Share

ตอนที่ 5 บะหมี่ไข่มังกร

last update Last Updated: 2025-12-09 20:41:49

ตอนที่

5

บะหมี่ไข่มังกร

      หลินหว่านเอ๋อร์ใช้เวลาในช่วงเย็นหลังจากลูกๆ หลับไปเรียบร้อยแล้ว นางใช้เวลาในการเตรียมบะหมี่ไข่ นางนวดแป้งที่ผสมไข่และสมุนไพรอย่างตั้งใจ เส้นบะหมี่ที่ออกมามีสีเหลืองนวลสวยงามน่ารับประทาน นอกจากนี้นางยังแบ่งเงินสามสิบอีแปะที่ได้จากการขายซาลาเปา ไปซื้อผักบางชนิดและเครื่องปรุงที่จำเป็นมาจากร้านค้าเล็กๆ ในหมู่บ้าน เพื่อยกระดับเมนูใหม่นี้ให้ดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น

       “พรุ่งนี้เราต้องขายให้ได้มากที่สุดให้มากกว่าเมื่อวานหลายเท่าตัว เราไม่มีเวลาแล้ว” หลินหว่านเอ่อร์เอ่ยพูดขึ้นมาคนเดียวแม้ว่านางจะหนักใจไม่น้อยแต่นางก็พร้อมที่จะสู้ทุกอย่าง เพราะนางไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากสู้เท่านั้น

       รุ่งอรุณมาถึงพร้อมกับกลิ่นหอมของน้ำซุปที่หลินหว่านเอ๋อร์เริ่มเคี่ยวตั้งแต่วันก่อน นางใช้กระดูกหมูที่ซื้อมาได้บวกกับสมุนไพรบางชนิดมาปรุงเป็นน้ำซุปใส รสชาติของมันหอมหวานและล้ำลึกอย่างที่ชาวบ้านทั่วไปไม่เคยลิ้มรส กลิ่นน้ำซุปนั้นอบอวลไปทั่วบริเวณจนปลุกให้เด็กๆ ตื่นขึ้นมาด้วยความอยากอาหาร

       “ท่านแม่!!! กลิ่นหอมจังเลยเจ้าค่ะ” อาเหมยกล่าวอย่างตื่นเต้น

       “บะหมี่ไข่มังกรจ้ะลูก” หลินหว่านเอ๋อร์กล่าวพร้อมยื่นซาลาเปารูปนกน้อยที่ปั้นไว้ให้ลูกๆ กินรองท้อง

       “วันนี้แม่จะพาพวกเจ้าไปที่ตลาดในเมือง พวกเราต้องขายให้หมดให้ได้”

       ครั้งนี้นางไม่ได้ไปตั้งแผงที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน แต่นางตัดสินใจว่าการไปขายในตลาดเมืองเล็กๆ ที่มีผู้คนพลุกพล่านและมีกำลังซื้อสูงกว่าจะเป็นทางเดียวที่จะหาเงินก้อนใหญ่ได้ทันเวลา แม้จะต้องใช้เวลาเดินนานกว่า

นางเข็นรถเข็นเก่าๆ ที่ใส่หม้อบะหมี่ขนาดใหญ่และซาลาเปาไปอย่างมุ่งมั่น โดยมีอาเป่าและอาเหมยเดินจูงมืออยู่ข้างๆ

       “พี่อาเป่า ท่านแม่จะพาเราไปไหนเจ้าคะ” อาเหมยถามพี่ชายขณะที่เดินจูงมือกับพี่ชายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

       “ท่านแม่จะพาเราไปขายบะหมี่ในตลาด เจ้าก็อย่าดื้ออย่าซน อย่าเอาแต่หิว ท่านแม่ต้องหาเงินมาใช้หนี้คุณยายใจร้ายคนนั้นนะ”

       “เจ้าค่ะ ท่านพี่ ข้าจะไม่ทำตัววุ่นวาย” อาเหมยบอกกับพี่ชายพลางวิ่งไปช่วยแม่ของนางเข็นรถ

       “ท่านแม่เปลี่ยนไปมากเหลือเกิน ท่านแม่คนเดิมเอาแต่ร้องไห้และบอกว่าชีวิตมันยากลำบาก” อาเป่ากล่าวเสียงเบาลง

       “แต่ท่านแม่คนนี้ไม่เคยร้องไห้เลย แถมยังทำอาหารอร่อยๆ ให้เรากิน ทำซาลาเปาก็เป็นด้วย”

       อาเป่าพูดขึ้นมาคนเดียวด้วยความสงสัยก่อนจะเดินไปช่วยมารดาและน้องสาวเข็นรถเข็นเพื่อรีบไปขายบะหมี่ไข่มังกรให้ทัน

       “ให้ข้าช่วยเข็นอีกคนนะท่านแม่” อาเป่าเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

       “ขอบใจมากลูกอาเป่า อาเหมยด้วย” หลินหว่านเอ๋อร์มองเด็กทั้งสองคนทำให้นางมีกำลังใจมากขึ้น

       “ข้ากับน้องจะช่วยท่านแม่ขายบะหมี่เองนะขอรับ ใช่หรือไม่อาเหมย” อาเป่าพูดแล้วก็หันไปมองน้องสาวของเขา

       อาเหมยพยักหน้ารับอย่างตั้งใจ “เจ้าค่ะ ข้าจะเป็นเด็กดีและถ้ามีคนถามว่าซาลาเปาและบะหมี่อร่อยหรือไม่ ข้าจะตอบว่าอร่อยที่สุดในแคว้นเลยเจ้าค่ะ”

       “ขอบใจเจ้าทั้งสองคนมากนะลูกรัก”

       คำพูดของสองพี่น้องเป็นพลังที่หลินหว่านเอ๋อร์สัมผัสได้แม้จะไม่ได้ยินคำพูดทั้งหมด นางยิ้มกับตัวเองในใจ

       ลูกๆ ของข้า ช่างน่ารักและฉลาดจริงๆ

       หลินหว่านเอ๋อร์เข็นรถเข็นเก่าๆ มาถึงตลาดเมืองยามเช้ามืด ตลาดแห่งนี้คึกคักไปด้วยผู้คนพ่อค้า แม่ค้าจากทั่วสารทิศ นางเลือกทำเลใกล้กับตรอกผู้คนสัญจรไปมาอย่างหนาแน่น และเริ่มจุดไฟต้มน้ำซุป

       ไม่นานนัก กลิ่นหอมฟุ้งของบะหมี่ไข่มังกร ก็แพร่กระจายไปทั่วบริเวณ กลิ่นหอมหวานของน้ำซุปกระดูกที่เคี่ยวจนได้ที่ ผสมผสานกับกลิ่นไข่ไก่หอมมันจากเส้นบะหมี่สีเหลืองนวลอย่างลงตัว เป็นกลิ่นที่หอมเย้ายวนจนผู้คนที่เดินผ่านต้องหยุดสูดดม

       “บะหมี่อะไรกัน เหตุใดกลิ่นถึงได้หอมเหลือเกิน”

       “นั่นสิ เจ้าดูเส้นบะหมี่นั่นสิ สีเหลืองทองอร่ามราวกับเส้นไหม ไม่เคยเห็นเส้นบะหมี่สีสวยอย่างนี้มาก่อน”

       เมื่อน้ำซุปเดือดพล่าน หลินหว่านเอ๋อร์ใช้ตะเกียบไม้ไผ่คีบเส้นบะหมี่ลงลวกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะบรรจงวางเส้นลงในชามที่รองด้วยผักลวกและโรยด้วยถั่วคั่วหอมๆ นางตักน้ำซปใสสีทองราดลงไปอย่างช้าๆ

       “บะหมี่ไข่มังกร เส้นนุ่ม หอมกรุ่น น้ำซุปเคี่ยวจากสมุนไพรนานาชนิดเจ้าค่ะ ห้าอีแปะต่อชามเจ้าค่ะ”  หลินหว่านเอ๋อร์ส่งเสียงประกาศอย่างมั่นใจ

       ลูกค้าคนแรกที่มาลองชิมเป็นชายหนุ่มท่าทางเร่งรีบ ทันทีที่เขายกน้ำซุปขึ้นซด ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง

       “สวรรค์!!! น้ำซุปนี้ ล้ำลึก หอมหวานเสียจริง เส้นบะหมี่ก็นุ่มหนึบ นี่มันบะหมี่จากแดนสวรรค์หรือไร” ชายหนุ่มคนนั้นแทบจะซดน้ำซุปจนหมดชามอย่างรวดเร็ว

       จากหนึ่งชามก็กลายเป็นสามชาม ร้านบะหมี่ของนางที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากหม้อต้มบะหมี่เท่านั้นกลายเป็นจุดสนใจของตลาด ลูกค้าต้องยืนต่อคิวรออย่างยาวเหยียด บางคนสั่งบะหมี่ บางคนก็สั่งซาลาเปานกน้อยที่เหลืออยู่ไปกินคู่กัน อาเป่าช่วยแม่รับและทอนเงินอย่างคล่องแคล่ว ส่วนอาเหมยนั้นทำหน้าที่เป็นนักชิมกิตติมศักดิ์ที่ช่วยเรียกลูกค้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส

      

     

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสองที่ยากจน   ตอนที่ 14 เนรมิตเรือนไม้ทำเลทอง (2)

    ตอนที่14เนรมิตเรือนไม้ทำเลทอง (2) หลินหว่านเอ๋อร์สวมชุดเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน นางจูงมืออาเป่าสะพายถุงผ้าขนาดใหญ่ เดินเข้าไปในตลาดด้วยความมั่นใจเพื่อเฟ้นหาวัตถุดิบพิเศษสำหรับเมนูเปิดร้าน ก่อนออกมา นางได้ขอให้จงซิ่น ซึ่งมาดูผลงานของคนงาน ช่วยดูแลอาเหมยเป็นการชั่วคราว “อาเป่า” นางกระซิบ “วันนี้เราต้องหาพริกไทยดำเม็ดเล็กและสมุนไพรใบหยกมาให้ได้นะเพื่อทำน้ำซุปของเรา” “ได้ขอรับท่านแม่ ข้าจะถามทุกร้านที่คิดว่ามีเลยขอรับ” “เยี่ยมมากเลยลูก ช่างเป็นลูกชายที่ช่วยแม่ได้เก่งที่สุดเลยลูก” “ข้าอยากทำอาหารเก่งเหมือนท่านแม่ขอรับ” อาเป่ากล่าวด้วยแววตาเป็นประกาย “เจ้าต้องทำอาหารเก่งเหมือนแม่แน่ๆ เดี๋ยวแม่สอนให้ลูกทุกอย่างเลย” อาเป่ายิ้มให้กับแม่แล้วก็เดินนำหน้ามารดาเพื่อตามหาเครื่องเทศที่มารดาต้องการ เมื่อเดินไปถึงแผงขายเครื่องเทศที่ใหญ่ที่สุด หลินหว่านเอ๋อร์กำลังจะเอ่ยปากสั่งซื้อ ทันใดนั้นเสียงตะโกนกึกก้องก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “พ่อค้า เครื่องเทศชั้นดีทั้งหมดที่เจ้ามี ข้าเหมาหมด” นายจ้างจู เจ้าของร้านบะหมี่ชื่อดังในย่านนั้น ปรากฏตัวขึ

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสองที่ยากจน   ตอนที่ 14 เนรมิตเรือนไม้ทำเลทอง

    ตอนที่14เนรมิตเรือนไม้ทำเลทอง หลินหว่านเอ๋อร์ในเรือนไม้ที่แม้จะดูใหญ่โตแต่ก็ยังว่างเปล่า นางใช้กระดานไม้ที่หามาได้วางบนโต๊ะกลาง แล้วใช้ถ่านวาดผังโครงสร้างภายในร้านด้วยสีหน้าจริงจัง “เอาล่ะลูกรัก” นางกล่าวกับอาเป่าและอาเหมยที่นั่งมองแม่อย่างสงสัย “ร้านของเราจะต้องไม่เหมือนร้านอื่นๆ ในเมืองนี้” นางลากเส้นแบ่งพื้นที่ในครัวอย่างชัดเจน “ตรงนี้จะเป็นส่วนเตรียมวัตถุดิบต้องสะอาดและมีแสงสว่างเพียงพอ ส่วนตรงนี้จะเป็นส่วนทำอาหารซึ่งต้องอยู่ใกล้กับช่องระบายอากาศและเตา” หลินหว่านเอ๋อร์อธิบายการออกแบบเตาใหม่ที่นางวางแผนไว้ “ท่านแม่จะก่อเตาแบบพิเศษ ที่ใช้ฟืนน้อยลงแต่เก็บความร้อนได้ดี ทำน้ำซุปและน้ำแกงของเรามีรสชาติคงที่ตลอดทั้งวัน” นางยังจะสั่งให้ช่างทำชั้นวางเครื่องปรุงให้แยกจากกันอย่างเป็นระเบียบตามประเภท โดยเน้นเรื่องความสะอาดและถูกสุขลักษณะเป็นหลัก อาเป่าในฐานะผู้จัดการการเงินตัวน้อย นั่งถือสมุดบันทึกและพู่กันด้วยท่าทางเคร่งขรึม เมื่อเห็นแม่วาดผังและสั่งการให้ซื้อวัตถุดิบราคาแพง เขาก็รีบท้วงขึ้นทันที “ท่านแม่ขอรับ” อาเป่าชี้ไปที่รายการซื้อไม้ชั้น

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสองที่ยากจน   ตอนที่ 13 เรือนไม้ทำเลทอง

    ตอนที่13เรือนไม้ทำเลทอง รถม้าของพวกเขาแล่นเข้าสู่ตลาดใหญ่ในเมืองและสุดท้ายก็เลี้ยวเข้าสู่ซอยเล็กๆ ที่มีกลิ่นอับชื้นและดูเก่าแก่ เมื่อถึงจุดหนึ่ง จงซิ่นก็หยุดรถม้า แล้วชี้ไปยังห้องแถวไม้เก่าๆ ที่เอียงกระเท่เร่เล็กน้อย ซึ่งอยู่ติดกับกองลังไม้และกองขยะของร้ายขายเนื้อที่ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา “ท่านจงซิ่น” หลินหว่านเอ๋อร์ถึงกับทำหน้าเหยเกด้วยความผิดหวัง “ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะว่านี่คือ เรือนไม้ทำเลทอง ข้าว่ามันเป็น เรือนไม้ทำเลซ่อนมากกว่านะเจ้าคะ” จงซิ่นมองตามที่นางชี้ แล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อยอย่างที่ไม่ได้ยิ้มมานาน “แม่นางหลินเข้าใจผิดแล้วขอรับ” เขาผายมือไปยังเรือนไม้อีกหลังที่อยู่ถัดจากห้องแถวโทรมๆ ไปเพียงหนึ่งคูหา “เรือนไม้ทำเลทองที่แท้จริงอยู่ที่นั่นขอรับ” หลินหว่านเอ๋อร์หันไปมองตามมือของจงซิ่น แล้วต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เรือนไม้หลังนั้นใหญ่กว่าห้องแถวที่นางเห็นในตอนแรกถึงสามเท่า มันเป็นอาคารสองชั้นที่สร้างด้วยไม้ชั้นดี มีหน้าต่างบานใหญ่กรุกระจกใสสะอาด และมีป้ายไม้เนื้อดีแขวนอยู่ด้านหน้า “นี่คือทำเลทองท

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสองที่ยากจน   ตอนที่ 12 เป็นที่สนใจ  

    ตอนที่12เป็นที่สนใจ คุณชายเว่ยกล่าวต่อด้วยรอยยิ้มที่ทำให้หลินหว่านเอ๋อร์ใจหายวาบ “แม่นางสามารถใช้หนี้ได้ในพริบตาเดียว และยังมีฝีมือการทำอาหารได้อร่อยล้ำลึกจนข้าเองก็อยากลิ้มรส...” เว่ยจื่อเหยียนเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับใช้สายตาที่ไม่บอกก็รู้ว่าเขากำลังหมายถึงทั้งอาหารที่ลิ้มรสและหมายถึงคนทำบะหมี่ไข่มังกร คำพูดของเขาทำให้หลินหว่านเอ๋อร์หน้าแดงเล็กน้อย แต่นางก็เก็บอาการไว้ทันที นางตระหนักได้ว่าตนเองถูกบุรุษสูงศักดิ์ถึงสองคนจับจ้อง นางหันกลับไปเผชิญหน้ากับจงซิ่นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวง “ท่านจงซิ่น” หลินหว่านเอ๋อร์กดเสียงต่ำ “เจ้านายของท่านต้องการส่วนแบ่งอะไรจากข้ากันแน่” “ต้องการให้อาหารของเจ้าเป็นที่รู้จักอย่างไรเล่า” จงซิ่นตอบนางแล้วก็มองดูลูกๆ ของนางที่กำลังเกาะขาของนางอยู่ อีกคนก็มองหน้าจงซิ่นสลับกับเว่ยจื่อเหยียน “เอาล่ะข้าตกลงที่จะเปิดร้านของข้าที่เรือนไม้ทำเลทองของนายท่านของท่านแต่ข้ามีเงื่อนไข” “เงื่อนไขอะไรขอรับ” จงซิ่นที่กำลังรอคำตอบจากหลินหว่านเอ๋อร์ เว่ยจื่อเหยียนก็พูดแทรกขึ้นมา “ข้าต้องขอตัวก่อนแม่นางหลิน เมื่อไหร่ที่เ

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสองที่ยากจน   ตอนที่ 11 เงินลงทุน

    ตอนที่11เงินลงทุนหลินหว่านเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเบาสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน นางลุกขึ้นอย่างเงียบๆ และเดินไปยังที่ซ่อนเงินที่ขุดไว้ใต้พื้นดิน นางนำถุงผ้าออกมาอย่างระมัดระวัง เมื่อคลี่ดูเงินที่รวบรวมมาได้ นางก็นับจำนวนอย่างละเอียด“บะหมี่ที่ขายได้เมื่อวาน ค่าแรงที่จงซิ่นให้มันมากมายเหลือเกิน และดวงตาของหลินหว่านเอ๋อร์เบิกกว้างเมื่อเห็นก้อนเงินแท้ที่สลักอย่างสวยงาม วางอยู่ปะปนกับอีแปะ นางจำได้ว่าเงินก้อนนี้เป็นของลูกค้าที่ยกบะหมี่ชามสุดท้ายให้กับอาเหมย “ลูกค้าลึกลับผู้สั่งบะหมี่คนนั้น เขาเป็นใครกันแน่และเหตุใดจึงให้ก้อนใหญ่เกินความจำเป็นเช่นนี้ เขาต้องการอะไร” ความสงสัยเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเชฟสาวทะลุมิติมา แต่นางก็เก็บความสงสัยไว้ก่อนเพราะความจำเป็นในการเริ่มต้นชีวิตใหม่นั้นสำคัญกว่าความสงสัยในตอนนี้นางตัดสินใจซ่อนเงินก้อนนั้นไว้ในตัวเพื่อใช้เป็นทุนสำรองและเริ่มปลุกลูกๆ“อาเป่า อาเหมย” หลินหว่านเอ๋อร์เรียกลูกทั้งสองของนางที่ตอนนี้กำลังนอนงัวเงียไม่ยอมตื่นอาจจะเป็นเพราะเมื่อวานเด็กทั้งสองช่วยงานแม่อย่างหนักและเหนื่อยมากๆ นางยื่นแก้มไปแนบกับแก้มของบุตรชายและบุตรสาวเบ

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสองที่ยากจน   ตอนที่ 10 ราตรีกาลอันตราย (2)  

    ตอนที่10ราตรีกาลอันตราย (2) นักเลงเสี่ยวซ่านกำลังก้มดูรองเท้าที่เปื้อนขี้หมาอย่างรังเกียจ ขณะที่ไอ้หู่กำลังจะเริ่มปฏิบัติการงัดประตู ฉัวะ!!! เงามืดที่ว่องไวดุจสายฟ้าก็พุ่งลงมา จงซิ่นเคลื่อนไหวราวกับนักล่าผู้สง่างาม คราวนี้เขาใช้เทคนิคที่เน้นความเฉียบขาดเพื่อปิดปากพวกมันทันที ตูม!!! จงซิ่นใช้สันมือที่แข็งแกร่ง กระแทกเข้ามาที่จุดรวมเส้นประสามบริเวณคอของนักเลงไอ้หู่ที่กำลังยื่นมือไปเกาคอตัวเองอย่างแม่นยำ ร่างของมันล้มพับลงไปกองกับพื้นโดยไม่มีแม้แต่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด จงซิ่นหมุนตัวอย่างรวดเร็ว นักเลงเสี่ยวซ่านกำลังจะร้องโวยวายด้วยความตกใจ “แกเป็นใครวะ” ผัวะ!!! จงซิ่นใช้ฝ่ามือกระแทกที่กระพุ้งแก้มของมันอย่างรุนแรงแต่รวดเร็ว ทำให้เสี่ยวซ่านลิ้นพันกันและไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ จากนั้นจึงใช้เท้าเกี่ยวขาให้ล้มลง โดยจงใจให้เท้าเปื้อนขี้หมาเหยียบใบหน้าของไอ้หู่ที่สลบไปแล้ว ก่อนจะใช้ฝ่ามือกระแทกที่ท้ายทอย มันไม่ได้ตั้งตัว ก็แน่นิ่งไปในทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที จงซิ่นจัดการมัดร่างนักเลงทั้งสองไว้กับลำต้นหลิวอย่างร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status