตัวตมหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย อาเหมยวิ่งไปหยิบผ้ากันเปื้อนตัวเล็กมาผูกอย่างกระตือรือร้น “ท่านแม่เจ้าคะ วันนี้ข้าจะเป็นผู้ต้อนรับที่ยิ้มหวานที่สุดในเมืองเลยเจ้าค่ะ” นางได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญคือ การต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มและนำทางไปยังที่นั่ง ส่วนอาเป่านั้น มาดเข้มกว่าผู้เป็นแม่เสียอีก เขาไม่ได้สนใจเตาหรืออาหารเลยแม้แต่น้อย สายตาของเขามุ่งตรงไปยังโต๊ะคิดเงินซึ่งมีลูกคิดวางอยู่พร้อมกับกล่องไม้ส
ตอนที่16พ่อค้าธรรมดา ที่เรือนไม้ทำเลทอง ยามไฮ่ (21.00 – 23.00 น.) หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้ว ความวุ่นวายในตลาดได้ถูกแทนที่ด้วยความเงียบสงบยามค่ำคืน หลินหว่านเอ๋อร์ยืนรออยู่ในห้องครัวที่อบอุ่นด้วยไอสมุนไพร นางจุดโคมไฟเพียงดวงเดียวที่โต๊ะหินขัดเงา ไม่นานนัก มู่ฉางเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้น เขามาตามนัดในชุดพ่อค้า ผ้าไหมชั้นดีที่ดูสุภาพ แต่ก็ยังมีความสง่างามไว้จนปิดไม่มิด “แม่นางหลิน” มู่ฉางเฟิงกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้นุ่มนวลที่สุด “ท่านพ่อค้า” หลินหว่านเอ๋อร์โค้งคำนับสั้นๆ อย่างเป็นทางการ บรรยากาศตึงเครียด มู่ฉางเฟิงเดินเข้ามาใกล้โต๊ะมากขึ้น ทำให้ใบหน้าของเขาพ้นจากเงามืดและถูกโคมไฟส่องกระทบอย่างชัดเจน นี่เป็นครั้งแรกที่หลินหว่านเอ๋อร์ได้เห็นใบหน้าของท่านพ่อค้าอย่างใกล้ชิด หลินหว่านเอ๋อร์ยืนนิ่งราวกับถูกตรึง นางเคยได้ยินเสียงของเขา ได้เห็นรูปร่างสูงใหญ่ของเขา แต่ไม่เคยเห็นใบหน้าที่ปราศจากการปกปิดใดๆ ภายใต้แสงสว่างที่เพียงพอ ใบหน้าของเขานั้นหล่อเหลาและสง่างามเกินกว่าจะเป็นเพียงพ่อค้า ดวงตาของเขามีแต่ความอ่อนโยนคู่นั้น ทำให้นางรู้ส
ตอนที่15สงครามข่าวลือ (2) หลังจากตลาดชิมฟรีจบลง ผู้คนก็ทยอยกันจากไป เหลือเพียง จงซิ่นที่กำลังยืนเช็ดป้ายหน้าร้านอย่างเคร่งขรึม หลินเสี่ยวหรู ผู้ซึ่งไม่รู้ว่ามารดาของนางเพิ่งพ่ายแพ้ไปแล้ว ก็ปรากฏตัวขึ้น นางสังเกตเห็นจงซิ่น นางตั้งใจว่าจะเกี้ยวจงซิ่นเพื่อจะได้รู้เรื่องราวของคนที่อยู่เบื้องหลังร้านนี้ของหลินหว่านเอ๋อร์ตามที่มีข่าวลือว่าร่ำรวยมาก หลินเสี่ยวหรูจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาจงซิ่นที่ยืนอยู่หน้าเรือนไม้เรือนทองเพราะมาตรวจสอบความเรียบร้อยและมาคอยพิทักษ์หลินหว่านเอ๋อ นางเดินเข้ามาด้วยท่าที่ยั่วยวนที่ฝึกฝนมาอย่างดี นางคิดว่าบุรุษรูปงามที่ดูเคร่งขรึมเช่นนี้คงจะพ่ายแพ้ต่อมารยาหญิงอย่างง่ายดาย จงซิ่นกำลังง่วนอยู่กับการตรวจสอบรอยร้าวเล็กๆ บนเสาไม้ที่เขาเชื่อว่าเกิดจากฝีมือของคนงานที่ทำงานไม่เรียบร้อย เขาไม่ได้สังเกตว่ามีภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ หลินเสี่ยวหรูเดินเร็วขึ้น แล้วแสร้งทำเป็นเสียหลักหกล้มใกล้ๆ กับจงซิ่นอย่างจงใจ “ว้าย!!! คุณชาย ช่วยข้าด้วย!!!” หลินเสี่ยวหรูร้องเสียงหลง ขณะที่ทิ้งตัวลงไปในทิศทางที่คิด
ตอนที่15สงครามข่าวลือ มู่ฉางเฟิงกำลังนั่งตรวจสอบเอกสารลับบนโต๊ะไม้หอม ใบหน้าเคร่งขรึมและสงบนิ่งตามปกติ ราวกับไม่เคยมีเรื่องใดทำให้เขาหวั่นไหวได้ แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย จงซิ่นก้าวเข้ามาอย่างเงียบเชียบ พร้อมกับซองจดหมายขนาดเล็กที่ปิดผนึกอย่างเรียบร้อย “นายท่านขอรับ” จงซิ่นยื่นจดหมายให้ “นี่คือจดหมายที่แม่นางหลินฝากส่งถึงท่าน นางกำชับว่าต้องส่งถึงมือท่านในทันที หัวใจของมู่ฉางเฟิงเต้นรัวอย่างผิดจังหวะ เขาแสร้งทำเป็นเฉยเมย รับจดหมายมาด้วยท่าทีที่ดูหนักแน่น แต่กลับใช้เวลาในการแกะซองนานกว่าการตัดสินใจเรื่องงบประมาณราชการทั้งปีเสียอีก เมื่ออ่านเนื้อหาในจดหมาย ซึ่งระบุการนัดหมายที่เรือนไม้ทำเลทองในยามไฮ่ เพื่อเจรจาเรื่องสำคัญ มู่ฉางเฟิงก็วางจดหมายลงอย่างช้าๆ มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อกำแน่นด้วยความดีใจ “จงซิ่น” มู่ฉางเฟิงกระแอมไออย่างมีพิรุธ แววตาที่มององครักษ์ผู้ซื่อสัตย์นั้นเต็มไปด้วยความประหม่าที่เก็บซ่อนไม่มิด จงซิ่นเงยหน้ามองเจ้านายด้วยความสงสัยทันที เจ้านายของเขาทำตัวแปลกไปมากนับตั้งแต่รู้จักแม่ม่ายผู้นั้น “ท่
ตอนที่14เนรมิตเรือนไม้ทำเลทอง (3) หลินหว่านเอ๋อร์ออกมาดูการปรับปรุงเรือนครัวด้านหลังอย่างเงียบๆ นางรู้สึกเหนื่อยล้าจากการต่อสู้กับพ่อค้าใหญ่ในตลาด และกำลังใช้เวลาพักจิบน้ำชาสมุนไพรที่ตนชงเอง โดยมีอาเหมยกำลังง่วนอยู่กับการช่วยจงซิ่นจัดเรียงเครื่องปรุงแปลกๆ เข้าชั้นวาง เสียงฝีเท้าที่มั่นคงและสุภาพดังขึ้นจากทางด้านหลัง เว่ยจื่อเหยียน ก้าวเข้ามาพร้อมกับกล่องไม้หอมสลักลายวิจิตรบรรจงในมือ เขาสวมชุดผ้าไหมชั้นดีที่ดูภูมิฐานยิ่งกว่ามู่ฉางเฟิงเสียอีก “แม่นางหลิน ข้าขออภัยที่มารบกวนยามวิกาล” คุณชายเว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนจนน่าประหลาดใจ “คุณชายเว่ย” หลินหว่านเอ๋อร์ลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ นางยังคงรู้สึกแปลกๆ ที่เจอเขาอีกแล้ว “ข้าได้นำ ชาอวี้ลู่มาให้นางเป็นชาที่หายากยิ่งนัก ช่วยบำรุงหัวใจและสงบจิตใจได้ดี ข้าหวังว่ามันจะช่วยให้แม่นางคลายความเหน็ดเหนื่อยจากการเนรมิตเรือนครัวแห่งนี้” หลินหว่านเอ๋อร์รับกล่องชามาอย่างเกรงใจ “คุณชายเว่ยให้เกียรติเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ของกำนัลนี้มีค่าเกินกว่าที่ข้าจะรับไว้ได้” ขณะนั้นเองอาเหมยซึ่งถูกจงซิ่นกำกับให้จัด







