บทที่ 127
บทพิเศษ มิติที่สมบูรณ์ และ รักจนแก่เฒ่า (ครึ่งแรก)
ฤดูใบไม้ร่วงช่วงเดือนสิบเอ็ด จินเอ๋อร์มีอายุครบ 1 เดือนพอดี หลังจากกงเยียนซูออกจากคฤหาสน์ไปได้สักพัก ลู่ซินฟางก็พาลูกทั้งสามข้ามมาเที่ยวที่มิติ
เนื่องจากว่าภายในมิติเต็มไปด้วยภูเขา ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ต้นไม้ผลัดใบเปลี่ยนสี จากสีเขียวกลายเป็นสีส้มอมแดง ประกอบกับอากาศถ่ายเทเย็นสบายกำลังดี ช่างเป็นโลกที่มีสีสันสวยงามยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
หลายปีที่ลู่ซินฟางกับสัตว์อสูรจำแลงช่วยกันพัฒนาพื้นรกร้างให้เป็นฟาร์ม พร้อมกับขยายหมู่บ้าน บัดนี้ พื้นที่ในมิติได้กลายเป็นเมืองขนาดย่อมไปแล้ว
ลู่ซินฟางอุ้มจินเอ๋อร์เดินไปนั่งในสวน เจ้าแฝดทั้งสองก็ปีนขึ้นนั่งบนเก้าอี้
ชุนที่ติดตามมาด้วย ถือตะกร้าขนมเดินเข้าไปทางครัวเพื่อจัดขนมใส่จาน
ตอนนี้เองภูตหลินปรากฏตัวพร้อมกับประกายแสงสีทอง พูดด้วยท่าทีดีอกดีใจ
“เจ้านาย…ว้าว วันนี้พาจินเอ๋อร์มาด้วยหรือ”
“น้องจินเอ๋อร์น่ารักมากเลย” เป่าเอ๋อร์ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
เฉิงเอ๋อร์พยักหน้ารัวเห็นด้วย
หลินหัวเราะคิกๆ แล้วบอก
“สำหรับข้า พวกเจ้าน่ารักทุกคนเลย”
เจ้าแฝดยิ้มแย้มจนแก้มบานเมื่อถูกชม
จากนั้น ภูตน้อยก็บินมาดูทารกน้อยใกล้ๆ
หลังจากบินวนไปวนมาอยู่สักพัก หลินก็พูดขึ้นว่า “นางเองก็มีพรสวรรค์ติดตัวมาแต่กำเนิด”
“จริงหรือ”
หลินผงกศีรษะขึ้นลงแล้วยืนยัน “เป็นพรสวรรค์ด้านการปรุงอาหาร”
ลู่ซินฟางได้ยินเช่นนั้นพลันยิ้มออกมา
เฉิงเอ๋อร์มีพรสวรรค์ด้านการพัฒนา เด็กชายฉลาดมากด้วยไหวพริบ เป่าเอ๋อร์แม้ชอบกิน หากกลับมีพรสวรรค์เรื่องเพาะปลูก และจินเอ๋อร์มีพรสวรรค์ในการทำอาหาร พวกเขามีความสามารถกันคนละอย่าง
เหนืออื่นใด ลู่ซินฟางหวังเพียงแค่ให้ลูกๆ ของนางใช้ความสามารถของตัวเอง เอาตัวรอดในโลกภายนอกได้ก็พอแล้ว
“ว่าไปแล้ว เด็กทุกคนได้รับพรสวรรค์จากเจ้านายคนละอย่าง สมแล้วที่เป็นลูกของเจ้านาย” หลินกล่าว
พูดไปแล้วก็จริง พรสวรรค์ที่พวกเด็กๆ มีล้วนเป็นสิ่งที่ลู่ซินฟางถนัด
สรุปแล้ว เด็กทุกคนสืบทอดพรสวรรค์จากลู่ซินฟางทั้งสิ้น
สักพัก หลินก็บินมาตรงหน้าของจินเอ๋อร์แล้วเอ่ยคำอวยพร “จินเอ๋อร์ตัวน้อย ข้าขออวยพรให้เจ้าเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรงเหมือนกับพวกพี่ชายพี่สาวของเจ้า ขอให้พรสวรรค์ของเจ้าสร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับทุกคน”
เมื่อหลินพูดจบ ดวงตาของทารกน้อยจินเอ๋อร์ก็กะพริบตาปริบๆ สองสามที มุมปากเล็กๆ คลี่ยิ้ม เหมือนกับตอบรับคำอวยพรของภูตน้อย
ทุกคนที่เห็นแบบนั้นต่างก็ยิ้มออกมา
“ดูสิ นางรู้ประสามากเลย” หลินว่า
“จริงด้วย” ลู่ซินฟางตอบอย่างตื่นเต้น
“น้องสาวยิ้มแล้วน่ารัก”
“ใช่ๆ”
ตอนนั้นเอง ชุนยกขนม นมและน้ำชาออกมาพอดี ทุกคนจึงหันมากินของอร่อยๆ ทั้งยังเปลี่ยนไปคุยอื่น
“จริงสิ ชุนของเราจะแต่งงานเมื่อไรหรือ” หลินถาม ปากก็เคี้ยวขนมตุ้ยๆ
ทว่า หมาป่าสาวกลับทำหน้างุนงงแล้วทวนคำ
“แต่งงาน?”
ลู่ซินฟางเห็นท่าทางของชุนก็เกือบหลุดขำ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ชุนถูกจิ่นเซี่ยขอแต่งงานแท้ๆ ทำไมถึงทำเหมือนไม่รู้กันนะ
หญิงสาวพยายามกลั้นขำก่อนจะช่วยเตือนความทรงจำ ทั้งยังถามในท้ายประโยค
“สองสามวันก่อน เยียนซูบอกข้ามาว่าจิ่นเซี่ยขอเจ้าแต่งงานแล้ว เจ้าตอบเขาไปว่าอย่างไรหรือ”
“อ๋อ เรื่องนี้เอง” ชุนทำตอบเหมือนเพิ่งจะนึกออกเอาตอนนี้
ลู่ซินฟางกับหลินเห็นแบบนั้นต่างส่ายหน้าด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ
จู่ๆ ก็รู้สึกสงสารจิ่นเซี่ยขึ้นมาแล้วสิ
“ข้ายังไม่ได้ให้คำตอบเขาเจ้าค่ะ” ชุนโพลงตอบ
“ถ้าอย่างนั้นข้าขอถาม เจ้ารู้สึกยังไงกับจิ่นเซี่ยหรือ” ลู่ซินฟางถาม เพราะมากกว่าการแต่งงาน คือความรู้สึกของคนสองคน
“ข้าชอบเขานะ ชอบถึงขั้นอยากใช้ชีวิตร่วมกันกับเขา” ชุนตอบอย่างไม่ลังเล
“ถ้าชอบ แล้วทำไมไม่ตอบรับความรู้สึกของเขาเล่า?” ลู่ซินฟางถามอีกครั้ง
“เพราะข้าคิดว่าการแต่งงานจำเป็นจริงๆ น่ะหรือ”
พอได้ยินแบบนี้ ลู่ซินฟางถึงกับกะพริบตาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะส่งเสียง “เอ๊ะ!?” ออกมา แต่เพียงครู่เดียว นางก็เข้าใจความหมายของชุน เหล่าสัตว์อสูรไม่มีธรรมเนียมเรื่องการแต่งงาน
แบบนี้เองสินะ
เพราะชุนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องจัดพิธี นางจึงไม่ให้คำตอบจิ่นเซี่ยสักที
“ฮะๆ ฮะๆๆ”
ทันใดนั้น หลินก็กุมท้องหัวเราะยกใหญ่
เจ้าแฝดไม่เข้าใจ ว่าทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงขบขัน พวกเขาจึงเอียงศีรษะทำหน้างงๆ
“มีอะไรกันหรือ ท่านแม่”
เจ้าแฝดถามด้วยความอยากรู้
“คือว่านะ…ชุนถูกขอแต่งงาน แต่เจ้าตัวกลับไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแต่ง ฮะๆๆ” หลินกลั้นขำขณะอธิบายให้กับกับเด็กๆ
พอเด็กๆ ได้ยินก็พากันหลุดหัวเราะ
“พี่สาวชุนตลกจัง ฮะฮะ”
“ตลกที่สุดเลย คิกๆ”
“ทุกคน เลิกหัวเราะข้าได้แล้ว” ชุนทำหน้ามุ่ย
“ก็เจ้าซื่อขนาดนี้ ข้าจะไม่ขำได้ยังไง” ลู่ซินฟางกลั้วขำ ก่อนจะอธิบายให้ชุนรับรู้ “...การจัดพิธีแต่งงาน เป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันของมนุษย์ อันที่จริง ข้าก็คิดว่าไม่จำเป็นหรอก แต่ว่า การจัดพิธีแต่งงานทำให้คู่รักรู้สึกมั่นคง ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเจ้าอยากใช้ชีวิตร่วมกับจิ่นเซี่ยโดยไม่จัดพิธีแต่งงาน ก็ถือว่าไม่ผิด แต่ข้าอยากแนะนำให้ทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินจะดีกว่า”
“อย่างนี้เอง”
“เจ้าล่ะ ต้องการแบบไหน แล้วจิ่นเซี่ยล่ะ ต้องการแบบไหน ลองคุยกันให้เข้าใจดูนะ”
“ข้าจะลองถามเขาดูเจ้าค่ะ”
หลังจากนั้น ทุกคนก็นั่งดื่มชากินขนมพลางคุยเรื่องอื่น
พอเด็กๆ กินอิ่มก็ออกไปวิ่งเล่น โดยมีชุนคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
ตอนพิเศษ (5)จบบริบูรณ์ หลังจากปรับอารมณ์ได้แล้ว จิ้งจอกสาวก็เช็ดน้ำตาบนแก้มจนแห้ง สูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะออกจากห้องเพื่อไปขอโทษหลางไป๋ ทว่าทุกครั้งที่นางเข้าใกล้ เขากลับผละหนี แสร้งทำทีเป็นยุ่งง่วนกับงาน ท่าทางแบบนั้นราวกับจงใจหลบหน้านางไม่มีผิด เมื่อตระหนักได้เช่นนั้น เจียงจวีก็น้ำตาซึม รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก นับวันหัวใจของนางก็ยิ่งปวดแปลบ ท้ายที่สุด นางที่รู้สึกระอายใจเป็นทุนเดิม ยิ่งไม่กล้าสู้หน้าเขา หลายวันต่อมา เจียงจวีเก็บข้าวของ หนีกลับเผ่าจิ้งจอก ณ เผ่าจิ้งจอก ผู้นำเผ่าจิ้งจอกในร่างของชายวัยคนกับจิ้งจอกหนุ่มต่างยืนกอดอกหน้าตาขึงขัง ในขณะที่มองจิ้งจอกสาวกอดเข่าน้ำตาซึม “ตั้งแต่นางกลับมาก็เอาแต่นั่งอมทุกข์ทั้งวันทั้งคืน สงสัยจะเจอแย่ๆ มา หากรู้อย่างนี้ ข้าไม่น่าอนุญาตให้นางออกไปเจอโลกภายนอกเลย เป็นข้าที่ตัดสินใจผิดพลาดเอง” ผู้นำเผ่าพูดกับลูกชาย “ท่านพ่อไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาดหรอกขอรับ ให้นางออกไปเผชิญโลกภายนอก นับเป็นประสบการณ์ของนางด้วย” จิ้งจอกหนุ่มกล่าว
ตอนพิเศษ (4) หลังจากเห็นว่าเจียงจวีเหมาะกับตำแหน่งพนักงานขาย หลางไป๋ก็ให้นางทำงานในร้านซินหลินคู่กับห่จือเหมย เพียงไม่กี่อาทิตย์ เจียงจวีก็เป็นพนักงานขายอันดับต้นๆ ของร้าน ด้วยความที่เป็นจิ้งจอกใสซื่อ จึงทำให้ผู้คนชื่นชอบและเอ็นดูไม่น้อย ไม่เว้นแม้แต่หลางไป๋ “ทำงานแค่ไม่กี่อาทิตย์ เจ้าก็ทำกำไรให้ร้านซินหลินไม่น้อย…ทำดีมาก” หลางไป๋เอ่ยชมเจียงจวี พร้อมกับยื่นมือไปลูบศีรษะ ตอนแรก หมาป่าหนุ่มทำไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่พอเห็นจิ้งจอกสาวผงะ ทั้งแก้มนวลเนียนยังขึ้นสีแดงระเรื่อ มือใหญ่ที่กำลังลูบศีรษะของนางพลันชักกลับมา จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินไปตรวจงานแผนกอื่น และไม่พูดไม่จาใดๆ หัวใจของเจียงจวีเต้นระส่ำระส่ายไม่หยุด แม้ยกมือขึ้นลูบหน้าอกพร้อมสูดหายลึกๆ แล้ว หากแต่หัวใจยังคงเต้นแรงเหมือนจะกระเด็นออกมา อย่างไรก็ตาม อาการใจเต้นแรงนี้ ทำให้จิ้งจอกสาวอดรู้สึกกังวลไม่ได้ หมิงฮวาเข้าร้านมาในจังหวะนั้นพอดี นางมองหลางไป๋สลับกับมองเจียงจวี สักครู่ ดวงตาของอสรพิษสาวก็หรี่ลงเล็กน้อย เมื่อเห็นหลางไป๋ขึ้นไปที่ชั้
ตอนพิเศษ (3) วันต่อมา จิ้งจอกสาวหอบห่อผ้ามาที่ฟาร์มอีกครั้ง แต่หนนี้นางมาพร้อมกับพี่ชาย “พวกเจ้าสองพี่น้องจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกันหรือ” หลางไป๋สอบถาม การได้คนหน่วยกร้านดีเพิ่ม มีใครบ้างไม่ชอบ ทว่าจิ้งจอกหนุ่มโบกมือแล้วตอบ “ไม่ใช่ขอรับ ข้าแค่มาส่งน้องสาว อีกอย่าง ที่มาวันนี้ก็เพื่อขอร้องท่านให้ช่วยดูแลนางด้วย นางค่อนข้างซื่อน่ะขอรับ” หลางไป๋พยักหน้าเหมือนเข้าใจ หญิงสาวเผ่าจิ้งจอกยิ้มใสซื่อ โค้งศีรษะให้กับหลางไป๋ทีหนึ่ง “จากนี้ข้าต้องขอฝากตัวด้วยเจ้าค่ะ” หลางไป๋หันไปยิ้มให้กับหญิงสาวเผ่าจิ้งจอกพลางตอบว่า “ทางนี้ก็ต้องฝากตัวด้วยเช่นกัน” จากนั้นก็หันไปพูดกับทางพี่ชายด้วยสีหน้าเสียดาย “พูดก็พูดเถอะ เจ้าเองก็หน่วยกร้านดีไม่เบา น่าจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกัน” “ความจริงข้าก็อยากมาทำงานที่นี่นะขอรับ แต่เพราะท่านพ่อของพวกเรากำลังป่วย ข้าที่เป็นลูกชาย และยังเป็นว่าที่หัวหน้าเผ่าคนต่อไป ต้องคอยจัดการหลายๆ เรื่อง ตอนนี้ก็เลยออกจากเผ่าไม่ได้” “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ” “ขอบคุณท่านผู
ตอนพิเศษ (2) สถานที่นี้เรียกว่าฟาร์ม มีทั้งสวนผัก สวนผลไม้ ทุ่งดอกไม้ โรงเรือนเพาะต้นกล้า ไหนจะโรงผลิตสารพัดที่เพิ่มขึ้นเหมือนกับดอกเห็ด หนำซ้ำ ยังมีหมู่บ้านของเหล่าสัตว์อสูร ถนนที่ปูด้วยอิฐ ตรงลานกว้างของเมืองก็มีน้ำพุขนาดใหญ่ พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข…น่าอิจฉาและดูน่าสนุกกันจังเลย จิ้งจอกสาวคิด ก่อนจะถอนหายเฮือกออกมาหนึ่ง หญิงสาวชอบความตื่นตาตื่นใจของฟาร์ม ถึงได้แอบมาดูทุกวัน ในตอนที่ลำแสงสีทองสาดเข้ามาในป่ารกทึบ จากนั้นเหล่าสัตว์ก็มีวิวัฒนาการกลายร่างเป็นมนุษย์ ตอนนั้นนางตื่นเต้นมาก กระโดดโลดเต้นรอบป่า ยิ่งค้นพบว่ายังมีสัตว์เผ่าอื่นที่กลายร่างเป็นมนุษย์ นางก็ยิ่งอยากเป็นเพื่อนกับทุกคน เพราะอย่างนั้นตอนที่หมาป่าเพศผู้นามว่าหลางไป๋มาเจรจาขอเป็นพันธมิตรกับเผ่าจิ้งจอก นางอยากให้ท่านพ่อตอบรับการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับท่านภูต แต่ว่า ท่านพ่อกลับปฏิเสธ แม้ผิดหวังอย่างมาก แต่คำสั่งของผู้นำเผ่าถือเป็นเด็ดขาด เช้าตรู่ของวันนี้ จิ้งจอกสาวก็ยังแอบมาที่ฟาร์ม นางหลบหลังต้นไม้ใหญ่ แ
ตอนพิเศษ (1) ต้นฤดูหนาวของปีนั้น ชุนกับจิ่นเซี่ยได้จัดพิธีแต่งงานแบบเรียบง่าย โดยหลางไป๋เป็นญาติฝ่ายหญิง ส่วนจิ่นเซี่ยนั้น เนื่องจากองครักษ์หนุ่มผู้นี้เป็นเด็กกำพร้า ญาติฝ่ายชายจึงเป็นกงเยียนซู แม้เป็นงานแต่งที่เรียบง่าย แต่เพราะได้ลู่ซินฟางเป็นแม่งาน อาหารสุราจึงขึ้นเต็มโต๊ะตลอดทั้งวันทั้งคืน แขกเหรื่อที่มาร่วมงานล้วนเป็นคนกันเอง งานแต่งของชุนกับองครักษ์หนุ่ม จึงเหมือนกับวันรวมญาติมากกว่าเป็นงานมงคล ลู่ซินฟางอนุญาตให้ชุนหยุดได้เท่าที่ต้องการ หลังเสร็จสิ้นงานแต่ง ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม หลายวันหลังจากนั้น อุณหภูมิเริ่มลดต่ำ สายลมหนาวเย็นพัดมาเป็นระลอก ลู่ซินฟางยืนอยู่บนระเบียง มองพวกเด็กๆ วิ่งเล่นกันที่ลานกว้าง “เด็กๆ เนี่ย ไม่รู้จักความหนาวกันเลยหรือไงนะ” ลู่ซินฟางพึมพำด้วยความเอ็นดู “แอร๊…!” ตอนนั้นเอง เสียงเล็กๆ ของจินเอ๋อร์ดังมาจากในเปล ลู่ซินฟางผละสายตาออกจากพวกเฉิงเอ๋อร์ เดินกลับมาหาลูกน้อยที่นอนในเปล จินเอ๋อร์อา
บทที่ 128บทพิเศษ มิติที่สมบูรณ์ และ รักจนแก่เฒ่า (ครึ่งหลัง) จบบริบูรณ์ เมื่อกลับมาจากมิติ ซินหลินก็มาหาลู่ซินฟางที่คฤหาสน์ เจ้าแฝดพอเห็นพี่ชายมาหา ก็วิ่งเข้าไปเกาะแขน กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “พี่ชายซินหลิน เมื่อกี้พวกเราไปมิติมาด้วย” “พี่ชายซินหลิน พวกเราไปอ่านหนังสือกันเถอะ” ซินหลินส่ายหน้าพร้อมเคาะปลายจมูกน้อยๆ ของเด็กทั้งสองเบาๆ คนละที “พวกเจ้าเรี่ยวแรงเหลือเฟือจริงๆ เลยนะ เพิ่งกลับมาจากมิติไม่ใช่หรือ คิดจะเล่นกันอีกแล้ว?” “ฮะๆ” “คิๆ” เจ้าแฝดหัวเราะชอบใจ ซินหลินยิ้มให้กับน้องๆ ก่อนหันมาบอกลู่ซินฟางว่า “ข้าเพิ่งเอาผักไปให้เหนียงซิ่น นางบอกว่าอากาศน่าจะเริ่มหนาวแล้ว นางว่าจะทำหม้อไฟชุดใหญ่ เลยให้ข้ามาบอกน่ะ” “ขอบใจมาก รอเยียนซูกลับมาแล้วข้าจะพาเด็กๆ ไปที่คฤหาสน์นะ” ลู่ซินฟางตอบกลับ “อืม” “หม้อไฟ” “เย่ หม้อไฟ!” หม้อไฟฝีมือเหนียงซิ่นอร่อยมาก แถมนานๆ ครั้งจะได้สักที พวกเด็กๆ จึงชูแขนร้องด้วยความดีใจ