FAZER LOGINตอนที่
17
ผู้จัดการร้านตัวน้อย
กลิ่นหอมสมุนไพรและเครื่องเทศอบอวลไปทั่วเรือนครัวสองหนาน หลินหว่านเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ไก่โห่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันเปิดร้านอย่างเป็นทางการ
นางยืนอยู่หน้าเตาขนาดใหญ่ สองมือวุ่นอยู่กับการต้มน้ำซุปสำหรับเมนูใหม่ที่ซับซ้อนขึ้นอย่าง ข้าวต้มสมุนไพรหอมหมื่นลี้ เมนูไม่ได้เน้นเพียงความอร่อย แต่เน้นกลิ่นหอมแรงที่สามารถลอยไปได้ไกลดึงดูดลูกค้า และคุณค่าทางอาหารสูงเพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่ร่ำรวยและใส่ใจสุขภาพ
“วันนี้ต้องสมบูรณ์แบบ” หลินหว่านเอ๋อร์พึมพำกับตัวเองขณะปรุงรสชาติซุปให้กลมกล่อม
ไม่นานนัก อาเป่าและอาเหมยก็ตื่นขึ้นมาเตรียมตัวตมหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
อาเหมยวิ่งไปหยิบผ้ากันเปื้อนตัวเล็กมาผูกอย่างกระตือรือร้น
“ท่านแม่เจ้าคะ วันนี้ข้าจะเป็นผู้ต้อนรับที่ยิ้มหวานที่สุดในเมืองเลยเจ้าค่ะ” นางได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญคือ การต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มและนำทางไปยังที่นั่ง
ส่วนอาเป่านั้น มาดเข้มกว่าผู้เป็นแม่เสียอีก เขาไม่ได้สนใจเตาหรืออาหารเลยแม้แต่น้อย สายตาของเขามุ่งตรงไปยังโต๊ะคิดเงินซึ่งมีลูกคิดวางอยู่พร้อมกับกล่องไม้สำหรับเก็บเหรียญ
“พี่อาเป่า” หลินหว่านเอ๋อร์ยื่นถุงใส่เงินทอนให้
“นี่คือเงินตั้งต้นและจำไว้ว่าเจ้ามีหน้าที่ตรวจนับเงินทอนและดูแลรายรับรายจ่ายทั้งหมด แม่เชื่อมั่นว่าเจ้าจะทำได้ดี”
อาเป่ารับถุงเงินมาด้วยท่าทางภูมิใจอย่างยิ่ง เขาเริ่มสอนตัวเองให้ใช้ลูกคิดอย่างรวดเร็วตั้งแต่วานนี้ และตอนนี้เขาก็พร้อมที่จะเป็นผู้จัดการเงินคนสำคัญของร้านแล้ว
“วางใจเถิดท่านแม่” อาเป่าตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับขุนนาง
“ทุกอีแปะ ทุกตำลึง จะถูกนับและจดบันทึกอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ไม่มีทางให้เกิดความผิดพลาดแม้แต่น้อย”
ขณะที่หลินหว่านเอ๋อร์กำลังชั่งน้ำหนักส่วนผสม อาเป่าก็เริ่มดำเนินการตามกฏหมายเหล็กส่วนตัวที่เขาตั้งขึ้นทันที
อาเป่าเดินตรวจตราเครื่องปรุงบนชั้นวางด้วยไม้บรรทัดขนาดเล็กในมือ สีหน้าเคร่งเครียดราวกับกำลังตรวจค่ายทหาร
“ท่านแม่ขอรับ” อาเป่าเรียกเสียงเข้ม
“เกลือไม่ได้อยู่ถัดจากน้ำตาลเพราะลูกเรียกตามพยัญชนะ ทำให้มีผงพะโล้มาคั่นกลางนะขอรับ หลักการจัดเก็บต้องมาก่อนรสชาติอาหารนะขอรับ” (เรียงจากพยัญชนะภาษาจีนนะคะ)
หลินหว่านเอ๋อร์หัวเราะเบาๆ ขณะที่กำลังเร่งทำน้ำซุป “อาเป่าเอ๋ย ลูกคิดว่าลูกค้าจะกินผงพะโล้ก่อนน้ำตาลหรืออย่างไร แม่จะรีบใช้เกลือแล้วนะ หากต้องหาผงพะโล้มาคั่นกลางก่อนจะเสร็จตอนเที่ยงพอดี”
“ไม่ได้ขอรับ” อาเป่ายืนกราน
“ระบบคือระบบ ถ้าเริ่มต้นด้วยความสับสน เงินก็จะสับสนตามไปหมด ท่านต้องแยกเครื่องปรุงที่เป็นรสเค็ม รสหวานและรสเผ็ดออกจากกันด้วย ลุงหยางสอนว่าการเงินที่ดีเริ่มจากการจัดระเบียบทุกสิ่งในชีวิต
ในระหว่างนั้น จงซิ่นที่กำลังจะยกโต๊ะม้านั่งเข้ามาจัดเรียงด้านหน้าก็ก้าวเข้ามาในบริเวณครัวเพื่อวางของ
“ท่านลุงจง” อาเป่าเรียกเสียงดังยิ่งกว่าสั่งทหาร
จงซิ่นที่ถูกเรียกอย่างกะทันหันหยุดชะงักอย่างงุนงง “มีอันตรายหรืออาเป่า มีใครซุ่มโจมตีในครัวหรือ”
อาเป่าชี้ไปยังกล่องเก็บเงินที่อยู่บนโต๊ะคิดเงิน
“อันตรายยิ่งกว่าศัตรูขอรับ ท่านถอยออกไปสามก้าวทันที ท่านกำลังทำลาย เขตปลอดภัยทางการเงินของข้า ห้ามใครก็ตามเข้าใกล้กล่องเก็บเงินเกินระยะสองฉื่อ (ประมาณ 60 ซม.) หากเงินหายไปแม้แต่อีแปะเดียว ข้าจะเขียนรายงานถึงท่านพ่อค้า ให้ท่านหักเงินเดือนท่านเพราะละเลยหน้าที่
จงซิ่นอ้าปากค้าง เขาเป็นองครักษ์มืออาชีพที่ผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วน แต่กลับถอยหลังออกไปตามคำสั่งของเด็กชายตัวเล็กๆ อย่างเคร่งครัด
“ได้ขอรับท่านอาเป่า” จงซิ่นตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่ายแฝงขบขันในทันที
“ท่านอ๋อง ข้ารู้สึกเหมือนกำลังถูกบังคับให้รบกับกองทัพหนอนตัวเล็กๆ ที่มีลูกคิดเป็นอาวุธ ข้าคงต้องรายงานท่านอ๋องว่า เขตปลอดภัยทางการเงินสำคัญยิ่งกว่าเขตปลอดภัยจากนักฆ่าเสียแล้ว” จงซิ่นคิดขึ้นมาคนเดียวในใจ
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้มกว้าง นางโบกมือให้จงซิ่นอย่างโล่งอก
“อย่าถือสาเลยท่านจงซิ่น อาเป่าเขาก็เป็นเช่นนี้แหละเจ้าค่ะ เขาจริงจังกับเรื่องเงินๆ ทองๆ จนเกินวัย”
“ข้าเข้าใจขอรับแม่นางหลิน” จงซิ่นประสานมืคำนับเบาๆ ก่อนจะเดินไปยกโต๊ะม้านั่งจากระยะที่อาเป่ากำหนดไว้ “ข้าจะจัดการงานด้านนอกให้เรียบร้อย ท่านวางใจได้”
หลินหว่านเอ๋อร์หันกลับมาหาลูกชายผู้เคร่งครัด นางรู้ว่าลูกชายคนนี้คือพรสวรรค์ที่แท้จริงในด้านการจัดการ
“เอาล่ะอาเป่า” นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่เชื่อใจในความแม่นยำของเจ้า แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะต้องเปิดประตูต้อนรับลูกค้ากลุ่มแรกแล้วนะ”
อาเป่ามองชั้นเครื่องปรุงที่ยังไม่ถูกจัดเรียงตามลำดับอย่างเสียดายแต่ความรับผิดชอบในการนับเงินสำคัญกว่า เขาพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมและเดินไปประจำที่โต๊ะคิดเงินทันทีเหมือนเป็นผู้ใหญ่
ตอนที่18เปิดเรือนครัวสองหนาน เมื่อถึงเวลาเปิดร้าน ประตูร้านถูกเปิดออกอย่างเป็นทางการ กลิ่นหอมกรุ่นของ ข้าวต้มสมุนไพรหอมหมื่นลี้ที่ถูกปรุงอย่างประณีตก็ลอยออกไปทันที ดึงดูดผู้คนในตลาดให้เข้าคิวอย่างยาวเหยียด ลูกค้าต่างชื่นชมในความสะอาดและการจัดการร้านที่ทันสมัยผิดวิสัยร้านอาหารทั่วไปในยุคนี้ ลูกค้ากลุ่มแรกที่เข้ามาคือเถ้าแก่หวังและหลี่ต้าหมิง สองพ่อค้าผู้มีฐานะพร้อมสหายอีกหลายคน “แม่นาง” เถ้าแก่หวังทักทายอย่างกระตือรือร้น “ข้าต้องมาพิสูจน์ให้ได้ว่าข้าวต้มหมื่นลี้ที่ป่าวประกาศว่าเป็นอาหารวันเปิดร้านของเจ้าจะหอมไปได้ไกลจริงหรือไม่” อาเหมยผู้รับหน้าที่ต้อนรับปรี่เข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่สดใสที่สุด “ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะท่านเถ้าแก่ เชิญที่โต๊ะริมหน้าต่างนี้เลยเจ้าค่ะ รับรองท่านจะได้กลิ่นหอมเต็มที่เจ้าค่ะ” หลินหว่านเอ๋อร์ยืนปรุงอาหารอย่างใจเย็น ความวุ่นวายไม่ได้ทำให้นางตื่นเต้นเท่ากับการได้เห็นสิ่งที่ได้รับหลังจากการทุ่มเท เมื่อข้าวต้มหมื่นลี้ถูกยกไปเสิร์ฟ ความเงียบปกคลุมโต๊ะของเหล่าพ่อค้า เสียงซดข้าวต้มดังเบาๆ “รสชาติละเอียดอ่อนมาก” หลี่ต้
ตอนที่17ผู้จัดการร้านตัวน้อย กลิ่นหอมสมุนไพรและเครื่องเทศอบอวลไปทั่วเรือนครัวสองหนาน หลินหว่านเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ไก่โห่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันเปิดร้านอย่างเป็นทางการ นางยืนอยู่หน้าเตาขนาดใหญ่ สองมือวุ่นอยู่กับการต้มน้ำซุปสำหรับเมนูใหม่ที่ซับซ้อนขึ้นอย่าง ข้าวต้มสมุนไพรหอมหมื่นลี้ เมนูไม่ได้เน้นเพียงความอร่อย แต่เน้นกลิ่นหอมแรงที่สามารถลอยไปได้ไกลดึงดูดลูกค้า และคุณค่าทางอาหารสูงเพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่ร่ำรวยและใส่ใจสุขภาพ “วันนี้ต้องสมบูรณ์แบบ” หลินหว่านเอ๋อร์พึมพำกับตัวเองขณะปรุงรสชาติซุปให้กลมกล่อม ไม่นานนัก อาเป่าและอาเหมยก็ตื่นขึ้นมาเตรียมตัวตมหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย อาเหมยวิ่งไปหยิบผ้ากันเปื้อนตัวเล็กมาผูกอย่างกระตือรือร้น “ท่านแม่เจ้าคะ วันนี้ข้าจะเป็นผู้ต้อนรับที่ยิ้มหวานที่สุดในเมืองเลยเจ้าค่ะ” นางได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญคือ การต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มและนำทางไปยังที่นั่ง ส่วนอาเป่านั้น มาดเข้มกว่าผู้เป็นแม่เสียอีก เขาไม่ได้สนใจเตาหรืออาหารเลยแม้แต่น้อย สายตาของเขามุ่งตรงไปยังโต๊ะคิดเงินซึ่งมีลูกคิดวางอยู่พร้อมกับกล่องไม้ส
ตอนที่16พ่อค้าธรรมดา ที่เรือนไม้ทำเลทอง ยามไฮ่ (21.00 – 23.00 น.) หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้ว ความวุ่นวายในตลาดได้ถูกแทนที่ด้วยความเงียบสงบยามค่ำคืน หลินหว่านเอ๋อร์ยืนรออยู่ในห้องครัวที่อบอุ่นด้วยไอสมุนไพร นางจุดโคมไฟเพียงดวงเดียวที่โต๊ะหินขัดเงา ไม่นานนัก มู่ฉางเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้น เขามาตามนัดในชุดพ่อค้า ผ้าไหมชั้นดีที่ดูสุภาพ แต่ก็ยังมีความสง่างามไว้จนปิดไม่มิด “แม่นางหลิน” มู่ฉางเฟิงกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้นุ่มนวลที่สุด “ท่านพ่อค้า” หลินหว่านเอ๋อร์โค้งคำนับสั้นๆ อย่างเป็นทางการ บรรยากาศตึงเครียด มู่ฉางเฟิงเดินเข้ามาใกล้โต๊ะมากขึ้น ทำให้ใบหน้าของเขาพ้นจากเงามืดและถูกโคมไฟส่องกระทบอย่างชัดเจน นี่เป็นครั้งแรกที่หลินหว่านเอ๋อร์ได้เห็นใบหน้าของท่านพ่อค้าอย่างใกล้ชิด หลินหว่านเอ๋อร์ยืนนิ่งราวกับถูกตรึง นางเคยได้ยินเสียงของเขา ได้เห็นรูปร่างสูงใหญ่ของเขา แต่ไม่เคยเห็นใบหน้าที่ปราศจากการปกปิดใดๆ ภายใต้แสงสว่างที่เพียงพอ ใบหน้าของเขานั้นหล่อเหลาและสง่างามเกินกว่าจะเป็นเพียงพ่อค้า ดวงตาของเขามีแต่ความอ่อนโยนคู่นั้น ทำให้นางรู้ส
ตอนที่15สงครามข่าวลือ (2) หลังจากตลาดชิมฟรีจบลง ผู้คนก็ทยอยกันจากไป เหลือเพียง จงซิ่นที่กำลังยืนเช็ดป้ายหน้าร้านอย่างเคร่งขรึม หลินเสี่ยวหรู ผู้ซึ่งไม่รู้ว่ามารดาของนางเพิ่งพ่ายแพ้ไปแล้ว ก็ปรากฏตัวขึ้น นางสังเกตเห็นจงซิ่น นางตั้งใจว่าจะเกี้ยวจงซิ่นเพื่อจะได้รู้เรื่องราวของคนที่อยู่เบื้องหลังร้านนี้ของหลินหว่านเอ๋อร์ตามที่มีข่าวลือว่าร่ำรวยมาก หลินเสี่ยวหรูจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาจงซิ่นที่ยืนอยู่หน้าเรือนไม้เรือนทองเพราะมาตรวจสอบความเรียบร้อยและมาคอยพิทักษ์หลินหว่านเอ๋อ นางเดินเข้ามาด้วยท่าที่ยั่วยวนที่ฝึกฝนมาอย่างดี นางคิดว่าบุรุษรูปงามที่ดูเคร่งขรึมเช่นนี้คงจะพ่ายแพ้ต่อมารยาหญิงอย่างง่ายดาย จงซิ่นกำลังง่วนอยู่กับการตรวจสอบรอยร้าวเล็กๆ บนเสาไม้ที่เขาเชื่อว่าเกิดจากฝีมือของคนงานที่ทำงานไม่เรียบร้อย เขาไม่ได้สังเกตว่ามีภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ หลินเสี่ยวหรูเดินเร็วขึ้น แล้วแสร้งทำเป็นเสียหลักหกล้มใกล้ๆ กับจงซิ่นอย่างจงใจ “ว้าย!!! คุณชาย ช่วยข้าด้วย!!!” หลินเสี่ยวหรูร้องเสียงหลง ขณะที่ทิ้งตัวลงไปในทิศทางที่คิด
ตอนที่15สงครามข่าวลือ มู่ฉางเฟิงกำลังนั่งตรวจสอบเอกสารลับบนโต๊ะไม้หอม ใบหน้าเคร่งขรึมและสงบนิ่งตามปกติ ราวกับไม่เคยมีเรื่องใดทำให้เขาหวั่นไหวได้ แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย จงซิ่นก้าวเข้ามาอย่างเงียบเชียบ พร้อมกับซองจดหมายขนาดเล็กที่ปิดผนึกอย่างเรียบร้อย “นายท่านขอรับ” จงซิ่นยื่นจดหมายให้ “นี่คือจดหมายที่แม่นางหลินฝากส่งถึงท่าน นางกำชับว่าต้องส่งถึงมือท่านในทันที หัวใจของมู่ฉางเฟิงเต้นรัวอย่างผิดจังหวะ เขาแสร้งทำเป็นเฉยเมย รับจดหมายมาด้วยท่าทีที่ดูหนักแน่น แต่กลับใช้เวลาในการแกะซองนานกว่าการตัดสินใจเรื่องงบประมาณราชการทั้งปีเสียอีก เมื่ออ่านเนื้อหาในจดหมาย ซึ่งระบุการนัดหมายที่เรือนไม้ทำเลทองในยามไฮ่ เพื่อเจรจาเรื่องสำคัญ มู่ฉางเฟิงก็วางจดหมายลงอย่างช้าๆ มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อกำแน่นด้วยความดีใจ “จงซิ่น” มู่ฉางเฟิงกระแอมไออย่างมีพิรุธ แววตาที่มององครักษ์ผู้ซื่อสัตย์นั้นเต็มไปด้วยความประหม่าที่เก็บซ่อนไม่มิด จงซิ่นเงยหน้ามองเจ้านายด้วยความสงสัยทันที เจ้านายของเขาทำตัวแปลกไปมากนับตั้งแต่รู้จักแม่ม่ายผู้นั้น “ท่
ตอนที่14เนรมิตเรือนไม้ทำเลทอง (3) หลินหว่านเอ๋อร์ออกมาดูการปรับปรุงเรือนครัวด้านหลังอย่างเงียบๆ นางรู้สึกเหนื่อยล้าจากการต่อสู้กับพ่อค้าใหญ่ในตลาด และกำลังใช้เวลาพักจิบน้ำชาสมุนไพรที่ตนชงเอง โดยมีอาเหมยกำลังง่วนอยู่กับการช่วยจงซิ่นจัดเรียงเครื่องปรุงแปลกๆ เข้าชั้นวาง เสียงฝีเท้าที่มั่นคงและสุภาพดังขึ้นจากทางด้านหลัง เว่ยจื่อเหยียน ก้าวเข้ามาพร้อมกับกล่องไม้หอมสลักลายวิจิตรบรรจงในมือ เขาสวมชุดผ้าไหมชั้นดีที่ดูภูมิฐานยิ่งกว่ามู่ฉางเฟิงเสียอีก “แม่นางหลิน ข้าขออภัยที่มารบกวนยามวิกาล” คุณชายเว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนจนน่าประหลาดใจ “คุณชายเว่ย” หลินหว่านเอ๋อร์ลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ นางยังคงรู้สึกแปลกๆ ที่เจอเขาอีกแล้ว “ข้าได้นำ ชาอวี้ลู่มาให้นางเป็นชาที่หายากยิ่งนัก ช่วยบำรุงหัวใจและสงบจิตใจได้ดี ข้าหวังว่ามันจะช่วยให้แม่นางคลายความเหน็ดเหนื่อยจากการเนรมิตเรือนครัวแห่งนี้” หลินหว่านเอ๋อร์รับกล่องชามาอย่างเกรงใจ “คุณชายเว่ยให้เกียรติเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ของกำนัลนี้มีค่าเกินกว่าที่ข้าจะรับไว้ได้” ขณะนั้นเองอาเหมยซึ่งถูกจงซิ่นกำกับให้จัด







