Se connecterตอนที่
15
สงครามข่าวลือ
มู่ฉางเฟิงกำลังนั่งตรวจสอบเอกสารลับบนโต๊ะไม้หอม ใบหน้าเคร่งขรึมและสงบนิ่งตามปกติ ราวกับไม่เคยมีเรื่องใดทำให้เขาหวั่นไหวได้ แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
จงซิ่นก้าวเข้ามาอย่างเงียบเชียบ พร้อมกับซองจดหมายขนาดเล็กที่ปิดผนึกอย่างเรียบร้อย
“นายท่านขอรับ” จงซิ่นยื่นจดหมายให้ “นี่คือจดหมายที่แม่นางหลินฝากส่งถึงท่าน นางกำชับว่าต้องส่งถึงมือท่านในทันที
หัวใจของมู่ฉางเฟิงเต้นรัวอย่างผิดจังหวะ เขาแสร้งทำเป็นเฉยเมย รับจดหมายมาด้วยท่าทีที่ดูหนักแน่น แต่กลับใช้เวลาในการแกะซองนานกว่าการตัดสินใจเรื่องงบประมาณราชการทั้งปีเสียอีก
เมื่ออ่านเนื้อหาในจดหมาย ซึ่งระบุการนัดหมายที่เรือนไม้ทำเลทองในยามไฮ่ เพื่อเจรจาเรื่องสำคัญ มู่ฉางเฟิงก็วางจดหมายลงอย่างช้าๆ มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อกำแน่นด้วยความดีใจ
“จงซิ่น” มู่ฉางเฟิงกระแอมไออย่างมีพิรุธ แววตาที่มององครักษ์ผู้ซื่อสัตย์นั้นเต็มไปด้วยความประหม่าที่เก็บซ่อนไม่มิด
จงซิ่นเงยหน้ามองเจ้านายด้วยความสงสัยทันที เจ้านายของเขาทำตัวแปลกไปมากนับตั้งแต่รู้จักแม่ม่ายผู้นั้น
“ท่านอ๋องต้องการสอบถามสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
มู่ฉางเฟิงเดินออกจากโต๊ะทำงาน แล้วหันหลังพิงเสาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
“ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่า ในเมืองนี้ สตรีที่ต้องการพูดคุยเรื่องสำคัญในยามค่ำคืนกับบุรุษที่ไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหายเช่นข้านั้น มักจะหมายถึงเรื่องใดกันแน่ เจ้าพอจะให้ความรู้แก่ข้าได้หรือไม่”
จงซิ่นมองเจ้านายด้วยความเหนื่อยใจทันที เขาตีสถานการณ์ตามประสบการณ์ที่โชกโชนในโลกแห่งการเมืองและความลับ
“ถ้าเป็นสตรีทั่วไปที่เพิ่งได้รับความช่วยเหลือจากท่าน” ข้าเกรงว่าจงซิ่นหยุดชั่วครู่ ก่อนตอบอย่างหนักแน่น
“คงเป็นการนัดเพื่อทวงถามความจริง เรื่องเบื้องหลังอำนาจของท่านหรือไม่ก็...” จงซิ่นพูดขึ้นมาแล้วหยุดแค่นั้นก่อนจะมองหน้าของท่านอ๋องมู่ฉางเฟิง
“เหลงไหล” มู่ฉางเฟิงตวาดเสียงดัง “ข้าไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับนางเลยสักนิด ข้าเพียงแค่เป็นเจ้าของที่ดินเท่านั้น”
“ขออภัยที่ข้าคิดไปไกลขอรับ” จงซิ่นกล่าวอย่างไม่ยี่หระ แต่ในใจคิดว่า “ท่านน่าจะใช้โอกาสที่ข้าเข้าใจผิดนี่สารภาพความจริงไปเลย”
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม คืนนี้ท่านต้องดูดีที่สุด”
มู่ฉางเฟิงไม่ได้สนใจคำพูดของจงซิ่นอีกต่อไป เขากลับเดินวนไปมาอย่างกระสับกระส่ายราวกับเสือที่ติดอยู่ในกรง
“ใช่!!! ต้องดูดี ไปจงซิ่น พาข้าไปดูเสื้อผ้าทั้งหมดที่เจ้าจัดเตรียมไว้ เจ้าต้องช่วยข้าเลือกชุดที่ทำให้ข้าดู สุภาพอ่อนโยน และไม่ทำให้หว่านเอ๋อร์กลัวข้าและไม่ให้นางรู้ว่าข้าเป็นใคร ข้าต้องการให้นางเห็นข้าในฐานะพ่อค้าที่อบอุ่นและไว้วางใจได้เท่านั้น”
หลังจากใช้เวลาถกเถียงเรื่องสีของเสื้อคลุมและการปักลายละเอียดอ่อนนานเกือบหนึ่งชั่วยาม มู่ฉางเฟิงก็เลือกชุดพ่อค้าที่ทำจากผ้าไหมเนื้อดีที่สุดและปักด้ายทองคำอย่างประณีตที่สุด ซึ่งมีราคาแพงจนจงซิ่นอยากจะเป็นลม แต่ในสายตาของท่านอ๋องมันคือชุดพ่อค้าสุภาพ
“คืนนี้ ข้าจะได้พบกับนางเป็นการส่วนตัวแล้ว”
จงซิ่นได้แต่ถอนหายใจยาว แล้วภาวนาขอให้เจ้านายของตนไม่เผลอใช้น้ำเสียงแบบท่านอ๋อง พูดกับแม่นางหลินเสียก่อนที่เรื่องสำคัญจะถูกเปิดเผย
ตั้งแต่เช้าตรู่ บริเวณหน้าเรือนไม้ทำเลทองก็ถูกปกคลุมดัวยบรรยากาศที่อึมครึม ไม่ใช่เพราะสภาพอากาศ แต่เป็นเพราะข่าวลือที่หลินจางซื่อและพรรคพวกกำลังปล่อยออกมา
หลินจางซื่อไม่ได้แค่ซุบซิบ แต่ยืนจับกลุ่มกับสตรีสูงวัยหลายคนตรงหัวมุมตลาดที่ผู้คนต้องเดินผ่าน ราวกับเป็นด่านตรวจคนเข้าเมืองแห่งข่าวลือ
“ใครจะไปเชื่อแม่ม่ายไร้สามีอย่างนางหว่านเอ๋อร์ ได้เรือนไม้ทำเลทองมาง่ายๆ ไม่ใช่เพราะฝีมือหรอกแต่เพราะนางใช้เสน่ห์มารยา แลกกับพ่อค้าใหญ่ที่มีอำนาจนั่นต่างหาก” หลินจางซื่อกล่าวเสียงดีงเกินจำเป็น
ผู้คนหยุดมองเรือนไม้ทำเลทองอย่างลังเล หลายคนอยากลองลิ้มรสอาหารของแม่ม่ายฝีมือดีคนนี้ แต่ก็กลัวจะถูกมองสตรีที่ไม่บริสุทธิ์” หรือถูกมองว่ากินอาหารที่ได้มาจากเงินบาป
หลินหว่านเอ๋อร์ออกมาพร้อมกับหม้อต้มซุปทองแดงขนาดใหญ่ ซุปไก่ตุ๋นสมุรไพรบำรุง สูตรลับส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว นางทำซุปนี้เนื่องในโอกาส ฉลองการปรับปรุงเรือนครัวที่ใกล้เสร็จสมบูรณ์ และถือโอกาสนี้ทำการ ตลาดนัดชิมฟรีเพื่อประเมินการตลาดก่อนเปิดร้านจริง
ขณะที่บรรยากาศกำลังตึงเครียด อาเป่าก็เดินออกมาพร้อมกับอาเหมยที่กำลังถือถาดไม้เล็กๆ บรรจุถ้วยซุปขนาดจิ๋วเรียงอย่างเป็นระเบียบ
“ท่านแม่บอกว่า กลิ่นอาหารต้องดังกว่าเสียงนินทาเจ้าค่ะ” อาเป่ากระซิบบอกน้องสาวอย่างนักปราชญ์ตัวน้อย
อาเหมยผู้ได้รับหน้าที่สำคัญ เดินเข้าไปหาหลินจางซื่ออย่างกล้าหาญพร้อมถ้วยซุปไก่ทองคำ
“ท่านยายจางซื่อเจ้าคะ ท่านแม่บอกให้ข้าเอาซุปบำรุงสุขภาพมาให้ท่านชิมเจ้าค่ะ ท่านแม่บอกว่าท่านยายพูดมากมาทั้งวันแล้ว คงจะเหนื่อยคอ”
หลินจางซื่ออับอายและโกรธจัดที่ถูกเด็กยั่วเย้า แต่นางก็อดใจไม่ได้ที่จะรับถ้วยซุปมาอย่างกระแทกกระทั้น นางตั้งใจจะแสร้งทำเป็นจิบแล้วคายทิ้งเพื่อประจาน
แต่ทันทีที่หลินจางซื่อจิบ ซุปไก่ตุ๋นสมุนไพรบำรุง สูตรลับ เข้าไปคำพูดที่เตรียมไว้ก็ติดอยู่ที่คอ ซุปนั้นมีรสชาติล้ำลึก หวานนวล และอุ่นซ่านไปทั่วร่างกาย จนร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยจากการนินทามาทั้งวันรู้สึกมีพลังขึ้นมาทันที
“นี่มัน” หลินจางซื่อพูดไม่ออก นางจำรสชาติของรากโสมหิมะที่มีราคาแพงลิบลิ่วได้อย่างชัดเจน
ขณะนั้นเอง เถ้าแก่หวังเจ้าของร้านของชำก็เดินเข้ามา
“โธ่ ข้าว่าแล้วทำไมข้าถึงรู้สึกสดชื่นจนอยากแบกกระสอบข้าวสาร แม่นางหลินซุปของเจ้ามันวิเศษเกินไปแล้ว เจ้าใช้สมุนไพรชั้นดีขนาดนี้ ไม่มีทางที่คนดีๆ จะทำเรื่องอย่างนั้น”
หลี่ต้าหมิง หัวหน้ายามประจำตลาด วิ่งกลับมาอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เหงื่อท่วม
“แม่นางหลิน ซุปของเจ้ามีฤทธิ์ขนาดนี้ได้อย่างไร ข้าวิ่งตรวจตราไปสามซอยใหญ่แล้วยังไม่เหนื่อยเลย อาหารที่ปรุงจากใจจริงแบบนี้ คนอย่างเจ้าไม่มีทางทำเรื่องอย่างนั้นแน่นอน”
หลินหว่านเอ๋อร์ก้าวออกมาจากร้านด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนแต่มั่นคงนางไม่ได้พูดถึงข่าวลือ แต่นางพูดถึงอาหาร
“ข้าใช้เพียงวัตถุดิบที่ดีที่สุดในการดูแลลูกค้าของข้าเจ้าค่ะ เพราะอาหารที่บริสุทธิ์และปรุงด้วยความตั้งใจ จะไม่ทรยศต่อผู้ที่ลิ้มลอง
หลินจางซื่อพยายามจะอ้าปากเถียง แต่นางกลับสำลักเศษโสมหิมะที่ติดอยู่ในลำคอ จนต้องไอโขลกๆ ด้วยความอับอาย เมื่อเสียงชื่นชมจากชาวบ้านดังขึ้นเรื่อยๆ หลินจางซื่อและพวกจึงต้องรีบปลีกตัวออกไปจากตลาดอย่างเงียบๆ ด้วยความพ่ายแพ้ต่อรสชาติอาหาร
หลินหว่านเอ๋อร์ อาเป่าและอาเหมยแอบหัวเราะในความพ่ายแพ้ของหลินจางซื่อ
ตอนที่18เปิดเรือนครัวสองหนาน เมื่อถึงเวลาเปิดร้าน ประตูร้านถูกเปิดออกอย่างเป็นทางการ กลิ่นหอมกรุ่นของ ข้าวต้มสมุนไพรหอมหมื่นลี้ที่ถูกปรุงอย่างประณีตก็ลอยออกไปทันที ดึงดูดผู้คนในตลาดให้เข้าคิวอย่างยาวเหยียด ลูกค้าต่างชื่นชมในความสะอาดและการจัดการร้านที่ทันสมัยผิดวิสัยร้านอาหารทั่วไปในยุคนี้ ลูกค้ากลุ่มแรกที่เข้ามาคือเถ้าแก่หวังและหลี่ต้าหมิง สองพ่อค้าผู้มีฐานะพร้อมสหายอีกหลายคน “แม่นาง” เถ้าแก่หวังทักทายอย่างกระตือรือร้น “ข้าต้องมาพิสูจน์ให้ได้ว่าข้าวต้มหมื่นลี้ที่ป่าวประกาศว่าเป็นอาหารวันเปิดร้านของเจ้าจะหอมไปได้ไกลจริงหรือไม่” อาเหมยผู้รับหน้าที่ต้อนรับปรี่เข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่สดใสที่สุด “ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะท่านเถ้าแก่ เชิญที่โต๊ะริมหน้าต่างนี้เลยเจ้าค่ะ รับรองท่านจะได้กลิ่นหอมเต็มที่เจ้าค่ะ” หลินหว่านเอ๋อร์ยืนปรุงอาหารอย่างใจเย็น ความวุ่นวายไม่ได้ทำให้นางตื่นเต้นเท่ากับการได้เห็นสิ่งที่ได้รับหลังจากการทุ่มเท เมื่อข้าวต้มหมื่นลี้ถูกยกไปเสิร์ฟ ความเงียบปกคลุมโต๊ะของเหล่าพ่อค้า เสียงซดข้าวต้มดังเบาๆ “รสชาติละเอียดอ่อนมาก” หลี่ต้
ตอนที่17ผู้จัดการร้านตัวน้อย กลิ่นหอมสมุนไพรและเครื่องเทศอบอวลไปทั่วเรือนครัวสองหนาน หลินหว่านเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ไก่โห่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันเปิดร้านอย่างเป็นทางการ นางยืนอยู่หน้าเตาขนาดใหญ่ สองมือวุ่นอยู่กับการต้มน้ำซุปสำหรับเมนูใหม่ที่ซับซ้อนขึ้นอย่าง ข้าวต้มสมุนไพรหอมหมื่นลี้ เมนูไม่ได้เน้นเพียงความอร่อย แต่เน้นกลิ่นหอมแรงที่สามารถลอยไปได้ไกลดึงดูดลูกค้า และคุณค่าทางอาหารสูงเพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่ร่ำรวยและใส่ใจสุขภาพ “วันนี้ต้องสมบูรณ์แบบ” หลินหว่านเอ๋อร์พึมพำกับตัวเองขณะปรุงรสชาติซุปให้กลมกล่อม ไม่นานนัก อาเป่าและอาเหมยก็ตื่นขึ้นมาเตรียมตัวตมหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย อาเหมยวิ่งไปหยิบผ้ากันเปื้อนตัวเล็กมาผูกอย่างกระตือรือร้น “ท่านแม่เจ้าคะ วันนี้ข้าจะเป็นผู้ต้อนรับที่ยิ้มหวานที่สุดในเมืองเลยเจ้าค่ะ” นางได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญคือ การต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มและนำทางไปยังที่นั่ง ส่วนอาเป่านั้น มาดเข้มกว่าผู้เป็นแม่เสียอีก เขาไม่ได้สนใจเตาหรืออาหารเลยแม้แต่น้อย สายตาของเขามุ่งตรงไปยังโต๊ะคิดเงินซึ่งมีลูกคิดวางอยู่พร้อมกับกล่องไม้ส
ตอนที่16พ่อค้าธรรมดา ที่เรือนไม้ทำเลทอง ยามไฮ่ (21.00 – 23.00 น.) หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้ว ความวุ่นวายในตลาดได้ถูกแทนที่ด้วยความเงียบสงบยามค่ำคืน หลินหว่านเอ๋อร์ยืนรออยู่ในห้องครัวที่อบอุ่นด้วยไอสมุนไพร นางจุดโคมไฟเพียงดวงเดียวที่โต๊ะหินขัดเงา ไม่นานนัก มู่ฉางเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้น เขามาตามนัดในชุดพ่อค้า ผ้าไหมชั้นดีที่ดูสุภาพ แต่ก็ยังมีความสง่างามไว้จนปิดไม่มิด “แม่นางหลิน” มู่ฉางเฟิงกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้นุ่มนวลที่สุด “ท่านพ่อค้า” หลินหว่านเอ๋อร์โค้งคำนับสั้นๆ อย่างเป็นทางการ บรรยากาศตึงเครียด มู่ฉางเฟิงเดินเข้ามาใกล้โต๊ะมากขึ้น ทำให้ใบหน้าของเขาพ้นจากเงามืดและถูกโคมไฟส่องกระทบอย่างชัดเจน นี่เป็นครั้งแรกที่หลินหว่านเอ๋อร์ได้เห็นใบหน้าของท่านพ่อค้าอย่างใกล้ชิด หลินหว่านเอ๋อร์ยืนนิ่งราวกับถูกตรึง นางเคยได้ยินเสียงของเขา ได้เห็นรูปร่างสูงใหญ่ของเขา แต่ไม่เคยเห็นใบหน้าที่ปราศจากการปกปิดใดๆ ภายใต้แสงสว่างที่เพียงพอ ใบหน้าของเขานั้นหล่อเหลาและสง่างามเกินกว่าจะเป็นเพียงพ่อค้า ดวงตาของเขามีแต่ความอ่อนโยนคู่นั้น ทำให้นางรู้ส
ตอนที่15สงครามข่าวลือ (2) หลังจากตลาดชิมฟรีจบลง ผู้คนก็ทยอยกันจากไป เหลือเพียง จงซิ่นที่กำลังยืนเช็ดป้ายหน้าร้านอย่างเคร่งขรึม หลินเสี่ยวหรู ผู้ซึ่งไม่รู้ว่ามารดาของนางเพิ่งพ่ายแพ้ไปแล้ว ก็ปรากฏตัวขึ้น นางสังเกตเห็นจงซิ่น นางตั้งใจว่าจะเกี้ยวจงซิ่นเพื่อจะได้รู้เรื่องราวของคนที่อยู่เบื้องหลังร้านนี้ของหลินหว่านเอ๋อร์ตามที่มีข่าวลือว่าร่ำรวยมาก หลินเสี่ยวหรูจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาจงซิ่นที่ยืนอยู่หน้าเรือนไม้เรือนทองเพราะมาตรวจสอบความเรียบร้อยและมาคอยพิทักษ์หลินหว่านเอ๋อ นางเดินเข้ามาด้วยท่าที่ยั่วยวนที่ฝึกฝนมาอย่างดี นางคิดว่าบุรุษรูปงามที่ดูเคร่งขรึมเช่นนี้คงจะพ่ายแพ้ต่อมารยาหญิงอย่างง่ายดาย จงซิ่นกำลังง่วนอยู่กับการตรวจสอบรอยร้าวเล็กๆ บนเสาไม้ที่เขาเชื่อว่าเกิดจากฝีมือของคนงานที่ทำงานไม่เรียบร้อย เขาไม่ได้สังเกตว่ามีภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ หลินเสี่ยวหรูเดินเร็วขึ้น แล้วแสร้งทำเป็นเสียหลักหกล้มใกล้ๆ กับจงซิ่นอย่างจงใจ “ว้าย!!! คุณชาย ช่วยข้าด้วย!!!” หลินเสี่ยวหรูร้องเสียงหลง ขณะที่ทิ้งตัวลงไปในทิศทางที่คิด
ตอนที่15สงครามข่าวลือ มู่ฉางเฟิงกำลังนั่งตรวจสอบเอกสารลับบนโต๊ะไม้หอม ใบหน้าเคร่งขรึมและสงบนิ่งตามปกติ ราวกับไม่เคยมีเรื่องใดทำให้เขาหวั่นไหวได้ แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย จงซิ่นก้าวเข้ามาอย่างเงียบเชียบ พร้อมกับซองจดหมายขนาดเล็กที่ปิดผนึกอย่างเรียบร้อย “นายท่านขอรับ” จงซิ่นยื่นจดหมายให้ “นี่คือจดหมายที่แม่นางหลินฝากส่งถึงท่าน นางกำชับว่าต้องส่งถึงมือท่านในทันที หัวใจของมู่ฉางเฟิงเต้นรัวอย่างผิดจังหวะ เขาแสร้งทำเป็นเฉยเมย รับจดหมายมาด้วยท่าทีที่ดูหนักแน่น แต่กลับใช้เวลาในการแกะซองนานกว่าการตัดสินใจเรื่องงบประมาณราชการทั้งปีเสียอีก เมื่ออ่านเนื้อหาในจดหมาย ซึ่งระบุการนัดหมายที่เรือนไม้ทำเลทองในยามไฮ่ เพื่อเจรจาเรื่องสำคัญ มู่ฉางเฟิงก็วางจดหมายลงอย่างช้าๆ มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อกำแน่นด้วยความดีใจ “จงซิ่น” มู่ฉางเฟิงกระแอมไออย่างมีพิรุธ แววตาที่มององครักษ์ผู้ซื่อสัตย์นั้นเต็มไปด้วยความประหม่าที่เก็บซ่อนไม่มิด จงซิ่นเงยหน้ามองเจ้านายด้วยความสงสัยทันที เจ้านายของเขาทำตัวแปลกไปมากนับตั้งแต่รู้จักแม่ม่ายผู้นั้น “ท่
ตอนที่14เนรมิตเรือนไม้ทำเลทอง (3) หลินหว่านเอ๋อร์ออกมาดูการปรับปรุงเรือนครัวด้านหลังอย่างเงียบๆ นางรู้สึกเหนื่อยล้าจากการต่อสู้กับพ่อค้าใหญ่ในตลาด และกำลังใช้เวลาพักจิบน้ำชาสมุนไพรที่ตนชงเอง โดยมีอาเหมยกำลังง่วนอยู่กับการช่วยจงซิ่นจัดเรียงเครื่องปรุงแปลกๆ เข้าชั้นวาง เสียงฝีเท้าที่มั่นคงและสุภาพดังขึ้นจากทางด้านหลัง เว่ยจื่อเหยียน ก้าวเข้ามาพร้อมกับกล่องไม้หอมสลักลายวิจิตรบรรจงในมือ เขาสวมชุดผ้าไหมชั้นดีที่ดูภูมิฐานยิ่งกว่ามู่ฉางเฟิงเสียอีก “แม่นางหลิน ข้าขออภัยที่มารบกวนยามวิกาล” คุณชายเว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนจนน่าประหลาดใจ “คุณชายเว่ย” หลินหว่านเอ๋อร์ลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ นางยังคงรู้สึกแปลกๆ ที่เจอเขาอีกแล้ว “ข้าได้นำ ชาอวี้ลู่มาให้นางเป็นชาที่หายากยิ่งนัก ช่วยบำรุงหัวใจและสงบจิตใจได้ดี ข้าหวังว่ามันจะช่วยให้แม่นางคลายความเหน็ดเหนื่อยจากการเนรมิตเรือนครัวแห่งนี้” หลินหว่านเอ๋อร์รับกล่องชามาอย่างเกรงใจ “คุณชายเว่ยให้เกียรติเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ของกำนัลนี้มีค่าเกินกว่าที่ข้าจะรับไว้ได้” ขณะนั้นเองอาเหมยซึ่งถูกจงซิ่นกำกับให้จัด







