Se connecterตอนที่
14
เนรมิตเรือนไม้ทำเลทอง (3)
หลินหว่านเอ๋อร์ออกมาดูการปรับปรุงเรือนครัวด้านหลังอย่างเงียบๆ นางรู้สึกเหนื่อยล้าจากการต่อสู้กับพ่อค้าใหญ่ในตลาด และกำลังใช้เวลาพักจิบน้ำชาสมุนไพรที่ตนชงเอง โดยมีอาเหมยกำลังง่วนอยู่กับการช่วยจงซิ่นจัดเรียงเครื่องปรุงแปลกๆ เข้าชั้นวาง
เสียงฝีเท้าที่มั่นคงและสุภาพดังขึ้นจากทางด้านหลัง เว่ยจื่อเหยียน ก้าวเข้ามาพร้อมกับกล่องไม้หอมสลักลายวิจิตรบรรจงในมือ เขาสวมชุดผ้าไหมชั้นดีที่ดูภูมิฐานยิ่งกว่ามู่ฉางเฟิงเสียอีก
“แม่นางหลิน ข้าขออภัยที่มารบกวนยามวิกาล” คุณชายเว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนจนน่าประหลาดใจ
“คุณชายเว่ย” หลินหว่านเอ๋อร์ลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ นางยังคงรู้สึกแปลกๆ ที่เจอเขาอีกแล้ว
“ข้าได้นำ ชาอวี้ลู่มาให้นางเป็นชาที่หายากยิ่งนัก ช่วยบำรุงหัวใจและสงบจิตใจได้ดี ข้าหวังว่ามันจะช่วยให้แม่นางคลายความเหน็ดเหนื่อยจากการเนรมิตเรือนครัวแห่งนี้”
หลินหว่านเอ๋อร์รับกล่องชามาอย่างเกรงใจ “คุณชายเว่ยให้เกียรติเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ของกำนัลนี้มีค่าเกินกว่าที่ข้าจะรับไว้ได้”
ขณะนั้นเองอาเหมยซึ่งถูกจงซิ่นกำกับให้จัดเรียงเครื่องเทศก็เผลอทำถุงกระดาษที่บรรจุเมล็ดผักชีป่าอบแห้ง ที่หลินหว่านเอ๋อร์ซื้อมาอย่างยากลำบากฉีกขาด เมล็ดสีน้ำตาลเล็กจิ๋วนับร้อยเม็ดกระจายเกลื่อนพื้นไม้ไปทั่วบริเวณ
จงซิ่นซึ่งเป็นองครักษ์ที่น่าเกรงขามและเคยบุกเดี่ยวเข้าป้อมศัตรูมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน กลับแสดงอาการตื่นตระหนกสุดขีด
เขาไม่กล้าใช้มือที่เปื้อนฝุ่นเก็บเมล็ดเหล่านั้น แต่กลับใช้พัดที่ทำจากหางนกยูง ค่อยๆ กวาดเมล็ดผักชีป่าให้รวมกันอย่างช้าๆ และอ่อนโยนที่สุด ราวกับมันคือเพชรพลอยล้ำค่า ใบหน้าของเขาซีดเผือดราวกับว่าเมล็ดแต่ละเม็ดที่หายไปคือความล้มเหลวในการทำภารกิจ
อาเหมยยืนดูจงซิ่นด้วยความสนุกสนาน ก่อนจะก้มลงเป่าลมใส่กองเมล็ดเหล่านั้นเบาๆ
ฟู่!!!
เมล็ดผักชีป่าจำนวนหนึ่งปลิวหายไปในอากาศ!
จงซิ่นแข็งค้างไปทั้งตัว เขามองเมล็ดที่หายไปด้วยแววตาที่ว่างเปล่าราวกับจิตวิญญาณหลุดออกจากร่าง ก่อนจะหันมามองอาเหมยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทรมาน แต่ไม่กล้าแม้แต่จะตำหนิ
เว่ยจื่อเหยียนเห็นภาพอันน่าขันของบุรุษชุดดำที่สูญเสียความน่าเกรงขามทั้งหมดเพราะเมล็ดผักชีป่า ก็ถึงกับหัวเราะเสียงดังลั่นจนตัวโยน
หลินหว่านเอ๋อร์ได้แต่ส่ายหน้าให้กับจงซิ่นและอาเหมยที่เหมือนจะช่วยงานแต่กลับกลายเป็นเหมือนจะเป็นภาระมากกว่า
เว่ยจื่อเหยียนเดินชมรอบๆ เรือนไม้ที่เพิ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วยวัสดุชั้นดี เขาลูบกำแพงไม้หอมอย่างพิจารณา
“เรือนไม้หลังนี้ดีเยี่ยมเกินกว่าจะเป็นที่ดินของพ่อค้าธรรมดา” เว่ยจื่อเหยียนกล่าวอย่างจงใจให้น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหมายแฝง
“โครงสร้างแข็งแรงมาก วัสดุที่ทำก็เทียบกับจวนขุนนางชั้นสูงเมืองหลวงเลยทีเดียว ดูเหมือนพ่อค้าที่ช่วยเหลือเจ้าจะไม่ได้เป็นพ่อค้าธรรมดาอย่างที่เจ้าเข้าใจ”
จงซิ่นซึ่งเพิ่งรวบรวมเศษเมล็ดเสร็จพอดี รีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องเจ้านายของตน เขายืนขวางระหว่างเว่ยจื่อเหยียนกับหลินหว่านเอ๋อร์ทันที
“ข้าคิดว่าท่านไม่ควรก้าวก่ายเรื่องของแม่นางหลินกับเจ้านายของข้าจะดีกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของท่าน” จงซิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและจริงจัง
เว่ยจื่อเหยียนหัวเราะเบาๆ ไม่ได้แสดงความโกรธเลยแม้แต่น้อย
“ข้าเพียงแค่เป็นห่วงนางในฐานะมิตรเท่านั้นเอง ไม่ได้ต้องการก้าวก่ายกิจการของนายเลยแม้แต่น้อย” เขายิ้มอย่างมีเลศนัย
“แต่ข้าขอเตือนไว้ด้วยความหวังดี บุรุษที่ยิ่งใหญ่ย่อมไม่ทำสิ่งใดโดยไม่มีผลตอบแทนที่คู่ควร”
“ข้าไม่ได้มีพันธะใดๆ กับใครทั้งนั้น ร้านนี้เป็นร้านที่ข้ามาเช่าเท่านั้น” หลินหว่านเอ๋อร์กล่าวอย่างเด็ดขาด
เว่ยจื่อเหยียนถอนหายใจราวกับว่ารู้สึกผิดหวัง “ข้าเข้าใจแล้วแม่นาง”
เขาไม่ลืมที่จะยื่นคำถามสุดท้าย “ข้าได้ยินข่าวลือเรื่องการทุจริตของเจ้าเมือง แม่นางทราบเรื่องนี้หรือไม่”
“เรื่องราวเหล่านั้นไกลตัวข้าเกินไปเจ้าค่ะ” หลินหว่านเอ๋อร์ปฏิเสธอย่างสุภาพแต่หนักแน่น
เว่ยจื่อเหยียนโค้งคำนับอย่างสง่างาม “ข้าขอลาตรงนี้ หวังว่าร้านของเจ้าจะได้เปิดทำการได้อย่างราบรื่นในเร็ววัน ข้าจะมาอุดหนุนเป็นคนแรกแน่นอน”
“ขอบคุณล่วงหน้าเจ้าค่ะ” หลินหว่านเอ๋อร์เองก็ทำความเคารพเว่ยจื่อเหยียนเช่นเดียวกัน
“ข้าเองก็ขอตัวกลับก่อนนะขอรับ” จงซิ่นเองก็ขอตัวกลับเช่นเดียวกัน
เมื่อทุกคนกลับไป หลินหว่านเอ๋อร์ก็ทรุดตัวลงบนเก้าอี้ไม้ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
“ทำไมมีบุรุษมายุ่งกับเรามากมาย แล้วพวกเขาเข้ามาเพื่ออะไร” หลินหว่านเอ๋อร์พึมพำอยู่คนเดียว
ในขณะเดียวกันในความมืดมิดที่ซอยด้านนอก มู่ฉางเฟิงจ้องมองเงาของคุณชายเว่ยที่กำลังเดินหายไป
“เจ้าเป็นใครกันแน่เว่ยจื่อเหยียน” มู่ฉางเฟิงพึมพำเสียงต่ำ
เขาไม่ได้สนใจในตัวตนของเว่ยจื่อเหยียนในฐานะคู่แข่งทางการเมืองมากนัก แต่เขาโกรธเว่ยจื่อเหยียนที่เข้ามาแทรกแซงนางตัดหน้าเขา
มู่ฉางเฟิงสูดหายใจลึก เขารู้ว่าถึงเวลาต้องเปิดเผยตัวตนบางส่วนแล้ว เขาไม่สามารถปล่อยให้เว่ยจื่อเหยียนรุกคืบเข้าใกล้หลินหว่านเอ๋อร์ไปมากกว่านี้
ตอนที่18เปิดเรือนครัวสองหนาน เมื่อถึงเวลาเปิดร้าน ประตูร้านถูกเปิดออกอย่างเป็นทางการ กลิ่นหอมกรุ่นของ ข้าวต้มสมุนไพรหอมหมื่นลี้ที่ถูกปรุงอย่างประณีตก็ลอยออกไปทันที ดึงดูดผู้คนในตลาดให้เข้าคิวอย่างยาวเหยียด ลูกค้าต่างชื่นชมในความสะอาดและการจัดการร้านที่ทันสมัยผิดวิสัยร้านอาหารทั่วไปในยุคนี้ ลูกค้ากลุ่มแรกที่เข้ามาคือเถ้าแก่หวังและหลี่ต้าหมิง สองพ่อค้าผู้มีฐานะพร้อมสหายอีกหลายคน “แม่นาง” เถ้าแก่หวังทักทายอย่างกระตือรือร้น “ข้าต้องมาพิสูจน์ให้ได้ว่าข้าวต้มหมื่นลี้ที่ป่าวประกาศว่าเป็นอาหารวันเปิดร้านของเจ้าจะหอมไปได้ไกลจริงหรือไม่” อาเหมยผู้รับหน้าที่ต้อนรับปรี่เข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่สดใสที่สุด “ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะท่านเถ้าแก่ เชิญที่โต๊ะริมหน้าต่างนี้เลยเจ้าค่ะ รับรองท่านจะได้กลิ่นหอมเต็มที่เจ้าค่ะ” หลินหว่านเอ๋อร์ยืนปรุงอาหารอย่างใจเย็น ความวุ่นวายไม่ได้ทำให้นางตื่นเต้นเท่ากับการได้เห็นสิ่งที่ได้รับหลังจากการทุ่มเท เมื่อข้าวต้มหมื่นลี้ถูกยกไปเสิร์ฟ ความเงียบปกคลุมโต๊ะของเหล่าพ่อค้า เสียงซดข้าวต้มดังเบาๆ “รสชาติละเอียดอ่อนมาก” หลี่ต้
ตอนที่17ผู้จัดการร้านตัวน้อย กลิ่นหอมสมุนไพรและเครื่องเทศอบอวลไปทั่วเรือนครัวสองหนาน หลินหว่านเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ไก่โห่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันเปิดร้านอย่างเป็นทางการ นางยืนอยู่หน้าเตาขนาดใหญ่ สองมือวุ่นอยู่กับการต้มน้ำซุปสำหรับเมนูใหม่ที่ซับซ้อนขึ้นอย่าง ข้าวต้มสมุนไพรหอมหมื่นลี้ เมนูไม่ได้เน้นเพียงความอร่อย แต่เน้นกลิ่นหอมแรงที่สามารถลอยไปได้ไกลดึงดูดลูกค้า และคุณค่าทางอาหารสูงเพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่ร่ำรวยและใส่ใจสุขภาพ “วันนี้ต้องสมบูรณ์แบบ” หลินหว่านเอ๋อร์พึมพำกับตัวเองขณะปรุงรสชาติซุปให้กลมกล่อม ไม่นานนัก อาเป่าและอาเหมยก็ตื่นขึ้นมาเตรียมตัวตมหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย อาเหมยวิ่งไปหยิบผ้ากันเปื้อนตัวเล็กมาผูกอย่างกระตือรือร้น “ท่านแม่เจ้าคะ วันนี้ข้าจะเป็นผู้ต้อนรับที่ยิ้มหวานที่สุดในเมืองเลยเจ้าค่ะ” นางได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญคือ การต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มและนำทางไปยังที่นั่ง ส่วนอาเป่านั้น มาดเข้มกว่าผู้เป็นแม่เสียอีก เขาไม่ได้สนใจเตาหรืออาหารเลยแม้แต่น้อย สายตาของเขามุ่งตรงไปยังโต๊ะคิดเงินซึ่งมีลูกคิดวางอยู่พร้อมกับกล่องไม้ส
ตอนที่16พ่อค้าธรรมดา ที่เรือนไม้ทำเลทอง ยามไฮ่ (21.00 – 23.00 น.) หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้ว ความวุ่นวายในตลาดได้ถูกแทนที่ด้วยความเงียบสงบยามค่ำคืน หลินหว่านเอ๋อร์ยืนรออยู่ในห้องครัวที่อบอุ่นด้วยไอสมุนไพร นางจุดโคมไฟเพียงดวงเดียวที่โต๊ะหินขัดเงา ไม่นานนัก มู่ฉางเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้น เขามาตามนัดในชุดพ่อค้า ผ้าไหมชั้นดีที่ดูสุภาพ แต่ก็ยังมีความสง่างามไว้จนปิดไม่มิด “แม่นางหลิน” มู่ฉางเฟิงกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้นุ่มนวลที่สุด “ท่านพ่อค้า” หลินหว่านเอ๋อร์โค้งคำนับสั้นๆ อย่างเป็นทางการ บรรยากาศตึงเครียด มู่ฉางเฟิงเดินเข้ามาใกล้โต๊ะมากขึ้น ทำให้ใบหน้าของเขาพ้นจากเงามืดและถูกโคมไฟส่องกระทบอย่างชัดเจน นี่เป็นครั้งแรกที่หลินหว่านเอ๋อร์ได้เห็นใบหน้าของท่านพ่อค้าอย่างใกล้ชิด หลินหว่านเอ๋อร์ยืนนิ่งราวกับถูกตรึง นางเคยได้ยินเสียงของเขา ได้เห็นรูปร่างสูงใหญ่ของเขา แต่ไม่เคยเห็นใบหน้าที่ปราศจากการปกปิดใดๆ ภายใต้แสงสว่างที่เพียงพอ ใบหน้าของเขานั้นหล่อเหลาและสง่างามเกินกว่าจะเป็นเพียงพ่อค้า ดวงตาของเขามีแต่ความอ่อนโยนคู่นั้น ทำให้นางรู้ส
ตอนที่15สงครามข่าวลือ (2) หลังจากตลาดชิมฟรีจบลง ผู้คนก็ทยอยกันจากไป เหลือเพียง จงซิ่นที่กำลังยืนเช็ดป้ายหน้าร้านอย่างเคร่งขรึม หลินเสี่ยวหรู ผู้ซึ่งไม่รู้ว่ามารดาของนางเพิ่งพ่ายแพ้ไปแล้ว ก็ปรากฏตัวขึ้น นางสังเกตเห็นจงซิ่น นางตั้งใจว่าจะเกี้ยวจงซิ่นเพื่อจะได้รู้เรื่องราวของคนที่อยู่เบื้องหลังร้านนี้ของหลินหว่านเอ๋อร์ตามที่มีข่าวลือว่าร่ำรวยมาก หลินเสี่ยวหรูจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาจงซิ่นที่ยืนอยู่หน้าเรือนไม้เรือนทองเพราะมาตรวจสอบความเรียบร้อยและมาคอยพิทักษ์หลินหว่านเอ๋อ นางเดินเข้ามาด้วยท่าที่ยั่วยวนที่ฝึกฝนมาอย่างดี นางคิดว่าบุรุษรูปงามที่ดูเคร่งขรึมเช่นนี้คงจะพ่ายแพ้ต่อมารยาหญิงอย่างง่ายดาย จงซิ่นกำลังง่วนอยู่กับการตรวจสอบรอยร้าวเล็กๆ บนเสาไม้ที่เขาเชื่อว่าเกิดจากฝีมือของคนงานที่ทำงานไม่เรียบร้อย เขาไม่ได้สังเกตว่ามีภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ หลินเสี่ยวหรูเดินเร็วขึ้น แล้วแสร้งทำเป็นเสียหลักหกล้มใกล้ๆ กับจงซิ่นอย่างจงใจ “ว้าย!!! คุณชาย ช่วยข้าด้วย!!!” หลินเสี่ยวหรูร้องเสียงหลง ขณะที่ทิ้งตัวลงไปในทิศทางที่คิด
ตอนที่15สงครามข่าวลือ มู่ฉางเฟิงกำลังนั่งตรวจสอบเอกสารลับบนโต๊ะไม้หอม ใบหน้าเคร่งขรึมและสงบนิ่งตามปกติ ราวกับไม่เคยมีเรื่องใดทำให้เขาหวั่นไหวได้ แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย จงซิ่นก้าวเข้ามาอย่างเงียบเชียบ พร้อมกับซองจดหมายขนาดเล็กที่ปิดผนึกอย่างเรียบร้อย “นายท่านขอรับ” จงซิ่นยื่นจดหมายให้ “นี่คือจดหมายที่แม่นางหลินฝากส่งถึงท่าน นางกำชับว่าต้องส่งถึงมือท่านในทันที หัวใจของมู่ฉางเฟิงเต้นรัวอย่างผิดจังหวะ เขาแสร้งทำเป็นเฉยเมย รับจดหมายมาด้วยท่าทีที่ดูหนักแน่น แต่กลับใช้เวลาในการแกะซองนานกว่าการตัดสินใจเรื่องงบประมาณราชการทั้งปีเสียอีก เมื่ออ่านเนื้อหาในจดหมาย ซึ่งระบุการนัดหมายที่เรือนไม้ทำเลทองในยามไฮ่ เพื่อเจรจาเรื่องสำคัญ มู่ฉางเฟิงก็วางจดหมายลงอย่างช้าๆ มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อกำแน่นด้วยความดีใจ “จงซิ่น” มู่ฉางเฟิงกระแอมไออย่างมีพิรุธ แววตาที่มององครักษ์ผู้ซื่อสัตย์นั้นเต็มไปด้วยความประหม่าที่เก็บซ่อนไม่มิด จงซิ่นเงยหน้ามองเจ้านายด้วยความสงสัยทันที เจ้านายของเขาทำตัวแปลกไปมากนับตั้งแต่รู้จักแม่ม่ายผู้นั้น “ท่
ตอนที่14เนรมิตเรือนไม้ทำเลทอง (3) หลินหว่านเอ๋อร์ออกมาดูการปรับปรุงเรือนครัวด้านหลังอย่างเงียบๆ นางรู้สึกเหนื่อยล้าจากการต่อสู้กับพ่อค้าใหญ่ในตลาด และกำลังใช้เวลาพักจิบน้ำชาสมุนไพรที่ตนชงเอง โดยมีอาเหมยกำลังง่วนอยู่กับการช่วยจงซิ่นจัดเรียงเครื่องปรุงแปลกๆ เข้าชั้นวาง เสียงฝีเท้าที่มั่นคงและสุภาพดังขึ้นจากทางด้านหลัง เว่ยจื่อเหยียน ก้าวเข้ามาพร้อมกับกล่องไม้หอมสลักลายวิจิตรบรรจงในมือ เขาสวมชุดผ้าไหมชั้นดีที่ดูภูมิฐานยิ่งกว่ามู่ฉางเฟิงเสียอีก “แม่นางหลิน ข้าขออภัยที่มารบกวนยามวิกาล” คุณชายเว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนจนน่าประหลาดใจ “คุณชายเว่ย” หลินหว่านเอ๋อร์ลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ นางยังคงรู้สึกแปลกๆ ที่เจอเขาอีกแล้ว “ข้าได้นำ ชาอวี้ลู่มาให้นางเป็นชาที่หายากยิ่งนัก ช่วยบำรุงหัวใจและสงบจิตใจได้ดี ข้าหวังว่ามันจะช่วยให้แม่นางคลายความเหน็ดเหนื่อยจากการเนรมิตเรือนครัวแห่งนี้” หลินหว่านเอ๋อร์รับกล่องชามาอย่างเกรงใจ “คุณชายเว่ยให้เกียรติเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ของกำนัลนี้มีค่าเกินกว่าที่ข้าจะรับไว้ได้” ขณะนั้นเองอาเหมยซึ่งถูกจงซิ่นกำกับให้จัด







